สิวที่หลังเกิดจากอะไร รักษาทำไง ใช้อะไรดี

 

สิวที่หลัง ถึงแม้จะเกิดขึ้นในบริเวณใต้ร่มผ้าที่ไม่มีใครมองเห็น แต่ในบางครั้งก็อาจจะเป็นอุปสรรคที่ทำให้คุณสาวๆ ต้องเสียความมั่นใจในการแต่งตัวได้เหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อถึงเวลาต้องสวม ชุดราตรี เสื้อสายเดี่ยว หรือชุดเจ้าสาวที่ต้องเผยอวดโชว์แผ่นหลัง

นอกจากนี้ หากสิวที่หลังเกิดการอักเสบ เวลาเสียดสีกับเสื้อผ้าก็ยิ่งเกิดความเจ็บปวดและอักเสบมากยิ่งขึ้น ดังนั้นปัญหาเรื่องสิวที่หลัง จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลยมองข้าม และควรให้ความสำคัญในการดูแลรักษามากที่สุดเรื่องหนึ่งทีเดียว

สาเหตุ และการป้องกันการเกิดสิวที่หลัง

ก่อนอื่นมารู้จักกันก่อนว่า อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวขึ้นที่หลัง พร้อมกับมารู้จักกับวิธีการรับมือ และการป้องกันการเกิดสิวขึ้นที่หลัง ว่ามีวิธีการอย่างไรกันบ้าง?

1. การอาบน้ำอุ่นทำให้เกิดสิวที่หลัง คุณสาวๆอาจไม่ทันเอะใจว่า การอาบน้ำอุ่นจะทำให้เกิดสิวขึ้นทีหลัง ถ้าหากอากาศไม่หนาวมาก แนะนำให้อาบน้ำเย็นในอุณภูมิปกติจะดีกว่า

2. การสวมใส่ผ้าเนื้อหนาที่ระบายอากาศได้ไม่ดีทำให้เกิดสิว เพราะจะทำให้เกิดการอับชื้น นำไปสู่การเกิดเชื้อแบคทีเรีย เหงื่อ คราบสกปรก จนกระทั่งเกิดการอุดตันของรูขุมขน จนก่อให้เกิดสิวขึ้นที่แผ่นหลัง

3. ความไม่สะอาดของเครื่องนอน เพราะเครื่องนอน เช่น ปลอกหมอน ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน เป็นสิ่งที่เราต้องสัมผัสเป็นเวลานานในแต่ละวัน หากไม่ทำความสะอาดบ่อยๆก็จะเกิดการสะสมของสิ่งสกปรก และเชื้อแบคทีเรียได้

4. การทานอาหารประเภททอดๆ มันๆ อาหารประเภททอดๆ มันๆ จะทำให้เกิดสภาวะผิวมันขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดสิวที่หลังขึ้นได้ง่าย

5. สบู่เหลว อาจทำให้เกิดสิวที่หลัง เพราะสบู่เหลวมักที่จะชำระล้างออกได้ยากกว่าสบู่ก้อน ซึ่งจะทำให้เกิดสิ่งสกปรกตกค้างอยู่บนผิว จนเกิดการอุดตันของรูขุมขนนำไปสู่การเกิดสิวขึ้นในท้ายที่สุด

6. แชมพู อีกหนึ่งในสาเหตุของการเกิดสิวที่หลัง เมื่อสระผม คราบสกปรกจะไหลลงไปที่แผ่นหลังพร้อมกับฟองของแชมพู โดยเฉพาะคนที่สระผมหลังจากที่อาบน้ำจะมีโอกาสเกิดสิวที่หลังมากกว่าปกติ ดังนั้นควรที่จะทำการสระผมก่อนอาบน้ำ แล้วค่อยฟอกสบู่บริเวณที่ฟองแชมพูไหลลงไปโดนหลังเพื่อล้างคราบสกปรกออกไปให้หมด

7. เปลี่ยนชุดนอนทุกวัน สำหรับบางคนที่สวมชุดนอน 2-3 วัน ซ้ำ โดยที่ไม่เปลี่ยน แนะนำให้ทำการเปลี่ยนชุดนอนทุกวัน เพราะเวลาที่เรานอน แผ่นหลังต้องสัมผัสกับชุดนอนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะทำให้เกิดการอับชื้นสะสมแบคทีเรียและคราบสกปรกเอาไว้ เมื่อใส่ชุดนอนซ้ำๆ คราบสกปรกก็จะยิ่งสะสมมากขึ้นเรื่อยๆจนทำให้เกิดสิวที่หลังขึ้น

8. เลิกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันและไขมันผสม เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้เมื่อล้างออกไม่หมด หรือไม่ใช้คลีนเซอร์ช่วยในการล้างออกจะทำให้เกิดสิวขึ้น

9. หลังอาบน้ำเสร็จให้เช็ดตัวและเป่าผมให้แห้ง พร้อมกับระวังอย่าให้ผมที่เปียกน้ำสัมผัสกับแผ่นหลังของตัวเอง และพยายามเช็ดตัวและเป่าผมให้แห้งทุกครั้งก่อนที่จะสวมเสื้อผ้า

10. เลือกใช้สบู่ที่มีสารยับยั้งแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดสิวที่หลังขึ้น

11. สิวที่หลังมักเกิดขึ้นมาจากเหงื่อและแห้งไปกับตัว ถ้าหากเป็นไปได้พยายามอาบน้ำหลังจากที่มีเหงื่ออกแล้วเช็ดตัวให้แห้ง

12. ใช้ผงซักฟอกที่มีฤทธิ์อ่อน ในการซักเสื้อผ้าและผ้าปูที่นอน เพื่อลดโอกาสเกิดการระคายเคืองของผิวหนังและลดการเกิดสิวที่หลัง

วิธีรักษาสิวที่หลังอย่างง่ายๆ ด้วยตัวเอง

เมื่อเกิดสิวที่หลังขึ้นมาแล้ว คุณสาวๆ สามารถที่จะเริ่มรักษาได้ด้วยตัวเอง ด้วยวิธีการง่ายๆ ดังต่อไปนี้

1. เริ่มต้นจากการหลีกเลี่ยงการระคายเคืองของผิวหนัง ไม่ควรขัด ถู ผิวหนังอย่างรุนแรง เพราะยิ่งรุนแรงกับผิวมากเท่าไหร่ สิวก็จะยิ่งมีจำนวนมากขึ้นเท่านั้น

2. ใช้สำลีชุบโทนเนอร์เช็ดบริเวณที่เป็นสิวหลังอาบน้ำ ซึ่งควรใช้โทนเนอร์สำหรับผิวที่เป็นสิวโดยเฉพาะ หรือใช้โทนเนอร์ที่เราใช้กับใบหน้าอยู่เป็นประจำทุกวัน ที่ใช้แล้วไม่เกิดสิวขึ้นบนใบหน้า

3. ทายาแต้มหัวสิว โดยใช้ยาแต้มหัวสิวที่ใช้กับใบหน้า ซึ่งในปัจจุบันมียาแต้มหัวสิวที่ได้รับการแนะนำ และได้รับความนิยมอยู่หลายยี่ห้อ เช่น Dr. Young Spot Stop Serum, Clinda M, Benzac AC, Smoot E Acne Hydro Gel เป็นต้น

4. รับประทานยารักษาสิว โดยยาที่ใช้ควรเป็นยาในกลุ่มกรดวิตามินเอ ที่จะช่วยทำให้สิวแห้งและยุบตัวลงไปภายใน 2-4 สัปดาห์

5. ทายาแป้งรักษาสิว เป็นยาที่มีลักษณะคล้ายแป้งน้ำสำหรับทาเพื่อรักษาสิวที่หลัง ซึ่งจะทำให้สิวหลุดง่าย แต่ต้องใช้เวลาเวลาสักระยะหนึ่งประมาณ 4-6 สัปดาห์ ข้อดีคือ สามารถใช้ได้อย่างต่อเนื่องได้ โดยไม่มีผลข้างเคียง

อย่างไรก็ตาม วิธีการรักษาที่ได้แนะนำมาแล้วในตอนต้นนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการรักษาที่ปลายเหตุ วิธีการรักษาสิวที่ดีที่สุด ก็ยังคงเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดสิวขึ้นมาตั้งแต่แรก ดังนั้นก่อนที่จะปล่อยเลยตามเลยจนทำให้สิวที่หลังเกิดขึ้น เราควรที่จะเริ่มต้นปกป้องแผ่นหลัง

