ท้องแตกลาย ทำไง บทความนี้มีคำตอบ

         รอยแตกลายเปรียบได้ดังปัญหาโลกแตกที่เมื่อเกิดขึ้นแล้วมักแก้ไม่ตก ไม่ว่าจะลองวิธีไหน ดูเหมือนว่ารอยแตกลายที่ปรากฎไม่ยอมจางลงเสียที ซึ่งปัญหานี้ที่พบได้บ่อยบริเวณต้นแขน ต้นขา น่อง สะโพก รวมถึงบริเวณหน้าท้อง หรือที่เรียกกันติดปากว่า “ท้องแตกลาย” เนื่องจากบริเวณนี้มีไขมันสะสมได้ง่าย จึงทำให้ผิวหนังมีการขยายออกจึงทำให้เกิดเป็นท้องแตกลาย
         นอกจากนี้ คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ก็พบปัญหาท้องแตกลายได้บ่อยเช่นกัน เนื่องจากมีการยืดขยายของผิวหนังอย่างรวดเร็ว จึงปรากฎเป็นรอยแตกลายสีแดง บางรายเป็นสีขาว (ซึ่งรักษาได้ยากกว่า) ทั้งนี้ รอยแตกจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะหลังจากคลอดบุตร ซึ่งจากสถิติพบว่ามีมากถึงร้อยละ 90 ของคุณแม่หลังคลอดที่ประสบปัญหาท้องแตกลาย

 

การรักษาท้องแตกลาย
         ในช่วงแรกของการเกิดรอยแตกลายจะเป็นรอยสีชมพู แดง และสีม่วง ตามลำดับ ช่วงนี้เรียกว่า รอยแตกลายใหม่ หากอยากหายต้องได้รับการรักษาตั้งแต่ช่วงนี้ เพราะหายได้เร็วที่สุด ถ้าปล่อยไว้จนรอยแตกนั้นจะค่อยๆกลายเป็นสีขาวซีด เห็นเป็นร่องเป็นรอยแตกระแหง เรียกว่า รอยแตกลายเก่า (Scar like) แบบนี้จะรักษาได้ยากกว่า ดังนั้น ควรสังเกตท้องแตกลายตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะยิ่งรักษาเร็ว โอกาสหายก็จะมีมาก โดยสามารถรักษาได้ด้วยวิธีดังนี้
         1.ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว โดยเฉพาะที่มีมอยส์เจอร์ไรเซอร์ จะช่วยให้ผิวชุ่มน้ำ มีความยืดหยุ่นได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้วิตามินซี และเรตินอยด์ มีประสิทธิภาพในการเพิ่มการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในช่วงต้น ทำให้รอยแตกลายดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เรตินอยด์จะไม่มีประสิทธิภาพถ้ารอยแตกลายเป็นสีขาว

         2.ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อให้ผิวหนังยืดหยุ่น เพราะการออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นและกระชับชั้นหนังแท้ ซึ่งเป็นผิวหนังชั้นที่ 2 ที่ประกอบไปด้วยคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวหนังที่กำลังเป็นหรือเสี่ยงต่อรอยแตกลาย แลดูจางลงได้ ทั้งนี้ ควรหลีกเลี่ยงการลดน้ำหนักหรือเพิ่มน้ำหนักอย่างรวดเร็วจนเกินไป
         3.รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ อันได้แก่ วิตามินซี วิตามินอี ซึ่งเจ้าวิตามินซี สามารถพบได้มากในอาหาร เช่น ผัก และผลไม้ ขณะที่วิตามินอีพบได้มากในอาหารจำพวก นม ไข่ ถั่ว เนื้อสัตว์ ปลา ผัก วิตามินทั้งสองชนิดนี้มีบทบาทสำคัญต่อการฟื้นบำรุงผิว เป็นประโยชน์ต่อผิวพรรณ ทำให้ผิวแข็งแรง สุขภาพดี ลดการอักเสบ แก้ปัญหาผิวอย่างท้องแตกลายได้ชะงัด
         4.ดื่มน้ำเปล่ามากๆ วิธีนี้จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นอยู่เสมอ และช่วยแก้ปัญหาท้องแตกลายได้ เนื่องจากมีส่วนช่วยในการซ่อมแซมสภาพผิวที่เคยแย่ให้กลับมามีสุขภาพดีได้ กระนั้นก็ตาม นอกจากน้ำเปล่าแล้ว ยังควรดื่มชาเขียว ชาสมุนไพร น้ำผักและน้ำผลไม้ด้วย เพื่อเป็นการช่วยคืนความชุ่มชื้น ฟื้นบำรุงผิวได้อีกทางหนึ่ง

         5.ใช้ครีมทาแก้ท้องแตกลาย โดยจะเป็นครีมที่ใช้ลดรอยแตกลายโดยเฉพาะ ทำการนวดบริเวณหน้าท้องวันละหลายๆครั้ง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนังบริเวณหน้าท้องและบริเวณใกล้เคียง ที่นิยมใช้กันมักมีส่วนผสมของโคโคบัตเตอร์ แต่ก็ยังไม่มีผลการวิจัยมารองรับถึงคุณสมบัติข้อนี้ แต่มีผลการวิจัยว่าครีมที่มีส่วนผสมของสารสะกัดจากโกโตโคลา หรือที่รู้จักกันว่า ไลกองเจนหรือวาลาเรีย วิตามินอี และคอลาเจนไฮโดรไลเสทมีส่วนช่วยลดลอยแตกลายได้
         6.อย่าอาบน้ำอุ่น คนที่ต้องการรักษาท้องแตกลาย ควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นจัดๆ ให้เลือกอาบน้ำธรรมดาแทน เนื่องจากน้ำที่ค่อนข้างร้อนจะทำให้ผิวแห้งแตกเป็นขุยได้ง่าย เพราะทำให้ผิวพรรณขาดความชุมชื้น ใครที่ผิวแห้งอยู่แล้วจะยิ่งทำให้หน้าท้องแตกลายมากขึ้น
         กระนั้นก็ดี ควรสังเกตความเปลี่ยนแปลงของผิวหนังอยู่ตลอดเวลา การรักษาที่ถูกต้องคือต้องได้ผลดีขึ้น แม้จะน้อยนิดก็ตาม ที่สำคัญคือควรรักษาตั้งแต่เนิ่นๆที่ยังเป็นสีชมพู หรือรอยแตกลายใหม่ เพราะหายได้ง่ายและเร็ว ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้จนกลายเป็นรอยสีขาว เนื่องจากบางคนต้องใช้เวลาเป็นปีๆกว่าจะรักษาหาย ซึ่งบางรายอาจต้องอยู่กับรอยแตกดังกล่าวไปตลอดชีวิต

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

รักษาท้องลาย เชิงรุก ด้วยการลุกมาออกกำลังกาย

         หลายๆคนอาจจะเครียด เมื่อหน้าท้องของตัวเองปรากฏรอยแตกลายน่าเกลียดขึ้น ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเกิดหลังการคลอดบุตร หรือการลดน้ำหนักที่รวดเร็วมากจนเกินไป
 อย่างไรก็ตาม เมื่อปัญหาหน้าท้องลายเกิดขึ้นมาแล้วก็ใช่ว่าจะมามั่วนั่งกลุ้มอกลุ้มใจอยู่ใย ถ้าอยากรักษาท้องลายให้หายดีอย่างง่ายๆ แบบเชิงรุก โดยการลุกออกมาขยับร่างกายออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ตามที่บทความชิ้นนี้กำลังจะแนะนำ ซึ่งจะช่วยทำให้หน้าท้องของคุณ กลับไปเรียบเนียน ไร้รอยแตกลายให้กังวลใจเหมือนกับวันวาน

