อยากผิวกระจ่างใส ธรรมชาติ เป๊ะเว่อร์เชิญทางนี้

         ค่านิยมของคนในบ้านเราโดยเฉพาะหนุ่มๆ มักชื่นชอบผู้หญิงที่มีผิวขาวสวยกระจ่างใส เปล่งประกาย จึงไม่แปลกที่สาวๆสมัยนี้จะยอมจ่ายให้กับครีมบำรุงผิวราคาแพง หรือบางคนถึงกับหันไปพึ่งการฉีดสีผิวให้ขาวเด้ง ออร่าจับแบบรวดเร็วทันใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่าวิธีการดังกล่าวอาจทำให้ได้ผิวขาวแบบเว่อร์เกินจริง ดูไม่เป็นธรรมชาติ แล้วจะดีกว่าไหมหากเรามีวิธีทำให้ผิวกระจ่างใส ธรรมชาติมานำเสนอ นั่นคือการใช้สูตรพอกผิวแบบโฮมเมดที่ไม่ต้องจ่ายแพง และที่สำคัญคือได้ผลลัพธ์ในแบบที่สาวๆทุกคนต้องพึงพอใจ

 

สูตรพอกผิวกระจ่างใส ธรรมชาติ
         1.โยเกิร์ตผสมมะนาว นำน้ำมะนาวไปคั้นเอาน้ำผสมกับโยเกิร์ตธรรมชาติ แล้วทาผิวปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีจึงล้างออก กรดในน้ำมะนาวจะช่วยขจัดเซลล์ของผิวเก่าที่เสียให้หลุดออกไป เผยผิวใหม่ที่เป็นผิวขาวสดใสกว่าเดิม โดยส่วนผสมของโยเกิร์ตจะช่วยลดการระคายเคืองผิวจากกรดของมะนาว
         2.มะละกอผสมนมสด นำเอาเนื้อมะละกอสุกและนมสดมาบดผสมให้เข้ากัน แล้วพอกบนผิวหน้าหรือผิวกายทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำเปล่า สูตรนี้จะทำให้ผิวกระจ่างใส ธรรมชาติ ขาวเนียนนุ่ม ชุ่มชื่นขึ้น ทำให้ผิวของแลดูอวบอิ่ม มีน้ำมีนวลอยู่เสมอ
         3.นมสดผสมผงชาเขียว นำนมสดสัก 3 ช้อนโต๊ะผสมกับผงชาเขียวป่นที่หาซื้อได้ตามร้านทำขนมอบ โดยใช้ผงชาเขียวเพียงแค่ 1 ช้อนชาเท่านั้น เมื่อผสมกันดีแล้วก็ให้ใช้สำลีก้อนชุบส่วนผสมทั้งสอง นำมาถูให้ทั่วใบหน้ายกเว้นรอบดวงตาและริมฝีปาก ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น สูตรนี้จะเป็นการกำจัดสิ่งสกปรกบนผิวได้อย่างหมดจด นอกจากผิวจะสะอาดแล้วยังให้ความนุ่มนวลและชุ่มชื้น
         4.มะเขือเทศ สำหรับสูตรพอกผิวด้วยมะเขือเทศนั้นมีมากมายให้เลือกสรร เราขอนำสูตรที่ได้รับการการันตีจากผู้ใช้ว่าเห็นผลจริงมาให้ท่านผู้อ่านได้ลองพิสูจน์ โดยสิ่งที่ต้องเตรียมมีแค่มะเขือเทศสัก 2-3 ลูก และเครื่องปั่นผลไม้เท่านั้น เริ่มจากล้างมะเขือเทศให้สะอาดก่อนนำมาปั่นให้ละเอียด หากไม่มีเครื่องปั่นใช้วิธีคั้นสดๆแทนก็ได้ หลังจากนั้นนำมาพอกผิวทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นก่อน และล้างด้วยน้ำเย็นอีกรอบเพื่อช่วยกระชับรูขุมขน สูตรนี้ให้ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ผิวจะเนียนนุ่ม ผิวกระจ่างใส ธรรมชาติ ขาวขึ้นแบบตัวเองยังต้องอึ้ง

         5.มะเขือเทศผสมข้าวโอ๊ต โดยให้นำมะเขือเทศไปปั่นหรือบดให้ละเอียด กรองเอาแต่น้ำ ผสมกับข้าวโอ๊ต แล้วคนให้เข้ากัน ก่อนใช้ต้องล้างตัวให้สะอาดแล้วเช็ดให้แห้ง พอกทิ้งไว้นานๆแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด สูตรนี้เหมาะกับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะผิวแห้งหรือมัน ช่วยยกกระชับผิวให้ชุ่มชื่น ได้ผิวขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
         6.น้ำมันมะพร้าว สูตรนี้ใช้ได้ง่ายๆ ไม่ต้องมีพิธีลีตองใดๆ ให้เรานำน้ำมันมะพร้าวมาทาผิวได้เลย ซึ่งเป็นสูตรโบราณที่ใช้ได้ผลมาก โดยน้ำมันมะพร้าวจะช่วยทำให้ผิวกระจ่างใส ธรรมชาติ เพิ่มความชุ่มชื้นและทำให้ผิวมียืดหยุ่น ป้องกันการเสื่อมของสภาพผิวโดยเฉพาะปัญหาเรื่องริ้วรอย
         เห็นหรือยังว่าการได้ผิวขาวกระจ่างใส มีออร่า ไม่จำเป็นต้องจ่ายในราคาแพงเสมอไป การใช้สูตรพอกผิวแบบธรรมชาตินี้เป็นสูตรโฮมเมดแสนง่าย ใครๆก็ทำได้ ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก และไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียงใดๆ เนื่องจากไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายร่างกาย หวังว่าท่านผู้อ่านได้นำไปใช้กันเพื่อผิวกระจ่างใส ธรรมชาติ เป๊ะเว่อร์กันถ้วนหน้า

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

อยากรู้ไหม กินอะไรให้ผิวใส จากภายในสู่ภายนอก

         การทาครีมหรือโลชั่นบำรุงผิวเป็นวิธียอดนิยมที่สาวๆมักใช้กัน แต่คุณทราบหรือไม่ว่าวิธีดังกล่าวเป็นการฟื้นบำรุงให้ผิวขาวจากภายนอกเท่านั้น ถ้าอยากผิวใส จากภายใน จำเป็นต้องรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิวพรรณ อย่างเช่น อาหารที่ให้วิตามินซี วิตามินบี วิตามินเอ สารต้านอนุมูลอิสระ เป็นต้น จึงจะทำให้ผิวใส จากภายในสู่ภายนอก และการรับประทานอาหารเสริมก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ได้ผลดี ทั้งนี้ อาหารเสริมบางตัวก็อาจทำให้กระเป๋าของคุณฉีกด้วยการสนนราคาแสนแพง อย่างไรก็ดี เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิวโดยไม่ต้องพึ่งอาหารเสริม มาดูกันว่าควรรับประทานอะไรบ้าง


กินอะไรให้ผิวใส จากภายใน

         1.มะละกอ เป็นผลไม้แคลอรี่ต่ำ หาซื้อง่ายในทุกฤดูกาล ซึ่งเจ้ามะละกอมีแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ซึ่งแตกตัวเป็นวิตามินเอ หรือสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยม นอกจากสามารถป้องกันมะเร็งแล้ว ยังช่วยปกป้องรักษาผิวพรรณให้ชุ่มชื่น แลดูอ่อนเยาว์อีกด้วย โดยควรบริโภค 200 กรัม หรือประมาณชามก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม คุณค่าของสารอาหารวิตามินเอ จะเข้มข้นอยู่ตรงส่วนเนื้อเหลืองๆ ที่เมล็ดมะละกอฝังอยู่ ดังนั้น อย่าขูดทิ้ง ให้ใช้ซ้อมเขี่ยเมล็ดออกและรับประทาน
         2.ส้ม อุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยป้องกันผิวพรรณจากการถูกทำร้ายของรังสียูวี และมีสรรพคุณในการช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนให้แก่ผิว ทำให้เต่งตึง ยืดหยุ่น ไม่แห้งหยาบ โดยควรรับประทานส้มเพื่อผิวใส จากภายใน ปริมาณ 200 มิลลิกรัมต่อวัน หรือเท่ากับส้ม 1 ผลก็ถือเป็นพียงพอแล้ว ทั้งนี้ ต้องเป็นส้มสดๆ ไม่ใช่น้ำส้มที่มักมีเกลือและน้ำเชื่อมเจือปน ทำให้สารอาหารอย่างวิตามินหายไป
         3.ธัญพืช ที่ผ่านกระบวนการขัดสีน้อย มีเส้นใยอาหารสูง ได้แก่ ข้าวกล้อง ข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าวโอ๊ต ถั่วเมล็ดแห้ง ลูกเดือย งา รวมถึงอาหารจำพวกขนมปังโฮลวีต ซีเรียล คุกกี้ธัญพืช ฯลฯ ล้วนอุดมไปด้วยสารอาหารกลุ่มวิตามินบี ที่มีประโยชน์ต่อผิว วิตามินกลุ่มนี้จะช่วยเสริมสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาแทนที่เซลล์เก่า และดูแลรักษาความแข็งแรงให้แก่ผิวไม่ให้ติดเชื้อได้ง่าย
         นอกจานี้ ไนอะซิน (Niacin) ในธัญพืช จะช่วยให้เซลล์ผิวหนังดูดซึมสารอาหารจากเลือด และผันเป็นพลังงานออกมา ช่วยให้ผิวไม่แห้งแตก มือและเท้าจะไม่หยาบกร้าน โดยควรบริโภคข้าวกล้องแบบไม่ขัดสีเป็นหลักแทนข้าว บางคนที่บอกว่าข้าวกล้องแข็งกินไม่อร่อย ลองนำเอาข้าวกล้องแช่น้ำสักพักก่อนหุง จะได้ข้าวที่นิ่ม อร่อยถูกปากมากขึ้น