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

วิธีรักษาสิวหัวดำ โดยธรรมชาติ

สิวหัวดำ หรือสิวเสี้ยน เป็นอีกหนึ่งในปัญหาเรื่องสิวที่ก่อกวนความมั่นใจของคุณสาวๆมากที่สุด เพราะนอกจากจะทำให้ผิวไม่เรียบแล้ว หัวดำๆยังสะดุดตาเวลามองอีกด้วย

โดยส่วนใหญ่แล้วเจ้าสิวหัวดำเหล่านี้มักจะขึ้นอยู่ตามบริเวณจมูก แก้มสองข้างใกล้กับจมูก หรือคาง โดยเกิดขึ้นจากการอุดตันของกระจุกเส้นขนเล็กๆ ที่อยู่บนใบหน้า เพราะน้ำมันตามธรรมชาติของผิวหนังเกิดการสะสมและแข็งตัวอยู่ภายในรูขุมขน และเมื่อผสมเข้ากับสารพิษที่พยายามออกมาจากผิว

รวมไปถึงเชื้อแบคทีเรียภายนอก น้ำมันดังกล่าวจะกลายสภาพเป็นเหมือนกับกาวเหนียวที่อุดอยู่บนรูขุมขน โดยที่มีส่วนปลายสีดำโผล่ออกมาเหนือผิวหนัง หรือที่เรียกกันติดปากว่า สิวหัวดำ นั่นเอง โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ชนิดหัวขาว และชนิดหัวดำ

รักษาสิวหัวดำวิธีธรรมชาติง่ายๆ ด้วยตนเอง

สำหรับในวันนี้จะมาขอแนะนำวิธีจัดการกับเจ้าสิวหัวดำตัวร้ายด้วยตัวเอง โดยการใช้วิธีการทางธรรมชาติอย่างง่ายๆ เพียงแค่ใช้ผัก ผลไม้ และของที่สามารถหาได้ไม่ยากนักในชีวิตประจำวันเข้ามาช่วย ซึ่งคุณสาวๆสามารถที่จะเลือกใช้วิธีการที่เหมาะสมกับตัวเองได้ ดังต่อไปนี้

น้ำมะนาว+น้ำผึ้งอุ่น นำน้ำมะนาว 3-4 หยด หยดลงบนน้ำผึ้งที่มีอัตราส่วนเท่ากัน จากนั้นนำไปแต้มลงบนหัวสิว ทิ้งเอาไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออก สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง สิวหัวดำจะค่อยๆหายไป

ไข่ขาว เป็นวิธีการจัดการกับสิวหัวดำที่ใช้ได้ผลมาตั้งแต่สมัยโบราณ สำหรับวิธีการก็ไม่ยาก เพียงแค่แยกไข่ขาวออกจากไข่แดง แล้วนำส่วนไข่ขาวมาพอกหน้าทิ้งเอาไว้ในบริเวณที่เป็นสิวหัวดำ หากระดาษซับหน้าแปะทิ้งเอาไว้ให้แห้งแล้วลอกออก สัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะช่วยขจัดสิวหัวดำออกไปอย่างได้ผล

มันฝรั่ง มันฝรั่งดิบสามารถใช้รักษาปัญหาสิวหัวดำได้ โดยการนำมันฝรั่งดิบมาสับจนละเอียด แล้วพอกลงบนบริเวณที่เป็นสิวหัวดำ ทิ้งเอาไว้สักครู่ แล้วค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด

เบคกิ้งโซดา+น้ำเปล่า ผสมเบคกิ้งโซดา 3 ช้อนโต๊ะเข้ากับน้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ แล้วนำไปถูลงบนบริเวณที่เป็นสิวหัวดำ 2-3 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น จะช่วยในการกำจัดสิวเสี้ยนออกจากใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้าวโอ๊ต+กุหลาบ เป็นการทำทรีเมนต์ใบหน้า โดยการผสมข้าวโอ๊ตสับละเอียดเข้ากับน้ำกุหลาบให้ส่วนผสมข้นๆ แล้วทาส่วนผสมลงบนใบหน้าบริเวณที่เป็นสิวหัวดำ ทิ้งเอาไว้ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็น ซึ่งจะช่วยในการกำจัดสิวหัวดำ พร้อมกับป้องกันการเกิดสิวขึ้นมาใหม่ไปพร้อมๆกัน

ถั่วเขียว นำถั่วเขียวไปต้มให้สุก แล้วนำถั่วเขียว จำนวน 3 ช้อนโต๊ะ ผสมเข้ากับกำมะถันผง 1 ช้อนชา และไข่ขาว 1 ฟอง ปั่นรวมให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำมาพอกหน้า พร้อมกับนวดเบาๆ ทิ้งเอาไว้ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด วิธีนี้สามารถทำซ้ำได้ทุกๆ 5 วัน

น้ำมะขามเปียก นำน้ำมะขามเปียกมาทาในบริเวณที่เป็นสิวเสี้ยนวันละ 1-2 ครั้ง ถ้าหากรู้สึกแสบผิวในขณะที่ทา ให้ผสมน้ำเปล่าเพิ่มเข้าไปอีกสักเล็กน้อย เมื่อใช้ไปได้ระยะหนึ่งสิวหัวดำจะค่อยๆลดลง

มะเฟือง นำมะเฟืองไปคั้นน้ำ แล้วนำน้ำจากมะเฟืองไปเช็ดบริเวณที่เกิดสิวหัวดำวันละ 1 ครั้ง น้ำจากมะเฟืองจะช่วยขัดเอาเซลล์ผิวที่ตายออกไป ทำให้ผิวหนังเกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทน ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน สิวหัวดำจะค่อยๆจางลงและหายไปในที่สุด แต่ในกรณีที่ผิวใบหน้าบอบบาง ควรผสมน้ำผสมกับน้ำสะอาดในอัตรามะเฟือง 1 ส่วน น้ำสะอาด 2 ส่วน

ไข่ต้ม นำไข่ต้มที่ยังร้อนอยู่มาแกะเปลือกออก แล้วนำไข่ไปกลิ้งบริเวณที่เป็นสิวเสี้ยน และสิวหัวดำ ความร้อนจากไข่จะช่วยขยายรูขุมขน และเนื้อไข่จะดูดหัวสิวออกมา ซึ่งวิธีดังกล่าวใช้ได้กับเฉพาะสิวเสี้ยนที่ไม่ยึดติดแน่นจนเกินไป

อย่างไรก็ตาม วิธีการรักษาที่ได้แนะนำมาแล้วในตอนต้นนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการรักษาที่ปลายเหตุ วิธีการรักษาสิวที่ดีที่สุด ก็ยังคงเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดสิวขึ้นมาตั้งแต่แรก ดังนั้นก่อนที่จะปล่อยเลยตามเลยจนทำให้สิวที่หลังเกิดขึ้น เราควรที่จะเริ่มต้นปกป้องแผ่นหลัง

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

แป้ง ชนิดไหน ที่ไม่ทำให้เกิดสิว

 

แป้ง” เป็นสิ่งที่อยู่มาคู่กับการใช้ชีวิตของคนไทยมาอย่างช้านาน ไม่ว่าจะใช้ทาเพื่อขจัดความอับชื้นหลังจากอาบน้ำเสร็จ รองพื้นก่อนการแต่งหน้า ใช้ปกปิดริ้วรอยด่างดำบน เพิ่มความขาวให้กับใบหน้า เป็นต้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว เจ้าบรรดาสารพัดแป้งเหล่านี้ ทั้งแป้งฝุ่น แป้งพัฟ แป้งฝุ่น แป้งรองพื้นต่างๆ เมื่อทำการทาลงไปบนใบหน้า ก็ล้วนแล้วแต่จะมีโอกาสเสี่ยงในการเกิดสิวอุดตันหรือสิวอักเสบขึ้นบนใบหน้าได้ทั้งสิ้น

… ถ้าอย่างนั้น แล้วเราจะมีวิธีการเลือกใช้แป้งอย่างไรกันละ จึงจะลดโอกาสการเกิดสิวขึ้นมาบนใบหน้าให้น้อยที่สุด..?