การออกกำลังกายเพื่อรักษา และบรรเทาอาการท้องลายอย่างได้ผล
 การรักษาท้องลาย ด้วยการออกกำลังกายนั้นควรจะทำให้ติดเป็นนิสัยประจำอย่างสม่ำเสมอ และควรเป็นประเภทของการออกกำลังกายที่ไม่หักโหมจนเกินไป สำหรับคนที่อยากรักษาท้องลาย ที่เกิดขึ้นหลังการคลอดนั้น ก็ขอแนะนำว่าควรเริ่มต้นการออกกำลังกาย หลังจากการคลอดแล้ว 3 เดือน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หน้าท้องจะเริ่มกลับเข้าสู่สภาพปกติ และมีความแข็งแรงเพียงพอแล้ว ส่วนวิธีการออกกำลังกายที่แนะนำเพื่อช่วยในการรักษาท้องลายนั้น มีดังต่อไปนี้
 1.ว่ายน้ำ เป็นการออกกำลังกายที่แรงกระแทกน้อย ไม่เสี่ยงกับอาการบาดเจ็บ อีกทั้งร่างกายยังสามารถได้ออกกำลังทุกส่วน เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เพราะนอกจากรอยแตกลายจะลดน้อยลงแล้ว หุ่นของคุณก็จะยิ่งกระชับ น้ำหนักลดผอมลงอย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย
2.เต้นแอโรบิค เป็นหนึ่งในการออกกำลังกายประกอบเพลงอันแสนสนุก ที่สามารถทได้เป็นประจำทุกวัน
 3.โยคะ เป็นการออกกำลังกายที่ไม่อันตราย เนื่องจากไม่มีแรงกระแทก และได้ผลดีในการช่วยลดรอยแตกลายให้น้อยลง สำหรับรูปแบบของโยคะที่แนะนำให้เป็นโยคะร้อน แต่ถ้าหากไม่มีเวลาไปเข้าคลาสสอนโยคะ ลองหาวิธีฝึกโยคะด้วยตัวเองที่บ้านจากแหล่งต่างๆในอินเทอร์เน็ต มาฝึกฝนด้วยตัวเองที่บ้านก็ได้เช่นกัน

         4.เดิน การเดินนับเป็นการออกกำลังกายแบบเบาๆ ที่สามารถช่วยให้ผิวมีความแข็งแรงมากขึ้น และลดโอกาสเกิดผิวแตกลายให้น้อยลงอีกด้วย
   5.ปั่นจักรยาน เป็นอีกหนึ่งในกีฬาที่มีแรงกระแทกน้อย เหมาะอย่างยิ่งต่อการออกกำลังกายหลังคลอด ที่สามารถช่วยลดรอยแตกลาย และกระชับให้หน้าท้องกลับมาเรียบเนียนได้มากยิ่งขึ้น
 การออกกำลังกายรักษาท้องลายเหล่านี้ สามารถช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ และยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ให้กระจายไปสู่ผิวหนังทั่วทั้งร่างกายให้มากยิ่งขึ้น ส่งผให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง สดใส แลดูมีสุขภาพที่ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้การออกกำลังกายยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของชั้นผิว และการซ่อมแซมผิวหนังส่วนที่สึกหรออย่างรอยแตกลาย ให้กลับคืนมาสู่สภาพผิวที่ดีเหมือนในวันวานอีกด้วย

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

น้ำมันมะกอก ทาท้องลาย หายได้จริงชัวร์ หรือมั่วนิ่ม?

         คุณสาวๆหลายๆคนที่มีปัญหาท้องลายเกิดขึ้นกับตัวเอง ก็คจะได้ทำการศึกษาหาความรู้ เพื่อหาวิธีรับมือกับปัญหาท้องลายของตัวเองอย่างได้ผลมากที่สุด และแน่นอนว่า ในบรรดาเหล่าครีมบำรุงผิวที่ใช้ในการทาท้องลายนั้น คุณสาวๆก็ย่อมต้องเคยเห้นคำแนะหนาหูว่า “น้ำมันมะกอก” เป็นหนึ่งในครีมบำรุงผิวจากธรรมชาติยอดนิยม ที่บรรดาเหล่าสาวๆทั่วโลกนิยมนำมาใช้ทาท้องลายกันอย่างได้ผล ซึ่งเจ้าน้ำมันมะอกกนี้ สามารถนำมาใช้ทาท้องลาย เพื่อแก้ไขปัญหารอยแตกลายได้จริงชัวร์ หรือมั่วนิ่มอย่างไรนั้น บทความชิ้นนี้ รับรองว่ามีคำตอบให้กับคุณสาวๆอย่างแน่นอน

น้ำมันมะกอกช่วยในการแก้ปัญหารอยแตกลายที่ท้องได้อย่างไรบ้าง
 รอยแตกลายที่ท้อง เป็นสิ่งที่มักพบได้บ่อยๆในกลุ่มของผู้หญิงหลังการตั้งครรภ์ หรือในกลุ่มของคนที่ลดความอ้วนอย่างรวดเร็วจนเกินไป กระทั่งเซลล์ผิวหนัง ไม่สามารถยืดหอดขยายตัวตามความรวดเร็วเหล่านั้นได้ ทำให้เกิดรอยแตกลายขึ้นในที่สุด นอกจากนี้ รอยแตกลายเหล่านั้นก็ยังทวีความรุนแรง และเห็นได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ถ้าหากผิวมีสภาพแห้งขาดความชุ่มชื้น ปัญหาเหล่านี้คุณสาวๆสามาถแก้ไขได้ ด้วยการใช้น้ำมันมะกอกทาท้องลาย เนื่องจากน้ำมันมะกอกมีคุณสมบัติที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้
 1.ส่วนประกอบของน้ำมันที่อ่อนโยนต่อผิว ที่ช่วยบำรุงผิวให้มีความนุ่มเนียนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
 2.เหมาะสำหรับผิวแห้ง นอกจากการช่วยทำให้ผิวนุ่มเนียนแล้ว น้ำมันมะกอกยังช่วยดึง และคงความชุ่มชื้นของผิวเอาไว้ได้อย่างยาวนาน ด้วยส่วนประกอบที่เป็นกรดไขมันตามธรรมชาติ ถ้าหากคุณสาวๆต้องการที่จะให้น้ำมันมะกอกที่ทาท้องลาย ซึมลึกลงสู่ผิวได้มากขึ้น ก็สามารถที่จะผสมน้ำมันมะกอกเข้ากับว่านหางจระเข้จำนวนเล็กน้อย ก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มคุณสมบัติในการซึมลึกสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
 3.ช่วยปลอบประโลมผิวและลดอาการคัน หลายๆครั้งที่รอยแตกลายจะก่อให้เกิดอาการคันขึ้น การขัด ถู หรือเกา รอยแตกลายที่หน้าท้อง ถือเป็นสิ่งต้องห้าม เพราะมันอาจจะยิ่งทำให้ปัญหาหน้าท้องลายของคุณแย่ลงมากกว่าเดิม แต่หากคุณเพียงแค่ใช้น้ำมันมะกอกทาท้องลายสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ปัญหาอาการคันก็จะกลายเป็นอดีตไปเลยทีเดียว
 4.ช่วยป้องกันริ้วรอย น้ำมันมะกอกมีคุณสมบัติในการช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ เพียงแค่ทำการทาน้ำมันมะกอกลงไปในผิวหน้าท้องบริเวณที่ต้องการ สัปดาห์ละ 1-2 รั้ง ผิวของคุณก็จะได้รับการปกป้อง และรักษาริ้วรอยให้ลดน้อยลงได้อย่างน่าอัศจรรย์เลยทีเดียว
   5.อุดมด้วยวิตามินนานาชนิด น้ำมันมะกอกมีส่วนประกอบของวิตามินหลากหลายชนิด ที่มีคุณสมบัติช่วยในการบำรุงผิวพรรณให้สดใสแข็งแรงมากยิ่งขึ้น อาทิเช่น วิตามินเอ วิตามินอี วิตามินบี เป็นต้น

