มารู้จักกับ ครีมโสมจุ๊ ครีมน้องใหม่ที่กำลังมาแรงใน IG

ครีมโสมจุ๊ หรือ Ginseng Cream Skin Care เจ้าของแบรน์ด คือ “คุณจุ๊” ที่มีอายุเพียง 18 ปี เท่านั้น โดยเริ่มทำการขายครีมโสมจุ๊ผ่านทาง IG ซึ่งในปัจจุบันได้มีผู้ไปทำการติดตามคุณจุ๊อยู่เป็นจำนวนมาก เนื้อครีมโสมจุ๊จะมีลักษณะเป็นสีเหลืองอ่อน เนื่องจากการผสมวิตามินบี 3 ลงไปในเนื้อครีมเป็นจำนวนมาก พร้อมกับการแต่กลิ่นของครีมด้วยหัวน้ำหอม ผลิตภัณฑ์มีขนาด 30 กรัม สามารถใช้ติดต่อกันได้เป็นระยะเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ ในราคาประมาณ 400 บาท ครีมโสมจุ๊ ถือว่าเป็นครีมน้องใหม่ที่มาแรงทีเดียว เนื่องจากมีผลรับและการรีวิวถึงประสิทธิภาพหลังการใช้ใน IG เป็นจำนวนมาก

ประสิทธิภาพของครีมโสมจุ๊
ครีมโสมจุ๊ เป็นครีมบำรุงผิว ที่ไม่เหนียวเหนอะหนะ โดยครีมเพียงกระปุกเดียว สามารถใช้ทาได้ทั้งผิวหน้า และผิวกาย ด้วยการผลัดเซลลืผิวที่ตายแล้วออก ยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว และปรับสภาพเม็ดสีผิวที่เข้าให้อ่อนลง ทำให้ผิวขาว กระจ่างใส ลดเลือนรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยสิว รอยดำ รอยแดง ให้ลดน้อยลง แต่ไม่มีสรรพคุณช่วยในการรักษาสิว

สำหรับระยะเวลาในหารแสดงผล ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ที่ประมาณ 7-14 วัน ก็จะเริ่มเห็นผล แต่ถ้าทำการทาอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆจนกระทั่งครบ 28 วัน จะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน เนื่องจากร่างกาของคนเราจะทำการผลัดเซลล์ผิวทุกๆ 28 วัน  ส่วนคนที่สงสัยว่าผิวจะดำคล้ำขึ้นหรือไม่ถ้าหากเลิกใช้แล้ว อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับการดูแลผิวหลังจากการหยุดใช้ด้วย เพราะถ้าหากหยุดใช้แล้วไปออกไปตากแสงแดดแรงๆในระยะเวลานานติดต่อกัน ผิวก็สามารถกลับมาคล้ำเสียขึ้นได้เช่นกัน เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ควรทาครีมกันแดดร่วมกับครีมโสมจุ๊ในขณะออกไปข้างนอกในช่วงกลางวัน

ส่วนผสมของครีมโสมจุ๊
ครีมโสมจุ๊ มีส่วนผสมหลัก 2 ตัว คือ วิตามินบี 3 ซึ่งเป็นวิตามินที่ช่วยในการปรับสภาพผิวให้ขาวมากยิ่งขึ้น และอัลฟ่าอาร์บูติน ที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวอย่างต่อเนื่อง ช่วยปรับให้เม็ดสีที่เข้าให้อ่อนลง และช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว
สำหรับวิธีการใช้ก็ง่ายๆ เพียงแค่ใช้ทาใบหน้าและตัว หลังจากการอาบน้ำในตอนเช้า-เย็น  จากนั้นเช็ดตัวให้หมาดๆ โดยใช้ปริมาณเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว เนื่องจากเนื้อครีมมีความเข้มข้นมาก

ครีมโสมจุ๊ปลอดภัยหรือเปล่า
ครีมโสมจุ๊ ไม่มีส่วนผสมของ AHA (กรดผลไม้) จึงไม่ทำให้ผิวบาง หรือไวต่อแสงแดด ไม่มีสารปรอท ไฮโดรควิโนน เสตรียรอย กรดวิตามินเอ รวมไปถึงสารต้องห้ามอื่นๆ นอกจากนี้ยังได้รับรองจากสำนักงานอาหารและยา (อย.) ถึงความปลอดภัยของส่วนผสมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องจากครีมโสมจุ๊มีการแต่งกลิ่นด้วยหัวน้ำหอม ดังนั้นคนที่แพ้น้ำหอม จึงไม่ควรใช้อย่างเด็กขาด โดยมีค่า PH อยู่ที่ระดับ 5 ซึ่งถือว่ามีความปลอดภัยตามาตรฐาน สำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย ก็สามารถที่จะใช้ครีมโสมจุ๊ได้ โดยไม่มีปัญหาใดๆ แต่ในปัจจุบันก็ได้เริ่มมีการหลอกจำหน่าย “ครีมโสมจุ๊ปลอม” ซึ่งก่อนซื้อ ผู้บริโภคควรทำการตรวจสอบให้ดีเสียก่อน หรืออาจจะสั่งกับตัวแทนจำหน่ายที่มีความน่าเชื่อถือก็ได้