เลือกใช้แป้งอย่างไรจึงจะไม่เกิดสิว?

            สำหรับพื้นฐานในการเลือกใช้แป้งที่มีความเหมาะสมกับตัวเอง ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการเกิดสิวไปได้เป็นอย่างมาก มีหลักการง่ายๆ ดังต่อไปนี้

1. เลือกใช้แป้งที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง เริ่มจากการพิจารณาก่อนว่า สภาพผิวของคุณสาวๆเองเป็นแบบไหน เพื่อที่จะได้ทำการเลือกใช้แป้งที่มีความเหมาะสมกับผิวของตัวเอง ดังต่อไปนี้

ผิวที่เป็นสิวง่าย ควรเลือกใช้แป้งที่สามารถช่วยดูดซับความมัน และมีส่วนผสมที่ช่วยในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เช่น คาโมมายด์ และอันโลทิน เพื่อช่วยในการป้องกันการอุดตันของรูขุมขน และสิว สำหรับคนที่กำลังเป็นสิวอยู่ ควรหลีกเลี่ยงแป้งผสมรองพื้น ซึ่งมักที่จะตกค้างอยู่ในรูขุมขนจนทำให้เกิดการอุดตัน เนื่องจากทำความสะอาดออกได้ยากกว่าแป้งฝุ่นธรรมดา

ผิวธรรมดา สามารถเลือกใช้แป้งได้ทุกประเภท แต่ควรใช้ในปริมาณที่ไม่มาก เพราะถ้าหากใช้มากไปก็อาจทำให้เกิดสิวขึ้นจากการอุดตันได้เช่นกัน

ผิวแห้ง สำหรับคุณสาวๆที่มีผิวแห้ง ควรทามอยเจอร์ไรเซอร์ก่อนทำการทาแป้ง เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้หลังทาแป้งแล้วผิวแห้งจนเกินไป และไม่ควรเลือกใช้แป้งที่มีคุณสมบัติในการดูดความชื้น ซึ่งจะทำให้ใบหน้ายิ่งแห้งมากขึ้น

ผิวที่แพ้ง่าย ควรเลือกใช้แป้งแบบ Loose Powder หรือแป้งฝุ่น ที่มีลักษณะเหมือนกับแป้งเด็ก ซึ่งช่วยป้องกันการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของสิวได้ในระดับหนึ่ง

ผิวมัน ไม่ควรใช่แป้งเด็ก เนื่องจากในแป้งเด็กมีสารที่ป้องกันความอับชื้น ซึ่งทำให้ใบหน้าแห้ง ทำให้รูขุมขนเกิดการผลิตความมันออกมามากยิ่งขึ้น เพื่อปกป้องผิวมากขึ้นเพื่อทดแทนความชื้นที่สูญเสียไป

2. เลือกใช้แป้งที่ไม่มีการผสมรองพื้น แป้งที่ไม่มีการผสมรองพื้นจะสามารถล้างทำความสะอาดออกจากใบหน้าได้ง่ายกว่าแป้งแบบที่มีรองพื้น จึงทำให้ไม่ค่อยเกิดการตกค้างอุดตันรูขุมขน ทำให้เกิดสิวขึ้น แต่แป้งที่ไม่ผสมรองพื้นก็มีข้อเสียเหมือนกันคือ ไม่ค่อยสามารถช่วยปกปิดร่องรอยบนใบหน้าได้เนียนเหมือนกับแป้งที่มีการผสมรองพื้น

            3. บางครั้งสิวอาจเกิดขึ้นจากอาการแพ้แป้ง เนื่องจากส่วนผสมของแป้งแต่ละชนิด แต่ละยี่ห้อจะไม่เหมือนกัน สำหรับบางคนก็อาจจะเกิดโอกาสแพ้แป้งบางชนิดได้เช่นกัน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดสิวอักเสบขึ้น พร้อมกับอาการผด ผื่น คัน ถ้าหากมีอาหารในลักษณะดังกล่าว นั่นหมายความว่า คุณสาวๆ กำลังเกิดอาการแพ้ และควรหยุดใช้แป้งดังกล่าวสักพักเพื่อดูว่าอาการดีขึ้นหรือไม่

4. ควรเลือกใช้แป้งแต่งหน้าที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน แป้งแต่งหน้าชนิดที่โปร่งแสง (Translucent Powders) มักที่จะมีส่วนผสมของน้ำมันอยู่ด้วย เพื่อช่วยทำให้สีผิวดูสดใสมากยิ่งขึ้น แต่เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิวขึ้น ดังนั้น ควรเลือกแป้งแต่งหน้าที่มีส่วนประกอบของ Walnutshell หรือ Talc ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในแป้งที่ใช้สำหรับเด็กทารก

วิธีการทาแป้งอย่างถูกวิธี เพื่อให้ใบหน้าห่างไกลจากสิว

การทาแป้งอย่างถูกวิธี เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะลดโอกาสในการเกิดสิวขึ้นบนใบหน้าได้อย่างง่ายๆ โดยมีข้อปฏิบัติดังต่อไปนี้

1. การทาแป้งเพื่อลดความมันบนใบหน้าระหว่างวัน เมื่อรู้สึกว่าหน้ามีความมันเกิดขึ้นมากในระหว่างวัน และต้องการที่จะทาแป้งเพื่อช่วยลดความมันบนใบหน้า ไม่ควรใจร้อนทำการทาแป้งทับลงไปเลย เพราะจะยิ่งทำให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น เพราะเนื้อแป้งจะไปทำการผสมกับน้ำมันและเชื้อแบคทีเรียบนใบหน้า จนทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนจนกระทั่งกลายเป็นสิวในที่สุด

ดังนั้น หากต้องการทาแป้ง เพื่อลดความมันของใบหน้า ควรทำการซับหน้าด้วยกระดาษซับมัน แล้วค่อยทาแป้ง ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการเกิดสิวอุดตันและสิวอักเสบลงไปได้มากทีเดียว

2. ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทาแป้ง ควรทาแป้งหลังจากที่ล้างหน้าเสร็จ หรือหลังจากที่ทำการทาครีมบำรุง เบส รองพื้น บีบี หรือครีมต่างๆ เพราะแป้งจะช่วยทำให้สิ่งเหล่านี้ติดทนอยู่บนใบหน้าได้อีกในช่วงระยะเวลาหนึ่ง

3. เมื่อจำเป็นต้องใช้แป้งที่มีส่วนผสมของรองพื้น ก่อนเข้านอนควรล้างออกให้สะอาดด้วยคลีนเซอร์ทุกครั้ง เพราะหากปล่อยทิ้งเอาไว้อาจทำให้เกิดสิวอุดตัน จนกลายเป็นสิวอักเสบได้ และถึงแม้จะเป็นแป้งไม่ผสมรองพื้นก็ควรที่จะล้างออกให้สะอาด เพราะก็ยังอาจทำให้เกิดสิวขึ้นได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม การทาแป้งรองพื้น หรือว่าแป้งฝุ่นที่ระคายเคืองต่อผิวแล้วเกิดสิวขึ้นมา ก็ควรจะใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปกป้องดูแลใบหน้าของเราให้ห่างไกลจากสิว และผิวเรียบเนียนกระชับ ไม่กลับมาเป็นสิวอีก และไม่ทิ้งร่องรอยดำ หลุมลึกให้เป็นแผลอีก

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

สิว ที่ คาง บ่งบอกสาเหตุอะไร

 

เชื่อหรือไม่ว่า คุณสาวๆ สามารถอ่านสัญญาณเตือนว่า ร่างกายของตนเองนั้นมีสภาพอย่างไรได้อย่างง่ายๆ โดยเพียงแค่มองดูกระจกเท่านั้น แล้วสภาพผิวของใบหน้าจะช่วยสะท้อนสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นภายในร่างกายเอง..!?

ในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของผิว ผิวจะมีการปกป้องตัวเองจากมลภาวะต่างๆ อยู่เสมอ แต่ในขณะที่ร่างกายของเรากำลังต่อสู้อยู่กับโรค หรืออาการไม่สบายต่างๆที่เราไม่ทันได้รับรู้ถึงความผิดปกติ ก็มักจะส่งผลกระทบต่อระบบคุ้มกันของผิว ทำให้เกิดสิวและรอยแดงขึ้น เป็นการสัญญาณเตือนถึงความไม่สมดุลจากภายใน ที่นี้เรามาดูกันดีกว่าว่า แล้วสิวที่เกิดขึ้นที่คางนั้น ร่างกายกำลังจะบอกอะไรแก่เรา?