         6.ช่วยในการปกป้องผิว น้ำมันมะกอกช่วยทำให้ผิวมีสุขภาพที่แข็งแรง และปกป้องผิวจากมลภาวะ หรือสิ่งที่เลวร้ายภายนอกที่จะทำร้ายผิว
 น้ำมันมะกอก นอกจากคุณสมบัตอันสุดมหัศจรรย์เหล่านี้แล้ว พวกมันยังสามารถหาได้ง่าย ราคาไม่แพง และยังสามารถนำน้ำมันมะกอกไปใช้เป็นส่วนผสมของสูตรเสริมความงาม ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองอื่นๆ ตั้งแต่เส้นผม จรดปลายเท้าเลยทีเดียว รวมไปถึงการช่วยบรรเทาแก้ไขปัญหาหน้าท้องลายอย่างได้ผล ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไม คุณสาวๆจึงควรมีน้ำมันมะกอกติดบ้านเอาไว้อยู่เสมอนั่นเอง

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ครีมท้องลาย กับส่วนผสมแสนง่ายที่หาได้ในบ้านคุณ

         หน้าท้องลาย เป็นหนึ่งในปัญหาที่แก้ไขได้ยากมากติดอันดับต้นๆของปัญหาผิวพรรณทั้งปวงเลยทีเดียว อีกทั้งยังเป็นปัญหาเรื้อรัง ที่หากไม่รีบทำการป้องกัน แก้ไขเสียตั้งแต่เนิ่นๆ แนวโน้มของปัญหาก็จะยิ่งทวีตัวฝังลึก จนกระทั่งรอยแตกลายกลายเป็นเสมือนแผลเป็นอันหนึ่ง อันเดียวกับผิวหน้าท้องไปอย่างถาวร ซึ่งเมื่อปัญหาไปไกลถึงขั้นนั้น รับรองว่าจะยิ่งแก้ไขได้ยากมากจนน่าปวดหัวเลยทีเดียว แต่ถ้าหากคุณสาวๆ เข้าใจถึงครีมท้องลาย ที่มีผลในการช่วยบรรเทาความรุนแรง และลดรอยแตกลายให้น้อยลง โดยใช้ครีมท้องลายเป็นประจำเสียตั้งแต่เนิ่นๆแล้วล่ะก็ อาการแตกลายก็จะน้อยลง หรือหายเป็นปลิดทิ้งไปเลย ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหนัง และการดูแลตัวเองของแต่ละคนว่าดี ใส่ใจมากน้อยสักเพียงใด ซึ่งบทความในวันนี้ก็ได้ทำการค้นหาครีมท้องลายอย่างได้ผล ที่คุณสามารถหาได้ใกล้ตัว โดยไม่จำเป็นที่จะต้องไปซื้อหาครีมท้องลายราคาแพงมาใช้กันแต่อย่างใด ส่วนครีมท้องลายแบบ D.I.Y เหล่านั้นจะมีอะไรกันบ้างนั้น ไปดูกันเลย

ครีมท้องลาย ที่สามารถหาได้ในบ้านของคุณเอง
   การใช้ครีมบำรุงผิวอย่างเหมาะสม ทำการทาในบริเวณที่มีอาการแตกลายอยู่เป็นประจำ ในตอนเช้า-เย็ย สามารถที่จะช่วยทำให้รอยแตกลายลดจางลงไปมากขึ้น ตามระยะเวลาที่ผ่านไป รวมไปถึงช่วยในการป้องกันรอยแตกลายไม่ให้มีมากขึ้น สิ่งแรกที่คุณควรให้ความใส่ใจคือ ครีมท้องลาย ประเภทที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น และคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง สำหรับครีมท้องลายที่ได้รับความนิยม นำมาใช้ในการรักษาอาการผิวแตกลาย มีดังต่อไปนี้
1.น้ำมันมะกอก หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าน้ำมันมะกอกมีคุณสมบัติเทียบได้เท่ากับครีมบำรุงราคาแพงชั้นนำเลยทีเดียว เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตมินอี และวิตามินอี รวมถึงสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยลดริ้วรอยก่อนวัยได้อีกด้วย สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะกับผิวแห้ง ที่มักก่อให้เกิดปัญหารอยแตกลายขึ้นได้ง่ายมากกว่าปกติ
 2.มอยเจอไรเซอร์ ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้มอยเจอไรเซอร์แบบเข้มข้นก็ได้ คุณอาจเลือกใช้เพียงครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของมอยเจอไรเซอร์ปริมาณมากสักหน่อย เพื่อเป็นการช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวมากยิ่งขึ้น

         3.โลชั่นเด็ก มีความบอบบางและเป็นมิตรต่อผิวพรรณสูง นอกจากนี้ควรทำการเลือกโลชั่นที่มีเนื้อลักษณะเหนียวข้น เนื่องจากสามารถที่จะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นของผิวเอาไว้ได้มากกว่าเนื้อโลชั่นแบบปกติ โดยทั่วไป
เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด คุณควรทำการทาครีมบำรุงผิวพรรณเหล่านี้ ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ได้ 4 เดือน เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดรอยแตกลายจำนวนมากหลังการคลอด โดยทำการทาหลังการอาบน้ำชำระล้างกายให้สะอาดเป็นประจำทุกวัน ในตอนเช้า-เย็น ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการควบคุม ทานอาหารที่มีประโยชน์ตรงกับหลักโภชนาการ

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ไขความลับ หน้าท้องลาย รักษาด้วยตัวเองได้จริงไหม?

         ปัญหาหน้าท้องลาย เป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าอยู่คู่มากับประวัติศาสตร์ของมนุษย์เลยทีเดียว อีกทั้งยังเป็นปัญหาโลกแตก ที่อยู่ในอันดับต้นๆของบรรดาคำถามด้านการดูแลผิวพรรณอันดับหนึ่งว่า หน้าท้องลายสามารถดูแลรักษาให้หายด้วยตัวเองได้จริงหรือเปล่า? สำหรับในวันนี้ บทความชิ้นนี้จะขออาสาพาคุณผู้อ่านทุกท่านไปทำความเข้าใจ เจาะลึก และไขความลับของปัญหาหน้าท้องลาย ถึงที่มา และดูกันว่าจะมีวิธีใดที่สามารถช่วยแก้ไข รักษาปัญหน้าท้องลายอย่างได้ผลจริงๆกันบ้าง

หน้าท้องลายเกิดขึ้นจากอะไร?
   หน้าท้องลาย เกิดขึ้นจากการที่ผิวหนังที่ถูกดึงเกิดการแยกตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้การแบ่งเซลลืตามธรรมชาติไม่สามารถเกิดขึ้นทันความรวดเร็วดังกล่าว หน้าท้องลายกว่าครึ่งพบในผู้หญิงตั้งครรภ์ โดยมีลักษณะเป็นเส้นบางๆ ฉีกเป็นแนวยาวที่มีขนาดแตกต่างกันออกไป และมีหลายสี ไม่ว่าจะเป็นสีน้ำตาล สีแดง หรือสีม่วง พบมากบริเวณหน้าท้อง เริ่มต้นจากสะโพก ต้นขา หรือบริเวณเต้านม แต่ส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นที่บริเวณหน้าท้องเป็นหลัก สาเหตุหลักเชื่อกันว่าเป็นผลที่เกิดขึ้นจากเตียรอยด์จากต่อมหมวกไต ที่เพิ่มขึ้นหลังจากการตั้งครรภ์ ซึ่งสัมพันธ์กับการขยายตัวของผิวหน้าท้องในขณะที่ทารกมีการเจริญเติบโต หลังจากหลังคลอดเส้นขีดเหล่านี้ไม่ได้หายไปไหน เพียงแค่สีจางลง จนดูเหมือนกับเป็นแผลเป็นบริเวณหน้าท้องนั่นเอง นอกจากนี้ปัญหาหน้าท้องลาย รอยแตกลายขนาดใหญ่ อาจสามารถเกิดขึ้นได้กับกลุ่มคนที่ใช้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์เข้มข้นสูงนานเกินไปอีกด้วย