ประสบการณ์ของผู้ที่เคยใช้ครีมโสมจุ๊
จากการเก็บข้อมูลตามเว็บบอร์ดที่เกี่ยวกับสุขภาพและความงามต่างๆพบว่า ผู้ที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ครีมโสมจุ๊ ส่วนใหญ่ค่อนข้างชื่นชอบในประสิทธิภาพของครีมที่ทำให้ผิวขาวขึ้น โดยเฉพาะการช่วยทำในการบำรุงผิวไม่ให้คล้ำเสียหลังจากที่ออกไปข้างนอกบ้านท่ามกลางแสงแดดในช่วงกลางวัน แต่ยังมีผู้สนใจในครีมโสมจุ๊จำนวนมาก ที่ยังรอดูพรีวิวและผลตอบรับจากคนอื่นๆที่ทดลองใช้ครีมโสมจุ๊ เนื่องจากยังไม่มีความเชื่อมั่นในแบรนด์สินค้าเท่าใดนัก แต่โดยรวมแล้วยังไม่มีลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์ออกมาโวยวายว่าหน้าพังหลังจากการใช้ผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ 

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

15 เคล็ดลับทำไงให้สวยขึ้น

ความสวย กับ ผู้หญิง เป็นสิ่งที่คู่กันมาอย่างช้านาน และถ้าหากมีวิธีการ เคล็ดลับ หรือกลเม็ดใดๆที่ช่วยเพิ่มความสวยให้มากขึ้น เชื่อว่าคุณสาวๆทุกคนก็คงที่จะไม่รอช้า และพร้อมที่จะปฏิบัติตามวิธีการเหล่านั้นอย่างแน่นอน สำหรับคุณสาวๆที่อยากจะให้ตัวเองสวยมากยิ่งขึ้น ในบทความชิ้นนี้มีเคล็ดลับทำไงให้สวยขึ้นง่ายๆที่สามารถทำได้ด้วยตัวคุณสาวๆเอง
 


 

15 เคล็ดลับทำไงให้สวยขึ้น

เคล็ดลับทำไงให้สวยขึ้นทั้ง 15 ข้อ ต่อไปนี้ ถึงแม้จะไม่ใช่ขนาดถูกบัญญัติขึ้นเป็นกฎเหล็ก แต่ก็เป็นสิ่งที่คุณสาวๆทุกคนควรจะปฏิบัติตามอย่างสม่ำเสมอให้เป็นประจำทุกวัน เพราะถ้าหากทำได้ทุกข้อแล้วล่ะก็ คุณสาวๆก็จะมีความสวยมากขึ้นเรื่อยๆจนสาวคนอื่นๆต้องมองด้วยความอิจฉากันเลยทีเดียว

              1.ดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อย 2 แก้ว ทันทีที่ตื่นนอน น้ำเปล่าจะช่วยชำระล้างสิ่งสกปรก และของเสียที่ค้างคาอยู่ภายในร่างกาย เมื่อของเสียเหล่านี้ถูกกำจัดออกไปก็จะเป็นการช่วยทำให้ผิวพรรณของคุณสาวๆดูสดใส เปล่งปลั่งมากยิ่งขึ้น

 

 

              2.ทานอาหารเช้าทุกวัน อาหารเช้าเป็นสิ่งที่ช่วยรักษาสมดุลน้ำหนักตัวของคุณสาวๆเอาไว้ให้คงที่ และยังช่วยทำให้สุขภาพแข็งแรง นอกจากนี้จากการวิจัยยังพบว่า คนที่ทานอาหารเช้าเป็นประจำทุกวัน มีเปอร์เซ็นอ้วนน้อยมากกว่าคนที่ไม่ทานมื้อเช้าอีกต่างหาก

