แก้ไขปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำอย่างง่ายๆด้วยตัวคุณเอง

       เมื่อมองดูภาพของตัวเองในกระจก ถ้าหากโชคดีคุณสาวๆก็จะสามารถมองเห็นสาวน้อยที่มีผิวหน้าสวยเรียบเนียน แต่สำหรับคุณสาวๆบางคนอาจจะไม่กล้ามองกระจก เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าสิ่งที่สะท้อนกลับมานั้นคือ ผิวหน้าหมองคล้ำ ริ้วรอย และจุดด่างดำ จำนวนมากมายเสียจนไม่กล้าที่จะทนมองดูต่อไปได้ สิ่งที่เกิดเหล่านั้นเป็นข้อบกพร่อง ที่แสดงให้เห็นถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผิว จากสิ่งแวดล้อม มลภาวะ แสงแดด และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากตัวคุณสาวๆในขณะที่มีอายุมากขึ้นนั่นเอง

คำถาม : เราสามารถซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้นจนทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำได้หรือเปล่า?

คำตอบ : แน่นอน คุณสามารถทำได้ ถ้าหากรู้จักการดูแลรักษาที่ถูกวิธี ด้วยส่วนผสมที่เหมาะสม

ถ้าหากคุณสาวๆคนใดกำลังมองหาวิธีการดูแล ซ่อมแซม รักษา ผิวหน้าหมองคล้ำให้กลับมาสวยเรียบเนียนเหมือนกับได้วัยเยาว์คืนมาแล้วล่ะก็ ให้ลองทำการอ่านข้อเสนอสุดพิเศษจากบทความด้านล่างนี้

สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ

ผิวหน้าหมองคล้ำมักเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ที่มักจะประสบในชีวิตประจำวัน ซึ่งถ้าหากคุณสาวๆเลือกได้ก็ควรพยายามที่จะหลีกเลี่ยง ดังต่อไปนี้
 1.แสงแดด เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ผิวของคุณสาวๆถูกทำร้ายจนกระทั่งผิวหน้าหมองคล้ำขึ้น
   2.สภาพอากาศที่รุนแรง เช่น ลม ฝน อากาศเย็นที่รุนแรงมากกว่าปกติ ก็ล้วนแต่เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำเสียมากยิ่งขึ้นได้เช่นกัน
 3.มลพิษทางสภาวะแวดล้อม เช่น ควันรถ ควัน ฝุ่นละออง เป็นต้น
 4.การคายน้ำของผิว ที่เกิดขึ้นจากความร้อน ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นแห้งกร้าน จนกระทั่งผิวหน้าหมองคล้ำขึ้นในที่สุด
5.ควันบุหรี่ การสูบและการสัมผัสกับควันบุหรี่โดยตรง ทำให้ผิวของคุณสาวๆคล้ำเสียขึ้นได้เช่นเดียวกัน
6.การสัมผัสกับสารเคมีที่รุนแรง จนกระทั่งทำให้เกิดอาการแพ้ หรือกัดกร่อนผิวหนังขึ้น
       7.การอบซาวน่า โดยใช้เครื่องอบซาวน่าแบบส่วนตัว ก็มีโอกาสที่จะทำให้ผิวคล้ำเสียขึ้นได้เช่นกัน
    8.อาหารที่ไม่ดี เช่น อาหารประเภทจังค์ฟู้ด มีไขมันมาก หรือการรับประทานอาหารที่ด้อยโภชนาการเป็นประจำ
 9.ขาดการออกกำลังกาย ทำให้สุขภาพของผิวไม่ดีเท่าที่ควร
10.ความเครียด เป็นศัตรูตัวฉกาจที่ทำให้ผิวของคุณสาวๆคล้ำเสียมากขึ้น
11.แอลกฮอลล์และยาเสพติด ทั้งสองสิ่งเป็นของต้องห้ามอย่างเด็ดขาดสำหรับผู้ที่ต้องการมีสุขภาพผิวที่ดี
 12.คลอรีนในสระว่ายน้ำ ถ้าหากมีระดับความเข้มข้นมากจนเกินไป ก็จะทำให้ผิวถูกทำร้ายเป็นอย่างมาก
 13.แบคทีเรีย การติดเชื้อ และความเจ็บป่วย เมื่อเกิดโรคภัย หรืออาการบาดเจ็บติดเชื้อขึ้น ก็จะทำให้สุขภาพของผิวถูกทำลายจนหมองคล้ำลงเป็นอย่างมาก

วิธีแก้ไขปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำอย่างง่ายๆด้วยตัวคุณเอง

 สำหรับคุณสาวๆที่มีปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำเกิดขึ้นแล้วก็อย่าพึ่งตื่นตกใจ เพราะอาการเหล่านั้นสามารถรักษาให้ลดน้อยลงได้ ขอเพียงแค่คุณสาวๆเริ่มต้นที่จะปฏิบัติตัวตามคำแนะนำ ดังต่อไปนี้
1.ทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี เช่น ผลไม้ ส้ม มะนาว ผักใบเขียว ผักขม พริก เป็นต้น วิตามินซีเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยในการผลิตคอลลาเจน ซึ่งช่วยทำให้โครงสร้างของผิวแข็งแรง และกระชับมากยิ่งขึ้น
2.ทานโปรตีนมากขึ้น เพราะโปรตีนมีคุณสมบัติสำคัญในการช่วยสร้างเซลล์ อาหารที่มีโปรตีนจำนวนมากได้แก่ ปลา เนื้อสัตว์ติดมัน ไข่ เต้าหู้ และถั่ว เป็นต้น
       3.ทานธาตุสังกะสี จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการสร้างโปรตีนมากขึ้น และช่วยสร้างคอลลาเจน ซ่อมแซมเซลล์เนื้อเยื่อที่สึกหรอ และเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ธาตุสังกะสีสามารถพบได้มากในอาหารประเภท ปลา ถั่วเหลือง ธัญพืชที่ไม่ขัดสี เห็ด และไข่แดง เป็นต้น
4.ตัดขาดจากอาหารขยะ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อร่างกายของคุณสาวๆ ด้วยปริมาณของน้ำตาล เกลือ ไขมันทรานส์ เป็นสิ่งที่นำไปสู่ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำทั้งสิ้น
 5.ดื่มน้ำมากๆ เนื่องจากผิวของคุณต้องการไฮเดรทจากภายใน เพื่อที่จะส่งผลให้เห็นสุขภาพผิวที่ดีสู่ภายนอกเป็นอย่างมาก
6.หมั่นออกกำลังกาย การออกกำลังกายนอกจากจะทำให้สุขภาพดีแล้ว ยังทำให้ผิวได้รับการบำรุงจากสารอาหารที่ถูกสูบฉีดมาพร้อมกับเลือดอย่างเป็นธรรมชาติ
7.สร้างสมาธิให้กับตัวเอง ด้วยการนั่งสมาธิ โยคะ ไทชิ ศิลปะบำบัด หรือการใช้เวลาร่วมกับสัตว์เลี้ยง ซึ่งจะช่วยทำให้คุฯเกิดความสงบทั้งทางร่างกาย และจิตใจ ปราศจากความเครียด

อยากมีผิวขาวใส แต่ไร้เวลา อาหารเสริมวิตามิช่วยคุณได้
 ดังที่ได้กล่าวถึงไปแล้วในตอนต้นว่า การทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี มีส่วนสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการช่วยทำให้ผิวมีการผลิตคอลลาเจน ที่มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในการเสริมโครงสร้างผิวให้มีความแข็งแรงตึงกระชับมากยิ่งขึ้น เนื่องจากปัญหาของการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ ทำให้เวลาในการเลือกซื้อ เลือกหา คัดสรรอาหารที่มีส่วนประกอบของวิตามินซีที่เพียงพอต่อชีวิตประจำวันนั้น กลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก เสียเวลาเป็นอย่างมากเลยทีเดียว การทานอาหารเสริมแร่ธษตุวิตามันซี จึงกลายเป็นสิ่งที่สามารถเข้ามาช่วยถมช่องว่าของปัญหาเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี
 การรับประทานวิตามินซีเป็นประจำทุกวัน นอกจากจะช่วยทำให้ผิวพรรณมีสุขภาพที่ดีแลดูขาว เนียน สดใสแล้ว วิตามินซียังส่งผลดีต่อประสิทธิภาพในการทำงานให้กับระบบต่างๆของร่างกายโดยรวม ช่วยในการป้องกันโรคที่ไม่พึงประสงค์ กระตุ้นระบบย่อยสลายเร่งให้เกิดการเผาผลาญนำไขมันส่วนเกินในร่างกายให้กลายเป็นพลังงาน นอกจากนี้วิตามินซียังมีคุณสมบัติสุดพิเศษในการช่วยเสริมคุณสมบัติของสารสกัดที่ทรงคุณค่าจากผลิตภัณฑ์อาหารเสริมความงามอื่นๆ ที่ ให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และแสดงผลลัพธ์ได้เป็นอย่างดี รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ประโยชน์ล้ำค่าจากครีมทองคำ