วิธีการรักษาปัญหาหน้าท้องลายอย่างได้ผล
   ปัญหาหน้าท้องลายนั้น เป็นสิ่งที่รักษาได้ค่อนข้างยาก แต่ก็ใช้ว่าจะไม่มีวิธีการในการช่วยบรรเทา และลบเลือนรอยแตกลายให้น้อยลงไป ซึ่งวิธีแก้ไขปัญหาหน้าท้องลาย ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก มีดังต่อไปนี้
         1.การกัดผิวด้วยกรดผลไม้ (Chemical Peel) หรือกรอผิวด้วยอัญมณี (Microdermabrasion) สามารถช่วยทำให้ผิวเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น ด้วยการกำจัดเซลล์ผิวในบริเวณที่แตกลายออกไป 10-30%

         2.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นประโยชน์ต่อทั้งในเรื่องของสุขภาพโดยทั่วไป และสุขภาพของผิวที่ดีมากขึ้น ด้วยการกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต รวมไปถึงโภชนาการ สุขภาพของผิวให้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งควรเริ่มต้นทำหลังจากที่ทำการคลอดแล้ว 3 เดือน ที่ท้องจะเริ่มลดลงเป็นปกติแล้ว สำหรับวิธีการออกกำลังกายที่แนะนำก็ได้แก่ การว่ายน้ำ เต้นแอโรบิค เพื่อช่วยในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้ดีมากยิ่งขึ้น
         3.การควบคุมอาหาร ประเภทแป้ง และไขมัน ที่จะส่งผลต่อผิวหนังบริเวณหน้าท้องให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะ
         4.การใช้กรดวิตามิน เช่น Tretinoin 0.05-0.1% สามารถช่วยรักษารอยแตกลายสีชมพู เล็กๆน้อย
         5.
การใช้ครีมบำรุงผิว การใช้ครีมบำรุงผิวอย่างเหมาะสม ทาในบริเวณรอยแตกลายเป็นประจำทุกวัน เช้า-เย็น สามารถที่จะช่วยทำให้รอยจางลงไปมากขึ้นตามระยะเวลาที่ผ่านไป หรืออาจจะช่วยป้องกันการเกิดรอยแตกลายมากขึ้น ซึ่งครีมบำรุงผิวที่มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวได้เป็นอย่างดีนั้น ก็ได้แก่น้ำมันมะกอก ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของมอยเจอไรเซอร์ หรือโลชั่นเด็ก ทาบริเวณหน้าท้องลายหลังจากการอาบน้ำ แต่ถ้าจะให้ดีควรทำการทาครีมบำรุงตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์ได้ 4 เดือน เพื่อเป็นการช่วยลดรอยแตกลายที่จะเกิดขึ้นหลังคลอดให้น้อยลง
         6.การรักษาด้วยเลเซอร์สีแดง ความเข้มข้นสูง (FPL) ที่สามารถช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและปรับสีให้มีความใกล้เคียงกับผิวปกติใกล้เคียง ได้มากถึง 30-60 % เลยทีเดียว
 อย่างไรก็ตาม ถ้าหากชะล่าใจปล่อยปัญหาหน้าท้องลายเอาไว้โดยไม่ทำการรักษา รอยแตกลายมักจะกลายเป็นสีซีดขาว จนกระทั่งดูเหมือนกับเป็นแผลเป็น ทำให้การรักษายากขึ้น และจำเป็นที่จะต้องใช้เทคโนโลยี รวมไปถึงระยะเวลาในการรักษาที่ยาวนานมากยิ่งขึ้น

          ผิวแตกลายสามารถที่จะค่อยๆเลือนหาย เมื่อเวลาผ่านไปตามธรรมชาติ แต่ก็จำเป็นที่จะต้องใช้ระยะเวลาที่เรียกได้ว่าค่อนข้างนาน จนหลายคนอาจถึงกับถอดใจเลยทีเดียว แต่ ณ ปัจจุบัน ด้วยความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์ และความรู้ต่างๆ สามารถทำให้การเยียวยาบาดแผล ริ้วรอยแตกลายเหล่านั้นสามารถเป็นไปได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ด้วยเพียงแค่การใช้ผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงผิวกายที่เหมาะสม เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอเท่านั้นเอง

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

วิธีรับมือกับปัญหาท้องลายขณะตั้งครรภ์

         อีกหนึ่งปัญหาที่คุณแม่มือต้องเจอก็คือท้องลาย” ขณะตั้งครรภ์ ทั้งๆที่บางคนดูแลเอาใจใส่ผิวมาโดยตลอด แต่พอท้องเริ่มใหญ่ขึ้นเพราะลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์ ผิวหนังบริเวณหน้าท้อง สะเอว และผิวด้านหลังก็ค่อยๆเกิดรอยแตกลาย ซึ่งจากข้อมูลในเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ พญ.ธิศรา วีรสมัย สูตินรีแพทย์ประจำศูนย์สุขภาพผู้หญิง โรงพยาบาลพญาไท 1 ให้ความรู้ว่า เกิดจากท้องของคุณแม่ตั้งครรภ์ยืดขยายอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันพอมดลูกเริ่มขยายใหญ่ขึ้นจะดันกล้ามเนื้อท้องให้แยกออกมาด้วย ส่งผลให้ผิวบริเวณหน้าท้องของคุณแม่เกิดอาการแตกลายตามมานั่นเอง ซึ่งเห็นได้ชัดหลังอายุครรภ์ 3 เดือนเป็นต้นไป
         ดังนั้น ผิวหน้าท้องของคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ไม่ได้มีการเตรียมรองรับการขยายตัวของมดลูกมาเป็นอย่างดี ย่อมมีโอกาสแตกลายได้มาก ซึ่งมากน้อยแตกต่างกันไป คุณแม่บางคนผิวมัน หรือก่อนตั้งครรภ์ออกกำลังกายหน้าท้องเป็นประจำ ปัญหาเหล่านี้อาจจะพบได้น้อย

         “เมื่อเริ่มตั้งครรภ์อ่อนๆ ควรเพิ่มความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่นให้กับชั้นผิว ด้วยการทาครีมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผิวหนังหน้าท้องมีความชุ่มชื้น และยืดหยุ่น รองรับกับการขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงตั้งครรภ์จะช่วยรับมือได้ค่อนข้างดี” สูติ-นรีแพทย์แนะนำ
         และเพื่อเป็นการรับมือกับปัญหาท้องลายของคุณแม่ระหว่างตั้งครรภ์ วันนี้เราได้รวบรวมเทคนิคพิชิตปัญหาท้องลายมาให้ได้นำไปปฏิบัติ จะมีอะไรบ้างมาดูกัน

วิธีรับมือกับปัญหาท้องลาย
         เนื่องจากปัญหาท้องลายขณะตั้งครรภ์เมื่อเกิดขึ้นแล้ว หากอยากรักษาให้กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมนั้นค่อนข้างยาก และต้องใช้เวลา รวมถึงค่าใช้จ่าย ทางที่ดีที่สุดคือการป้องกันไว้ก่อน ไม่ให้เกิดปัญหาท้องลาย หรือถ้าเกิดขึ้นก็เป็นเพียงเล็กน้อย
         1.เตรียมความพร้อมทั้งก่อนและขณะเริ่มตั้งครรภ์ โดยการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้อง ด้วยการออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรง และความยืดหยุ่นของผิวหนัง และกล้ามเนื้อหน้าท้อง อาจจะเป็นการฝึกโยคะ หรือการออกกำลังกายแบบทั่วไปก็ได้ ทั้งนี้ ควรออกกำลังแบบเบาๆ ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อลูกในครรภ์
         2.รับประทานอาหารในปริมาณที่เหมาสม ไม่ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมากเกินไป ถึงแม้น้ำหนักจะเพิ่มประมาณ 1.5-2 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ แต่ตลอดการตั้งครรภ์ควรมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นประมาณ 10-12 กิโลกรัม ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวหรือดัชนีมวลกาย (BMI) ก่อนการตั้งครรภ์ของคุณแม่ด้วย นอกจากนั้นควรรับประทานผักผลไม้ และดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อบำรุง เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว วันละอย่างน้อย 6-8 แก้ว