         4.ชาเขียว ประโยชน์ใน “ชาเขียว” มีฟลาโวนอยด์ (Flavinoids) และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่คอยต่อสู้กับรังสียูวี รวมถึงสารเคมีจากสภาพแวดล้อม ซึ่งช่วยให้ผิวพรรณแลดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ สามารถรับประทานชาเขียวได้ทั้งชงในถุงชาหรือเป็นใบ โดยให้แช่ในน้ำร้อนเดือด เป็นเวลาอย่างน้อย 3 นาที อย่างไรก็ตาม ห้ามใส่นมลงไปในชาเขียว เพราะเท่ากับเป็นการลบล้างสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ไม่ได้รับสารอาหารในชาเขียวได้อย่างเต็มที่
         5.น้ำมะเขือเทศ ถึงแม้รสชาติของน้ำมะเขือเทศจะไม่ได้เป็นที่โปรดปรานของใครหลายคน แต่หากทราบสรรพคุณของมันแล้วอาจทำให้ท่านเปลี่ยนใจ น้ำมะเขือเทศอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินเค และแร่ธาตุหลายชนิด เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก การดื่มน้ำมะเขือเทศเป็นประจำทุกวัน จะช่วยให้ระบบการย่อยและการขับถ่ายดีขึ้น ส่งผลไปถึงผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูกระจ่างใสขึ้น ผิวไม่แห้งกร้าน ทำให้เรามีผิวขาวอย่างเป็นธรรมชาติ ผิวใส จากภายในสู่ภายนอก มะเขือเทศยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่า “ไลโคปีน” ซึ่งจะช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็งลำไส้ และมะเร็งต่อมลูกหมาก
         นอกจากผักผลไม้เหล่านี้แล้ว ยังมีอาหารอื่นๆอีกมากมายที่ทำให้คุณขาวใส ได้จากภายใน และถ้าจะให้ได้ผลเร็วขึ้นควรดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการขับสารพิษ ส่งผลให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งมีส่วนช่วยให้เรามีผิวขาวอมชมพูได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ผิวขาว ทําไง มาดูวิธีแสนง่ายที่คนอยากขาวต้องทำตาม

         ค่านิยมของคนไทยโดยส่วนใหญ่มักชอบคนที่มีผิวขาว สดใส เปล่งประกาย จึงทำให้วัยรุ่นทั้งหญิงชายในปัจจุบันหันมาดูแลเอาใจใส่สุขภาพผิวกันมากขึ้น โดยมักตั้งคำถามว่าวิธีทำให้ผิวขาว ทำไง จริงๆแล้วมันมีหลากหลายวิธีให้เลือก อยู่ที่ว่าจะเลือกแบบไหน กระนั้นก็ตาม บทความนี้ขอเสนอวิธีการแสนง่ายที่คนอยากขาวต้องปฏิบัติตาม จะได้มีผิวขาวใส เปล่งประกาย อมชมพูระเรื่ออย่างที่ทุกคนต้องการ ต้องทำอย่างไรบ้างมาดูกัน

1.ดื่มน้ำมะเขือเทศ
ผิวขาว ทำไง ขอเริ่มด้วยการการดื่มน้ำมะเขือเทศ ถึงแม้รสชาติของน้ำมะเขือเทศจะไม่ได้เป็นที่โปรดปรานของใครหลายคน แต่หากทราบสรรพคุณของมันแล้วอาจทำให้ท่านเปลี่ยนใจ น้ำมะเขือเทศอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินเค และแร่ธาตุหลายชนิด เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก การดื่มน้ำมะเขือเทศเป็นประจำทุกวัน จะช่วยให้ระบบการย่อยและการขับถ่ายดีขึ้น ส่งผลไปถึงผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูกระจ่างใสขึ้น ผิวไม่แห้งกร้าน ทำให้เรามีผิวขาวใสอย่างเป็นธรรมชาติ
2.รับประทานมะละกอ
มะละกอเป็นผลไม้แคลอรี่ต่ำ หาซื้อง่ายในทุกฤดูกาล ซึ่งเจ้ามะละกอมีแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ซึ่งแตกตัวเป็นวิตามินเอ หรือสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยม นอกจากสามารถป้องกันมะเร็งแล้ว ยังช่วยปกป้องรักษาผิวพรรณให้ชุ่มชื่น แลดูอ่อนเยาว์อีกด้วย โดยควรบริโภค 200 กรัม หรือประมาณชามก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม คุณค่าของสารอาหารวิตามินเอ จะเข้มข้นอยู่ตรงส่วนเนื้อเหลืองๆ ที่เมล็ดมะละกอฝังอยู่ ดังนั้น อย่าขูดทิ้ง ให้ใช้ซ้อมเขี่ยเมล็ดออกและรับประทาน

3.รับประทานส้ม
ส้มอุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยป้องกันผิวพรรณจากการถูกทำร้ายของรังสียูวี และมีสรรพคุณในการช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนให้แก่ผิว ทำให้เต่งตึง ยืดหยุ่น ไม่แห้งหยาบ ผิวขาว ทำไง ควรรับประทานส้มเพื่อผิวสวยเด้ง ในปริมาณ 200 มิลลิกรัมต่อวัน หรือเท่ากับส้ม 1 ผลก็ถือเป็นพียงพอแล้ว ทั้งนี้ ต้องเป็นส้มสดๆ ไม่ใช่น้ำส้มที่มักมีเกลือและน้ำเชื่อมเจือปน ทำให้สารอาหารอย่างวิตามินหายไป
4.ดื่มชาเขียว
ในชาเขียวมีฟลาโวนอยด์ (Flavinoids) และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่คอยต่อสู้กับรังสียูวี รวมถึงสารเคมีจากสภาพแวดล้อม ซึ่งช่วยให้ผิวพรรณแลดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ สามารถรับประทานชาเขียวได้ทั้งชงในถุงชาหรือเป็นใบ โดยให้แช่ในน้ำร้อนเดือด เป็นเวลาอย่างน้อย 3 นาที อย่างไรก็ตาม ห้ามใส่นมลงไปในชาเขียว เพราะเท่ากับเป็นการลบล้างสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ไม่ได้รับสารอาหารในชาเขียวได้อย่างเต็มที่
5.พอกผิวด้วยมะเขือเทศ
สำหรับสูตรพอกผิวด้วยมะเขือเทศนั้นต้องเตรียมมะเขือเทศสัก 2-3 ลูก และเครื่องปั่นผลไม้ อุปกรณ์พร้อมแล้วก็เริ่มจากล้างมะเขือเทศให้สะอาดก่อนนำมาปั่นให้ละเอียด หากไม่มีเครื่องปั่นใช้วิธีคั้นสดๆแทนก็ได้ หลังจากนั้นนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นก่อน และล้างด้วยน้ำเย็นอีกรอบเพื่อช่วยกระชับรูขุมขน สูตรนี้ให้ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง หน้าจะเนียนนุ่ม ผิวขาวใสขึ้นแบบตัวเองยังต้องอึ้ง สูตรนี้สามารถใช้ได้กับผิวกาย อย่างเช่นบริเวณแขน ลำคอได้