       ขึ้นชื่อว่าทองคำ แสดงให้เห็นถึงความมีค่า หรูหรา ราคาแพง แล้วสำหรับครีมทองคำล่ะ มันคืออะไร คุณสมบัติของครีมทองคำจะเลิศหรู ดังเช่นชื่อของมันหรือไม่ บทความนี้จะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับครีมทองคำ เพื่อไขข้อข้องใจให้ผู้อ่านได้ทราบ โดยเฉพาะสาวๆที่เหมาะอย่างยิ่งในการใช้ครีมทองคำบำรุงผิวพรรณ

ครีมทองคำคืออะไร

ครีมทองคำ คือ การนำทองคำบริสุทธิ์มาเป็นส่วนประกอบในการกระตุ้นให้ผิวเกิดการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ที่ทำให้ผิวเต่งตึง ยืดหยุ่น ดูอ่อนกว่าวัย นั่นหมายความว่าครีมทองคำไม่ใช่การใช้แร่ทองคำแบบ 100% มาสะกัดทางเคมีแล้วออกมาเป็นครีมทองคำ แต่เป็นการใช้ทองคำร่วมกับส่วนประกอบอื่นๆ ที่มีคุณสมบัติในการช่วยบำรุงผิว เช่น สารไฮยาโล-โอลิโกจากประเทศญี่ปุ่น สารสกัดจากดอกลาเวนเดอร์จากฝรั่งเศส สารสกัดจากใบบัวบกและโสมจากเกาหลี หรือแม้แต่โปรตีนจากพืชกรดถั่ว เป็นต้น

       อย่างไรก็ดี ทองคำไม่ได้มีประโยชน์ในด้านความสวยความงามเพียงอย่างเดียว เพราะจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ พบว่าโลหะทองคำบริสุทธิ์ สามารถนำมาเติมในสารอาหารได้ โดยสหภาพยุโรปได้รับรองและอนุญาตให้ทองคำจัดอยู่ในกลุ่มสารเติมแต่งสารอาหาร เนื่องจากโลหะทองคำมีคุณสมบัติเฉื่อย จึงไม่มีปฏิกิริยากับสิ่งแวดล้อมในร่างกาย ดังนั้นจึงไม่มีรสชาติและถูกขับออกจากร่างกายได้โดยไม่ถูกเปลี่ยนแปลงใดๆ

นอกจากนี้ ทางการแพทย์ได้มีการทอดลองนำแร่ทองคำมาเตรียมให้อยู่ในรูปของเกลือ พบว่ามีฤทธิ์ต้านอาการอักเสบและบวมช้ำของโรคเก๊า ซึ่งได้มีการทอดลองนำมารักษาโรคดังกล่าวไม่น้อยกว่า 80 ปี เชื่อกันว่าแร่ทองคำสามารถต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจากข้อกระดูกที่อักเสบ ทำให้บรรเทาความเจ็บปวดและบวม จึงเป็นการไขข้อสงสัยกับความเชื่อของคนยุคโบราณที่ว่า ทองคำมีศักยภาพในการสมานโรค ช่วยให้สุขภาพที่ทรุดดีขึ้นได้
ครีมทองคำกับการฟื้นฟูสภาพผิว

ทองคำสามารถต้านอนุมูลอิสระได้ และส่งผลให้เกิดกลไกในการต้านอาการอักเสบของข้อกระดูก ทำให้นักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางค์เชื่อว่า ด้วยกลไกเดียวกันนี้ โลหะทองคำน่าจะมีประสิทธิภาพต้านอนุมูลอิสระของผิวหนัง รวมถึงต้านอาการอักเสบของผิวหนังที่เกิดจากรังสียูวีได้ จึงมีการนำทองคำมาประยุกต์ใช้ โดยผสมในเครื่องสำอางค์ และทำให้ครีมที่ผสมแร่ทองคำมีราคาแพงหูฉี่

      กระนั้น ปัจจุบันก็ยังเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะจากส่วนประกอบทั้งหมด จะช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า รอยตีนกา จุดด่างดำ รอยแดง รอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว เพิ่มความเนียนนุ่ม ชุ่มชื้นให้ผิวพรรณ มีออร่า เปล่งปลั่ง ขาวอมชมพูกระจ่างใส อย่างก็ตาม อย่าลืมดูให้ดีว่าผลิตภัณฑ์ที่ออกมานั้นมีคุณสมบัติที่เหมาะกับผิวหน้าหรือผิวกาย

ผลข้างเคียงจากการใช้ครีมทองคำ

 โดยปกติแร่ทองคำที่บริสุทธิ์ จะไม่เป็นพิษหรือทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อเซลล์ร่างกาย ทว่าแร่ทองคำที่ถูกเปลี่ยนแปลงในกระบวนการทางเคมีให้อยู่ในรูปของเกลือหรือโกลด์ซอลท์ หากฉีดเข้าสู่ร่างกายจะมีอันตรายต่อไตและตับ ทั้งยังยับยั้งการสร้างเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวอีกด้วย นอกจากนี้ แร่ทองคำที่ถูกเปลี่ยนแปลงทางเคมีอาจมีผลให้เกิดอาการแพ้และระคายเคืองผิวหนังได้ ซึ่งมักพบอาการในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย จนในปี 2001 แร่ทองคำได้รับการโหวตให้เป็นสารก่อภูมิแพ้ จากสมาคมโรคผิวหนังของประเทศสหรัฐอเมริกา

เมื่อได้ทราบถึงข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับครีมทองคำกันไปแล้ว โดยเฉพาะด้านคุณสมบัติอันล้ำค่าของครีมทองคำ ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละบุคคลว่ามันคุ้มค่าหรือไม่ ในการได้มาซึ่งผิวพรรณเปล่งปลั่ง สวยอมชมพู มีออร่า แลกกับราคาครีมทองคำที่ต้องจ่ายไป ทั้งนี้ ต้องบอกก่อนว่าผิวพรรณแต่ละคนไม่เหมือนกัน สาวๆบางคนใช้แล้วเห็นผลชัดเจน แต่อีกจำนวนหนึ่งที่เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา แต่กลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ดังนั้น เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับตัวเราถือเป็นการดี

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

นวัตกรรมความงาม กับ “เมโสหน้าใส”

       หนุ่มๆสาวๆสมัยนี้หันมาใส่ใจสุขภาพความงามมากขึ้น ยิ่งเฉพาะการดูแลใบหน้านั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ควรใส่ใจดูแลเป็นพิเศษ ด้วยยุคปัจจุบันมีความทันสมัยด้านเทคโนโลยีความสวยความงามมากมาย แต่วิธีที่จะแนะนำในวันนี้ คือ การทำเมโสเทอราพี (Mesotherapy) หรือ เมโสหน้าใส ซึ่งการทำเมโสหน้าใสนั้นถูกค้นพบโดยแพทย์ชาวฝรั่งเศสเป็นการรักษาปัญหาความงามที่ใช้กันมากว่า 100 ปีแล้ว

หลักการของการทำเมโสเทอราพี คือ การใช้เข็มขนาดเล็ก ฉีดตัวยาเข้าไปในชั้นผิวตื้น ที่เรียกว่า “ชั้นเมโส” แต่การกระจายของตัวยาอาจไม่ดีนัก จึงต้องใช้วิธีฉีดยาในปริมาณสารที่ฉีด 0.1-0.2 ซีซี ต่อจุด ฉีดลึกไปในเซลล์ผิวประมาณ 5-10 มิลลิเมตร ระยะห่างไม่เกิน 0.5-1 เซนติเมตร ในบริเวณที่ต้องการและมีการฉีดซ้ำทุกๆ 7-14 วัน

       การทำเมโสหน้าใส สามารถรักษาปัญหาผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ รอยแผล แผลเป็นสิว ฝ้า กระ ริ้วรอย และจุดด่างดำ ทั้งหมดนี้คือปัญหาที่พบบน “ใบหน้า” การทำเมโสหน้าใสจึงได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการฉีดสารแอนติออกซิเดนท์ และมัลติวิตามิน เข้าไปในชั้นผิวโดยตรง เพื่อเป็นการกระตุ้นและฟื้นฟูเซลล์ผิวจากภายใน ทำให้จุดด่างดำและริ้วรอยจางลง เมื่อรักษาอย่างต่อเนื่องผิวหน้าจะขาวใส เรียบเนียนยิ่งขึ้น ซึ่งจะให้ผลเร็วกว่าการทาครีมบำรุงผิวเพียงอย่างเดียว ด้วยเทคนิคที่ช่วยให้ตัวยาออกฤทธิ์ในชั้นผิวหนังได้ดีกว่าและมีประสิทธิภาพในการผลักตัวยาให้ได้ผลอย่างล้ำลึก