         3.ทาครีมบำรุงผิวที่ไม่ผสมอนุพันธ์ของกรดวิตามินเอ หรืออาจจะใช้น้ำมันมะกอกที่ใช้แล้วไม่เกิดอาการแพ้ระคายเคืองทาก็ได้ ซึ่งควรเริ่มใช้ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ โดยไม่ต้องรอให้เกิดการแตกลายของท้องก่อน ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการทาครีมบำรุงผิวคือหลังอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ เช็ดตัวให้แห้งพอหมาด แล้วชะโลมครีมให้ทั่วผิว ช่วงเวลานี้ผิวหนังจะสามารถดูดซับ และเก็บกักครีมได้ดีมากขึ้น นอกจากนั้นในระหว่างวันคุณแม่ควรทาครีมเป็นระยะๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ลดความแห้งกร้านของผิว ป้องกันปัญหาท้องลายได้
         4.อาบน้ำที่มีอุณหภูมิปกติ คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นจัดๆ โดยเลือกอาบน้ำธรรมดาที่มีอุณหภูมิปกติ เนื่องจากน้ำที่ค่อนข้างร้อนจะทำให้ผิวแห้งแตกเป็นขุย เพราะขาดความชุ่มชื้น โดยเฉพาะคุณแม่ที่มีผิวแห้งอยู่แล้ว จะยิ่งทำให้หน้าท้องแตกลายมากขึ้น อีกอย่างคือน้ำร้อนหรือน้ำอุ่นจะชะล้างไขมันที่ปกคลุมผิวซึ่งเก็บกักความชุ่มชื้นออกไป ทำให้ผิวหนังมีความแห้ง ขาดความยืดหยุ่น เกิดการแตกลายได้ง่าย
         5.อย่าแคะ แกะ เกาท้อง ถ้ามีอาการคัน เพราะการเกาทำให้หน้าท้องแห้งแตกลายมากขึ้น และอาจมีการอักเสบได้ หากคันมากๆควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ และรับยาทาหรือยารับประทานเพื่อลดอาการคันที่มีความเหมาะสมสำหรับคุณแม่ขณะตั้งครรภ์ตั้งแต่เริ่มมีอาการ
         ดังนั้น ถ้าไม่อยากกลัดกลุ้มใจด้วยปัญหาหน้าท้องลาย คุณแม่ควรเตรียมรับมือให้พร้อมด้วยการดูแลสุขภาพผิวอย่างต่อเนื่อง เพราะถ้าหากละเลยจนเกิดเป็นรอยแตกลายแล้ว คุณอาจต้องทนอยู่ปัญหาท้องลายไปอีกนาน บางคนรักษาไม่หาย และปรากฏเป็นรอยแตกลายสีขาวก็มี ฉะนั้น กันไว้ย่อมดีกว่าแก้

วิธีแก้ไขปัญหาท้องลายหลังการคลอด
ถึงแม้ว่าจะทำการดูแลรักษาตัวเองได้ดีมากสักเพียงใดก่อนการตั้งครรภ์ก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเกิดปัญหาริ้วรอยแตกลายขึ้น ซึ่งหลายๆคนที่เกิดปัญหาผิวแตกลายขึ้น ก็คงอยากที่กำจัดพวกมันให้ออกไปจากหน้าท้องให้เร็วที่สุด เพื่อให้หน้าท้องกลับไปสวยเรียบเนียนเหมือนกับก่อนการตั้งครรภ์ ซึ่งวิธีการแก้ไขปัญหาท้องลายที่ดี ได้ผลลัพธ์ดีเยี่ยม ภายใต้ราคาที่ไม่แพง แถมยังสามารถทำได้อย่างง่ายๆด้วยตัวเอง นั่นก็คือการใช้ครีมบำรุงผิวนั่นเอง แต่ครีมบำรุงผิวที่ดีนั้น ควรที่จะมีส่วนผสมที่อ่อนโยนจากธรรมชาติ ซึ่งดีที่สุดในการบำรุงผิวที่แตกลาย และกำลังอยู่ในช่วงอ่อนแอ

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

สารพันปัญหา รอยแตกลายสีขาว กันไว้ดีกว่าแก้

         “รอยแตกลาย” เชื่อว่าหากคุณผู้หญิงได้ยินคำนี้คงรู้สึกปวดขมับขึ้นมาทันที เพราะหลายๆคนกำลังประสบกับปัญหาผิวหนังแตกลายที่แก้ไม่ตก ซึ่งมันเกิดขึ้นได้ง่ายจากหลายปัจจัย บางคนแค่น้ำหนักขึ้นมานิดๆหน่อยๆก็เกิดรอยแตกลายอย่างเห็นได้ชัด หรือบางคนที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยรุ่น ผิวหนังมีการขยายตัวก็สามารถเกิดเป็นรอยแตกลายขึ้นได้ ไม่เพียงเท่านั้น รอยแตกลายอาจเกิดกับคนอ้วนแล้วลดน้ำหนักจนผอมลงในเวลาสั้นๆก็ได้ เห็นไหมว่าปัญหารอยแตกลายมันใกล้ตัวเราแค่ไหน
ขออธิบายให้เข้าใจเบื้องต้นก่อนว่า เจ้ารอยแตกลาย หรือ Stretch Marks เกิดจากการยืดขยายต่อเนื่องของผิวหนังและเนื้อเยื่อในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้เกิดการทำลายโครงสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้พบได้บ่อยที่สุดในคนตั้งครรภ์ มักเป็นบริเวณท้อง หรือหน้าอก ยังพบได้ในคนที่อ้วนอย่างรวดเร็ว หรือในวัยรุ่นที่กำลังสูงอย่างรวดเร็วโดยพบผิวแตกลายได้ที่ต้นขาด้านนอก หลังด้านล่าง หรือสะโพก รวมทั้งคนที่กินยาสเตียรอยด์นานๆ มักมีรอยแตกลายใหญ่ และเป็นได้หลายตำแหน่ง

         รอยแตกลายนั้นมีหลายสี ในช่วงแรกจะเป็นรอยสีชมพู แดงและม่วงตามลำดับ เรียกว่า “รอยแตกลายใหม่” แบบนี้รักษาหายได้เร็วที่สุด แต่เมื่อนานวันเข้า รอยแตกนั้นจะค่อยๆ กลายเป็นสีขาวซีด เห็นเป็นร่องเป็นรอยแตกระแหงเรียกว่า รอยแตกลายเก่า (Scar like) หรือ  “รอยแตกลายสีขาว” นั่นเอง ซึ่งจะรักษาได้ยากกว่า ฉะนั้น กันไว้ก่อนย่อมดีกว่าแก่ไข

วิธีป้องกันไม่ให้เกิดรอยแตกลายสีขาว
1.ใช้สมุนไพรธรรมชาติ เช่น มะขามเปียก มะนาว นำมาถูทิ้งไว้ประมาณ 2-5 นาที บริเวณที่เกิดรอยด่างดำ หรือคิดว่ากำลังเป็นรอยแตกลายสีขาว ความเป็นกรดอ่อนๆ จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าออก ช่วยให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื่น มีความยืดหยุ่น ป้องกันการเกิดรอยแตกลายสีขาวได้ หรืออีกสมุนไพร “ว่านหางจระเข้” ให้นำวุ้นของว่านหางจระเข้มาล้างทำความสะอาด แล้วทาลงในบริเวณที่เริ่มปัญหา ไม่ว่าจะเป็นต้นแขน หน้าท้อง น่อง ต้นขา โดยทาเป็นประจำทุกเช้าเย็น สารอาหารจากว่านหางจระเข้จะช่วยให้ผิวชุ่มชื่น ห่างไกลจากรอยแตกลายสีขาว
2.รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ อันได้แก่ วิตามินซี วิตามินอี ซุ่งเจ้าวิตามินซี สามารถพบได้มากในอาหาร เช่น ผัก และผลไม้ ขณะที่วิตามินอีสามารถพบได้มากในอาหารจำพวก นม ไข่ ถั่ว เนื้อสัตว์ ปลา ผัก วิตามินทั้งสองชนิดนี้มีบทบาทสำคัญต่อการฟื้นบำรุงผิว เป็นประโยชน์ต่อผิวพรรณ ทำให้ผิวแข็งแรง สุขภาพดี ลดการอักเสบ ป้องกันปัญหาผิวอย่างรอยแตกรายได้เป็นอย่างดี