6.พอกผิวด้วยโยเกิร์ตผสมมะนาว
  นำน้ำมะนาวไปคั้นเอาน้ำผสมกับโยเกิร์ตธรรมชาติ แล้วทาผิวปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีจึงล้างออก กรดในน้ำมะนาวจะช่วยขจัดเซลล์ของผิวเก่าที่เสียให้หลุดออกไป เผยผิวใหม่ที่เป็นผิวขาวสดใสกว่าเดิม โดยส่วนผสมของโยเกิร์ตจะช่วยลดการระคายเคืองผิวจากกรดของมะนาว
7.พอกผิวด้วยมะละกอผสมนมสด
ผิวขาว ทำไง สูตรนี้ให้นำเอาเนื้อมะละกอสุกและนมสดมาบดผสมให้เข้ากัน แล้วพอกบนผิวหน้าหรือผิวกายทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำเปล่า สูตรนี้จะทำให้ผิวขาวเนียนนุ่ม ชุ่มชื่นขึ้น ทำให้ผิวของแลดูอวบอิ่ม มีน้ำมีนวลอยู่เสมอ
8.พอกผิวด้วยนมสดผสมผงชาเขียว
นำนมสดสัก 3 ช้อนโต๊ะผสมกับผงชาเขียวป่นที่หาซื้อได้ตามร้านทำขนมอบ โดยใช้ผงชาเขียวเพียงแค่ 1 ช้อนชาเท่านั้น เมื่อผสมกันดีแล้วก็ให้ใช้สำลีก้อนชุบส่วนผสมทั้งสอง นำมาถูให้ทั่วใบหน้ายกเว้นรอบดวงตาและริมฝีปาก ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น สูตรนี้จะเป็นการกำจัดสิ่งสกปรกบนผิวได้อย่างหมดจด นอกจากผิวจะสะอาดแล้วยังให้ความนุ่มนวลและชุ่มชื้น
  จุใจกันไปเลยกับวิธีทำให้ผิวขาวสวยสดใสแบบธรรมชาติ ไม่ต้องพึ่งครีม สารเคมีใดๆ แต่สำหรับคนที่ใช้ครีมหรือเซรั่มบำรุงผิวอยู่แล้วก็สามารถนำวิธีการข้างต้นไปใช้ได้ และถ้าอยากให้ผิวเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวลมากขึ้น แนะนำให้ออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ รับรองว่าผิวพรรณจะขาวผุดผ่อง สวยเด้งไม่เป็นสองรองใครแน่นอน

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

มาดูวิธีขาวไว ขาวใสแบบธรรมชาติ เขาทำกันอย่างไร

         ค่านิยมของคนในบ้านเรามักชอบคนผิวขาว สวยสุขภาพดี จึงไม่แปลกที่คนในยุคนี้โดยเฉพาะบรรดาสาวๆจะหันไปพึ่งนวัตกรรมในการทำให้ผิวของตัวเองแลดูขาวสดใส ออร่าจับอย่างการฉีดสีผิวให้ขาวแบบรวดเร็วทันใจ ทั้งนี้ อย่าลืมว่าวิธีการดังกล่าวอาจส่งผลข้างเคียงได้หากใช้ส่วนผสมที่ไม่เหมาะสม หรือขาดความเชี่ยวชาญ ที่สำคัญต้องแลกไปกับค่าใช้จ่ายแสนแพง วันนี้เราจะพามาดูวิธีขาวไว ขาวใสแบบธรรมชาติ ไม่ต้องพึ่งสารเคมี ถ้าพร้อมแล้วมาเริ่มกันเลย


สูตรพอกผิวเร่งด่วน ขาวได้ภายใน 7 วัน

         หากใครยังไม่พอใจกับวิธีขาวไวข้างต้น ลองมาดูสูตรธรรมชาติที่ใช้พอกผิวให้ขาวแบบเร่งด่วน ภายใน 7 วัน โดยวิธีขาวไวด้วยสูตรพอกผิว มีส่วนผสมดังนี้
         – มะขามเปียก 2 กำ
         – มะนาว 1 ลูก
         – ผงขมิ้น
         – น้ำมันมะพร้าว
         – น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
         – โยเกิร์ตรสธรรมชาติแช่เย็น 1 ถ้วย
         – นมสดแช่เย็น 1 กล่อง
         สำหรับขั้นตอนการทำ ให้ผสมมะขามเปียก มะนาว ผงขมิ้น น้ำมันมะพร้าว น้ำผึ้งลงในภาชนะ คนส่วนผสมให้เข้ากัน โดยให้หยิบกากมะขามเปียกออกไป ไม่เช่นนั้นถ้านำมาขัดผิวอาจทำให้ผิวถลอกปลอกเกิดได้ ส่วนผงขมิ้นใส่ให้พอดี อย่ามากเกินไป เพราะเดี๋ยวตัวเหลืองเว่อร์ คนเห็นอาจตกอกตกใจ
         เตรียมส่วนผสมเรียบร้อยแล้วก็ให้พักไว้ ไปอาบน้ำให้เสร็จสรรพ จากนั้นนำส่วนผสมมาทาถูให้ทั่วเรือนร่าง พร้อมๆกับขัดผิว โดยให้ขัดวนเป็นวงกลมทีละจุด ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงปล่อยทิ้งไว้ 10 นาที (อาจรู้สึกเหนียวเหนอะหนะก็ทนเอาหน่อย) แล้วล้างออกให้สะอาด
         ขั้นตอนต่อไปให้นำโยเกิร์ตรสธรรมชาติผสมกับนมสด แล้วคนให้เข้ากัน ทีนี้ก็ได้เวลาอาบน้ำแร่แช่น้ำนม โดยนำโยเกิร์ตกับนมที่ผสมไว้มาพอกให้ทั่วตัว รวมถึงใบหน้า ยกเว้นรอบดวงตาและริมฝีปาก พอกทิ้งไว้สัก 30-60 นาทีจึงค่อยล้างออกให้สะอาด หากกลัวไม่สะอาดให้ล้างด้วยน้ำสบู่เบาๆอีกรอบ สุดท้ายเช็ดตัวให้แห้ง ควรทาโลชั้นหรือครีมบำรุงผิวที่ท่านคุ้นเคย เป็นอันเสร็จ
         เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ควรใช้สูตรพวกตัวนี้ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งสูตรนี้อาจเป็นทำให้รู้สึกระคายเคือง แสบๆคันๆเล็กน้อย ก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะสูตรพอกผิวนี้จะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป เผยผิวใหม่ที่สุขภาพียิ่งกว่าจนลืมเรื่องผิวหมองคล้ำไปได้เลย อย่างไรก็ดี หากรู้สึกระคายเคืองผิวมากเกินกว่าปกติ ให้ล้างน้ำออกให้สะอาดทันที เพราะผิวของคุณอาจบอบบางจนเกิดอาการแพ้


ตัวช่วยเสริม

         1.ครีมกันแดด หากอยากทำให้วิธีขาวไวด้วยสูตรพอกผิวนี้ได้ผลดียิ่งขึ้น ควรใช้ตัวช่วยเสริมอย่างครีมกันแดด เพราะมันจะช่วยป้องกันแสงแดดและแสงยูวี โดยถ้าต้องออกไปข้างนอก ถูกแดดจัด แนะนำให้ทาครีมกันแดด SPF50 เพื่อป้องกันแสงแดดที่ทำร้ายเซลล์ผิวใหม่ของเรา หากไม่ทาผลที่ได้มาจะทำให้ผิวเป็นด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ
         2.วิตามินซี หากจะเลือกอาหารเสริม สิ่งควรใช้คือวิตามินซี เพราะวิตามินซีทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส เนียนนุ่ม และยังช่วยลดเลือนริ้วรอยบนผิวอีกด้วย
         3.คอลลาเจน ถือเป็นอีกหนึ่งอาหารเสริมเพื่อสุขภาพที่ดีของผิวพรรณ เสริมความเรียบตึงให้กับผิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียนกระชับ เปล่งปลั่งสดใส สุขภาพผิวแข็งแรง ริ้วรอยแห่งวัยดูลดเลือนลง
         สำหรับคนที่สงสัยว่าวิธีขาวไวภายใน 7 วัน มันเร็วเกินไปหรือไม่ เพราะส่วนใหญ่กว่าจะได้ผิวขาวก็ใช้เวลานาน ต้องบอกเลยว่าส่วนผสมที่ใช้ในสูตรพอกผิวนั้นทำให้ผิวได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะจากโยเกิร์ตและนมสดที่จะช่วยกระชับรูขุมขน เผยผิวกระจ่างใสอ่อนกว่าวัยได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่ต้องกลัวเรื่องผลข้างเคียงใดๆ เนื่องจากเป็นสูตรธรรมชาติ ไม่ทำร้ายผิวอย่างแน่นอน ยิ่งได้รับตัวช่วยเสริมแล้ว ผิวพรรณจะยิ่งขาวผุดผ่อง เปล่งออร่ามากขึ้นอย่างที่ทุกคนต้องการ

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

อยากรู้วิธีขาว ไม่ต้องพึ่งยาฉบับสาวเอเชียห้ามพลาด!