             3.มื้อเช้าควรมีผลไม้บ้าง อาทิเช่น ส้ม แอปเปิ้ล แครอท ซึ่งสามารถรับประทานได้อย่างง่ายๆไม่ยุ่งยาก ผลไม้เหล่านี้จะช่วยบำรุงผิว ความสดชื่นในยามเช้า และยังช่วยทำให้เรามีสุขภาพดีอีกด้วย
[BINDING:16] 
             4.เดินเล่นในยามเช้าบ้าง ลองตื่นเช้าๆ แล้วออกมาเดินเล่น หรือวิ่งเหยาะๆ ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง จะช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น และไหลเวียนโลหิตดีขึ้นเป็นอย่างมากอีกด้วย

             5.เลือกใช้บอดี้โลชั่นให้เหมาะกับสถานที่ และผิวของตัวเอง อุณหภูมิภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไม่เท่ากันในแต่ละสถานที่ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผิวพรรณของคุณสาวๆ จึงควรที่จะมีการเลือกใช้บอดี้โลชั่นที่ให้เหมาะสมกับสภาพผิว เช่น ในฤดูร้อนที่รูขุมขนของคุณสาวๆจะเปิดกว้าง ควรเลือกใช้บอดี้โลชั่นเนื้อบางเบา ส่วนในหน้าหนาวที่ผิวต้องการความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ ก็ควรเลือกใช้บอดี้โลชั่นที่มีส่วนผสมของ เอสเซนเชียลออยล์ หรือเชียบัตเตอร์ เป็นต้น

 


 

   
             6.ห้ามอาบน้ำอุ่นเกิน 10 นาที เพราะจะทำให้ผิวของคุณสาวๆแห้งมากยิ่งขึ้น

             7.ในขณะอาบน้ำควรทำการขัดผิวไปด้วย เพราะนอกจากจะเป็นการช่วยกำจัดสิ่งสกปรก และกำจัดเซลล์ผิวที่ตายไปแล้ว ยังเป็นการช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตให้ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
[BINDING:34] 
             8.ความเครียดเป็นสิ่งต้องห้าม ความเครียดส่งผลเสียโดยตรงต่อผิว เพราะเมื่อเกิดความเครียดขึ้น กล้ามเนื้อบนใบหน้าจะเกิดการรัดตัวมากกว่าปกติ ทำให้ผิวหนังย่น เกิดริ้วรอย และความหมองคล้ำ ที่สำคัญยังทำให้สุขภาพจิตแย่ลงอีกด้วย

             9.พยายามหลีกเลี่ยงแสงแดดแรงๆ ในช่วงเวลา 9.00 -15.00 น. เป็นเวลาที่ปริมาณรังสียูวี มีความเข้มข้น และเป็นอันตรายต่อผิวมากที่สุด ถ้าหากคุณสาวๆไม่พยายามหลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกในช่วงเวลาดั่งกล่าว กว่าจะรู้ตัวอีกที คุณสาวๆก็อาจจะมีผิวที่ดำไหม้เกรียมไปเสียแล้ว

             10.ทาครีมกันแดดป้องกันผิวทุกครั้งก่อนออกแดด แสงแดดเป็นอันตรายอันดับต้นๆที่คอยทำลายผิวของคุณสาวๆ ดังนั้นทุกครั้งก่อนออกไปข้างนอก คุณสาวๆควรปกป้องผิวของตัวเองโดยการทาครีมกันแดดทุกครั้ง โดยเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 35+++ ขึ้นไป

             11.ดื่มนมก่อนนอน ในนมมีส่วนประกอบของสารอาหารมากมาย โดยเฉพาะวิตามินบีรวม ที่ช่วยบำรุงร่างกาย และผิวพรรณของคุณสาวๆ
  
 

 

             12.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนอย่างสนิทอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง เป็นประจำทุกวัน เป็นการช่วยทำให้ผิวพรรณเกิดความเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวลมากยิ่งขึ้น

             13.ควบคุมอาหารอย่าตามใจปากมาก การควบคุมอาหารอย่างถูกต้อง รับอาหารให้พอเหมาะในช่วงเวลาที่พอดี เป็นหนึ่งในเคล็ดลับทำไงให้สวยขึ้นที่จะช่วยทำให้คุณสาวๆสามารถรักษาทรวดทรงองค์เอวอันน่าพิศมัยเอาไว้ได้ แต่ถ้าหากตามใจปากมากจนเกินไป กินเอาๆ ระวังหุ่นจะอ้วนบวมฉุจนกู่ไม่กลับ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้ทำการไดเอทอย่างสุดขั้ว เพราะนอกจากจะไม่เป็นผลดีต่อร่างายแล้ว ยังทำให้คุณสาวๆไร้เรี่ยวแรงในการทำกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวันอีกต่างหาก