         3.ลดน้ำหนัก ใครที่เริ่มรู้สึกว่าตัวกำลังเข้าสู่ภาวะน้ำหนักเกิน หรือมีรูปร่างอ้วนขึ้น นั่นเท่ากับว่าท่านมีความเสี่ยงต่อการเกิดรอยแตกลายต่างๆ โดยเฉพาะรอยแตกลายสีขาว ฉะนั้น จงหาวิธีลดน้ำหนัก (ห้ามใช้ยาลดความอ้วน) ให้เน้นการออกกำลังกายกระชับต้นขา ต้นแขน ลดพุงเพื่อช่วยลดการเสียดสีของผิวหนัง เพราะการเสียดสีเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวหนังดำคล้ำและเกิดรอยแตกลาย
4.
ดื่มน้ำเปล่ามากๆ เพราะจะช่วยไม่ให้ผิวหนังเสียความยืดหยุ่น เพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิวหนังจากภายใน นอกจากนั้นยังส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม เพิ่มกระบวนการขจัดสารพิษในร่างกายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ถือเป็นวิธีดูแลสุขภาพร่างกายเบื้องต้นที่ทุกคนควรปฏิบัติ โดยควรฝึกดื่มน้ำเยอะๆ ประมาณวันละ 8 แก้วขึ้นไป
         5.ทาครีมหรือโลชั่นบำรุงผิว เป็นอีกหนึ่งวิธีในการป้องกันรอยแตกลายต่างๆ โดยเฉพาะรอยแตกลายสีขาว เพราะครีมหรือโลชั่นบำรุงผิว จะช่วยเพิ่มความมชุ่มชื่นให้แก่ผิว สร้างความยืดหยุ่น เมื่อมีการขยายหรือหดตัวอย่างรวดเร็ว จึงไม่เกิดรอยแตกลาย หรือมีโอกาสได้น้อยกว่าผู้ที่ไม่เคยบำรุงผิว ซึ่งครีมหรือโลชั่นที่ใช้ควรมีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ AHA สารสกัดธรรมชาติที่เป็นประโยชน์ต่อผิว หรือ whitening ต่างๆ
        การใช้ครีมบำรุงผิวแก้ไขปัญหาผิวแตกลาย ยังสามารถที่จะเลือกใช้ครีมบำรุงผิวแบบสำเร็จรูป โดยเน้นครีมบำรุงผิวที่มีความอ่อนโยน และมีส่วนประกอบหลักจากธรรมชาติ 100% ซึ่งจะเป็นการช่วยฟื้นฟู และบำรุงผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเป็นการช่วยทำให้ผิวสามารถฟื้นฟูตัวเองตามธรรมชาติอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้ผลลัพธ์ของผิวที่กลับมาสวยสดใสเหมือนเดิม

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

อยากลดรอยแตกลาย เรตินเอ (Retin-A 0.05%) ช่วยคุณได้

         บอกได้เลยว่าปัญหาเรื่องผิวพรรณนั้นมีมากมายสารพัด ไม่ว่าจะเป็นผิวคล้ำเสีย ผิวแห้งกร้าน ริ้วรอยเหี่ยวย่น ปัญหาสิว รอยแผลเป็น จุดด่างดำ และอีกมากมายเหนือคณานับ แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงปัญหาผิวอย่างหนึ่งซึ่งคอยจุกจิกกวนใจคุณผู้หญิงมานาน และบั่นทอนความมั่นอกมั่นใจไปได้มากโข มันคือเจ้ารอยแตกลายนั่นเอง โดยรอยแตกลายนี้เกิดขึ้นจากการยืดขยายต่อเนื่องของผิวหนังและเนื้อเยื่ออย่างรวดเร็ว ทำให้มีการทำลายโครงสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ จึงเกิดเป็นรอยแตกลายบนผิวชั้นนอก นั่นหมายความว่าหากผิวหนังมีการขยายตัว ไม่ว่าจะกรณีใดๆย่อมเสี่ยงต่อการเกิดรอยแตกลายได้ทั้งสิ้น
ที่ต้องบอกว่ารอยแตกลายเป็นตัวบั่นทอนความมั่นใจ เนื่องจากบริเวณที่มันชอบขึ้นคือ ต้นขา ต้นแขน และน่อง ซึ่งเป็นบริเวณที่อยู่นอกร่มผ้า ทำให้คุณผู้หญิงที่ประสบกับปัญหานี้ไม่ค่อยกล้าที่หยิบเสื้อผ้าชุดสวย เปิดนิดโชว์หน่อยมาสวมใส่ นอกจานั้น เจ้ารอยแตกลายยังสามารถเกิดขึ้นได้ที่สะโพก หน้าอก และหน้าท้องอีกด้วย

         รู้กันอย่างนี้แล้วก็อย่าพึ่งตกใจเป็นกระต่ายตื่นตูม เพราะทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ บทความนี้ได้นำวิธีการหนึ่งที่ได้ผลดีต่อการแก้ปัญหาเรื่องรอยแตกลายมาให้ท่านผู้อ่านได้ลองนำไปใช้ อยากลดรอยแตกลาย เรตินเอ ช่วยคุณได้

เรตินเอ (Retin-A 0.05%) คืออะไร
ถ้าอยากลดรอยแตกลาย เรตินเอคืออะไร เราควรไปทำความรู้จักกับพระเอกตัวนี้กันก่อน โดย เรตินเอ (Retin-A 0.05%) มีสรรพคุณเป็นครีมทารักษาสิว รอยแผลเป็นจากสิว รอยหลุมสิว ผิวหน้าไม่เรียบเนียน รอยเหี่ยวย่น แก้ปัญหาเรื่องตีนขา บรรเทาหรือลดความหยาบกร้าน ลดเลือนจุดด่างดำ รวมทั้งฟื้นฟูสภาพผิวที่ถูกทำลายโดยแสงแดด
มาถึงตรงนี้ ท่านผู้อ่านคงสงสัยว่า เรตินเอจะช่วยลดรอยแตกลายได้อย่างไร คำตอบคือเรตินเอมีส่วนผสมสำคัญคือ Tretinoin หรือ Retinoic Acid หรือ กรดวิตามินเอ ที่จะเข้าไปทำให้การยึดเกาะระหว่างผิวหนังของเราหลวม มีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาเรื่องริ้วรอย รอยแตกลายบนผิว ใครที่อยากลดรอยแตกลาย เรตินเอจึงช่วยคุณได้

 

