16 วิธี การรักษาผิวหนังไหม้จากแดด ให้ผิวไม่เสีย

ผิวไหม้จากแสงแดด เป็นหนึ่งในปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นหลังจากที่คุณสาวๆออกไปทำการตากแสงแดดแรงๆในเวลากลางวันเป็นระยะเวลานานๆ โดยที่ไม่ได้ทำการป้องกันโดยการทาครีมกันแดด หรือปกป้องผิวจากเสื้อผ้าแขนยาว ร่ม หรือการสวมหมวก จนทำให้เกิดอาการไหม้แดดขึ้นบนผิวหนัง

โดยเฉพาะคุณสาวๆ ที่มีผิวขาว ผิวจะบางกว่าคนที่มีผิวสีคล้ำ และก็จะมีความไวต่อแสงแดดมากกว่าปกติ ซึ่งเจ้าปัญหา ผิวไหม้จากแสงแดด เป็นหนึ่งในสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาจากคุณสาวๆ อย่างยิ่ง

สำหรับคนที่เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นมาแล้วนั้น ก็ควรที่จะมาทำความเข้าใจ และรู้จักกับวิธีการรักษาผิวไหม้ที่ถูกต้อง เพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบา ที่จะช่วยรักษาผิวให้กลับไปเนียนใสได้เหมือนเดิมอย่างง่ายๆ ดังต่อไปนี้

เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ผิวหนังกำลังมีอาการไหม้จากแสงแดด…??

อาการเบื้องต้นของการแพ้แดด จะเริ่มต้นจากอาการคัน และแสบผิว จนสามารถที่จะรู้สึกได้ถึงความร้อนที่เกิดขึ้นในบริเวณผิวของตัวเอง เมื่อเกิดอาการดังกล่าวขึ้นแนะนำว่า ให้รีบหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ทันที เพราะผิวหนังไม่สามารถรับมือจากแสงแดดได้แล้ว

ถ้าหากยังคงพยายามฝืนทำกิจกรรมดังกล่าวต่อไป ก็จะทำให้ผิวหนังเกิดอาการไหม้จากแสงแดดขึ้นได้ ซึ่งอาการของผิวไหม้จากแสงแดด คือ เมื่อเลิกทำกิจกรรมกลางแจ้งใหม่ๆ ผิวจะเปลี่ยนเป็นสีแดง และมีอาการแสบผิวเป็นอย่างมาก เมื่อผ่านไปสักหนึ่งวันผิวจะกลายเป็นสีคล้ำ และเริ่มมีอาการคัน พร้อมกับมีผิวหนังลอกออกมาเป็นขุยๆ

วิธีการรักษาผิวไหม้อย่างถูกวิธี

สำหรับวิธีการรักษาผิวที่ไหม้คล้ำเสียจากแสงแดดมีอยู่มากมายหลายวิธี ซึ่งคุณสาวๆสามารถเลือกนำเฉพาะวิธีที่ตัวเองสนใจไปประยุกต์ใช้ได้ ดังต่อไปนี้

1. การอาบน้ำเย็น เป็นการช่วย Cool Down ผิวหนังและร่างกายของคุณสาวๆให้เย็นลง เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้ว ให้นำผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นมาทำการประคบตามตัว โดยเน้นในบริเวณที่ผิวหนังมีอาการไหม้จากแสงแดด

2. อาบน้ำนม สำหรับคุณสาวๆที่มีอ่างอาบน้ำที่บ้าน สามารถทำการเทนมจืดใส่เอาไว้ในอ่างแล้วทำการนอนแช่ได้เลย หรืออาจจะใช้วิธีนำผ้าขนหนูไปซับกับน้ำนม แล้วนำไปประคบผิวหนังบริเวณที่เกิดอาการไหม้ได้เช่นเดียวกัน

3. ทาผิวด้วยโยเกิร์ตแช่เย็น นำโยเกิร์ตแช่เย็น มาทาในบริเวณผิวที่ไหม้ ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด

4. ประคบผิวด้วยข้าวโอ๊ต
นำข้าวโอ๊ตบดละเอียดมาห่อในผ้าขาวบาง หรือผ้าอะไรก็ได้ที่มีลักษณะบางๆ จากนั้นนำไปแช่เอาไว่ในน้ำเย็นสักครู่ แล้วนำผ้าที่ห่อข้าวโอ๊ตเปียกน้ำมาประคบในบริเวณผิวที่มีอาการไหม้ โดยสามารถทำซ้ำได้ทุกๆ 4-6 ชั่วโมง

5 .ว่านหางจระเข้ นำวุ้นด้านในของว่านหางจระเข้ที่ทำการล้างยางออกจนหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มาทำการทาถูในบริเวณที่ถูกแสงแดดเผา

6. ประคบผิวด้วยถุงชา นำถุงชาที่ไม่ใช้แล้วไปแช่ในน้ำเย็น จากนั้นให้นำถุงชาไปวางประคบบนใบหน้า จะเป็นการช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนที่เกิดขึ้นตามผิวได้เป็นอย่างดี

7. น้ำมันมะพร้าว นำสำลีไปชุบน้ำมันมะพร้าว แล้วทาไปในบริเวณที่ผิวมีการไหม้ จะช่วยทำให้รอยไหม้ค่อยๆจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ

8. ทาครีมกันแดดอย่างต่อเนื่อง ครีมกันแดดนอกจากจะช่วยในการปกป้องผิวจากแสงแดด แต่ก็ยังมีสรรพคุณในการรักษาอาการไหม้ของผิวจากแสงแดดอีกด้วย เมื่อเกิดอาการไหม้ของผิวจากแสงแดด ให้ทำการทาครีมกันแดดในบริเวณนั้นต่อไปอีก 2 สัปดาห์ พร้อมกับพยายามหลีกเลี่ยงแสงแดด ผิวจะเกิดการผลัดเซลล์ผิวเก่าทิ้งไป ผิวหนังชั้นใหม่ที่เกิดขึ้นมาแทนก็จะกลับมาเนียนใสได้เหมือนเดิม

9. น้ำส้มสายชู นำผ้าขนหนูมาชุบน้ำส้มสายชู แล้วไปวางทับไว้ในบริเวณผิวที่เกิดอาการไหม้ขึ้น

10. น้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ นำผ้าขนหนูมาชุบน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์แล้วไปวางทับไว้ในบริเวณผิวที่เกิดอาการไหม้ขึ้น

11. แตงกวา นำแตงกว่ามาหันให้เป็นชิ้นบางๆ แบ้สรำไปวางไว้ตามจุดต่างๆของผิวที่มีอาการไหม้เกิดขึ้น วิตามินและความเย็นจากแตงกวาจะช่วยเยียวยาผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดดให้แข็งแรงขึ้น

12. น้ำผึ้ง นำน้ำผึ้งไปทำการทาในบริเวณที่ผิวหนังมีอาการไหม้ หรืออาจจะทำการผสมกับน้ำมะนาว หรือนมสด

13. การทานวิตามินซี วิตามินซีจะช่วยทำให้ผิวที่กำลังอ่อนแอไหม้เสียจากแสงแดด เกิดการฟื้นฟูให้กลับมาแข็งแรงได้ดังเดิมอย่างรวดเร็วมากขึ้น โดยควรทำการรับประทานวิตามินซีควบคู่ไปกับครีมบำรุงผิวไปสักประมาณวันละ 3,000 มิลิกรัม

14. มะเขือเทศ นำมะเขือเทศมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วทำการวางไปตามบริเวณผิวหนังที่เกิดอาการไหม้ วิตามินและความเย็นในมะเขือเทศจะช่วยเยียวยาให้ผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดดมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น

15. ประคบด้วยก้อนน้ำแข็ง นำก้อนน้ำแข็งเล็กๆมาทำการประคบผิวหนังที่มีอาการไหม้ ซึ่งจะช่วยทำให้ผิวหนังเกิดความอ่อนนุ่ม ปิดรูขุมขน และบรรเทาอาหารปวดแสบปวดร้อนที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี

16. เบกกิ้งโซดา นำเบกกิ้งโซดาปริมาณ 1-2 ถ้วยตวง ผสมใส่ลงในอ่านน้ำสำหรับแช่ตัว หรือละลายเบกกิ้งโซดาลงในน้ำเย็น เพื่อใช้ในการฉีดผิว

การรักษาอาการผิวไหม้เสียจากแสงแดด เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม และควรรีบทำการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะถ้าหากปล่อยเวลาให้ผ่านพ้นเลยไปนาน ปัญหาผิวเหล่านี้อาจจะเกิดการสะสมกันมากขึ้น จนกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่มากขึ้น อย่างเช่น การเกิดมะเร็งผิวหนัง เป็นต้น

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

แชร์ประสบการณ์เคล็ดลับหน้าใสด้วยว่านหางจระเข้

สมุนไพรไทยมีหลายชนิดที่มีคุณสมบัติที่ช่วยในการบำรุงผิวพรรณ ทำให้ผิวหน้าสดใส เปล่งปลั่ง ขาวเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่ง “ว่านหางจระเข้” เองก็เป็นหนึ่งในสมุนไพรที่มีคุณสมบัติดังกล่าวอยู่อย่างครบถ้วน แต่มักที่จะถูกคุณสาวๆหลายๆคนมองข้าม หรือเกิดความกลัวไม่กล้าที่จะนำมาใช้กับผิวหน้า เพราะไม่รู้ว่าควรที่จะนำมาใช้อย่างไรจึงจะถูกวิธี? อันตรายกับผิวหน้าหรือเปล่า? ได้ผลมากน้อยเพียงใด?   

สำหรับในวันนี้เลยจะขอพาคุณสาวๆที่ยังกล้าๆ กลัวๆ ไปเจาะลึกถึงเจ้าสมุนไพรชนิดนี้กัน ว่าทำไมคุณสาวๆ คนอื่นๆ ที่ได้ทดลองใช้ จึงได้มีการแชร์ผลตอบรับที่ดีเยี่ยมถึงประสิทธิภาพของเจ้าว่านหางจระเข้ ในการบำรุงผิวหน้าให้ใสกันอย่างแพร่หลายบนโลกไซเบอร์

ว่านหางจระเข้ช่วยทำให้หน้าใสได้อย่างไร?

ว่านหางจระเข้ มีคุณสมบัติช่วยทำให้กระบวนการเมตะโบลิซึมของร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ ลดการติดเชื้อ สลายสารพิษของเชื้อโรค กระตุ้นให้เนื้อเยื่อของผิวหนังที่ชำรุดเกิดการสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่ ทำให้ริ้วรอย รอยด่างดำ รอยแผลเป็น รวมไปถึงหลุมสิวบนใบหน้าตื้นขึ้นและหายรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ช่วยทำให้ผิวหน้ากระจ่างใสมากขึ้น

นอกจากนี้ ว่านหางจระเข้ ยังช่วยรักษาผิวหน้าที่ถูกแดดเผาไหม้จนเกรียมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าหากนำว่านหางจระเข้ผสมเข้ากับโลชั่นแล้วทาลงบนผิวก็ยังมีคุณสมบัติในการป้องกันผิวไม่ให้ถูกแสงแดดเผาได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย

การเลือกว่านหางจระเข้ที่เหมาะสม

ควรเลือกว่านหางจระเข้ที่มีอายุ 1 ปี ขึ้นไป  ซึ่งจะเป็นช่วงที่เวลาที่ว่านหางจระเข้ทำการสะสมแร่ธาตุเอาไว้ภายในจนมีคุณสมบัติในการเป็นยาสมุนไพรอย่างเพียงพอ  โดยให้เลือกจากใบอวบโตที่อยู่ด้านล่างสุด ซึ่งจะมีมีวุ้นอยู่ภายในเป็นจำนวนมาก

การเตรียมว่านหางจระเข้ที่ถูกต้อง

นำว่านหางจระเข้ที่ตัดมาไปแช่น้ำก่อนทั้งเปลือกนอก ประมาณ 10-15 นาที แล้วทำการล้างเอาคราบยางสีเหลืองที่ติดมาออกให้หมดด้วยน้ำสะอาดผสมกับเกลือ และควรเปลี่ยนน้ำในขณะที่ทำการล้างหลายๆครั้ง เพราะถ้าหากล้างออกไม่หมดยางสีเหลืองเหล่านี้จะส่งผลให้ผิวหนังเกิดการระคายเคือง ทำให้เกิดความปวดแสบปวดร้อน หรือเป็นผื่นแดง