นอกจากนี้ เมโสเทอราพี ยังสามารถรักษาปัญหาอื่นได้อีก คือ

การลดไขมันส่วนเกิน หรือ เมโสแฟต โดยรักษาด้วยวิธีการฉีดสารเข้าไปขัดขวางการสะสมของไจมันและสลายไขมันที่มีอยู่ เมโสแฟต ได้รับความนิยมมากเพราะช่วยเร่งการเผาผลาญไขมัน ลดปัญหาเซลลูไลต์ส่วนเกินบนใบหน้าและจุดต่างๆของร่างกาย เช่น คาง แก้ม ปีกจมูก ท้องแขน พุง สะโพก ต้นขาและน่อง โดยเป็นการฉีดสารจากถั่วเหลืองและวิตามินหลายชนิด ไปยังบริเวณที่สะสมไขมัน กระตุ้นให้ไขมันสะสมถูกปล่อยออกมาทางปัสสาวะและอุจจาระ จนทำให้เนื้อบริเวณนั้นตึงกระชับ ควรได้รับการแนะนำทางโภชนาการ ควบคู่กับการควบคุมอาหารในแต่ละมื้อ รวมถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จึงจะเกิดผลลัพธ์สูงสุด

       การแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง โดยรักษาด้วยวิธีการฉีดส่วนผสมของวิตามินบำรุงรากผม ร่วมกับสารกระตุ้นการไหลเวียนของเส้นเลือดที่มีหล่อเลี้ยงรากผมโดยตรง ร่วมกับการใช้ยารับประทาน และยาทา เพื่อรกระตุ้นให้ผมขึ้นมาใหม่อย่างเป็นธรรมชาติ 

       “เมโสหน้าใส” เป็นเทคนิคที่เห็นผลดีและมีความปลอดภัย ผู้รับการรักษาไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น แต่เมโสหน้าใสต้องรักษาด้วยการประเมินจากแพทย์ เพื่อกำหนดปัญหาที่ต้องการแก้ไขร่วมกัน แพทย์จะให้คำแนะนำและเสนอทางเลือกสารและยาชนิดต่างๆเพื่อใช้ในการรักษาที่ตรงกับปัญหาของคนไข้มากที่สุด โดยก่อนฉีดยาแพทย์จะพิจารณาว่าผู้รับการรักษามีข้อห้ามในการฉีดหรือไม่ อาทิเช่น 

  • สตรีมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
  • คนที่มีประวัติโรคระบบหลอดเลือดผิดปกติในสมอง เช่น เส้นเลือดสมองตีบ หรืออุดตัน
  • คนที่มีประวัติภาวะความดันโลหิตต่ำ
  • คนที่มีประวัติโรคหัวใจและการรักษาด้วยยาหลายแขนง 
  • คนที่มีประวัติโรคเลือดผิดปกติ โรคมะเร็ง
  • คนที่เป็นโรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ

       ผลของการทำเมโสหน้าใส จะขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาที่ต้องการแก้ไขของคนไข้แต่ละคนที่มีความแตกต่างกัน โดยมีองค์ประกอบของพันธุกรรม สภาพผิว ระยะเวลาการทิ้งปัญหาผิว อายุ เพศ หากต้องการผิวหน้าที่ผ่องใส มักจะเลือกใช้สารอาหารกลุ่มวิตามินซี วิตามินบี กรดวิตามินเอ สารสกัดจากชะเอมเทศ หรือลิโคไรซ์ โคเอนไซม์ กรดอะมิโน กรดไฮยาลูโรนิกที่ใช้ความชุ่มชื้น คอลลาเจนที่ให้ความแข็งแรงกับเซลล์ผิว

การดูแลรักษาใบหน้าของเราให้ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนควรตระหนักให้มาก เพราะใบหน้า เป็นอวัยวะที่สร้างความประทับใจในครั้งแรกที่พบปะกับผู้คนมากมาย เราจึงควรดูแลรักษาสภาพผิวหน้าให้เปล่งปลั่งและดูดีอยู่เสมอ ด้วยเทคโนโลยีเสริมความงามที่ทันสมัยอย่างการทำ “เมโสหน้าใส” นั้นเอง

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

รวมมิตรสูตรหน้าขาวใสด้วยมะเขือเทศ

คุณสาวๆที่รักความสวยงาม และชื่นชอบให้ใบหน้าของตัวเองขาวใสอยู่ตลอดเวลานั้น ย่อมต้องเคยได้ยินผ่านหูกันมาบ้างว่าเจ้ามะเขือเทศที่เรารู้จักกันดีนั้น มีสรรพคุณที่สามารถช่วยทำให้หน้าขาวใสขึ้น ซึ่งบทความชิ้นนี้ได้ทำการรวบรวมข้อมูลว่าเจ้ามะเขือเทศสามารถช่วยให้หน้าขาวใสขึ้นได้อย่างไร รวมไปถึงวิธีการต่างๆในการนำมะเขือเทศมาใช้เพื่อเสริมความงาม เพื่อให้คุณสาวๆได้มีใบหน้าที่ขาวใสสวย ปิ๊งได้อย่างๆง่ายๆด้วยตัวเอง

มะเขือเทศช่วยทำให้หน้าขาวใสขึ้นได้อย่างไร

ในมะเขือเทศจะมีส่วนประกอบของสาร Curotenoid และวิตามินอีกหลายชนิด เช่น วิตามินเอ ซึ่งช่วยในการสร้างสุขภาพผิวที่ดี และยังช่วยกำจัดน้ำมันส่วนเกินออกไป วิตามินซี วิตามินอี เป็นต้น น้ำจากผลมะเขือเทศสุกจะมีสาร Licopersioin ซึ่งมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย และอุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ รวมไปถึงกรด AHA ด้วยส่วนประกอบเหล่านี้ทำให้มะเขือเทศจึงมีสรรพคุณในการช่วยสมานผิว ลดรอยเหี่ยวย่น และจุดด่างดำให้น้อยลง อีกทั้งยังช่วยในการผลัดเซลล์ผิวที่คล้ำเสียเสื่อสภาพให้หลุดออก ทำให้ชั้นผิวใหม่ที่เกิดขึ้นมาดูกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น

การนำมะเขือเทศมาใช้ในการบำรุงใบหน้าให้ขาวใส

มะเขือเทศถูกนำมาประยุกต์ใช้เพื่อช่วยในการบำรุงรักษาความงามของผิวพรรณมาตั้งแต่อดีต ซึ่งคุณสาวๆสามารถที่จะเลือกนำวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองไปใช้ได้ ดังต่อไปนี้

       1.มะเขือเทศสดพอกหน้า โดยการนำมะเขือเทศสุกมาทำการฝานให้เป็นแผ่นบางๆ และแปะลงบนผิวหน้าในบริเวณที่ต้องการทำการพอกได้โดยตรง ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที สามารถทำได้เป็นประจำทุกสัปดาห์

2.ครีมมะเขือพอกหน้า โดยการนำมะเขือเทศไปปั่น หรือบดให้ละเอียด จากนั้นให้ทำการกรองเอาแต่น้ำ แล้วผสมเข้ากับส่วนประกอบอื่นๆที่มีสรรพคุณในการช่วยบำรุงผิวพรรณ เช่น ข้าวโอ๊ต รำข้าว เป็นต้น เมื่อทำการผสมจนเข้าเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ให้ทำการล้างหน้าให้สะอาด เช็ดให้แห้ง จากนั้นให้ทำการพอกครีมมะเขือเทศทิ้งเอาไว้ประมาณ 15-30 นาที แล้งจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด

       3.การถูใบหน้าด้วยมะเขือเทศสุก นำมะเขือเทศสุกมาฝานเป็นชิ้นหนาๆ ขนาดพอดีมือ จากนั่นนำชิ้นมะเขือเทศเหล่านั้นทำการถูให้ทั่วใบหน้า และลำคอเบาๆ โดยพยายามเน้นในบริเวณที่มีสิวเสี้ยน เช่น จมูก คาง เป็นต้น ทำการขัดถูใบหน้าประมาณ 5-10 นาที แล้วพักหน้าทิ้งเอาไว้ประมาณ 5 นาที จึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำเย็น

       4.ดื่มน้ำมะเขือเทศ การดื่มน้ำมะเขือเทศเป็นประจำทุกวันเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยทำให้ใบหน้าขาวใสขึ้นได้  แต่สำหรับคุณสาวๆที่พึ่งหัดทานน้ำมะเขือเทศใหม่ๆอาจจะยังทำใจรับกับรสชาติไม่ได้ จึงขอให้แนะนำว่าให้ลองผสมน้ำมะเขือเทศกับน้ำหวานเฮลบลูบอย หรือผสมกับยูนีฟสีเขียว 100 % จะช่วยทำให้มีรสชาติที่ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปัจจุบันก็มีน้ำมะเขือเทศสำเร็จรูปออกมาวางจำหน่ายอยู่เป็นจำนวนมาก จึงช่วยทุ่นเวลาในการเตรียมวัตถุดิบในการทำน้ำมะเขือเทศเพื่อดื่มเองของคุณสาวๆไปได้มากทีเดียว แต่สำหรับคุณสาวๆที่อยากทำน้ำมะเขือเทศดื่มด้วยตัวเองก็สามารถทำได้อย่างง่ายๆ เพียงแค่ล้างมะเขือเทศประมาณ 3-6 ผลให้สะอาด หั่นให้เป็นชิ้นพอประมาณ จากนั้นนำไปใส่เครื่องปั่นพร้อมกับเติมน้ำเชื่อม น้ำเปล่า เกลือ แล้วปั่นให้ละเอียด เพียงเท่านี้ก็จะสามารถได้น้ำมะเขือเทศที่พร้อมดื่ม และสำหรับในหน้าร้อนแบบนี้ ก็ยังสามารถประยุกต์เป็นน้ำมะเขือเทศปั่น โดยการเติมน้ำแข็งลงไปในระหว่างที่ทำการปั่นได้อีกด้วย