วิธีใช้เรตินเอ (Retin-A 0.05%) ลดรอยแตกลาย
วิธีการลดรอยแตกลาย เรตินเอ ไม่ได้เหมือนการเอามาแต้มสิวทั่วไป แต่จะวุ่นวายกว่านั้นมาก ทั้งนี้ รับรองว่าผลลัพธ์ที่ได้จะออกมาในแบบที่คุณพึงพอใจ ซึ่งวิธีการใช้เรตินเอนี้ ได้มีการตั้งกระทู้ในเว็บไซต์พันทิป และได้ผลตอบรับที่ดีจากผู้ลองใช้จริง (กระทู้ : สาวสวยห้องแป้งครับ ผมมาแนะนำวิธี “ลดรอยแตกลาย” ได้ผล !!!)
  1.อาบน้ำให้สะอาด โดยแนะนำให้ขัดผิว แต่ระวังอย่าขัดผิวแรงจนเกินไป ควรขัดอย่างเบามือ จะช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื่น ไม่แห้งตึ้ง จากนั้นเช็ดตัว รอจนแห้งสนิทสัก 10-15 นาที
   2.บีบเรตินเอ (Retin-A 0.05%) ใส่นิ้วมือปริมาณที่เหมาะสมกับการชะโลมผิวที่มีปัญหาผิวแตกลาย
3.หลังทาไปแล้ว จะได้กลิ่นของเรตินเอ (Retin-A 0.05%) ซึ่งบางคนอาจจะรู้สึกเหม็น (ต้องทำใจ) จากนั้นก็นวดคลึงไปเรื่อยๆสักพักประมาณ 10-20 วินาที เป็นอันเสร็จ (ไม่ต้องทาโลชั่นหรือครีมบำรุงผิวอื่นๆ)
ให้ใช้วิธีลดรอยแตกลาย เรตินเอแบบนี้ก่อนนอน โดยใช้แค่วันเว้นวันเท่านั้น เพราะเนื้อครีมออกฤทธิ์ค่อนข้างแรง อาจทำให้ผิวเกิดความระคายเคืองจนปวดแสบปวดร้อนจนผิวอักเสบได้ สำหรับผลลัพธ์ในการรักษารอยแตกลายของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและรอยแตกลายว่าเกิดขึ้นมานานแค่ไหน หากพึ่งเป็นรอยแตกลายแล้วแก้ได้ทัน ก็จะหายไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่รอยแตกลายของท่านใดปล่อยไว้มาเป็นปีอาจต้องใช้เวลานานหลายเดือน
อย่างไรก็ดี หากใช้เรตินเอลดรอยแตกลายแล้วพบว่าผิวของตนเกิดการระคายเคืองมากผิดปกติ จนผิวอักเสบก็ควรหยุดใช้ทันที แล้วเลือกใช้วิธีอื่นแทน เพราะผิวของคุณอาจบอบบางหรือเกิดการแพ้ยา

ครีมบำรุงผิวจากธรรมชาติ สามารถช่วยแก้ไขปัญหาผิวแตกลายให้ดียิ่งขึ้น
ผิวแตกลายสามารถที่จะเลือนหายไปได้ เมื่อระยะเวลาผ่านไปตามธรรมชาติ แต่ก็จำเป็นที่จะต้องใช้ระยะเวลาที่เรียกได้ว่าค่อนข้างนาน จนหลายคนอาจถึงกับถอดใจเลยทีเดียว แต่ ณ ปัจจุบัน ด้วยความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์ และความรู้ต่างๆ สามารถทำให้การเยียวยาบาดแผล ริ้วรอยแตกลายเหล่านั้นสามารถเป็นไปได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ด้วยเพียงแค่การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกายที่เหมาะสม เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอเท่านั้นเอง

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

มาดูวิธีแก้ท้องลายหลังคลอด และการใช้ครีมทาแก้ท้องลาย

         มีมากถึงร้อยละ 90 ของคุณแม่หลังคลอดที่ประสบกับปัญหาหน้าท้องลายหน้าท้องหย่อนยาน ซึ่งปัญหานี้เกิดขึ้นได้เป็นเรื่องธรรมดา เพราะผิวหนังของคุณแม่มีการขยายอย่างรวดเร็วและหดตัวหลังคลอดภายในช่วงเวลาอันสั้น ทีนี้ถ้าอยากให้ผิวบริเวณหน้าท้อง สะเอว รวมถึงด้านหลัง กลับมาเรียบเนียนอีกครั้ง จำเป็นต้องแก้ปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะมีคุณแม่บางท่านปล่อยทิ้งไว้ ทำให้อาการท้องลายติดตัวไปจนยากเกินจะเยียวยา
         โดยสิ่งแรกที่คุณแม่ควรทำเพื่อขจัดหรือลดอาการท้องลายคือการตรวจดูว่ามีริ้วรอยจากการตั้งครรภ์เกิดขึ้นหรือไม่ ยิ่งพบเร็วเท่าไหร่ยิ่งสามารถแก้ไขปัญหานี้ให้หมดไปได้เร็วและมีประสิทธิภาพ เพราะการแก้ปัญหาท้องลายหลังคลอดจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก เนื่องจากต้องใช้หลายวิธีมาผนวกกัน โดยเฉพาะการใช้ครีมทาแก้ท้องลายที่ขาดไม่ได้

1.กินวิตามินเสริม
         โดยเฉพาะวิตามินอีที่ช่วยซ่อมแซมและเสริมสร้างคอลลาเจน ซึ่งวิตามินอีวันละ 1 เม็ด ก็สามารถช่วยลดรอยแตกลายได้แล้ว นอกจากนี้ยังควรเวชภัณฑ์ที่มีวิตามินและสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิวอย่างน้ำมันจมูกข้าว หรือเครื่องสำอางค์ที่มีส่วนผสมของเป็ปทายและเรตินอย ก็เชื่อกันว่าสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยแตกลายได้ แต่ยังไม่มีข้อมูลทางการแพทย์ยืนยัน
2.หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น
         นอกจากจะใช้ครีมทาแก้ท้องลายเป็นประจำแล้ว คุณแม่สามารถบอกลาผิวท้องลาย่ได้โดยหลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นจัดๆ ให้เลือกอาบน้ำธรรมดาแทน เนื่องจากน้ำที่ค่อนข้างร้อนจะทำให้ผิวแห้งแตกเป็นขุยได้ง่าย เพราะทำให้ผิวพรรณขาดความชุมชื้น โดยเฉพาะคุณแม่ที่มีผิวแห้งอยู่แล้วจะยิ่งทำให้หน้าท้องแตกลายมากขึ้น ส่วนคุณแม่ที่เกิดอาการคันเพราะหน้าท้องแห้งและขยายตัว ต้องหลีกเลี่ยงการเกาด้วย แล้วให้ใช้ครีมทาผิวหรือครีมทาแก้ท้องลายแทน หากทำเช่นนี้จะช่วยแก้หรือลดปัญหาท้องลายได้ทางหนึ่ง แถมยังช่วยถนอมผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื้น เกิดการฟื้นบำรุงอย่างมีประสิทธภาพ
3.ดื่มน้ำมากๆ

         วิธีนี้จะช่วยให้ผิวของคุณแม่ชุ่มชื้นและช่วยป้องกันรอยแตกลาย รวมถึงซ่อมแซมสภาพผิวที่เคยแย่ให้กลับมามีสุขภาพดีได้ กระนั้นก็ตาม นอกจากน้ำเปล่าแล้ว ยังควรรดื่มชาเขียว ชาสมุนไพร น้ำผักและน้ำผลไม้ด้วย เพื่อเป็นการช่วยคืนความชุ่มชื้น ฟื้นบำรุงผิวได้อีกทางหนึ่ง แต่อย่าลืมดูด้วยว่วน้ำที่คุณแม่เลือกดื่ม แพทย์สั่งห้ามไว้หรือไม่

4.ออกกำลังกาย
         คุณแม่หลายคนหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายทุกรูปแบบและใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการพักผ่อน หากเป็นนั้นอาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพและผิวหนังได้ การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต ไม่ว่จะเป็นก่อนตั้งครรภ์ ระหว่างตั้งครรภ์ และหลังคลอด ถึงแม้จะไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงก็ควรออกกำลังกายบ้าง เช่น เดินออกกำลังกายทุกวันวันละ 5 นาที หรือที่กำลังเป็นที่นิยมในคุณแม่มือใหม่ขณะนี้คือการฝึกโยคะ
5.
ใช้ครีมทาแก้ท้องลาย
         ควรใช้ครีมทาแก้ท้องลายนวดบริเวณหน้าท้องวันละหลายๆครั้ง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนังบริเวณหน้าท้องและบริเวณใกล้เคียง แม้ว่าครีมที่ใช้จะไม่ใช่ครีมเฉพาะสำหรับผิวแตกลายก็ตาม ซึ่งหลายคนนิยมใช้ครีมที่มีส่วนผสมของโคโคบัตเตอร์ แต่ก็ยังไม่มีผลการวิจัยมารองรับถึงคุณสมบัติข้อนี้ แต่มีผลการวิจัยว่าครีมที่มีส่วนผสมของสารสะกัดจากโกโตโคลา หรือที่รู้จักกันว่า ไลกองเจนหรือวาลาเรีย วิตามินอี และคอลาเจนไฮโดรไลเสทมีส่วนช่วยลดลอยแตกลายได้
         การดูแลตัวเองในระหว่างตั้งครรภ์เป็นสิ่งสำคัญ หากคุณแม่ไม่อยากให้ปัญหาท้องแตกลายมาเยือน ควรหมั่นใช้ครีมทาแก้ท้องลายหรือโลชั่นบำรุงผิวตั้งแต่อยู่ระหว่างคั้งครรภ์ ออกกำลังเบาๆอย่างสม่ำเสมอ และควรนอนตะแคงข้างโดยใช้หมอนมารองรับหน้าท้องไว้ด้วย วิธีนี้จะช่วยให้ปัญหาหน้าท้องลายลดลงได้