สาเหตุของการเกิดสิวที่คาง

สาเหตุที่ทำให้เกิดสิวขึ้นที่คางมีหลายอย่าง แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว มักจะเกิดจากความผิดปกติของสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในบางช่วงจังหวะชีวิต และมักที่จะเกิดขึ้นกับผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ เช่น ในช่วงก่อนที่จะมีประจำเดือน ซึ่งฮอร์โมนของเพศหญิงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงมากจนขาดสมดุล จึงเป็นสาเหตุให้เกิดสิวที่คางตามมา

เมื่อหมดช่วงประจำเดือนสิวที่คางก็จะค่อยๆหายไปเอง เป็นต้น นอกจากนี้ในบางครั้ง สิวที่คางยังเป็นเสมือนสัญญาณเตือนอันตรายจากร่างกายว่า อวัยวะภายใน อาทิเช่น ลำไส้เล็ก ช่องคลอด มดลูก และรังไข่ กำลังเกิดความผิดปกติขึ้น นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆที่ทำให้เกิดสิวที่คาง เช่น การที่ใบหน้าสัมผัสกับมลพิษจากสภาวะแวดล้อม แสงแดด ความเครียด ที่คุณสาวๆต้องได้พบอยู่เป็นประจำในชีวิตประจำวัน

ประเภทของสิวที่คาง

อย่างที่ได้กล่าวไปในตอนต้นว่า ในบางครั้งสิวที่คางเสมือนเป็นสัญญาณเตือนว่าการทำงานของอวัยวะภายในร่างกายบางส่วนมีการทำงานที่ผิดปกติ แต่เมื่อเกิดสิวที่คางขึ้น คุณสาวๆ ก็อย่าพึ่งตื่นตูมไป เพราะสิวอาจจะเกิดขึ้นจากสาเหตุอื่นๆที่ไม่ได้เป็นอันตรายก็ได้ โดยสามารถแบ่งประเภทของสิวที่เกิดขึ้นบริเวณคางออกได้เป็น 2 ลักษณะ ดังนี้

1. สิวผด หรือ สิวมลภาวะ เกิดขึ้นจากการรักษาความสะอาดของใบหน้าไม่เพียงพอ จากมลภาวะที่พบในชีวิตประจำวัน หรือการล้างเครื่องสำอางออกไม่หมด

2. สิวฮอร์โมน มีลักษณะเหมือนกับสิวอุดตัน และสิวอักเสบ มักจะเกิดขึ้นเมื่อระดับฮอร์โมนในร่างกายของคุณสาวๆ ไม่ได้สมดุล โดยเฉพาะเวลาที่ใกล้เกิดประจำเดือน หรือเกิดความเครียด เป็นต้น

สำหรับสิวอักเสบบริเวณคางที่บ่งบอกว่าอวัยวะภายในร่างกายกำลังทำงานอย่างผิดปกตินั้นสามารถสังเกตได้จาก อาการของสิวอักเสบที่เกิดขึ้น ว่ามีอาการดีขึ้นและยุบหายไปตามเวลาหรือไม่

ถ้าหากสิวอักเสบที่บริเวณคางไม่หยุดลุกลามหรือรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น วิธีการแก้ไขคงจะไม่ใช่การไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อรักษาสิว แต่ควรไปพบกับสูตินารีแพทย์เพื่อตรวจเช็คการทำงานของอวัยวะภายในเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณสาวๆ เอง

เพราะสิวอักเสบเรื้อรังที่ขึ้นตามบริเวณใต้คางหรือแนวขากรรไกร อาจเป็นสัญญานของโรครังไข่ และความผิดปกติของฮอร์โมนประเภทอื่นๆ หากละเลยต่อการรักษาแล้ว อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานและภาวะมีบุตรยากได้

วิธีรักษาสิวที่คางด้วยตัวเอง

ในกรณีที่สิวที่คางเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ไม่ได้เกิดขึ้นจากสภาวะการทำงานที่ผิดปกติของร่างกายที่รุนแรงนั้น คุณสาวๆ สามารถที่จะทำการรักษา โดยการปรับสมดุลของร่างกายได้ด้วยตัวเอง โดยวิธีการง่ายๆ ดังต่อไปนี้

1. รับประทานผักผลไม้มากๆ สิวที่คางเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าลำไส้กำลังมีปัญหา โดยสามารถสังเกตได้ว่า คนที่ท้องผูก หรือไม่ได้ขับถ่ายเป็นปกติมักที่จะมีสิวเกิดขึ้นที่คาง การรับประทานผลไม้จะช่วยทำให้การขับถ่ายเป็นปกติ ทำให้ลดการเกิดสิวที่คางได้

2. ยาบำรุงสตรี ในช่วงที่คุณสาวๆมีประจำเดือนเกิดขึ้น ฮอร์โมนของเพศหญิงจะไม่ค่อยมีความสมดุลนัก ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำเกิดสิวขึ้นบริเวณใต้คาง ซึ่งเป็นส่วนที่บอบบางและเสี่ยงต่อการเกิดสิวอักเสบขึ้นได้ง่าย การกินยาสตรีจะช่วยปรับสมดุลของเพศหญิงให้เป็นปกติ ช่วยในการหมุนเวียนเลือด เมื่อระบบร่างกายของคุณสาวๆดี สิวที่คางก็จะไม่เกิดขึ้น

3. ลดละความเครียด ความเครียดเป็นสาเหตุในอันดับต้นๆที่ทำให้สิวเกิดขึ้นที่คาง คุณสาวๆควรหากิจกรรมที่ชอบมาช่วยลดความเครียดลง เช่น ดูหนัง นั่งทานข้างร้านหรู การช็อปปิ้ง เป็นต้น

4. ลดระดับอาหารเผ็ด หรือรับประทานอาหารที่มีรสจืด เพราะการทานอาหารรสจัดทำให้ลำไส้ต้องทำงานหนัก ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิวขึ้นที่คาง

5. เคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืน การเคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืน เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของระบบย่อยอาหาร ซึ่งจะช่วยทำให้ลำไส้มีประสิทธิภาพในการทำงานที่มากขึ้น

6. อย่าเผลอท้าวคาง เพราะในมือของเรามีคราบสกปรก และเชื้อแบคทีเรียอยู่เป็นจำนวนมาก คุณสาวๆ ในขณะที่ท้าวคางจะทำให้บริเวณที่ถูกมือสัมผัสเกิดความสกปรก จนนำไปสู่การเกิดสิวขึ้น

7. ยาสีฟันสามารถทำให้เกิดสิวที่คางได้ ในขณะที่แปรงฟัน ฟองที่ไหลเยิ้มออกจากมุมปากไปที่บริเวณคางมากจนเกินไป อาจทำให้เกิดสิว และเกิดการอักเสบได้

8. งดทานอาหารที่มีฮอร์โมน เช่น ไก่ เนื้อสัตว์ นมวัว ผลิตภัณฑ์จากนมวัว ข้าวโพดอ่อน แป้งขัดขาว เบเกอรี่ ซึ่งจะมีผลในการไปกระตุ้นฮอร์โมนให้ทำงานมากขึ้น ซึ่งทำให้เกิดสิวมากยิ่งขึ้น

9. ทายาแต้มสิว ในกรณีที่เป็นสิวที่คางมากๆ พร้อมกับมีอาการอักเสบจนไม่สามารถที่จะรอผลจากวิธีการที่ได้แนะนำไปแล้วนั้น ให้ลองใช้ยา หรือผลิตภัณฑ์สำหรับรักษาสิวเข้าช่วย