       5.การรับประทานมะเขือเทศสดๆ การรับประทานมะเขือเทศสดๆเป็นประจำทุกวัน วันละ 1-2 ผล นอกจากจะช่วยทำให้ใบหน้าขาวใสขึ้นแล้ว ยังช่วยในการลดความอ้วน และช่วยให้คุณสาวๆมีสุขภาพดีขึ้นอีกด้วย 

การรับประทานมะเขือเทศเป็นประจำทุกวันไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็จะช่วยทำให้คุณสาวๆมีสุขภาพผิวที่ดี มีใบหน้าขาวใสสีชมพูระเรื่อยแบบผิวของเด็ก นอกจากนี้การรับประทานมะเขือเทศก็ยังช่วยในการป้องกันโรคต่างๆ และช่วยให้มีสุขภาพที่ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

เคล็ดลับประยุกต์ใช้มะเขือเทศ ร่วมกับผลิตภัณฑ์เสริมความงามๆอื่นๆ เพื่อให้ผิวสดใส สวยมากยิ่งขึ้น
 ในยุคที่สิ่งแวดล้อมภายนอกเต็มไปด้วยมลภาวะและแสงแดด ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญได้อย่างในปัจจุบันนั้น ทำให้ผิวหน้าหน้าที่มีความบอบบาง ถูกทำร้ายและเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ทันรู้ตัว นอกจากนี้ ผิวที่ไม่แข็งแรงสมบูรณ์เนื่องจากขาดการปกป้องที่ดีนั้น ยังเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาของผิวอันไม่พึงประสงค์ต่างๆ อาทิเช่น  ริ้วรอย รอยเหี่ยวย่น  และรอยหมองคล้ำ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นศัตรูตัวฉกาจของความงามทั้งสิ้น
อย่าไรก็ตาม เราสามารถที่จะลดหรือป้องกันปัญหาเหล่านี้ให้น้อยลงได้ โดยการคืนความชุ่มชื้นให้กับชั้นผิวหนัง แต่หากใช้เพียงวิธีการดื่มน้ำเข้าไปในร่างกายตามปกติในชีวิตประจำวันนั้น ยังถือว่าไม่เพียงพอ เนื่องจากน้ำเหล่านั้นมักที่จะถูกนำไปใช้หล่อเลี้ยงอวัยวะส่วนอื่นๆภายในร่างกายจนหมด จนกระทั่งไม่เหลือมาถึงชั้นผิว ดังนั้นการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวโดยตรงจึงถือว่าสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของน้ำ ซึ่งมีคุณสมบัติในการคืนและคงความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อย่างยาวนานตลอดทั้งวัน ดังนั้นการใช้เพียงมะเขือเทศ ในการบำรุงรักษาผิวเพียงอย่างเดียวจึงถือว่าเป็นสิ่งที่ยังไม่เพียงพอ แต่ถ้าหากคุณสาวๆเข้าใจหลักการ และรู้จักการประยุกต์นำไปใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวดีๆสักชิ้นแล้วล่ะก็ ประสิทธิภาพในการบำรุงผิวหน้าก็ยิ่งมากขึ้น และให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างน่าตื่นตาตื่นใจเลยทีเดียว

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

มารู้จักกับ ครีมโสมจุ๊ ครีมน้องใหม่ที่กำลังมาแรงใน IG

ครีมโสมจุ๊ หรือ Ginseng Cream Skin Care เจ้าของแบรน์ด คือ “คุณจุ๊” ที่มีอายุเพียง 18 ปี เท่านั้น โดยเริ่มทำการขายครีมโสมจุ๊ผ่านทาง IG ซึ่งในปัจจุบันได้มีผู้ไปทำการติดตามคุณจุ๊อยู่เป็นจำนวนมาก เนื้อครีมโสมจุ๊จะมีลักษณะเป็นสีเหลืองอ่อน เนื่องจากการผสมวิตามินบี 3 ลงไปในเนื้อครีมเป็นจำนวนมาก พร้อมกับการแต่กลิ่นของครีมด้วยหัวน้ำหอม ผลิตภัณฑ์มีขนาด 30 กรัม สามารถใช้ติดต่อกันได้เป็นระยะเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ ในราคาประมาณ 400 บาท ครีมโสมจุ๊ ถือว่าเป็นครีมน้องใหม่ที่มาแรงทีเดียว เนื่องจากมีผลรับและการรีวิวถึงประสิทธิภาพหลังการใช้ใน IG เป็นจำนวนมาก

ประสิทธิภาพของครีมโสมจุ๊
ครีมโสมจุ๊ เป็นครีมบำรุงผิว ที่ไม่เหนียวเหนอะหนะ โดยครีมเพียงกระปุกเดียว สามารถใช้ทาได้ทั้งผิวหน้า และผิวกาย ด้วยการผลัดเซลลืผิวที่ตายแล้วออก ยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว และปรับสภาพเม็ดสีผิวที่เข้าให้อ่อนลง ทำให้ผิวขาว กระจ่างใส ลดเลือนรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยสิว รอยดำ รอยแดง ให้ลดน้อยลง แต่ไม่มีสรรพคุณช่วยในการรักษาสิว

สำหรับระยะเวลาในหารแสดงผล ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ที่ประมาณ 7-14 วัน ก็จะเริ่มเห็นผล แต่ถ้าทำการทาอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆจนกระทั่งครบ 28 วัน จะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน เนื่องจากร่างกาของคนเราจะทำการผลัดเซลล์ผิวทุกๆ 28 วัน  ส่วนคนที่สงสัยว่าผิวจะดำคล้ำขึ้นหรือไม่ถ้าหากเลิกใช้แล้ว อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับการดูแลผิวหลังจากการหยุดใช้ด้วย เพราะถ้าหากหยุดใช้แล้วไปออกไปตากแสงแดดแรงๆในระยะเวลานานติดต่อกัน ผิวก็สามารถกลับมาคล้ำเสียขึ้นได้เช่นกัน เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ควรทาครีมกันแดดร่วมกับครีมโสมจุ๊ในขณะออกไปข้างนอกในช่วงกลางวัน

ส่วนผสมของครีมโสมจุ๊
ครีมโสมจุ๊ มีส่วนผสมหลัก 2 ตัว คือ วิตามินบี 3 ซึ่งเป็นวิตามินที่ช่วยในการปรับสภาพผิวให้ขาวมากยิ่งขึ้น และอัลฟ่าอาร์บูติน ที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวอย่างต่อเนื่อง ช่วยปรับให้เม็ดสีที่เข้าให้อ่อนลง และช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว
สำหรับวิธีการใช้ก็ง่ายๆ เพียงแค่ใช้ทาใบหน้าและตัว หลังจากการอาบน้ำในตอนเช้า-เย็น  จากนั้นเช็ดตัวให้หมาดๆ โดยใช้ปริมาณเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว เนื่องจากเนื้อครีมมีความเข้มข้นมาก

ครีมโสมจุ๊ปลอดภัยหรือเปล่า
ครีมโสมจุ๊ ไม่มีส่วนผสมของ AHA (กรดผลไม้) จึงไม่ทำให้ผิวบาง หรือไวต่อแสงแดด ไม่มีสารปรอท ไฮโดรควิโนน เสตรียรอย กรดวิตามินเอ รวมไปถึงสารต้องห้ามอื่นๆ นอกจากนี้ยังได้รับรองจากสำนักงานอาหารและยา (อย.) ถึงความปลอดภัยของส่วนผสมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องจากครีมโสมจุ๊มีการแต่งกลิ่นด้วยหัวน้ำหอม ดังนั้นคนที่แพ้น้ำหอม จึงไม่ควรใช้อย่างเด็กขาด โดยมีค่า PH อยู่ที่ระดับ 5 ซึ่งถือว่ามีความปลอดภัยตามาตรฐาน สำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย ก็สามารถที่จะใช้ครีมโสมจุ๊ได้ โดยไม่มีปัญหาใดๆ แต่ในปัจจุบันก็ได้เริ่มมีการหลอกจำหน่าย “ครีมโสมจุ๊ปลอม” ซึ่งก่อนซื้อ ผู้บริโภคควรทำการตรวจสอบให้ดีเสียก่อน หรืออาจจะสั่งกับตัวแทนจำหน่ายที่มีความน่าเชื่อถือก็ได้