         ในทวีปเอเชียผิวขาวโปร่งแสง หรือผิวที่เปล่งประกายแบบไข่มุกได้รับการยกว่าว่าเป็นอันดับหนึ่งของผิวพรรณที่มีความงาม ถ้าหากคุณกำลังสงสัยว่าวิธีขาว ไม่พึ่งยาเพื่อให้ได้ผิวที่แสนสวยงามเหล่านั้นมาไว้ในครอบครองนั้นมีอะไรบ้าง บทความชิ้นนี้ก็ได้ทำการรวบรวมวิธีขาว ไม่ต้องพึ่งยาเอามาไว้ให้คุณได้ศึกษาหาความรู้ ค้นหาวิธีที่ใช่ที่สุดสำหรับตัวเอง

บทสรุป เหตุผลที่ทำให้ผู้หญิงเอเชียอยากขาว
หญิงสาวชาวเอเชียจำนวนมากพยายามที่จะทำให้ตัวเองมีผิวที่ขาวซีด เนื่องจากเชื่อว่าจะทำให้ตัวเองได้รับการยอมรับจากชาติตะวันตกมากยิ่งขึ้น และเหตุผลอีกประการหนึ่งคือ ความเชื่อที่ฝังลากลึกอยู่ในประวัติศาสตร์ รวมไปถึงวัฒนธรรมของหลายๆประเทศ ที่ได้ทำการคอบงำความเชื่อทั้งในประเทศญี่ปุ่น และประเทศจีนว่า คนชั้นสูง คือ คนที่มีผิวขาว ด้วยเหตุผลเหล่านี้ทำให้สาวๆชาวเอเชีย ต่างพยายามหาววิธีขาว ไม่พึ่งยามาแข่งกันบำรุงผิวพรรณของตัวเองมาอย่างช้านานเลยทีเดียว

วิธีขาว ไม่ต้องพึ่งยาด้วยการพึ่งพาพลังแห่งธรรมชาติ
 สิ่งที่กำลังจะกล่าวถึงต่อไปนี้ เป็นเคล็ดลับวิธีขาว ไม่พึ่งยาที่ได้ผลจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่เหล่าดารา คนดัง และผู้มีชื่อเสียง ได้ปฎิบัตติกันอยู่เป็นประจำ ซึ่งคุณสาวๆสามารถเลือกทำตามวิธีที่ตัวเองชื่นชอบที่สุดได้เองที่บ้าน
1.พอกหน้าด้วยนม อดีตมิสเกาหลี Son Tae Young ได้ใช้วิธีนี้ในการบำรุงผิวหน้าของตัวเองให้ดูขาวเนียน ซึ่งส่วนผสมนั้นก็ไม่ยาก เพียงแค่ทำการผสมแป้งสาลี และนมเข้าด้วยกัน ด้วยอัตรา 2 : 1 จากนั้นให้ตัดผ้าก็อซพันแผลให้มีขนาดใหญ่พอที่จะครอบใบหน้า โดยให้ทำรูบริเวณดวงตาและปากเอาไว้ จากนั้นให้ทำการทาส่วนผสมเหล่านั้นลงบนใบหน้า ติดผ้าก็อซทับเอาไว้ทิ้งให้แห้งเป็นเวลา 15 นาที แล้วจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด
 ถ้าหากคุณไม่มีเวลามากพอที่จะใช้วิธีขาว ไม่ต้องพึ่งยาแบบนี้ คุณสามารถใช้นมเสมือนกับเป็นโทนเนอร์แทนได้เช่นกัน ด้วยการนำสำลีไปแช้ในน้ำนม แล้วนำไปเช็ดใบหน้าให้ทั่ว ทิ้งเอาไว้ประมาณ 10 นาที หรือจนกว่าใบหน้าของคุณจะแห้ง จากนั้นจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด
   2.หน้ากากโยเกิร์ต อาจจะฟังดูแปลก แต่ที่จริงแล้วโยเกิร์ตมีคุณสมบัติสุดพิเศษในการที่มีผลในการควบคุมความระคายเคืองต่อผิว ผ่อนคลายผิวหนัง และสิว นอกจากนี้กรดแลคดิกภายในโยเกิร์ต ยังทำหน้าที่ในการช่วยกำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว และรูขุมขนหดตัว เมื่อใช้โยเกิร์ตในการบำรุงผิวอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ โทนสีผิวของคุณก็จะเบาละเอียดมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนวิธีการก็แสนง่ายเพียงแค่ใช้โยเกิร์ตพอกบางๆลงไปให้ทั่วใบหน้าของคุณ จากนั้นก็ให้ใช้ผ้าก็อซแปะทับลงไปให้ทั่ว ทิ้งเอาไว้ประมาณ 10-20 นาที จนหน้ากากแห้ง แล้วจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำอุ่น และข้อแนะนำว่าเนื้อโยเกิร์ตที่ใช้ในการพอกหน้านั้น ควรเป็นแบบเนื้อหนา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการหยดเละเทะลงบนพื้นนั่นเอง

         3.ร่มกันแดด แสงแดดของเอเชียแรงกล้าติดอันดับโลกเลยทีเดียว ถ้าหากคุณต้องการที่จะมีผิวขาว ทุกครั้งที่ออกจากบ้านในเวลากลางวัน ก็ควรที่จะทำการพกร่มกันแดดติดตัวเอาไว้ให้เป็นนิสัยอยู่เสมอ
 4.น้ำซาวข้าว การล้างหน้าด้วยน้ำซาวข้าวเป็นหนึ่งในวิธีขาว ไม่พึ่งยา นอกจากนี้ยังช่วยทำให้ผิวมีความโปร่งใสมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากข้าวมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด ส่วนกระบวนการเตรียมน้ำซาวข้าวนั้น เพียงแค่คุณแช่น้ำข้าวสาร แล้วทำการล้างข้าวสารในภาชนะ จากนั้นก็ให้นำน้ำขาวๆเหล่านั้นมาใช้ในการล้างหน้าแทนที่จะเททิ้งลงท่อน้ำตามปกติ และอย่าลืมให้ความชุ่มชื้นให้กับผิวด้วยมอขเจอไรซ์เซอร์ทุกครั้ง หลังจากที่ได้ทำการล้างหน้าเสร็จแล้ว

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

สาหร่ายแดง ยี่ห้อไหนดี

         สาหร่ายแดงอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระชื่อ แอสตาแซนธิน (Astaxanthin) ซึ่งเป็นสารสีแดงในกลุ่มแซนโทรฟิลล์ ตระกูลแคโรทีนอยด์  พบได้ทั่วไปในธรรมชาติ เช่น ในปลาแซลมอน ไข่ปลาคาเวียร์ เปลือกกุ้งปู เป็นต้น ทั้งนี้ ร่างกายไม่สามารถสร้างสารชนิดนี้ขึ้นเองได้ เราจะได้รับก็ต่อเมื่อบริโภคเข้าไปในปริมาณที่น้อยมาก อย่างเช่นถ้ารับประทานปลาแซลมอน 200 กรัม จะได้รับแอสตาแซนธินแค่เพียง 1 มิลลิกรัม แต่สารแอสต้าแซนธินสามารถสกัดจากได้สาหร่ายที่ชื่อว่า “Haematococcus Pluvialis” หรือสาหร่ายแดงนั่นเอง จึงมีการนำมาทำเป็นอาหารเสริมเพื่อสุขภาพกันอย่างแพร่หลาย
 มีผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ได้ทำการศึกษาประสิทธิภาพของสารต้านอนุมูลอิสระชนิดต่างๆ พบว่าสาหร่ายแดง astaxanthin มีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระได้มากกว่าวิตามินซี 6,000 เท่า CoQ10 800 เท่า วิตามินอี 550 เท่า Green tea catechins 550 เท่า Alpha lipoic acid 75 เท่า เบต้าแคโรทีน 40 เท่า และสารสกัดจากเมล็ดองุ่นถึง 17 เท่า

 

สาหร่ายแดง ยี่ห้อไหนดี
ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความสวยความงามจำนวนมาก ที่ใช้สารสกัดแอสตาแซนธินจากสาหร่ายแดงมาเป็นส่วนประกอบหลัก และมีหลากหลายแบรนด์ให้เลือกสรร เช่น กิฟฟารีน ไบโอไลฟ์ ไบโอแอสติน แอสต้าเอ็กซ์ แบรนด์อินเนอร์ไชน์ แอสต้าพลัส ฯลฯ จึงทำให้หลายคนตั้งคำถามขึ้นมาว่า “หากต้องเลือกบริโภคอาหารเสริมสักตัว สาหร่ายแดง ยี่ห้อไหนดีที่สุด” วันนี้เรามีหลักเกณฑ์ง่ายๆมาให้ท่านลองนำไปพิจารณาและตัดสินใจว่าสาหร่ายแดง ยี่ห้อไหนดี ดังนี้
1.ส่วนผสมที่ใช้กับสาหร่ายแดง
หนึ่งในข้อควรพิจารณาว่าสาหร่ายแดง ยี่ห้อไหนดี คือควรมีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับส่วนผสมที่ใช้ว่ามีการใช้สาหร่ายแดงและส่วนประกอบอื่นๆอะไรบ้าง โดยสามารถพิจารณาได้จากฉลากข้างขวด ข้อมูลข้างกล่อง เอกสารแนบในหีบห่อ เป็นต้น ซึ่งควรเป็นสารอาหารที่ช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพของ Astaxanthin ให้ดียิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น คอลลาเจน วิตามินต่างๆ เป็นต้น การพิจารณาส่วนผสมต่างๆนอกจากจะเป็นการตรวจสอบความปลอดภัยของวัตถุดิบที่ใช้แล้ว ยังทำให้เรารู้ว่าเขาใส่อะไรให้เรากินบ้าง ซึ่งแน่นอนว่าต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง
2.แบรนด์ที่ไว้ใจได้
 หลักเกณฑ์พิจารณาว่าสาหร่ายแดง ยี่ห้อไหนดี คงดูกันไม่ยาก เพราะปัจจุบันมีแบรนด์ชั้นนำที่สร้างความน่าเชื่อถือและมีมาตรฐานระดับสากลตลอดกระบวนการผลิต จึงทำให้เป็นที่รู้จักจากกลุ่มผู้บริโภค ดังนั้น เราจึงควรเลือกแบรนด์ที่เรารู้จักมักคุ้น ที่สำคัญควรสั่งซื้อจากแหล่งที่มาที่ไว้ใจได้ เพื่อป้องกันของลอกเลียนแบบไร้คุณภาพที่อาจใส่สารอันตราย