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

หน้าสิว เปลี่ยนเป็น หน้าใส ได้ ราวกับเนรมิต

         เวลาสิวขึ้นทีไรปวดใจทุกที เพราะสิวที่เห็นเม็ดเล็กๆนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่เลยก็ว่าได้ เมื่อมันผุดขึ้นมาแล้วมักทำให้เกิดปัญหาผิวตามมา ไม่ว่าจะเป็นรอยดำรอยแดง รอยแผลเป็น ที่สำคัญเวลารักษาให้หายไปแล้วกลับไม่ไปลับ ผ่านไปไม่นานสิวมักขึ้นซ้ำที่เดิมอีก บางคนเป็นสิวมากจนถูกเพื่อนล้อว่า “หน้าปลวก” หรือบางรายเป็นสิวรุนแรงถึงขั้นทำให้ผิวหน้าเป็นหลุมเป็นบ่อเหมือนผิวดวงจันทร์ เจอแบบนี้ใครจะทนไหว
 สำหรับคนที่ลองมาแล้วหลายวิธี ไม่ว่าจะใช้โฟมล้างหน้าดีๆ ทาครีมบำรุงแสนแพง หรือหาหมอรักษาสิว เลเซอร์หน้าก็แล้ว แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นที่น่าพอใจ วันนี้เราขอนำท่านผู้อ่านกลับไปสู่วิธีการแบบธรรมชาติ ด้วยการใช้ผักผลไม้หาง่ายอย่างแตงกวามารักษาสิว จากหน้าสิวจะเปลี่ยนเป็นหน้าใส ราวกับเนรมิตได้หรือไม่ ลองมาดูกัน
1.พอกหน้าด้วยแตงกวา
 วิธีการรักษาสิวด้วยสูตรนี้ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่นำแตงกวามาล้างให้สะอาดแล้วหั่นฝานให้บาง จากนั้นก็นำแตงกวาที่หั่นแล้วมาทาให้ทั่วบริเวณใบหน้า ทิ้งไว้สักพักแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น สารอาหารจากแตงกวาจะช่วยทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึก หากทำเป็นประจำจะช่วยป้องกันสิวได้

2.น้ำแตงกวานวดหน้า
 นำแตงกวามาล้างให้สะอาดแล้วปลอกเปลือกแตงกวาออก จากนั้นใช้มีดหั่นและสับให้เป็นชิ้นเล็กๆ แต่ไม่ต้องให้เละจนละเอียดมาก คำนวณปริมาณให้พอเหมาะกับการที่จะเอามาพอกได้ทั้งหน้า หลังจากหั่นเสร็จจะได้เนื้อแตงกวาซึ่งสังเกตเห็นว่ามีน้ำแตงกวาออกมาด้วย นำทั้งหมดที่ได้มานวดให้ทั่วบริเวณผิวหน้า แล้วพอกทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น วิธีนี้จะช่วยให้หน้าใส ชุ่มชื้น และห่างไกลจากสิว
3.สูตรแตงกวา โยเกิร์ต และผงขมิ้นชัน
 สูตรนี้อาจจะวุ่นวายสักหน่อย แต่รับรองว่าผลลัพธ์ที่ได้เป็นที่น่าพึงพอใจแน่นอน โดยก่อนอื่นไปหาแตงกวามาสัก 2-3 ลูก ล้างให้สะอาดและปลอกเปลือกออก จากนั้นเอาแตงกวาไปคั้นน้ำออกมา เสร็จให้นำน้ำแตงกวาที่ได้ผสมลงในถ้วยโยเกิร์ตสูตรธรรมชาติ โดยใส่น้ำแตงกวาลงไป 3 ช้อนชา พร้อมกับใส่ผงขมิ้นชันลงไปด้วยสัก 1 ช้อนชา คนให้เข้ากันแล้วเอามากพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาทีจึงล้างหน้าให้สะอาด หลังจากลองทำตั้งแต่ครั้งแรกจะรู้สึกว่าหน้าใสเนียนนุ่มขึ้นทันที สูตรนี้เป็นการผสานคุณค่าจากพลังธรรมชาติ โดยน้ำแตงกวานั้นจะช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้น ช่วยลดริ้วรอยแผลเป็นจากสิวได้เป็นอย่างดี ส่วนโยเกิร์ตนั้นช่วยทำให้ผิวหน้าเราอ่อนนุ่ม ขจัดสิ่งสกปรกที่อยู่ในขุมรูขน และผงขมิ้นชันจะช่วยลดการเกิดสิว
 นอกจากแตงกวาจะเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาสิวโดยเฉพาะกับสิวอักเสบแล้ว ยังสามารถใช้ลบเลือนริ้วรอยจากการบีบสิว รอยตีนกาแลดูจางลง รวมถึงจัดการกับจุดด่างดำ รอยแดง หลุมสิว เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า เป็นวิธีการทำให้หน้าใสขึ้นแบบง่ายๆ ซึ่งเหมาะกับคนที่มีผิวแห้งมากๆ เปรียบได้ดังมอยเจอไรเซอร์จากธรรมชาติ ทั้งนี้ คนผิวมันก็สามารถใช้แตงกวาช่วยลดความมันบนหน้าได้
ก่อนจากกันวันนี้ เรานำเคล็ดลับดีๆในการป้องกันไม่ให้เกิดสิวมาฝาก จะได้หน้าใสไร้สิวกันทุกคน

         1.ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า น้ำเปล่าเป็นตัวช่วยที่ดีเยี่ยมในการทำความสะอาดผิวหน้า เป็นวิธีการโดยธรรมชาติสำหรับดูแลผิวแสนบอบบางบนใบหน้าได้ดีที่สุด แม้บางคนจะคิดว่าการใช้โฟมล้างหน้าจะสามารถทำความสะอาดได้ล้ำลึกมากกว่า ก็จริงอยู่ แต่ก็ต้องแลกไปกับการที่ผิวหน้าถูกทำร้ายไปพร้อมๆกันด้วย
         2.อย่าใช้มือสัมผัสผิวหน้า คนที่มักเป็นสิวง่าย ไม่ควรใช้มือสัมผัสกับผิวหน้า เนื่องจากมือและเล็บนั้น เป็นแหล่งสะสมของสิ่งสกปรกตลอดวัน จึงทำให้เสี่ยงต่อการเกิดสิวอักเสบได้ง่าย ที่สำคัญคือห้ามบีบสิวเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดรอยแผลเป็นจากสิว ดังนั้น จงอดทนรอให้สิวค่อยๆหายไปเอง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า
         3.ระวังอย่าให้โดนแดดจัด การโดนแดดมากๆเป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดสิว โดยเฉพาะสิวหัวช้างที่แสนเจ็บปวด โดยแสงแดดจะไปเพิ่มเม็ดสีในชั้นผิวให้หมองคล้ำลงอีกด้วย นอกจากนี้ยังทำให้ผิวแห้ง สาเหตุของการเกิดสิวและริ้วรอย
         4.ดูแลบำรุงผิวอยู่เสมอ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าครีมบำรุงผิวต่างๆจำเป็นอย่างมากต่อการป้องกันสิว เนื่องจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ไม่ให้ผิวแห้งและมันได้ง่าย ทั้งยังเป็นตัวช่วยในการฟื้นบำรุงสภาพผิวที่แย่จากการเกิดรอยแผลเป็น จุดด่างดำจากสิวให้ดูจางลง ทั้งนี้ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพ เพื่อสามารถบำรุงผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก กระชับรูขุมขนที่กว้างให้ดูเล็กลง เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกที่จะเข้าไปสะสมข้างในรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุของสิวอุดตัน
         5.รับประทานผักและผลไม้ ข้อนี้สำคัญมาก หากเราเพิ่มปริมาณการบริโภคผักผลไม้ให้มากขึ้น สารอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณ จะช่วยให้สิวค่อยๆลดลง โดยจะไปขจัดสารพิษในผิวหนังให้หมดไป 

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

รักษาสิว ด้วยครีม ต้องทำอย่างไร

สิวเม็ดเล็กๆที่เป็นปัญหาใหญ่ยังทำให้หลายคนปลงไม่ตก และ พยามทำทุกวิธีที่จะหาทางแก้ปัญหาที่หน้าที่มากวนใจเหลือเกิน ครีม รักษาสิว
สามารถช่วยให้คุณกำจัดปัญหากวนใจได้ โดยที่คุณไม่ต้องรำคาญใจอีกต่อไป

รักษาสิว บางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องยาก และมันไม่ง่ายเลยที่เราจะกำจัดมันให้ออกไปชีวิตเราเลย แต่วันนี้ปัญหาสิวคงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แค่คุณได้ลอง รักษาสิว ด้วยครีม