ประสบการณ์ของผู้ที่เคยใช้ครีมโสมจุ๊
จากการเก็บข้อมูลตามเว็บบอร์ดที่เกี่ยวกับสุขภาพและความงามต่างๆพบว่า ผู้ที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ครีมโสมจุ๊ ส่วนใหญ่ค่อนข้างชื่นชอบในประสิทธิภาพของครีมที่ทำให้ผิวขาวขึ้น โดยเฉพาะการช่วยทำในการบำรุงผิวไม่ให้คล้ำเสียหลังจากที่ออกไปข้างนอกบ้านท่ามกลางแสงแดดในช่วงกลางวัน แต่ยังมีผู้สนใจในครีมโสมจุ๊จำนวนมาก ที่ยังรอดูพรีวิวและผลตอบรับจากคนอื่นๆที่ทดลองใช้ครีมโสมจุ๊ เนื่องจากยังไม่มีความเชื่อมั่นในแบรนด์สินค้าเท่าใดนัก แต่โดยรวมแล้วยังไม่มีลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์ออกมาโวยวายว่าหน้าพังหลังจากการใช้ผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ 

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

การพอกหน้าด้วยไข่ขาว กับเรื่องลับๆที่หลายๆคนยังไม่รู้

การพอกหน้าด้วยไข่ขาว เป็นหนึ่งในวิธีการกำจัดสิวเสี้ยนบนใบหน้าที่ได้รับความนิยม และได้การยอมรับว่าใช้ได้ผลเป็นอย่างดีมาตั้งแต่สมัยก่อน อีกทั้งยังเป็นวิธีการรักษาสิวเสี้ยนที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองอย่างง่ายๆ ด้วยอุปกรณ์เพียงเล็กน้อยที่บ้าน แต่ที่จริงแล้วเจ้าไข่ขาว สามารถนำมาใช้พอกหน้าเพื่อจุดประสงค์อื่นๆ

นอกจากการลอกกำจัดสิวเสี้ยนอีกด้วย ซึ่งในบทความชิ้นนี้จะพาคุณสาวๆไปทำความรู้จักกับประโยชน์ของการพอกหน้าด้วยไข่ขาว พร้อมกับสูตรการพอกหน้าด้วยไข่ขาวที่คุณสาวๆหลายๆคนอาจจะยังไม่ทราบ

การพอกหน้าด้วยไข่ขาวมีประโยชน์อย่างไร

ในไข่ขาว มีส่วนประกอบของวิตามินเอ ซึ่งมีสรรพคุณในการช่วยลดรอยเหี่ยวย่น นอกจากนี้ไข่ขาวยังมีประโยชน์ในการช่วยชำระสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่บนใบหน้าได้อีกด้วย เมื่อทำการพอกหน้าด้วยไข่ขาว ก็จะเป็นการช่วยบำรุงรักษาใบหน้า ดังต่อไปนี้

1.ช่วยในการกำและรักษาจัดสิว สิวเสี้ยน
เป็น วิธีพอกหน้าด้วยไข่ขาว ที่คุณสาวๆ นิยมมากที่สุด ผลจากการพอกหน้าด้วยไข่ขาวเพื่อกำจัดเหล่าสิวเสี้ยน จำเป็นที่จะต้องใช้ระยะเวลาสักพักหนึ่งจึงจะเห็นผล คุณสาวๆที่เป็นสิวอักเสบก็อาจที่จะต้องอดทนรอเวลาในการรักษาสักเล็กน้อย แต่สำหรับคุณสาวๆที่มีผิวธรรมดา และต้องการเพียงกำจัดสิวเสี้ยนออกจากใบหน้า หลังจาการพอกหน้าด้วยไข่ขาวประมาณ 2 สัปดาห์ ก็จะสามารถเห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจ

2.ช่วยเพิ่มความขาวให้กับผิว
ไข่ขาวมีโปรตีนสูง สามารถช่วยในการรักษาและสร้างเซลล์ผิวใหม่  เพียงนำไข่ขาว มาผสมเข้าให้เป็นเนื้อเดียวกับน้ำมะนาว จากนั้นนำมาพอกทาหน้าในตอนเย็นก่อนการอาบน้ำจะช่วยทำให้ผิวหน้าใส และขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ 

3.ช่วยลดความมันบนใบหน้า และช่วยทำให้รูขุมขนเล็กลง
การพอกหน้าด้วยไข่ขาวเป็นประจำ เช้า-เย็น จะช่วยลดความมันของใบหน้าให้ลดลงได้เป็นอย่างดี คุณสาวๆบางคนอาจจะหายจากอาการหน้ามันไปเลย นอกจากนี้ยังช่วยกระชับรูขุมขนที่กว้างให้เล้กลงอีกด้วย 

4.ช่วยเพิ่มความเต่งตึง และความนุ่มให้กับใบหน้า
เพียงทำการพอกหน้าด้วยไข่ขาว เป็นประจำติดต่อกันประมาณ 1 สัปดาห์ คุณสาวๆก็จะสามารถสัมผัสได้ถึงใบหน้าที่เนียนนุ่มมากยิ่งขึ้น

5.ช่วยในการล้างสารพิษทุกชนิด
เป็นการใช้ไข่ขาวเพื่อช่วยในการดีท็อกซ์ผิว ไม่ว่าจะเป็นสารเคมีที่เจือปนในครีม หรืออาการแพ้ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากหลากหลายสาเหตุ อาทิเช่น แพ้ฝุ่น แพ้อากาศ เป็นต้น สำหรับคนที่กำลังต้องการจะเปลี่ยนครีมบำรุงผิวหน้า
การพอกหน้าด้วยไข่ขาวจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด ในการช่วยล้างสารเคมีที่อยู่ในครีมบำรุงตัวเก่าที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในผิวหนังตามรูขุมขนให้หลุดออกไป เสมือนกับเป็นการช่วยปรับผิวหน้าให้พร้อมรับสารบำรุงตัวใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งวิธีการก็ไม่ยาก เพียงแค่นำไข่ขาวมาพอกหน้าทิ้งเอาไว้ก่อนการเปลี่ยนครีมประมาณ 1 คืน ไข่ขาวก็จะทำการดูดสารพิษบนใบหน้าออกไปโดยอัตโนมัติ

     สำหรับคุณสาวๆที่ผิวหน้าเกิดอาการแพ้ขึ้น การพอกหน้าด้วยไข่ขาวเป็นประจำทุกวัน ประมาณ 3-4 สัปดาห์ โดยทำการพอกครั้งละ 15 นาที จะช่วยทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น รอยแดงจากอาการแพ้ลดน้อย หรือจางหายไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ    

อย่างไรก็ตามการพอกหน้าด้วยไข่ขาวนั้น ก็มีข้อเสียบางประการ อาทิเช่น กลิ่นคาว  และอาการคันที่อาจจะเกิดขึ้นในขณะที่ทำการพอก สำหรับคุณสาวๆบางคนอาจจะไม่ค่อยชื่นชอบกับอาการเหล่านี้นัก แต่เมื่อทำการพอกหน้าด้วยไข่ขาวบ่อยๆ ในเวลาไม่นาน ร่างกายก็จะเริ่มเคยชิน และอาการเหล่านี้ก็จะค่อยๆหายไปเองในที่สุด

สำหรับคุณสาวๆที่มีผิวแห้ง ไม่แนะนำให้ทำการพอกหน้าด้วยไข่ขาวทุกวัน เพราะจะยิ่งทำให้ผิวหน้าแห้งมากยิ่งขึ้น

ถ้าหากไม่มีเวลามานั่งพอกหน้าด้วยไข่ขาวเป็นประจำ ควรทำยังไงดี?
ดั่งที่ได้กล่าวไปแล้วในตอนต้นว่า การพอกหน้าด้วยไข่ขาวมีประโยชน์อย่างมากต่อผิว ไม่ว่าจะเป้นการช่วยลดความมัน กำจัดสิ้วเสี้ยน เพิ่มความขาวเนียนของผิวให้มากยิ่งขึ้น รวมไปถึงความเต่งตึงนุ่มเนียนและการช่วยลดปัญหารูขุมขนที่กว้างของใบหน้าให้น้อยลง แต่การพอกหน้าด้วยไข่ขาวเป็นประจำทุกสัปดาห์ในความเป็นจริงแล้ว ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมากเลยทีเดียว เพราะส่วนใหญ่ด้วยเวลาอันเร่งรีบ และน้อยนิด ชนิดที่ว่ากว่าจะเดินทางกลับมาถึงบ้านก็มืดค่ำจนเพลียแล้วนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นอุปสรรคสำคัญที่คอยขัดขวางโอกาสในการบำรุงรักษาผิวหน้าทั้งสิ้น แต่คุณสาวๆที่รักสวยรักงามก็อย่าพึ่งกังวลใจจนเกินไป เพราะถึงแม้จะพอกหน้าด้วยไข่ขาวเป็นประจำไม่ได้ คถณสาวๆก็ยังมีโอกาสบำรุงผิวหน้าได้ ด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าดีๆสักชิ้น ดังที่กำลังจะขอแนะนำดังต่อไปนี้