3.ยี่ห้อมีการรีวิวเยอะๆ
เพราะหากแบรนด์ไหนมีการออกมารีวิวแสดงว่าต้องมีการลองใช้กันมาแล้ว ทีนี้เราก็เลือกยี่ห้อที่มีการรีวิวผ่านความคิดเห็นในเชิงบวก ซึ่งเราสามารถค้นหาได้จากเว็บไซต์ต่างๆเกี่ยวกับสุขภาพ วิธีนี้เป็นการตรวจสอบผลลัพธ์เบื้องต้นในการใช้สาหร่ายแดงเป็นอาหารเสริม กระนั้นก็ตาม สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น เราสามารถซื้อมาลองใช้ด้วยตัวเองได้ โดยเริ่มจากลองสั่งปริมาณน้อยๆก่อน ถ้ากินแล้วเห็นผลจึงค่อยซื้อเพิ่ม
4.เลือกที่เหมาะสมกับตัวเอง
 อย่างที่ทราบกันดีกว่าแต่ละยี่ห้อไม่ได้มีส่วนผสมแค่สาหร่ายแดงเท่านั้น โดยจะมีการใส่ส่วนประกอบอื่นๆเข้ามาช่วยให้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มวิตามินต่างๆหรือคอลลาเจนเพื่อผิวสวย ดังนั้น เราจึงควรพิจารณาให้ถ้วนถี่เสียก่อนว่าตัวเองเหมาะสมกับสารอาหารตัวใดบ้าง ไม่ใช่สักแต่ว่าจะกินสาหร่ายแดงอย่างเดียว เพราะอาหารเสริมสาหร่ายแดงแต่ละยี่ห้อไม่เหมือนกัน บางตัวอาจมีส่วนผสมที่ไม่เหมาะกับสุขภาพร่างกายของเราก็เป็นได้ ทางที่ดีควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ บอกอาการต่างๆเกี่ยวกับสุขภาพอย่างละเอียด เพื่อขอคำแนะนำว่าตัวเราเหมาะกับสาหร่ายแดงยี่ห้อนั้นๆหรือไม่

        สำหรับใครที่กำลังมองหาครีม หรือผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการบำรุงผิวพรรณ และจัดการกับทุกปัญหาด้านผิวพรรณ เราขอแนะนำผลิตภัณฑ์ชิ้นหนึ่ง ที่มีประสิทธิภาพน่าสนใจ และมีส่วนผสมของ astaxanthin นั่นก็คือ BEST Sea Cream มีคุณสมบัติในการช่วยแก้ไขปัญาหาสารพัดปัญหาด้านผิวพรรณบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นสิว กระ ฝ้า หน้าหลุม อย่างได้ผล โดยมีส่วนผสมจากวัตถุดิบธรรมชาติ ที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมในการบำรุง ฟื้นฟูผิวพรรณ สาหร่ายแดง เมือกปลาดาว แมงกระพรุนและแพลงตอน ซึ่งที่สุดในการบำรุงฟื้นฟูผิวพรรณอย่างอ่อนโยน พร้อมเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนอย่างน่าอัศจรรย์ใน้วลาเพียง 3-14 วัน 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ขายสาหร่ายสีแดงกันเยอะแยะ จะรู้ได้ไงว่ามันดีจริง

         “สาหร่ายสีแดง” เมื่อสกัดออกมาจะได้สารแอสตาแซนธิน (Astaxanthin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงประสิทธิภาพ มีผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ได้ทำการศึกษา พบว่าสารแอสตาแซนธินมีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระได้มากกว่าวิตามินซี 6,000 เท่า CoQ10 800 เท่า วิตามินอี 550 เท่า Green tea catechins 550 เท่า Alpha lipoic acid 75 เท่า เบต้าแคโรทีน 40 เท่า และสารสกัดจากเมล็ดองุ่นถึง 17 เท่า ณ ตอนนี้จึงกำลังเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในหมู่คนรักสุขภาพ
และจากข้อมูลข้างต้นจึงทำให้มันกลายเป็น Super antioxidant ที่ใครๆก็ต่างให้ความสนใจโดยเฉพาะคนในวงการความสวยความงาม เนื่องจากมีผลวิจัยที่ให้ผู้หญิงรับประทานสารแอสตาแซนธิน พบว่าผู้หญิงจาก 5 ใน 10 คน มีสภาพผิวที่เนียนขึ้นจริง ริ้วรอยเหี่ยวย่นลดลง ผิวชุ่มชื้น และตึงกระชับขึ้น ริ้วรอยเส้นเล็กและรอยเหี่ยวย่นลดลง 53% ผิวหนังยืดหยุ่นตึงกระชับขึ้น 53% ลดความแห้งกร้าน 56% จากการประเมินส่วนบุคคลหลังจากรับประทานแอสตาแซนธิน ระยะเวลา 6 สัปดาห์

         ปัจจุบันจึงมีการขายสาหร่ายสีแดงกันมากมายหลายแบรนด์ ที่คุ้นหูกันก็อย่างเช่น กิฟฟารีน ไบโอไลฟ์ เอสต้า ไบโอแอสติน แอสต้าเอ็กซ์ แอสต้าพลัส เป็นต้น ในความหลากหลายนี้จึงมีคนตั้งคำถามว่า ขายสาหร่ายสีแดงกันเยอะแยะ จะรู้ได้อย่างไรว่าตัวไหนดีจริง หรือมีวิธีพิจารณาอย่างไรก่อนเลือกใช้ จริงๆแล้ววิธีการดูว่าแบรนด์ไหนดีที่สุด สามารถสังเกตได้ไม่ยาก ดังนี้
         1.มีส่วนผสมอะไรบ้างนอกจากสาหร่ายสีแดง หนึ่งในข้อควรพิจารณาว่ายี่ห้อไหนขายสาหร่ายสีแดงที่มีคุณภาพ ให้ดูที่ส่วนประกอบหลักอื่นๆด้วยว่าเขาใส่อะไรมาบ้าง โดยสามารถพิจารณาได้จากฉลากข้างขวด ข้อมูลข้างกล่อง เอกสารแนบในหีบห่อ เป็นต้น อย่างเช่นมีส่วนผสมของคอลลาเจน วิตามินดี วิตามินซี ฯลฯ สารอาหารเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมให้สารแอสตาแซนธินมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนนี้ยังเป็นการตรวจสอบความปลอดภัยของวัตถุดิบที่ใช้ไปในตัว
         2.เลือกแบรนด์ที่ไว้ใจได้ โดยควรเป็นแบรนด์ชั้นนำที่สร้างความน่าเชื่อถือ มีมาตรฐานระดับสากลตลอดกระบวนการผลิต เนื่องจากการที่ผู้ประกอบการสร้างความไว้ใจในระดับสากลได้แสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ต่างๆโดยเฉพาะที่ขายสาหร่ายสีแดงให้แก่ผู้บริโภค ต้องเป็นอาหารเสริมที่มีคุณภาพอย่างแน่นอน จึงถือเป็นตัวช่วยง่ายๆในการพิจาณาเบื้องต้น ทั้งนี้ ควรสั่งซื้อจากแหล่งที่มาที่ไว้ใจได้ เพื่อป้องกันสินค้าลอกเลียนแบบ