การรักษาสิว ด้วยครีม จำเป็นต้องมีการดูแลความสะอาดผิวหน้าควบคู่กันไป เพราะเรื่องความสะอาดของผิวหน้าก็เป็นสิ่งจำเป็น การไม่ดูแลรักษาปล่อยให้หน้าต้องเผชิญกับฝุ่นควันทั้งวันทำให้หน้าเราได้รับความสกปรก หากไม่ทำความสะอาดใบหน้าก็จะทำให้ใบหน้าเราเกิดสิวได้ การรักษาความสะอาดจึงจำเป็นที่ต้องทำควบคู่ไปด้วยกับการ รักษาสิว

ถ้าหากคุณต้องการ รักษาสิวและไม่อยากให้สิวย้อนกลับมาเล่นงานคุณอีก คุณควรรักษาสิวด้วยครีมควบคู่กับการดูแลความสะอาดของใบหน้าไปพร้อมๆกัน

การรักษาสิว คงง่ายขึ้นหากคุณเลือกใช้ครีมที่เหมาะและมีการรับประกันคุณภาพ การรักษาสิวก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ในเมื่อเราเลือกที่จะบำรุงแล้วเราต้องรู้จักเลือกที่จะป้องกันด้วย คุณคงไม่ยากให้ปัญหาเดิมๆของสิวกับมาอีกหลังจากที่คุณกำจัดมันไปแล้ว เพราะเมื่อมันกลับมาอีกนั่นหมายความว่ามันคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกำจัดมันเพราะการกลับมาครั้งนี้ อาจจะไม่ง่ายเหมือนครั้งก่อน

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

Laser สิว รักษาสิวได้จริงหรือไม่

         “สิว” บนใบหน้า เป็นปัญหาที่เราต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้สิวเห่อไปทั่วบริเวณใบหน้า หรือบางคนต้องเผชิญกับปัญหาสิวขั้นรุนแรงจนหน้าเป็นหลุมเป็นบ่อ ทำให้เพื่อนล้อกันสนุกปากว่า “ผิวดวงจันทร์” กรณีนี้แค่ครีมรักษาสิวอย่างเดียวคงเอาไม่อยู่ ดังนั้น การทำ Laser สิว จึงเป็นตัวเลือกอีกทางที่คุณหมอแนะนำ แต่การ Laser สิว ต้องควบคู่กับการรักษาด้วยครีมหรือรับประทานยารักษาสิว จึงจะทำให้ปัญหาสิวค่อยๆหมดไป
 ทีนี้หลายคนกังวลว่าการทำ Laser สิว อาจมีผลข้างเคียงกับใบหน้าแสนอ่อนโยนของเรา ต้องบอกเลยว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีรุดหน้าไปมาก การ Laser สิว ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป แต่การเป็นสิวแล้วปล่อยทิ้งไว้ต่างหากที่น่ากลัวยิ่งกว่า วันนี้เรามาทำความรู้จักการทำ Laser สิวกัน เพื่อให้ทราบว่ามันสามารถรักษาสิวบนใบหน้าของเราได้อย่างไร

การทำ Laser สิว คืออะไร
 Laser สิว คือการทำงานของแสงเลเซอร์ โดยฉายแสงเข้าไปในเซลล์จนทำให้เกิดความร้อนขึ้นในเซลล์นั้นๆ เมื่อโดนความร้อนเซลล์นั้นจะสลายตัวไปในที่สุด ด้วยเทคโนยีนวัตกรรมของเลเซอร์ที่ก้าวหน้าทำให้สามารถปรับการตั้งค่าพลังงานของเครื่องเลเซอร์เพื่อให้เกิดความร้อนขึ้นเฉพาะภายในเซลล์ที่ต้องการเท่านั้น โดยไม่ทำให้ความร้อนนั้นแผ่กระจายไปถูกเนื้อเยื่อที่ดีโดยรอบ การทำ Laser จึงมีประสิทธิภาพในการทำลายสิวเฉพาะเจาะจง โอกาสเกิดผลข้างเคียงน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย

ประเภทของ Laser กำจัดสิว
1.เลเซอร์ CO2 (Cabondioxide Laser)
 เปรียบเสมือนมีดหมอไร้เลือดออก เนื่องจากในขั้นตอนการยิงเลเซอร์ ถูกนำมาใช้เพื่อเปิดหัวสิว โดยลำแสงเลเซอร์ทำให้ผิวหนังที่หุ้มหัวสิวอยู่เป็นรูเล็กๆ เป็นการระบายสิวออก แล้วจึงกดเอาไขมันที่อุดตันอยู่ใต้ผิวออกมาด้วยอุปกรณ์กดสิว ก่อนยิงเลเซอร์ยังต้องมีการทายาชาบริเวณผิวเป้าหมาย เพื่อไม่ให้รู้สึกแสบร้อนจากพลังงานความร้อน อย่างไรก็ตาม หลังการรักษาแพทย์จะแนะนำให้หลีกเลี่ยงการถูกน้ำ 1 วัน และในช่วง 7 วัน ให้งดเครื่องสำอาง หลีกเลี่ยงแสงแดด เนื่องจากเป็นระยะตกสะเก็ด ซึ่งถ้าดูแลไม่ดีอาจทำให้เกิดรอยดำได้

2.เลเซอร์ไดโอด (Diode Laser)
   เป็นการยับยั้งการทำงานของต่อมไขมัน และการลดการอักเสบ กระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน จึงเหมาะกับการรักษาสิวอักเสบ รอยแผลเป็นจากสิว ต่อมไขมันโตผิดปกติ เลเซอร์ในกลุ่มนี้ที่นิยมใช้รักษาสิว เลเซอร์ชนิดนี้จะมีชื่อว่า สมูทบีม (Smooth Beam) หลังจากถูกพัฒนาให้มีระบบความเย็นที่ป้องกันผิวชั้นบน หรือระบบ DCD (Dynamic Cooling Device) ลดโอกาสเกิดรอยดำหลังการรักษา เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการกดสิว หรือฉีดยาที่หัวสิว อีกตัวชื่อ วีบีม (V-Beam) เป็น pulsed dye laser มีระบบ DCD เช่นกัน แต่จะโดดเด่นที่ความสามารถลบรอยแดง เนื่องจากช่วยให้เม็ดสีและเส้นเลือดเล็กๆที่ผิดปกติ และกระจายทั่วไปจางหายได้ ส่งผลให้เกิดการจัดเรียงตัวเส้นเลือดใต้ผิวหนังใหม่ หากต้องการให้เห็นผลชัดเจนต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง
3.IPL (Intense Pulse Light)
 เป็นการ Laser ที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P.Acne ช่วงคลื่น 510, 560 ช่วยลดการอักเสบ ยับยั้งการทำงานของต่อมไขมัน ลดรอยแดง รอยดำต่างๆ หลังยิง Laser สิวแบบ IPL ความมันของผิวหน้าจะลดลง รวมถึงอาการอักเสบ รอยดำรอยแดงจากสิวจะจางลง ภาพรวมหน้าจะสว่างสดใสขึ้น
 อย่างไรก็ดี เพื่อทำให้การ Laser สิวได้ผลดีและเร็วยิ่งขึ้น แพทย์จะจ่ายยาและครีมรักษาสิวมาให้ด้วย แน่นอนว่าสำหรับผู้ที่อยากแก้ไขปัญหาสิวโดยใช้เลเซอร์ต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง จึงมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการรักษาด้วยวิธีอื่น ฉะนั้นก่อนทำ Laser ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอย่างจริงจังว่าผิวพรรณและปัญหาสิวที่เกิดขึ้น เหมาะกับการทำ Laser แบบใด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ปลอดภัยไร้ผลข้างเคียงมากที่สุด

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ใช้ ครีมรักษาสิว ชนิดใด ช่วยเพิ่มความมั่นใจ

 

หากจะกล่าวว่า “ใบหน้า” เป็นสูญรวมความมั่นใจของคุณสาวๆ ก็เห็นจะไม่เป็นการกล่าวเกินจริงนัก เพราะเมื่อคนเราได้มาพบกัน “ใบหน้า” มักที่จะเป็นสิ่งแรกที่จะช่วยสร้างความประทับใจให้กับอีกฝ่าย