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

15 เคล็ดลับทำไงให้สวยขึ้น

ความสวย กับ ผู้หญิง เป็นสิ่งที่คู่กันมาอย่างช้านาน และถ้าหากมีวิธีการ เคล็ดลับ หรือกลเม็ดใดๆที่ช่วยเพิ่มความสวยให้มากขึ้น เชื่อว่าคุณสาวๆทุกคนก็คงที่จะไม่รอช้า และพร้อมที่จะปฏิบัติตามวิธีการเหล่านั้นอย่างแน่นอน สำหรับคุณสาวๆที่อยากจะให้ตัวเองสวยมากยิ่งขึ้น ในบทความชิ้นนี้มีเคล็ดลับทำไงให้สวยขึ้นง่ายๆที่สามารถทำได้ด้วยตัวคุณสาวๆเอง
 


 

15 เคล็ดลับทำไงให้สวยขึ้น

เคล็ดลับทำไงให้สวยขึ้นทั้ง 15 ข้อ ต่อไปนี้ ถึงแม้จะไม่ใช่ขนาดถูกบัญญัติขึ้นเป็นกฎเหล็ก แต่ก็เป็นสิ่งที่คุณสาวๆทุกคนควรจะปฏิบัติตามอย่างสม่ำเสมอให้เป็นประจำทุกวัน เพราะถ้าหากทำได้ทุกข้อแล้วล่ะก็ คุณสาวๆก็จะมีความสวยมากขึ้นเรื่อยๆจนสาวคนอื่นๆต้องมองด้วยความอิจฉากันเลยทีเดียว

              1.ดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อย 2 แก้ว ทันทีที่ตื่นนอน น้ำเปล่าจะช่วยชำระล้างสิ่งสกปรก และของเสียที่ค้างคาอยู่ภายในร่างกาย เมื่อของเสียเหล่านี้ถูกกำจัดออกไปก็จะเป็นการช่วยทำให้ผิวพรรณของคุณสาวๆดูสดใส เปล่งปลั่งมากยิ่งขึ้น

 

 

              2.ทานอาหารเช้าทุกวัน อาหารเช้าเป็นสิ่งที่ช่วยรักษาสมดุลน้ำหนักตัวของคุณสาวๆเอาไว้ให้คงที่ และยังช่วยทำให้สุขภาพแข็งแรง นอกจากนี้จากการวิจัยยังพบว่า คนที่ทานอาหารเช้าเป็นประจำทุกวัน มีเปอร์เซ็นอ้วนน้อยมากกว่าคนที่ไม่ทานมื้อเช้าอีกต่างหาก

             3.มื้อเช้าควรมีผลไม้บ้าง อาทิเช่น ส้ม แอปเปิ้ล แครอท ซึ่งสามารถรับประทานได้อย่างง่ายๆไม่ยุ่งยาก ผลไม้เหล่านี้จะช่วยบำรุงผิว ความสดชื่นในยามเช้า และยังช่วยทำให้เรามีสุขภาพดีอีกด้วย
[BINDING:16] 
             4.เดินเล่นในยามเช้าบ้าง ลองตื่นเช้าๆ แล้วออกมาเดินเล่น หรือวิ่งเหยาะๆ ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง จะช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น และไหลเวียนโลหิตดีขึ้นเป็นอย่างมากอีกด้วย

             5.เลือกใช้บอดี้โลชั่นให้เหมาะกับสถานที่ และผิวของตัวเอง อุณหภูมิภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไม่เท่ากันในแต่ละสถานที่ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผิวพรรณของคุณสาวๆ จึงควรที่จะมีการเลือกใช้บอดี้โลชั่นที่ให้เหมาะสมกับสภาพผิว เช่น ในฤดูร้อนที่รูขุมขนของคุณสาวๆจะเปิดกว้าง ควรเลือกใช้บอดี้โลชั่นเนื้อบางเบา ส่วนในหน้าหนาวที่ผิวต้องการความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ ก็ควรเลือกใช้บอดี้โลชั่นที่มีส่วนผสมของ เอสเซนเชียลออยล์ หรือเชียบัตเตอร์ เป็นต้น

 


 

   
             6.ห้ามอาบน้ำอุ่นเกิน 10 นาที เพราะจะทำให้ผิวของคุณสาวๆแห้งมากยิ่งขึ้น

             7.ในขณะอาบน้ำควรทำการขัดผิวไปด้วย เพราะนอกจากจะเป็นการช่วยกำจัดสิ่งสกปรก และกำจัดเซลล์ผิวที่ตายไปแล้ว ยังเป็นการช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตให้ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
[BINDING:34] 
             8.ความเครียดเป็นสิ่งต้องห้าม ความเครียดส่งผลเสียโดยตรงต่อผิว เพราะเมื่อเกิดความเครียดขึ้น กล้ามเนื้อบนใบหน้าจะเกิดการรัดตัวมากกว่าปกติ ทำให้ผิวหนังย่น เกิดริ้วรอย และความหมองคล้ำ ที่สำคัญยังทำให้สุขภาพจิตแย่ลงอีกด้วย

             9.พยายามหลีกเลี่ยงแสงแดดแรงๆ ในช่วงเวลา 9.00 -15.00 น. เป็นเวลาที่ปริมาณรังสียูวี มีความเข้มข้น และเป็นอันตรายต่อผิวมากที่สุด ถ้าหากคุณสาวๆไม่พยายามหลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกในช่วงเวลาดั่งกล่าว กว่าจะรู้ตัวอีกที คุณสาวๆก็อาจจะมีผิวที่ดำไหม้เกรียมไปเสียแล้ว

             10.ทาครีมกันแดดป้องกันผิวทุกครั้งก่อนออกแดด แสงแดดเป็นอันตรายอันดับต้นๆที่คอยทำลายผิวของคุณสาวๆ ดังนั้นทุกครั้งก่อนออกไปข้างนอก คุณสาวๆควรปกป้องผิวของตัวเองโดยการทาครีมกันแดดทุกครั้ง โดยเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 35+++ ขึ้นไป

             11.ดื่มนมก่อนนอน ในนมมีส่วนประกอบของสารอาหารมากมาย โดยเฉพาะวิตามินบีรวม ที่ช่วยบำรุงร่างกาย และผิวพรรณของคุณสาวๆ
  
 

 

             12.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนอย่างสนิทอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง เป็นประจำทุกวัน เป็นการช่วยทำให้ผิวพรรณเกิดความเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวลมากยิ่งขึ้น

             13.ควบคุมอาหารอย่าตามใจปากมาก การควบคุมอาหารอย่างถูกต้อง รับอาหารให้พอเหมาะในช่วงเวลาที่พอดี เป็นหนึ่งในเคล็ดลับทำไงให้สวยขึ้นที่จะช่วยทำให้คุณสาวๆสามารถรักษาทรวดทรงองค์เอวอันน่าพิศมัยเอาไว้ได้ แต่ถ้าหากตามใจปากมากจนเกินไป กินเอาๆ ระวังหุ่นจะอ้วนบวมฉุจนกู่ไม่กลับ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้ทำการไดเอทอย่างสุดขั้ว เพราะนอกจากจะไม่เป็นผลดีต่อร่างายแล้ว ยังทำให้คุณสาวๆไร้เรี่ยวแรงในการทำกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวันอีกต่างหาก

             14.ทำความสะอาดใบหน้าเป็นประจำ ทุกครั้งที่เราออกไปนอกบ้านมักจะมีฝุ่น หรือคราบสกปรกที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นติดมาบนใบหน้าโดยที่ไม่รู้ตัว ดังนั้นทุกวันในช่วงเย็น คุณสาวๆควรทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรือโฟมล้างหน้าที่มีความอ่อนโยน หลังจากนั้นให้ทำการเช็ดทำความสะอาดอีกครั้งด้วยคลีนเซอร์ และโทนเนอร์ ซึ่งจะช่วยในการขจัดสิ่งสกปรกออกจากใบหน้าได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาการเกิดสิวขึ้นบนใบหน้าได้อีกด้วย

             15.เปลี่ยนทรงผมใหม่ เสื้อผ้าใหม่ตามเทรนต์บ้าง ข้อนี้สำหรับคุณสาวๆที่ชอบทำผมทรงเดิมตลอดปีตลอดชาติ และสวมเสื้อผ้าเดิมๆสีเก่าซ้ำซากไม่เคยเปลี่ยน เพียงแค่หันมา เปลี่ยนทรงผม และเสื้อผ้าตามเทรนต์บ้างก็จะสามารถเป็นเคล็ดลับทำไงให้สวยขึ้นให้คุณสาวๆสวยขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว
 

เคล็ดลับลดริ้วรอยด้วยโกโก้

ริ้วรอย เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากหลายปัจจัย หลายสาเหตุ อาทิเช่น แสงแดด มลภาวะรอบตัว ความเครียด วัยที่ที่ล่วงเลยมากขึ้น เป็นต้น แต่ไม่ว่าริ้วรอยจะเกิดขึ้นจากอะไรก็ตาม แต่มันก็เป็นสิ่งที่ไม่พึงปารถนาของเหล่าคุณสาวๆ อย่างแน่นอน

ซึ่งในวันนี้สำหรับคุณสาวๆที่ยังคงต้องการดูแลรักษาผิวพรรณของตัวเองให้กระชับตึงสดใสเหมือนกับในวัยแรกสาว ในบทความชิ้นนี้ก็จะขอพาไปรู้จักกับวิธีการง่ายๆ ที่จะช่วยลดริ้วรอยให้ลดน้อยลง