จากนั้นให้ทำการปอกเปลือกออกให้หมดจนเหลือเพียงวุ้นใสๆที่อยู่ภายใน แล้วนำวุ้นที่ได้นั้นไปทำการล้างน้ำให้สะอาดอีกครั้ง เมื่อนำวุ้นไปปั่นหรือใช้มือขยำจนละเอียดจะได้เจลว่านหางจระเข้สดๆ ซึ่งสามารถใช้ในการบำรุงผิวหน้าได้ดีมากกว่าผลิตภัณฑ์เจลว่านหางจระเข้ที่ผ่านการแปรรูปมาแล้ว

ข้อควรระวังในการใช้ว่านหางจระเข้ในการบำรุงผิวหน้า

1. สำหรับคุณสาวๆที่ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะเกิดอาการแพ้เมื่อใช้ว่านหางจระเข้ในการบำรุงผิวหน้า สามารถทำการทดสอบก่อน โดยการปอกเปลือกว่านหางจระเข้ออกแล้วนำน้ำที่ได้จากวุ้นสีขาวที่อยู่ภายในมาทาในบริเวณโคนหู หรือท้องแขน ทิ้งเอาไว้สักครู่

ถ้าหากมีอาการระคายเคือง รวมไปถึงเกิดผื่นเม็ดแดงขึ้น แสดงว่าแพ้ว่านหางจระเข้ หากไม่มีอาการอะไรเกิดขึ้นก็สามารถที่จะนำว่านหางจรtเข้ไปใช้ในการบำรุงผิวหน้าต่อไปได้ตามปกติ

2. คนที่มีสิวหัวหนองบนใบหน้าควรหลีกเลี่ยงการบำรุงโดยใช้ว่านหางจระเข้ เพราะว่านหางจระเข้จะทำให้สิวหายช้ามากกว่าปกติ

วิธีการใช้เจลว่านหางจระเข้เพื่อบำรุงหน้าใส

สำหรับวิธีการใช้เจลว่านหางจระเข้เพื่อบำรุงหน้าให้ใสนั้นมีอยู่หลายวิธี ขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาพผิวของคุณสาวๆแต่ละคน โดยมีวิธีการใช้เจลว่านหางจรเข้ดังต่อไปนี้

1. สูตรพอกหน้าสำหรับคนที่ผิวมัน เริ่มจากการล้างหน้าให้สะอาด แล้วเช็ดหน้าให้แห้ง จากนั้นนำเจลสดที่เตรียมเอาไว้มาพอกให้ทั่วใบหน้า ยกเว้นรอบๆดวงตาและรอบๆปาก ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด

2. สูตรพอกหน้าสำหรับคนที่ผิวแห้ง ควรผสมว่านหางจระเข้เข้ากับน้ำมันมะกอกและไข่แดงให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำไปพอกให้ทั่วใบหน้า ยกเว้นรอบๆดวงตาและรอบๆปาก ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด

3. สูตรพอกหน้าช่วยให้ผิวกระจ่างใส และลดความมันบนใบหน้า โดยนำเจลว่านหางจระเข้ 1 ช้อนโต๊ะ ดินสอพอง 1 ช้อนโต๊ะ นมสด 1.5 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากันแล้วนำไปพอกให้ทั่วใบหน้า ยกเว้นรอบๆดวงตาและรอบๆปาก ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด

สูตรการพอกหน้าโดยการใช้เจลว่านหางจระเข้สด ร่วมกับส่วนผสมชนิดอื่นๆที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณสาวๆแต่ละคนนั้น สามารถทำการพอกได้อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ถ้าหากทำการพอกหน้าเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอคุณสาวๆก็สามารถที่จะรู้สึกได้ถึงผิวหน้าที่ขาวเนียนสดใสมากขึ้นกว่าปกติ

 

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.