         3.มีผลตอบรับจากผู้บริโภคที่ดี เพราะหากสาหร่ายสีแดงยี่ห้อไหนมีการออกมารีวิวในเชิงบวกแสดงว่าสินค้ามีคุณภาพ รับประทานแล้วได้ผลดี ซึ่งเราสามารถค้นหาได้จากเว็บไซต์ต่างๆเกี่ยวกับสุขภาพ วิธีนี้เป็นการตรวจสอบผลลัพธ์เบื้องต้นในการใช้สาหร่ายแดงเป็นอาหารเสริม
อย่างไรก็ตาม นอกจากจะพิจารณาจากอาหารเสริมที่กำลังจะเลือกใช้แล้ว อย่าลืมหันกลับมาสำรวจตัวเองด้วยว่าตัวเราเหมาะสมกับผลิตภัณฑ์นั้นๆหรือไม่ เพราะอย่างที่ทราบกันดีกว่าแต่ละยี่ห้อไม่ได้มีส่วนผสมแค่สาหร่ายแดงเพียงอย่างเดียว การใส่ส่วนประกอบอื่นๆเข้ามาช่วยให้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มวิตามินต่างๆ หรือคอลลาเจนเพื่อผิวสวย เราจำเป็นต้องพิจารณาให้ถ้วนถี่เสียก่อนว่าตัวเองเหมาะสมกับสารอาหารตัวใดบ้าง เพราะอาหารเสริมสาหร่ายแดงแต่ละยี่ห้อไม่เหมือนกัน บางตัวอาจมีส่วนผสมที่ไม่เหมาะกับสุขภาพร่างกายของเราก็เป็นได้ ถ้าเป็นไปได้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ โดยบอกอาการต่างๆเกี่ยวกับสุขภาพอย่างละเอียด เพื่อขอคำแนะนำว่าร่างกายของเราควรได้รับสารอาหารอะไรบ้าง
สำหรับผู้ที่เหมาะกับการรับประทานสาหร่ายสีแดงเป็นอาหารเสริม ได้แก่ ผู้ที่ใส่ใจในสุขภาพที่ต้องเผชิญกับมลภาวะต่างๆเป็นประจำ อย่างความเครียด ฝุ่นควันจากท่อไอเสียรถยนต์ ผู้ที่ต้องทำงานหนักไปกับการใช้สายตาจ้องคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน รวมถึงนักกีฬาหรือผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ สำหรับเด็กเล็กอายุตั้งแต่ 1 ขวบขึ้นไปก็สามารถรับประทานได้ โดยบีบใส่ขวดนมหรือเครื่องดื่มจะทำให้มีพัฒนาการดีขึ้น

สำหรับใครที่กำลังมองหาครีม หรือผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการบำรุงผิวพรรณ และจัดการกับทุกปัญหาด้านผิวพรรณ เราขอแนะนำผลิตภัณฑ์ชิ้นหนึ่ง ที่มีประสิทธิภาพน่าสนใจ และมีส่วนผสมของ astaxanthin นั่นก็คือ BEST Sea Cream มีคุณสมบัติในการช่วยแก้ไขปัญาหาสารพัดปัญหาด้านผิวพรรณบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นสิว กระ ฝ้า หน้าหลุม อย่างได้ผล โดยมีส่วนผสมจากวัตถุดิบธรรมชาติ ที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมในการบำรุง ฟื้นฟูผิวพรรณ สาหร่ายแดง เมือกปลาดาว แมงกระพรุนและแพลงตอน ซึ่งที่สุดในการบำรุงฟื้นฟูผิวพรรณอย่างอ่อนโยน พร้อมเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนอย่างน่าอัศจรรย์ใน้วลาเพียง 3-14 วัน 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ทำไมสาหร่ายแดง pantip จึงมีการพูดถึงอยู่บ่อยๆ

         สำหรับคนที่สงสัยว่าทำไมสาหร่ายแดง pantip จึงมีการพูดถึงอยู่บ่อยๆ ต้องบอกเลยว่า ณ ตอนนี้ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีแอสต้าแซนธิน (Astaxanthin) หรือสารสกัดที่ได้จากสาหร่ายแดงกำลังเป็นกล่าวขานกันอย่างแพร่หลาย ไม่เว้นแม้กระทั่งเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง pantip ที่มีคนเข้าไปตั้งกระทู้มากมายเกี่ยวกับคุณสมบัติแสนวิเศษของสาหร่ายแดง
 โดยถ้าลองค้นหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตจะพบว่า มีผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ได้ทำการศึกษาประสิทธิภาพของสารต้านอนุมูลอิสระชนิดต่างๆ ซึ่งสาหร่ายแดงที่มีสาร Astaxanthin มีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระได้มากกว่าวิตามินซี 6,000 เท่า CoQ10 800 เท่า วิตามินอี 550 เท่า Green tea catechins 550 เท่า Alpha lipoic acid 75 เท่า เบต้าแคโรทีน 40 เท่า และสารสกัดจากเมล็ดองุ่นถึง 17 เท่า เจอคุณสมบัติแบบนี้เข้าไปใครๆก็อึ้ง โดยมีการเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันไปต่างๆนาๆ

         “เราอยู่ตปท. เวลามีปัญหาเรื่องรอยดำยากสิวมากๆ เราก็โด๊ปแอสตาแซนธินไปเลยค่ะ เช้าเม็ดเย็นเม็ด เพราะรอยจะหายเร็วกว่าทานอาหารเสริมตัวอื่นๆ 555ไม่มีตังค์ไปทำเลเซอร์ คิดว่าที่ในไทยไม่ดัง เพราะไม่ได้ทำให้ขาว แต่เรื่องริ้วรอย รอยดำ. และบำรุงสายตา เรามั่นใจว่าได้แน่ๆ หลายปีก่อน เคยรู้มาจากวงการเลี้ยงปลาประกวด เขาจะสั่งวิตามินตัวนี้จาก ตปท.เพื่อเร่งสี เร่งให้ปลาสวย ราคาแพงมาก”
“มันคือ แอสตาแซนทีน ค่ะ เท่าที่ทราบมา พบว่า มีประโยชน์เยอะมากเลยใช่มั๊ยค่ะ ทั้ง ****ช่วยในเรื่องกระชับรูขุมขน ****ลดริ้วรอย ****ป้องกันจอตาเสื่อม ****ช่วยบำบัดในผู้ป่วยความจำเสื่อม ****และที่สำคัญคือช่วยปรับสมดุลโคเลสเตอรอลได้ด้วย ตอนนี้เราก็ทานอยู่ค่ะ แต่เป็นของไบโอไลฟ์  ถามว่าทำไมถึงเลือกยี่ห้อนี้ เพราะว่า มันเป็นแคปซูลทานง่ายกว่ายี่ห้ออื่น จบจ๊ะ”
“ไม่มีเหตุผลทางด้านวิชาการนะคะ แต่นี่เราทาน 4 mg. เช้าเย็น มา 1 เดือน หน้าโทรมๆ ดูสดใสขึ้นค่ะ ผิวเนียนขึ้นแต่ไม่ขาวขึ้นค่ะ”
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากหลากหลายความคิดเห็นเท่านั้น ซึ่งมีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับสรรพคุณของสาหร่ายแดง อย่างไรก็ดี มาถึงตรงนี้ท่านผู้อ่านคงคลายข้อข้องใจเกี่ยวกับการพูดถึงสาหร่ายแดง pantip ไปได้แล้วระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่ยังไม่เคลียร์ก็คือ จริงๆแล้วสาหร่ายแดงมันดีจริงหรือไม่ เรามาหาคำตอบกัน

สาหร่ายแดงดีกับเราอย่างไร
Astaxanthin (แอสตาแซนธิน) ที่ได้จากการสกัดสาหร่ายสีแดง เป็นสารในกลุ่มแซนโทรฟิลล์ ตระกูลแคโรทีนอยด์ พบได้ทั่วไปในธรรมชาติ เป็นสารสีแดงที่พบในปลาแซลมอน ไข่ปลาคาเวียร์ เปลือกกุ้งปู และ Microalgae Haematococcus Pluvialis ร่างกายไม่สามารถสร้างสารชนิดนี้ขึ้นเองได้ เราจะได้รับสารชนิดนี้จากอาหารที่รับประทานเข้าไปในปริมาณที่น้อยมาก เช่น ปลาแซลมอน 200 กรัม จะมีแอสตาแซนธิน เพียง 1 มิลลิกรัม
ทั้งนี้ Astaxanthin เป็นสารอาหารที่โด่งดังด้วยผลวิจัยทางการแพทย์มากมาย เนื่องด้วยสูตรโครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์ของ Astaxanthin ในการปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์ในอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งแตกต่างกับเบต้าแคโรทีน วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่น ที่แค่ช่วยปกป้องแค่ภายในหรือภายนอกของเยื่อหุ้มเซลล์ พบว่า Astaxanthin มีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์ได้ทั้งภายในและภายนอก ดังนั้น จึงเหมือนกับว่า Astaxanthin สามารถปกป้องเซลล์ได้ครอบคลุมมากกว่า