โกโก้ช่วยลดริ้วรอยได้อย่างไร

จากผลการศึกษา และได้รับการตีพิมพ์ใน “The Joumal of Nutrition” ในปี 2006 พบว่า  โกโก้ มีสารประกอบ Epicatechin และ Catechin ที่มีคุณสมบัติที่คอยช่วยในการปกป้องผิวจากการถูกแสงแดดทำร้าย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวเกิดริ้วรอบเหี่ยวย่นและหมองคล้ำ

อีกทั้งยังช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยทำการหมุนเวียนเของเลือดเข้าสู้เซลล์ผิวหนังได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทำให้ผิวมีสุขภาพดีมากขึ้นกว่าเดิม ช่วยลดความดันโลหิต และยังช่วยทำให้ผิวนุ่มเนียนมากขึ้นอีกด้วย

นอกจากนี้ การดื่มโกโก้ยังช่วยในการปรับอารมณ์ ทำให้อารมณ์มากขึ้น เมื่อความเครียดลดน้อยลง หรือหายไป ก็จะเป็นการช่วยลดริ้วรอย และป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยชุดใหม่ขึ้นมาบนใบหน้า มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี และยังช่วยลดผลกระทบจากพวกไขมันคอเลสเตอรอลและสารเคมีอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจ มะเร็ง โรคปอด ได้อีกด้วย

วิธีการใช้โกโก้เพื่อลดริ้วรอย

            1. ดื่มโกโก้ร้อน เป็นวิธียอดฮิตที่ง่ายที่สุดในการใช้โกกโก้เพื่อลดริ้วรอย และยังเป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับเนื่องจากเป็นวิธีที่จะได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ที่ดีที่สุด

              นักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐอเมริกามีการศึกษาพบว่า ในโกโก้ร้อน 1 แก้วนั้น อุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ มากกว่าเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีอย่าง ชา หรือ ไวน์แดง เสียอีก โดยมีมากกว่าไวน์แดงถึง 2 เท่า และมากกว่าชาเขียว 3 เท่า และมากกว่าชาดำถึง 2 เท่า ในปริมาณที่เท่ากัน

            2. มาร์สหน้าด้วยโกโก้ ช่วยทำให้ผิวมีความสดชื่นเปล่งปลั่งมากยิ่งขึ้น โดยนำผงโกโก้ครึ่งถ้วย น้ำผึ้ง ¼ ถ้วย โยเกิร์ตหรือวิปครีม 4 ช้อนโต๊ะ และผงข้าวโอ๊ต 3 ช้อนโต๊ะ นำส่วนผสมทั้งหมดมาปั่นรวมจนกลายเป็นเนื้อเดียวกันจนกลายเป็นเนื้อครีมเข้มข้น จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้ทำการทาพอกลงให้ทั่วใบหน้า โดยพยายามระวังอย่าให้เข้าตา จมูก และปาก แล้วทำการนวดเบาๆ เป็นแนววงกลมให้ทั่วใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่นสะอาด

            3. แช่ตัวด้วยน้ำโกโก้ เป็นการนำเอาผงโกโก้มาผสมเข้ากับน้ำในอ่างอาบน้ำ จนกระทั่งน้ำกลายเป็นสีเดียวกับผงโกโก้ จากนั้นคุณสาวๆก็สามารถลงไปนอนแช่น้ำโกโก้ในอ่างเพื่อเป็นการถนอมผิว ลดริ้วรอยได้เลยทันที

การทานโกโก้เพื่อต้านริ้วรอยจะทำให้อ้วนหรือเปล่า

            ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า “โกโก้” กับ “ช็อกโกแลต” แตกต่างกันเป็นอย่างมาก จนทำให้เกิดความเข้าใจผิด และกังวลว่าการทานโกโก้นั้นจะทำให้อ้วน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว

            ถึงแม้ช็อกโกแลตจะมีส่วนประกอบหลักคือโกโก้ก็ตาม แต่สิ่งที่ทำให้อ้วนจริงๆนั้น คือ การนำเอานม น้ำตาล และอื่นๆ เพื่อเพิ่มรสชาติความหวานจนกระทั่งกลายมาเป็นช๊อกโกแลตนั่นเอง

ในช็อกโกแลต 1 แท่ง จะมีไขมันมากถึง 8 กรัม ในขณะที่ในโกโก้ร้อนในปริมาณที่เท่ากัน จะมีไขมันเพียง 0.3 กรัม เท่านั้น เมื่อทำการเปรียบเทียบแล้วพบว่า ช็อกโกแลตนั้นจะมีปริมาณไขมันมากว่าโกโก้มากถึง 27 เท่า เลยทีเดียว

 

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

มารู้จักกับ เรียวครีม ผลิตภัณฑ์เวชสำอางสัญชาติไทยกัน

วงการผลิต คิดค้น และสร้างสรรค์เครื่องสำอางของประเทศไทยในปัจจุบัน นับว่าได้มีการพัฒนาไปเป็นอย่างมาก จนแทบจะเรียกได้ว่า ประสิทธิภาพในการดูแลรักษาผิวพรรณโดยรวมนั้น เกือบที่จะเดินเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับเครื่องสำอางที่นำเข้าจากต่างประเทศได้อย่างไม่อายใคร

ซึ่งในวันนี้ เราก็จะขอพาคุณสาวๆ ไปทำความรู้จักกับอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่ถูกผลิตขึ้นในประเทศไทย โดยฝีมือของคนไทย อย่าง “เรียวครีม” กัน

เรียวครีม คือ อะไร?

เรียวครีม (Real Cream) คือ ยี่ห้อแบรนด์ของผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์สัญชาติไทย ที่มีการผลิตขึ้นภายในประเทศไทย ซึ่งแบรนด์เรียวครีม ปรากฏตัวขึ้นข้างแรกในตลาดเครื่องสำอางออนไลน์ เมื่อประมาณช่วงปลายปี พ.ศ.2554 โดยมีผู้ก่อตั้งคือ คุณสิริขวัญ คำเกิด และ Mr. Ayhan Cender

ผลิตภัณฑ์เรียวครีมมีร้านสาขาที่ 1 อยู่ที่จังหวัดพิจิตร ซึ่งสิ่งที่ทำให้เรียวครีมได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเป็นอย่างมากจนกระทั่งปัจจุบัน คือ ราคาของผลิตภัณฑ์ที่ไม่แพง สมเหตุสมผลนั่นเอง

ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์เรียวครีม

            ผลิตภัณฑ์ของเรียวครีม ถูกสร้างสรรค์และพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิดว่า “ใช้แล้วตอบสังคมได้ สวยจริง เห็นผลจริง” โดยตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงผิวที่เคยดำคล้ำให้ขาวสวย คนที่หน้าหมองแล้วอยากให้หน้าใส ใบหน้ามีสิวเสี้ยนแต่อยากให้เรียบเนียน เป็นต้น

เรียวครีม ปลอดภัยไหม

ในปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์เรียวครีม ได้ผ่านการตรวจสอบและจดทะเบียนอย่างถูกต้องจากสำนักงานอาหารและยา (อย.) เพื่อเป็นการการันตีความปลอดภัยของผู้บริโภคเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สินค้าบางชิ้นยังได้รับมาตรฐาน GMP จากต่างประเทศ

นอกจากนี้บริษัทเรียวครีม ยังได้มีการจดทะเบียนบริษัท รวมไปถึงแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐานน่าเชื่อถือ

สินค้าของเรียวครีมมีอะไรบ้าง

สินค้าภายใต้แบนรด์ของเรียวครีม เรียกได้ว่ามีอยู่มากมายหลายแบบให้คุณสาวๆสามารถเลือกใช้กันได้ตามความต้องการ และความเหมาะสมของตัวเอง เช่น ผลิตภัณฑ์ครีมรักษาสิว ครีมผิวขาว ครีมทาฝ้า ครีมหน้าขาว AHA ครีมหน้าใส ครีมหน้าเด้ง ครีมลดเลือนริ้วรอย เจลบำรุงรอบดวงตา โลชั่นบำรุงผิว เป็นต้น

ทางผลิตภัณฑ์เรียวครีม ได้มีการจัดเซ็ตของผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลรักษาผิวพรรณที่ตรงจุด ซึ่งสามารถตอบทุกปัญหาผิวพรรณได้อย่างรวดเร็ว เป็น 7 ชุกมาตราบาน ดังต่อไปนี้

            1. ไดมอนด์ เป็นการจัดชุดครีมหน้าขาว และครีมหน้าใส เพื่อให้ผิวขาวสวยใสเปล่งประกายแบบมีออร่ามากยิ่งขึ้น

2. คริสตัล เป็นชุดผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติในการช่วยแก้ปัญหาเรื่องสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ เผยผิวขาวใสมากยิ่งขึ้น

3. มะหาด  เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้ใบหน้าขาวขึ้นอย่างเร่งด่วน หรือผู้ที่มีผิวหน้าคล้ำมากๆ