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

รักษาอาการหน้าท้องลายด้วย Dermaroller

    เมื่อคลอดบุตรคุณสาวๆส่วนใหญ่มักจะเกิดปัญหาหน้าท้องลายขึ้น ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ค่อนข้างแก้ไขยาก แต่สำหรับคุณสาวๆที่เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นมาแล้ว และกำลังมองหาวิธีลดปัญหาหน้าท้องลายให้น้อยลงแล้วล่ะก็ ในวันนี้เรามีหนึ่งในเคล็ดลับมานำเสนอเพื่อให้คุณสาวๆสามารถกลับมามีหน้าท้องที่แบนราบ และเนียนสวยด้วยการใช้ Dermaroller ส่วนจะช่วยได้อย่างไรกันนั้น สามารถติดตามอ่านได้จากบทความชิ้นนี้กันเลย

Dermaroller คืออะไร

Dermaroller เป็นลูกกลิ้งที่เต็มไปด้วยเข็มที่มีขนาด 0.25 มิลลิเมตร โดยเข็มจะมีความยาวที่เหมาะสมในการกระตุ้นให้เกิดการฟื้นฟูของผิวชั้นลึก ในประเทศไทย Dermaroller เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะของหนึ่งในเครื่องมือที่ถูกนำมาใช้ในการรักษาสิว แต่คุณสมบัติจริงๆของเจ้า Dermaroller นั้น ยังรวมไปถึงการช่วยแก้ปัญหาผิวที่ไม่เรียบ ปัญหาหลุมสิว แผลเป็นจากสิว รูขุมขนกว้าง รอยตีนกา รอยแดง แผลนูน แผลเป็นทุกชนิด ผิวเปลือกส้ม หนังศีรษะล้าน ผมบาง แต่ที่สำคัญที่สุดที่เรากำลังจะกล่าวถึงในบทความชิ้นนี้คือ Dermaroller ช่วยลดปัญหาหน้าทองลายให้น้อยลงได้

Dermaroller สามารถช่วยแก้ปัญหาท้องลายได้อย่างไร

Dermaroller เป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการแพทย์ ที่ถูกนำมาใช้กลิ้งในบริเวณผิวที่ต้องการ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดรูเล็กๆขึ้นที่ผิว พร้อมกับทำลายพังผืดที่หลุมบนผิวหรือบริเวณที่เป็นปัญหา ซึ่งจะกระตุ้นทำให้เกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวหนังลึก จึงสามารถช่วยทำให้การรักษาอาการหน้าท้องลายมีประสิทธิภาพที่ดีและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยที่ไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงใดๆเกิดขึ้นตามมา เนื่องจากไม่เกิดการลอกของผิวด้านบน และผิวยังไม่เกิดผลกระทบจากความร้อนที่เกิดขึ้นจากการรักษาด้วยแสงเลเซอร์ หรือแสงชนิดต่างๆอีกด้วย

       การใช้ Dermaroller เพื่อรักษาอาการหน้าท้องลายนั้น ควรใช้ควบคู่ไปกับครีม สาร หรือเซรั่มบำรุงผิวที่มีความเหมาะสมกับผิวของคุณสาวๆ เพราะการกลิ้ง Dermaroller ช่วยทำให้ครีม หรือสารบำรุงผิวที่จากเดิมสามารถซึมผ่านผิวหนังได้เพียง 3% จากปกติ สามารถซึมผ่านผิวหนังได้มากขึ้นถึงกว่า 40 เท่า เลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามหลังจากการทำ Dermaroller อาจจะทำให้เกิดอาการผิวแห้ง รวมไปถึงอาการระคายเคืองเป็นระยะเวลาประมาณ 1-2 วัน นอกจากนี้อาจจะทำให้เกิดปัญหาการลอกเป็นขุยของผิวขึ้นได้บ้าง ซึ่งสามารถทำการแก้ไขได้ด้วยการใช้ครีมเพิ่มความชุ่มชื้น และพยายามหลีกเลี่ยงแสงแดด ถ้าหากจำเป็นจริงๆก็ควรทำการทาครีมกันแดดก่อนที่จะออกไปข้างนอกในช่วงระยะเวลา 1 สัปดาห์ หลังจากที่ทำการรักษาอาการหน้าท้องลายด้วย Dermaroller

ต้องรักษาด้วยการกลิ้ง Dermaroller นานเพียงใดจึงจะสามารถเห็นผลลัพธ์

การรักษาอาการหน้าท้องลายด้วย Dermaroller นั้น ระยะเวลาในการแสดงผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นว่ามากน้อยเพียงใด แต่โดยปกติแล้วควรทำการกลิ้งในบริเวณที่เกิดปัญหาให้เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอทุกๆ 2 สัปดาห์ โดยเฉลี่ยประมาณ 5-6 ซึ่งแต่ละครั้งจะใช้ระยะเวลาประมาณ 30-40 นาที สำหรับการรักษาหน้าท้องลายด้วยวิธีนี้จำเป็นที่จะต้องใช้ความใจเย็นในระดับหนึ่ง เนื่องจากเป็นการกระตุ้นผิวตามธรรมชาติ

       ในปัจจุบันการรักษาด้วย Dermaroller มีการพัฒนาการรักษาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเพิ่มมากยิ่งขึ้น กลายเป็นการรักษาด้วยวิธี DermaPen เป็นเทคโนโลยี Fractional Microneedle Device ที่มีกลุ่มของเข็มขนาดเล็กที่เรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งสามารปรับความยาวให้เหมาะกับการรักษาได้ตั้งแต่ 0.25-2 มิลลิเมตร นอกจากนี้ยังสามารถปรับความถี่ของเข็มได้มากกว่าถึง 20-90 ครั้ง ต่อนาที DermaPen  เป็นเครื่องมือที่ช่วยกระตุ้นให้ผิวหนังเกิดการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวหนังสร้างเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นเติมเต็มบริเวณรอยแตกลายบริเวณหน้าท้องให้จางลง และยังได้ผลลัพธ์ที่ถาวรอีกด้วย 

ใช้ครีมบำรุงผิว เสริมประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาท้องลายให้ดียิ่งขึ้น
        นอกจากการใช้วิธีแก้ไขปัญหาท้องลายดังที่ได้กล่าวถึงไปแล้วในตอนต้น สำหรับใครที่อยากให้ปัญหารอยแตกลายบนผิวลดน้อยลงอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ก็สามารถที่จะทำได้ โดยการใช้ครีมบำรุงผิว ที่มีประสิทธิภาพในการช่วยบำรุง ฟื้นฟู สุขภาพของผิวให้มีความสมบูรณืมากยิ่งขึ้น ซึ่งเมื่อทำควบคู่ไปกับวิธีการดูแลผิวในข้างต้น ก็ยิ่งเสมือนเป็นการเร่งประสิทธิภาพในการฟื้นตัวของผิวหนังมากขึ้น รอยแตกลายจึงยิ่งลดน้อย เลือนหายไปอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.