         และด้วยความเป็น Super antioxidant ของสาหร่ายแดงจึงมีประสิทธิภาพในการฟื้นบำรุงผิวพรรณ มีคุณสมบัติช่วยลดอาการผิวแห้ง เพิ่มความชุ่มชื้น ลดอาการผิวหยาบกร้าน ริ้วรอย และความเหี่ยวย่นได้เป็นอย่างดี ด้วยการต่อต้านอนุมูลอิสระไม่ให้ชั้นผิวหนังได้รับผลกระทบหรือเสียหายจากมลภาวะต่างๆ ช่วยปกป้องดวงตา ป้องกันความอ่อนล้า จอประสาทตาเสื่อมสภาพ ด้วยการยับยั้งไม่ให้เกิดกระบวนการปฎิกริยาระหว่างออกซิเจนกับดวงตา
ที่สำคัญในเรื่องสรรพคุณของสาหร่ายแดง pantip ได้มีการพูดถึงอย่างมากคือช่วยบำรุงสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อ เอ็น กระดูก และไขข้อ ซึ่งจากการรีวิวของบรรดาสาวพันทิปที่รับประทานสาหร่ายแดงเป็นอาหารเสริมระบุว่า ที่เลือกใช้ช่วยบรรเทาอาการเจ็บเข่าอย่างเห็นผล
“เท่าที่ตามอ่านข้อมูล และรีวิวจากการใช้ ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่เรื่องของการรักษาอาการปวดข้อเข่า ข้อเท้า กระดูก มากกว่าสรรพคุณทางความงามค่ะ” ความคิดเห็นจากคุณผู้หญิงท่านหนึ่งใน pantip
ย้อนกลับไปคำถามที่ว่าทำไมสาหร่ายแดง pantip จึงมีการพูดถึงอยู่บ่อยๆ คำตอบง่ายๆก็คือเพราะในขณะนี้สาหร่ายแดงกำลังได้รับความนิยมจากหมู่คนรักสุขภาพมากขึ้นนั่นเอง ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าอนาคตอันใกล้ จะต้องมีผลงานวิจัยที่ชี้ชัดถึงคุณสมบัติของสาหร่ายแดงให้เป็นที่ประจักษ์อย่างแน่นอน

           สำหรับใครที่กำลังมองหาครีม หรือผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการบำรุงผิวพรรณ และจัดการกับทุกปัญหาด้านผิวพรรณ เราขอแนะนำผลิตภัณฑ์ชิ้นหนึ่ง ที่มีประสิทธิภาพน่าสนใจ และมีส่วนผสมของ astaxanthin นั่นก็คือ BEST Sea Cream มีคุณสมบัติในการช่วยแก้ไขปัญาหาสารพัดปัญหาด้านผิวพรรณบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นสิว กระ ฝ้า หน้าหลุม อย่างได้ผล โดยมีส่วนผสมจากวัตถุดิบธรรมชาติ ที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมในการบำรุง ฟื้นฟูผิวพรรณ สาหร่ายแดง เมือกปลาดาว แมงกระพรุนและแพลงตอน ซึ่งที่สุดในการบำรุงฟื้นฟูผิวพรรณอย่างอ่อนโยน พร้อมเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนอย่างน่าอัศจรรย์ใน้วลาเพียง 3-14 วัน 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ทำความรู้จัก สาหร่ายแดง astaxanthin มีดีอะไร

asta

            สาหร่ายแดง astaxanthin เป็นอาหารเสริมที่กำลังได้รับความนิยมจากคนรักสุขภาพจำนวนมาก เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เข้มข้นสูง ซึ่งสกัดได้จากสาหร่ายทะเลที่มีส่วนประกอบของสารแอสต้าแซนธินธรรมชาติ (Astaxanthin) ใช้รับประทานเพื่อช่วยให้สุขภาพดีมากขึ้น โดยมีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยมจนมีการขนานนามว่าสาหร่ายแดง astaxanthin เป็นซุปเปอร์แอนติออกซิแดนท์

สารแอสต้าแซนธิน (Astaxanthin) คืออะไร ทำไมต้องสาหร่ายแดง
สารแอสต้าแซนธิน (Astaxanthin) เป็นสารสีแดงในกลุ่มแซนโทรฟิลล์ ตระกูลแคโรทีนอยด์  พบได้ทั่วไปในธรรมชาติ เช่น ในปลาแซลมอน ไข่ปลาคาเวียร์ เปลือกกุ้งปู เป็นต้น ซึ่งร่างกายไม่สามารถสร้างสารชนิดนี้ขึ้นเองได้ เราจะได้รับสารชนิดนี้จากอาหารที่รับประทานเข้าไปในปริมาณที่น้อยมาก อย่างเช่นถ้ารับประทานปลาแซลมอน 200 กรัม จึงจะได้รับแอสตาแซนธินแค่เพียง 1 มิลลิกรัม แต่สารแอสต้าแซนธิน สามารถสกัดจากสาหร่ายที่ชื่อว่า “Haematococcus Pluvialis” หรือสาหร่ายแดง astaxanthin จึงมีการนำมาทำเป็นอาหารเสริมเพื่อสุขภาพกันอย่างแพร่หลาย
ทั้งนี้ มีผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ได้ทำการศึกษาประสิทธิภาพของสารต้านอนุมูลอิสระชนิดต่างๆ พบว่าสาหร่ายแดง astaxanthin มีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระได้มากกว่าวิตามินซี 6,000 เท่า CoQ10 800 เท่า วิตามินอี 550 เท่า Green tea catechins 550 เท่า Alpha lipoic acid 75 เท่า เบต้าแคโรทีน 40 เท่า และสารสกัดจากเมล็ดองุ่นถึง 17 เท่า

 69

ประโยชน์ของสาหร่ายแดง astaxanthin
1.ช่วยป้องกันการอักเสบเรื้อรังภายในร่างกาย ลดอาการแทรกซ้อนของโรคต่างๆ
2.เพิ่มพละกำลัง ความแข็งแรงของร่างกาย รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่าตลอดทั้งวัน
3.ป้องกันผิวจากแสงแดดและรังสียูวี ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ดูอ่อนกว่าวัย ปรับสีผิว เพิ่มความยืดหยุ่น เพิ่มความนุ่มนวล ลดฝ้า และจุดด่างดำ
4.บำรุงสายตา ทำให้การมองเห็นดีขึ้น เพราะสารแอสต้าแซนธิน (Astaxanthin) และสารลูทีน (Lutein) สามารถถูกดูดซึมไปเลี้ยงเบ้าตาที่อาหารเสริมตัวอื่นไม่สามารถทำได้
 5.บำรุงสมองและระบบประสาท ช่วยผ่อนคลายความเครียด ทำให้มีสมาธิ ความจำดีขึ้น เนื่องจากสารแอสต้าแซนธินสามารถถูกดูดซึมไปเลี้ยงสมองได้
6.ลดอาการบาดเจ็บ ปวดเมื่อยข้อมือเนื่องจากอาการเอ็นอักเสบ เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้มือยกของ ทำงานหนัก ปวดข้อมือ มีอาการนิ้วล๊อค เอ็นข้อมืออักเสบ
7.รักษาอาการปวดจากเม็ดพุพอง และแผลเปื่อยในช่องปากเนื่องจากเป็นไข้ เช่น ร้อนใน ภูมิแพ้ และผื่นคัน
 8.รักษาโรคเทนนิส เอลโบ (Tennis Elbow) ซึ่งเป็นอาการอักเสบของกล้ามเนื้อ ช่วงกระดูกข้อมือ ข้อศอกด้านนอกของกระดูกต้นแขน
9.โรครูมาตอยด์ สาหร่ายแดงมีผลวิจัยทางการแพทย์ของอเมริกาว่าสามารถรักษาโรครูมาตอยด์ได้
10.โรคหัวใจและหลอดเลือดแข็งตัว ไม่ยืดหยุ่น โดยสาหร่ายแดงจะลดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ที่เป็นพิษต่อร่างกาย และเสริมไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
 11.บำรุงน้ำเชื้ออสุจิ ทำให้สมรรถภาพร่างกายดีขึ้น
12.เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ร่างกายแข็งแรง ทนทานต่อการเป็นโรคมากขึ้น
 13.ลดอัตราเสี่ยงจากการเกิดมะเร็ง ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่เข้มข้น และเอนไซม์ธรรมชาติ
14.ช่วยรักษาอาการเส้นเอ็นยึดและพังผืด ซึ่งเกิดจากการนั่งทำงานเป็นเวลานาน ไม่ค่อยออกกำลังกาย โดยปกติโรคนี้จะรักษาได้ยากเพราะสาเหตุเป็นที่เส้น ไม่ใช่กระดูก จึงเอ็กซเรย์ไม่พบ

 sunaway2

สาหร่ายแดง astaxanthin เหมาะกับใครบ้าง
สำหรับผู้ที่เหมาะกับการรับประทานสาหร่ายแดง ได้แก่ ผู้ที่ใส่ใจในสุขภาพทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะเรื่องความงามและสุขภาพผิว ผู้ที่ต้องเผชิญกับมลภาวะต่างๆเป็นประจำ อย่างความเครียด ฝุ่นควันจากท่อไอเสียรถยนต์ เป็นอาทิ ผู้ที่ต้องทำงานหนักไปกับการใช้สายตาจ้องคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน รวมถึงนักกีฬาหรือผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ สำหรับเด็กเล็กอายุตั้งแต่ 1 ขวบขึ้นไป ก็สามารถรับประทานได้ โดยบีบใส่ขวดนมหรือเครื่องดื่ม จะทำให้มีพัฒนาการดีขึ้น

root-astaxanthin-header

ปัจจุบันสาหร่ายแดง astaxanthin ได้ถูกนำมาทำเป็นอาหารเสริมมากมาย และมีการเพิ่มสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอื่นๆเข้ามาช่วยเสริม ดังนั้น เราในฐานะผู้บริโภคจำเป็นต้องสรรหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ที่สำคัญอย่าลืมรับประทานอาหารให้หลากหลายครบ 5 หมู่ควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพียงแค่สุขภาพร่างกายของเราก็จะแข็งแรงสมบูรณ์อย่างที่มนุษย์ทุกคนต้องการ