ถ้าหากใบหน้าของคุณสาวๆ เนียนใสไร้สิว ความประทับใจต่อตัวคุณสาวๆ ก็จะเป็นไปในทางบวก เพราะอีกฝ่ายมองว่าคุณสาวๆ จะต้องเป็นคนที่รักความสะอาดดูแลรักษาเอาใจใส่ตัวเองเป็นอย่างดี

ในทางกลับกัน หากคุณสาวๆ ปล่อยปละละเลยจนใบหน้าเต็มไปด้วยสิวและรอยหมองคล้ำ ความประทับใจของผู้ที่ได้พบก็จะเป็นไปในทางลบ ที่สำคัญสายตาของคนรอบข้างๆ ที่มองมายังตัวคุณสาวๆ ไม่ว่าจะเป็นสายตาชื่นชม หรือ สายตาเย็นชา ก็ล้วนแล้วแต่มีผลต่อความมั่นใจของคุณสาวๆ เป็นอย่างมากเลยทีเดียว

โดยเฉพาะปัญหาเรื่อง “สิว” ที่คอยบั่นทอนความมั่นใจของคุณสาวๆ มาอย่างช้านาน สำหรับคุณสาวๆที่แคร์สายตาของคนรอบข้างมากๆ เพียงแค่สิวผลุดขึ้นมาอวดโฉมบนใบหน้าเพียงหนึ่งเม็ดเล็กๆ ก็อาจรู้สึกอายจนแทบไม่กล้าออกจากบ้านไปพบผู้คนจนกว่าสิวเม็ดนั้นจะหายกันเลยทีเดียว

ปัจจุบันก็ได้มีวิธีการรักษาสิวที่ได้รับความนิยมอยู่หลายวิธี เช่น การทานยา ฉีดสิว ยิงเลเซอร์ เป็นต้น แต่วิธีที่ได้รับความนิยม เนื่องจากคุณสาวๆสามารถทำการรักษาสิวได้ด้วยตัวเอง ในราคาที่ไม่แพง นั่นก็คือการรักษาโดยการใช้ “ครีมรักษาสิว” ซึ่งจะช่วยทำให้สิวยุบหายไปอย่างเป็นธรรมชาติ

อย่างไรก็ตาม คุณสาวๆ หลายคน ยังมีความเข้าใจที่ผิดๆว่า “ครีมรักษาสิว” ถูกใช้เพียงในการรักษาสิวเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในปัจจุบันครีมรักษาสิวหลายๆยี่ห้อได้พัฒนาตัวเองไปเป็นครีมรักษาสิวที่ช่วยในการป้องกันใบหน้าไม่ให้เกิดสิวขึ้น และดูแลผิวหนังของคุณสาวๆ ให้ห่างไกลจากสิว พร้อมกับการบำรุงใบหน้าให้ขาวใส ปราศจากริ้วรอย ลบรอยหมองคล้ำ ได้ด้วยผลิตภัณฑ์เพียงชิ้นเดียว

ครีมรักษาสิวที่มีคุณสมบัติครบถ้วนควรเลือกใช้

สำหรับผลิตภัณฑ์ครีมรักษาสิว ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งในการรักษาและป้องกันสิว รวมไปถึงช่วยบำรุงใบหน้าของคุณสาวๆให้ขาวใส ปราศจากริ้วรอยนั้น คุณสาวๆควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้

1. มีฤทธิ์ในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉาะเชื้อแบคทีเรีย P.acne ที่สามารถพบได้จากมลภาวะรอบๆตัวเรา ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดสิว โดยเฉพาะอาการสิวอักเสบ เมื่อเชื้อแบคทีเรียดังกล่าวถูกทำลายก่อนที่จะไปทำปฏิกิริยากับไขมันในรูขุมขนก็จะไม่ทำให้เกิดสิวขึ้น หรือสำหรับคุณสาวๆที่เป็นสิวอักเสบอยู่แล้ว เมื่อเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในสิวอักเสบถูกทำลายลง ก็จะส่งผลให้สิวอักเสบยุบตัวลงเองอย่างเป็นธรรมชาติ
2. ช่วยลดและควบคุมไขมันส่วนเกิน เมื่อใบหน้ามีความมันในระดับที่พอดี เชื้อแบคทีเรีย P.acne ก็จะไม่สามารถทำปฏิกิริยากับไขมันได้มากนัก ซึ่งทำให้โอกาสที่จะเกิดสิวลดน้อยลง

ในขณะเดียวกัน ควรระวังผลิตภัณฑ์ครีมรักษาสิวที่มีสรรพคุณบอกว่า สามารถกำจัดความมันบนใบหน้า เพราะการกำจัดความมันออกไปจากใบหน้าจะทำให้ใบหน้าแห้ง ทำให้ร่างกายยิ่งพยายามสร้างไขมันออกมาให้มากขึ้น เพื่อหล่อเลี้ยงผิวหนังชั้นนอกเอาไว้ ทำให้ใบหน้าจะยิ่งมีความมันมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเป็นการทำให้มีโอกาสเกิดสิวขึ้นบนใบหน้ามากขึ้นด้วย

3. ช่วยในการสังเคราะห์เซลล์ผิวใหม่ ควรเลือกครีมรักษาสิวที่มีส่วนผสมที่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน เพราะสารทั้งสองตัวที่อยู่ใต้ผิวหนังจะช่วยสังเคราะห์เซลล์ผิวใหม่ ทำให้หลุมบนใบหน้าที่เกิดจากสิวตื้นขึ้น ทำให้ใบหน้าเรียบเนียนมากขึ้น และเมื่อเซลล์ผิวใหม่เกิดขึ้นทดแทนเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วจนเป็นสีดำคล้ำ ก็จะช่วยทำให้ผิวใหม่ที่ขึ้นมาแทนที่มีความขาวขึ้น ไปพร้อมๆกับการลดรอยหมองคล้ำลง

4. ช่วยในการบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ควรเลือกผลิตภัณฑ์ครีมรักษาสิวที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ เนื่องจากสามารถช่วยในการต่อต้าน และลบเลือนริ้วรอยที่เกิดขึ้น พร้อมยังเป็นการช่วยบำรุงผิวหน้าให้มีความนุ่มนวล ชุ่มชื้น ได้อีกด้วย

5. ตรวจสอบส่วนผสมว่าปราศจากผลข้างเคียง ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ และศึกษาตัวยาทีเป็นส่วนผสมในการรักษาและป้องกันสิวให้ดี เพราะสารที่ใช้ในการรักษาสิวโดยเฉพาะมีหลายประเภท ซึ่งให้ผลในการรักษาสิวที่แตกต่างกันออกไป

อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอย ซึ่งจะมีผลข้างเคียงต่อร่างกายในระยะยาว อีกทั้งอาจทำให้สิวเกิดอาการดื้อยาเมื่อมีการใช้นานๆ อีกด้วย ในบางรายอาจที่แพ้สารสเตียรอย อาจทำให้เกิดสิวอักเสบขึ้นเต็มใบหน้า ที่มักจะถูกเรียกว่า “สิวเสตียรอย” อีกด้วย

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

กำจัด สิวอุดตัน ก่อนลุกลาม ภัยเงียบ อันตราย!