4. แพลทตินั่ม เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง และต้องการคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว

5. เซ็ตโสม เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมีปัญหาสิวอักเสบ หรือสิวหัวหนอง

6. เซ็ตสิว เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังประสบปัญหามีสิวเป็นจำนวนมากๆบนใบหน้า

7. เบบี้เฟส เหมาะสำหรับคนที่ต้องการให้ใบหน้าขาวใสมากขึ้น แต่กลับยังไม่เคยมีผลิตภัณฑ์ยี่ห้องใดตอบสนองความต้องการของตัวคุณได้สำเร็จ แต่อย่างไรก็ตามผลิตถัณฑ์เซ็ตนี้ ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมีปัญหาเรื่องสิว เพราะจะยิ่งไปกระตุ่นสิวให้เกิดขึ้นมากกว่าเดิม

ผลตอบรับจากผู้ที่เคยใช้เรียวครีม

            จากการเก็บข้อมูลจากเว็บบอร์ดต่างๆ ของลูกค้าที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆของเรียวครีมพบว่า ราคาของเรียวครีมค่อนข้างที่จะสูงมากเกินไปสักหน่อย แต่เป็นครีมที่ขายในอินเตอร์เน็ตเพียงเจ้าเดียว ที่ลูกค้าบางคนกล้าที่จะทำการสั่งซื้อมาใช้

ซึ่งประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์บางตัวของเรียวครีม อาทิเช่น ครีมหน้าเรียว พบว่า หลังจากที่มีการใช้ติดต่อกันไปในช่วงระยะเวลาหนึ่งสามารถช่วยหน้าเรียวลงได้จริง โดยเฉพาะบริเวณเส้นของหน้า นอกจากนี้ยังช่วยทำให้จมูกโด่งขึ้น และปีกจมูกเล็กลงอีกด้วย

 

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ครีมฟ้าขาวคืออะไร อันตรายหรือเปล่า?

วงการเครื่องสำอางเพื่อใบหน้าขาวใสปิ๊ง ไม่เคยหยุดที่จะพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ที่มีสรรพคุณที่ดี และเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็วออกมาให้ผู้บริโภคได้เลือกใช้อย่างไม่ขาดสาย

เมื่อเร็วๆ นี้ สาวๆ หลายคนก็คงจะได้เห็นครีมหน้าขาวสัญชาติไทย ซึ่งมีชื่อทางการค้าว่า “ครีมฟ้าขาว” ออกมาวางจำหน่ายในราคาที่เรียกได้ว่าถูกเหลือเชื่อ อีกทั้ง ยังมีสรรพคุณช่วยทำให้หน้าขาวขึ้นได้แทบจะทันตาเห็นอีกต่างหาก

คุณสมบัติสองข้อที่กล่าวมานี้ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คุณสาวๆ หลายคนเกิดความกระตือรือร้นที่จะออกไปค้นหาเจ้าครีมฟ้าขาวนี้มาใช้กันเลยทีเดียว

แต่ก่อนที่คุณสาวๆ จะตัดสินใจซื้อเจ้าครีมฟ้าขาวมาใช้กับใบหน้าของตัวเอง ลองมารับทราบข้อมูล และทำความเข้าใจกับเจ้าสินค้าตัวนี้กันก่อนดีกว่า

ครีมฟ้าขาวคืออะไร

ครีมฟ้าขาว เป็นเนื้อครีมที่อยู่ในถาชนะในลักษณะกระปุกคู่ โดยแยกออกเป็นกระปุกสีฟ้า และกระปุกสีขาว โดยในกระปุกสีฟ้า สกัดจากวิตามินอี ส่วนครีมตลับขาว เป็นครีมไข่มุก สกัดจากหัวไชเท้า 100% เข้มข้น ผสมวิตามินซี วิตามินอี ซึ่งจะช่วยในการปรับสภาเซลล์ผิวชั้นใน สู่ผิวชั้นนอก ทำให้ผิวขาวใสขึ้น ใช้ในการบำรุงผิวหน้าในตอนกลางคืน โดยทำการทาครีมตลับสีฟ้าก่อน

หากมีสิวอักเสบให้ทาซ้ำอีกครั้งรอบหัวสิวอักเสบจนทั่ว จากนั้นให้ทำการทาครีมตลับสีขาวให้ทั่วใบหน้าอีกครั้ง ซึ่งครีมผ้าขาวส่วนใหญ่จะมีการอ้างอิงแหล่งผลิตว่ามาจากจังหวัดเชียงราย โดยทำการผลิตภายในห้องแล็ปชื่อดัง ในราคาที่ถูกเหลือเชื่อเพียงชุดละประมาณ 80-150 บาท เท่านั้น

สรรพคุณของครีมฟ้าขาว

ครีมฟ้าขาว จะช่วยป้องกันและลดอาการละคายเคือง ลดการติดเชื้ออักเสบ ลดความมันและการอุดตันที่เป็นสาเหตุของสิว สร้างความยืดหยุ่นกระชับผิวหน้าให้แข็งแรงคืนสู่ธรรมชาติ ช่วยชะลอริ้วรอยที่เกิดก่อนวัย ฝ้า กระ จุดด่างดำจางลง สมานผิวให้ขาวนวล เนียนนุ่ม ชุ่มชื่นเป็นธรรมชาติ กระชับรูขุมขน  ดูแลทุกปัญหาผิวอย่างเห็นได้ชัด เห็นผลภายในระยะเวลา 7-14 วัน

ประสบการณ์ของผู้ที่เคยใช้ครีมฟ้าขาว

จากการเก็บข้อมูลจากกลุ่มผู้ที่เคยใช้ครีมฟ้าขาวจากเว็บบอร์ดต่างๆพบว่า มีการให้ความคิดเห็นแตกออกเป็นสองกลุ่ม ดังต่อไปนี้

1. ผู้ที่ใบหน้าขาวมากขึ้นและไม่มีอาการแพ้ใดๆ

สำหรับประสบการณ์ของผู้ที่ใช้ครีมผ้าขาวแล้วไม่เกิดปัญหาใดๆ เมื่อใช้แล้วผิวขาวมากขึ้น และสิวก็มีการยุบตัวลงหายไปอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งผลลัพธ์เหล่านี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากที่มีการใช้ครีมหน้าขาวในระยะเวลาที่ไม่นานเท่านั้น และถึงแม้จะเลิกใช้ไปแล้วก็ตาม ก็ยังคงไม่เกิดปัญหาใดๆขึ้นกับผิวหน้าในภายหลัง

2. ผู้ที่ใช้แล้วเกิดอาการแพ้ต่างๆขึ้น  

สำหรับประสบการณ์ของผู้ที่เคยใช้ครีมฟ้าขาวแล้วเกิดอาการแพ้ขึ้นบนใบหน้าพบว่า โดยส่วนใหญ่จะเป็นอาการที่เกิดขึ้นหลังจากที่ได้ทำการหยุดใช้ครีมฟ้าขาวแล้วในระยะเวลาหนึ่ง ปรากฏว่า มีสิวผลุดขึ้นเป็นจำนวนมากบนใบหน้า และทิ้งร่องรอยด่างดำเอาไว้หลังจากที่ทำการรักษาจนหายแล้ว

ซึ่งมีผู้ใช้บางคนอ้างว่า ได้มีการนำเนื้อครีมไปตรวจสอบที่สาธารณะสุข และพบส่วนประกอบของสารที่เป็นอันตรายต่อผิวหน้าเป็นอย่างมาก อาทิเช่น ปรอท เสตียรอยด์ ไฮโดรควิโนน ผสมอยู่ สำหรับบางคนที่เริ่มใช้ใบหน้าก็จะมีอาการแดง อาการแสบผิวหน้าเกิดขึ้น ซึ่งผู้ที่มีปัญหากับใบหน้า หลังจากที่เลิกใช้ครีมฟ้าขาวนี้มีอยู่เป็นจำนวนมากในเว็บบอร์ดต่างๆ

สิ่งที่ควรระวังและข้อสังเกตก่อนที่จะใช้ครีมฟ้าขาว

สิ่งที่น่าพึงระวังมากที่สุด ในการเลือกใช้ครีมฟ้าขาว คือ ไม่ได้มีการจดทะเบียนรับรองความปลอดภัยของผู้บริโภคจากสำนักงานอาหารและยา (อย.) หรือในบางครั้งจะมีการแจ้งว่า ได้รับการจดทะเบียนเรียบร้อยแล้ว แต่ก็จะไม่มีการแสดงเลขแสดงการอนุญาตให้จำหน่ายบนผลิตภัณฑ์

รวมไปถึงในขณะที่ทำการโฆษณาขาย ซึ่งบางครั้งจะมีการกล่าวอ้างถึงเหตุผล ที่ไม่สามารถจดทะเบียนได้ เนื่องจากครีมฟ้าขาวเป็นยา ไม่ใช่เครื่องสำอาง และเป็นครีมที่ถูกนำออกมาจากห้องแลป ที่กำลังทำการวิจัยครีมดังกล่าวอยู่ ทำให้แพคเกจของบรรจุภัณฑ์ไม่สวยงามได้มาตรฐาน

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.