สำหรับใครที่ต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า


AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ประโยชน์สาหร่ายสีแดง ถ้ารู้แล้วคุณจะอึ้ง

         สาหร่ายทะเลเป็นพืชชั้นต่ำ ไม่มีระบบท่อลำเลียงอาหารจากรากสู่ลำต้นและใบแบบพืชชั้นสูง แต่จะใช้วิธีดูดซับน้ำและแร่ธาตุจากน้ำทะเลสู่เซลล์ต่างๆโดยตรง พืชกลุ่มนี้ไม่มีดอกและผล สำหรับสาหร่ายสีแดงจะมีอยู่อย่างมากมายตามชายฝั่งทะเลเขตร้อนของโลก แต่ก็มีบางชนิดอยู่ในน้ำจืด
สาหร่ายสีแดงอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระชื่อ “Astaxanthin” ที่ช่วยปกป้องตัวเองจากการถูกทำลายของอนุมูลอิสระของรังสียูวีในแสงแดด รวมถึงความเค็มของน้ำทะเลที่ชะล้าง โดยการเปลี่ยนสีตัวเองจากสีเขียวเป็นสีแดง เพื่อให้ตัวเองดำรงค์อยู่ได้ และจากผลการวิจัยพบว่า Astaxanthin ที่ได้จากสาหร่ายแดงนั้นมีคุณสมบัติที่มีประสิทธิภาพเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าสารต้านอนุมูลอิสระทั่วไป

 

ประโยชน์สาหร่ายสีแดง
เนื่องจากประสิทธิของสาร Astaxanthin ที่สกัดได้ จึงทำให้ในวงการสุขภาพมีการใช้ประโยชน์สาหร่ายสีแดงกันอย่างแพร่หลาย โดยมักนำมาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ให้คุณค่าแก่ร่างกาย มีผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ทำการศึกษาประสิทธิภาพของสารต้านอนุมูลอิสระ Astaxanthin พบว่ามีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระ ได้แรงกว่า วิตามินซี 6000 เท่า ดีกว่า CoQ10 800 เท่า ดีกว่า วิตามินอี 550 เท่า ดีกว่าชาเขียว 550 เท่า ดีกว่า Alpha lipoic acid 75 เท่า ดีกว่า เบต้า แคโรทีน 40 เท่า และดีกว่าสารสกัดจากเมล็ดองุ่น 17 เท่า จนได้รับสมญาณนามว่า “The Natural Powerful antioxidant known in The World” โดย Astaxanthin เพียง 1 มิลลิกรัม จะมีค่าเท่ากับ Vitamin C หรือ Ascorbic Acid 6000 มิลลิกรัม เลยทีเดียว
 ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า Astaxanthin มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ มีประโยชน์ในการดักจับอนุมูลอิสระจากร่างกาย ซึ่งปกติอนุมูลอิสระเป็นอะตอมที่ไม่เสถียร มีอิเลคตรอนคู่โดดเดี่ยวพร้อมที่จะขโมยอิเลคตรอนจากอะตอมอื่น เมื่ออนุมูลอิสระทำปฏิกิริยากับโมเลกุลที่มีความเสถียร จึงทำให้กลายเป็นอนุมูลอิสระและเกิดเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ของการเกิดอนุมูลอิสระ นักวิทยาศาสตร์หลายท่านเชื่อว่าสาเหตุของการเกิดการชรา เกิดจากการที่เซลล์ถูกทำลาย โดยการที่ไม่สามารถควบคุมปฏิกิริยาลูกโซ่ของอนุมูลอิสระนี้ได้ Astaxanthin มีสูตรโครงสร้างโมเลกุลที่เป็นเอกลักษณ์จึงทำให้มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระที่เหนือกว่า
 ยังมีผลวิจัยที่ให้ผู้หญิงรับประทานสาร Astaxanthin พบว่าผู้หญิงจาก 5 ใน 10 คน มีสภาพผิวที่เนียนขึ้นจริง ริ้วรอยเหี่ยวย่นลดลง ผิวชุ่มชื้น และตึงกระชับขึ้น ริ้วรอยเส้นเล็กและรอยเหี่ยวย่นลดลง 53% ผิวหนังยืดหยุ่นตึงกระชับขึ้น 53% ลดความแห้งกร้าน 56% จากการประเมินส่วนบุคคลหลังจากรับประทาน Astaxanthin ระยะเวลา 6 สัปดาห์

         โดยสรุปแล้ว นอกจากประโยชน์สาหร่ายสีแดงจะให้คุณค่าในเรื่องของการฟื้นฟูสภาพผิว ชะลอความแก่ ลดเลือนรอยเหี่ยวย่น ยังช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายไม่ให้เกิดปัญหาสุขภาพได้อีกด้วย อย่างเช่น โรคมะเร็ง เป็นต้น มะเร็งเป็นเนื้อร้ายซึ่งเกิดจากเซลล์ทำงานผิดปกติ เพราะอนุมูลอิสระไปสร้างปฎิกริยาเกิดขึ้น ทำให้เซลล์ไม่เสถียรแล้วขยายไปดึงเซลล์อื่นมาอีกจนทำให้มะเร็งขยายตัว ร่างกายจึงทรุดโทรมลงเรื่อยๆ Astaxanthin เป็นอาหารของเซลล์ชนิดหนึ่งที่ช่วยบล็อกให้เซลล์ดีแข็งแรง ลดการขยายตัวของเซลล์ที่เสียนั่นเอง
 ไม่เพียงเท่านั้น ประโยชน์สาหร่ายสีแดงช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อดวงตาได้ ไม่ว่าจะมีสาเหตุให้ระคายเคืองดวงตา ตาแห้ง หรือไม่สบายตา ผลการศึกษาพบว่า Astaxanthin มีผลดีในการลดความเมื่อยล้าของดวงตา ช่วยปรับโฟกัสของดวงตา เพิ่มการไหลเวียนของเลือดที่เส้นเลือดฝอยที่มาเลี้ยงจอตาได้ดีขึ้น ดังนั้น สาหร่ายแดง Astaxanthin ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อดวงตาทำให้การปรับภาพชัดเจนขึ้นและช่วยลดความเมื่อยล้าจากการหดตัวของกล้ามเนื้อดังกล่าวอีกด้วย

มาถึงตรงนี้ท่านผู้อ่านคงทราบถึงประโยชน์สาหร่ายสีแดงกันมากขึ้น และเชื่อว่าบางคนคงเร่งรุดไปหาซื้ออาหารเสริมที่มีสารสกัด Astaxanthin กันให้ควัก ทั้งนี้ อาหารเสริมต่างๆมักผสมสารที่ให้คุณประโยชน์อื่นๆมาช่วยเสริมด้วย เช่น คอลลาเจน วิตามินต่างๆ เป็นต้น ฉะนั้น ก่อนรับประทานควรพิจารณาให้ดีว่าตัวเราเหมาะกับสารอาหารตัวไหนบ้าง เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้ประโยชน์สาหร่ายสีแดงนั่นเอง

สำหรับใครที่กำลังมองหาครีม หรือผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการบำรุงผิวพรรณ และจัดการกับทุกปัญหาด้านผิวพรรณ เราขอแนะนำผลิตภัณฑ์ชิ้นหนึ่ง ที่มีประสิทธิภาพน่าสนใจ และมีส่วนผสมของ astaxanthin นั่นก็คือ BEST Sea Cream มีคุณสมบัติในการช่วยแก้ไขปัญาหาสารพัดปัญหาด้านผิวพรรณบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นสิว กระ ฝ้า หน้าหลุม อย่างได้ผล โดยมีส่วนผสมจากวัตถุดิบธรรมชาติ ที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมในการบำรุง ฟื้นฟูผิวพรรณ สาหร่ายแดง เมือกปลาดาว แมงกระพรุนและแพลงตอน ซึ่งที่สุดในการบำรุงฟื้นฟูผิวพรรณอย่างอ่อนโยน พร้อมเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนอย่างน่าอัศจรรย์ใน้วลาเพียง 3-14 วัน 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า


AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.