หลายคนทราบดีว่าสิวอุดตันพบได้บ่อยกว่าสิวแบบอื่นๆ  เพราะเกิดง่ายเพียงแค่โดนฝุ่น กินอาหารมัน หรือแม้แต่ผู้หญิงที่อยู่ในช่วงใกล้มีประจำเดือน ดังนั้น การเกิดสิวอุดตัน จึงเกิดขึ้นได้ง่าย  และสามารถลามไปเป็นสิวอักเสบได้อีกด้วย 

ก่อนที่ สิวอุดตัน จะมาเกิดที่ใบหน้าของเรา หรือ ใครที่เป็นแล้ว อย่ากังวลใจไปคะ เรามีวิธีรักษาแบบง่ายๆมาฝากค่ะ

– รักษาความสะอาดของใบหน้า ไม่เป็นสิว ก็ควรจะฝึกให้เป็นนิสัยนะคะ อย่าขี้เกียจ ! ด้วยการล้างหน้าบ่อยๆด้วยน้ำสะอาด  โดยเฉพาะหลังออกกำลังกาย หลังเลิกงาน  และก่อนนอน ทุกๆครั้งที่ต้องไปเจอฝุ่นข้างนอกให้กลับมาล้างหน้าให้สะอาดเพื่อลดความมันบนใบหน้า และล้างเสร็จให้ใช้ผ้าขนหนูซับหน้าเบาๆ

–  เกา แกะ จับ  เลิกซะก่อนหน้าจะเกิดสิว  เพราะอะไรถึงต้องถาม  เพราะมือของเราเป็นสิ่งที่สกปรกมากที่สุด  วันๆนึงไม่รู้ไปจับอะไรมาบ้าง  ดังนั้นพยายามหลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้าและแกะ เกา รอยสิวเก่าให้มันอักเสบขึ้นมานะคะ

–  ของมันๆ อร่อยแต่อันตราย  นอกจากการทานของมันจะทำให้อ้วนแล้วยังส่งผลให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น เพราะไขมันจะทำให้เกิดการอุดตันใต้ผิวหน้าได้ง่าย

–  ปรึกษาแพทย์ เข้าคอร์สรักษาสิว  วิธีนี้อาจจะไม่เป็นวิธีทางธรรมชาติ  แต่ก็ได้ผลเร็วและบางครั้ง หากรักษาตรงจุด ถูกประเด็น  ก็จะได้รับผลที่ถาวร  แต่ก็มีบางรายที่รักษาแล้วต้องกลับไปรักษาอีก ทำให้เสียทั้งเวลาและงบประมาณ  ดังนั้นจึงควรเลือกให้ดีก่อนเข้ารับการรักษา

ทุกวิธีที่กล่าวมานั้นก็เป็นวิธีการรักษาและวิธี การป้องกัน สิวอุดตัน  ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายและสามารถปฏิบัติได้จริงค่ะ

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

รักษาสิวได้หายขาด หายชัวร์ ด้วยวิธีธรรมชาติ

 

ในยุคปัจจุบันใบหน้า ต้องเผชิญกับมลภาวะต่างๆ มากมาย อาทิ เช่น ควันจากท่อไอเสีย ฝุ่นละอองจากการก่อสร้าง เป็นต้น ไม่ว่าจะพยายามปกป้อง หรือรักษาความสะอาดใบหน้าสักเพียงใด ปัญหาเรื่องสิว ก็ยังมักที่จะโผล่ขึ้นมากวนใจอยู่แทบจะตลอดเวลา

สำหรับในบทความนี้ จะมาขอแนะนำวิธีการรักษาสิวด้วยวิธีการรักษาสิวอย่างธรรมชาติแบบง่ายๆ ที่คุณสาวๆ สามารถทำได้ด้วยตัวเอง

การรักษาสิวโดยวิธีธรรมชาติ

ก่อนที่จะเริ่มต้นการรักษาสิว ให้พึงระลึกเอาไว้อยู่เสมอว่า วิธีการรักษาสิวที่ดีที่สุด คือ การป้องกัน ไม่ให้สิวใหม่เกิดขึ้นมาอีกนั่นเอง เพราะหากมัวแต่จะรอรักษาสิวใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น ถือว่าเป็นเพียงแค่การรักษาที่ปลายเหตุเท่านั้น ปัญหาเรื่องสิวจะยังคงเกิดขึ้นมาใหม่อีกเรื่อยๆ อย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น ดังนั้นการป้องกันไม่ให้สิวเกิดขึ้นตั้งแต่แรก จึงเป็นวิธีที่ได้ผลดีมากที่สุด โดยมีวิธีการปฏิบัติตัว ดังต่อไปนี้

    1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับฝุ่นละออง ควันรถ หรือควันมากๆ เพราะจะมีแบคทีเรียและคราบสกปรกมาอุดตันที่รูขุมขน ทำให้เกิดสิวอักเสบขึ้น

 

    1. อย่าเอามือไปยุ่งกับใบหน้าเกินความจำเป็น เช่น การล้วง แคะ แกะ เกา ควรสัมผัสกับใบหน้าเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพราะมือของเรามักเต็มไปด้วยคราบสกปรก และเชื้อแบคทีเรีย

 

    1. หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่อาจก่อให้เกิดสิว โดยเลือกใช้เครื่องสำอางแบบที่ไม่อุดตันรูขุมขน (Noncomedogenic) หรือแบบที่ไม่มีไขมัน (Oil-Free) ซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงการทำให้เกิดสิวได้

 

    1. อย่าล้างหน้าบ่อย ควรล้างด้วยน้ำเปล่า เพียงวันละ 2 ครั้ง ในตอนเช้า และตอนเย็นเท่านั้น ในช่วงกลางวันหากใบหน้ามีความมันมาก ควรใช้กระดาษซับมันแทนการล้างหน้า

 

    1. สระผมทุกวัน โดยเฉพาะคนที่ผมยาวปิดหน้าผาก หรือแก้มทั้งสองข้าง เพราะผมของเราก็เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค และสิ่งสกปรกเช่นกั
    2. ไม่ควรนอนดึกเกิน 4 ทุ่ม เพราะยิ่งนอนดึกมากเท่าไหร่ สิวก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

 

    1. ทำความสะอาดผิวหน้าทุกครั้งก่อนนอน โดยควรใช้คลีนเซอร์อย่างอ่อนในการทำความสะอาด และต้องล้างคลีนเซอร์ออกให้หมด อย่าให้มีคราบตกค้าง

 

    1. ฝึกควบคุมการขับถ่าย คนที่เป็นท้องผูกบ่อยๆ หรือที่คนที่กลั้นอุจาระบ่อยๆ มักที่จะมีโอกาสเป็นสิวบ่อยกว่าคนที่ขับถ่ายอย่างปกติเป็นประจำทุกวัน การขับถ่ายควรทำในช่วงเวลา 05.00 – 07.00 น. เพราะเป็นช่วงเวลาที่ลำไส้ใหญ่เกิดการบีบตัวเพื่อรีดเอาของเสียออกจากร่างกาย สำหรับคนที่ท้องผูกแนะนำให้ทานผักผลไม้มากๆ ดื่มน้ำตั้งแต่ตอนที่ตื่นนอนมากๆ ดื่มนม หรือดื่มน้ำมะนาว จะเป็นการช่วยในการขับถ่ายให้ดีมากยิ่งขึ้น

 

    1. ควบคุมเรื่องอาหารการกิน อาหารต้องห้ามสำหรับคนที่เป็นสิว ได้แก่ อาหารรสจัด ของหวาน ของมัน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีอาหารทะเล ซึ่งควรทานในปริมาณที่พอเหมาะ อย่ารับประทานอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน เพราะอาหารเหล่านี้จะไปกระตุ้นให้เกิดสิวขึ้น

 

    1. ดื่มน้ำสะอาดมากๆ การดื่มน้ำสะอาดในจำนวนที่เพียงพอต่อความร่างกายในแต่ละวัน จะเป็นการช่วยรักษาสมดุลในร่างกาย และช่วยล้างสารพิษออกจากร่างกายอีกด้วย

 

    1. มองโลกในแง่ดีอย่าเครียด ความเครียดเป็นศัตรูตัวฉกาจต่อความงาม และยังผลต่อจำนวนสิวที่เกิดขึ้นบนใบหน้าอีกด้วย เพราะความเครียดจะทำให้คุณสาวๆเสี่ยงต่อการเกิดสภาวะฮอร์โมนไม่สมดุลขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญหนึ่งที่ทำให้เกิดสิว

 

    1. ออกกำลังกายบ้าง เมื่อออกำลังกาย เหงื่อจะช่วยผลักดันสิ่งสกปรกออกมาจากรูขุมขน ซึ่งเป็นการทำความสะอาดรูขุมขนไปในตัว นอกจากนี้ยังช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นอีกด้วย และเมื่อออกกำลังกายเสร็จแล้วอย่าลืมรักษาความสะอาดของใบหน้าด้วย

 

  1. รักษาความสะอาดของเครื่องนอน ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม เป็นสิ่งที่ต้องสัมผัสกับร่างกายและผิวหน้าของเราอยู่เป็นประจำทุกวัน ดังนั้นจึงควรที่จะทำความสะอาดบ่อยๆ เพื่อไม่ให้มีฝุ่นหรือคราบสกปรกเข้าไปสะสมอยู่

 

 

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.