             14.ทำความสะอาดใบหน้าเป็นประจำ ทุกครั้งที่เราออกไปนอกบ้านมักจะมีฝุ่น หรือคราบสกปรกที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นติดมาบนใบหน้าโดยที่ไม่รู้ตัว ดังนั้นทุกวันในช่วงเย็น คุณสาวๆควรทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรือโฟมล้างหน้าที่มีความอ่อนโยน หลังจากนั้นให้ทำการเช็ดทำความสะอาดอีกครั้งด้วยคลีนเซอร์ และโทนเนอร์ ซึ่งจะช่วยในการขจัดสิ่งสกปรกออกจากใบหน้าได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาการเกิดสิวขึ้นบนใบหน้าได้อีกด้วย

             15.เปลี่ยนทรงผมใหม่ เสื้อผ้าใหม่ตามเทรนต์บ้าง ข้อนี้สำหรับคุณสาวๆที่ชอบทำผมทรงเดิมตลอดปีตลอดชาติ และสวมเสื้อผ้าเดิมๆสีเก่าซ้ำซากไม่เคยเปลี่ยน เพียงแค่หันมา เปลี่ยนทรงผม และเสื้อผ้าตามเทรนต์บ้างก็จะสามารถเป็นเคล็ดลับทำไงให้สวยขึ้นให้คุณสาวๆสวยขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว
 

เคล็ดลับลดริ้วรอยด้วยโกโก้

ริ้วรอย เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากหลายปัจจัย หลายสาเหตุ อาทิเช่น แสงแดด มลภาวะรอบตัว ความเครียด วัยที่ที่ล่วงเลยมากขึ้น เป็นต้น แต่ไม่ว่าริ้วรอยจะเกิดขึ้นจากอะไรก็ตาม แต่มันก็เป็นสิ่งที่ไม่พึงปารถนาของเหล่าคุณสาวๆ อย่างแน่นอน

ซึ่งในวันนี้สำหรับคุณสาวๆที่ยังคงต้องการดูแลรักษาผิวพรรณของตัวเองให้กระชับตึงสดใสเหมือนกับในวัยแรกสาว ในบทความชิ้นนี้ก็จะขอพาไปรู้จักกับวิธีการง่ายๆ ที่จะช่วยลดริ้วรอยให้ลดน้อยลง

โกโก้ช่วยลดริ้วรอยได้อย่างไร

จากผลการศึกษา และได้รับการตีพิมพ์ใน “The Joumal of Nutrition” ในปี 2006 พบว่า  โกโก้ มีสารประกอบ Epicatechin และ Catechin ที่มีคุณสมบัติที่คอยช่วยในการปกป้องผิวจากการถูกแสงแดดทำร้าย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวเกิดริ้วรอบเหี่ยวย่นและหมองคล้ำ

อีกทั้งยังช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยทำการหมุนเวียนเของเลือดเข้าสู้เซลล์ผิวหนังได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทำให้ผิวมีสุขภาพดีมากขึ้นกว่าเดิม ช่วยลดความดันโลหิต และยังช่วยทำให้ผิวนุ่มเนียนมากขึ้นอีกด้วย

นอกจากนี้ การดื่มโกโก้ยังช่วยในการปรับอารมณ์ ทำให้อารมณ์มากขึ้น เมื่อความเครียดลดน้อยลง หรือหายไป ก็จะเป็นการช่วยลดริ้วรอย และป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยชุดใหม่ขึ้นมาบนใบหน้า มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี และยังช่วยลดผลกระทบจากพวกไขมันคอเลสเตอรอลและสารเคมีอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจ มะเร็ง โรคปอด ได้อีกด้วย

วิธีการใช้โกโก้เพื่อลดริ้วรอย

            1. ดื่มโกโก้ร้อน เป็นวิธียอดฮิตที่ง่ายที่สุดในการใช้โกกโก้เพื่อลดริ้วรอย และยังเป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับเนื่องจากเป็นวิธีที่จะได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ที่ดีที่สุด

              นักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐอเมริกามีการศึกษาพบว่า ในโกโก้ร้อน 1 แก้วนั้น อุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ มากกว่าเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีอย่าง ชา หรือ ไวน์แดง เสียอีก โดยมีมากกว่าไวน์แดงถึง 2 เท่า และมากกว่าชาเขียว 3 เท่า และมากกว่าชาดำถึง 2 เท่า ในปริมาณที่เท่ากัน

            2. มาร์สหน้าด้วยโกโก้ ช่วยทำให้ผิวมีความสดชื่นเปล่งปลั่งมากยิ่งขึ้น โดยนำผงโกโก้ครึ่งถ้วย น้ำผึ้ง ¼ ถ้วย โยเกิร์ตหรือวิปครีม 4 ช้อนโต๊ะ และผงข้าวโอ๊ต 3 ช้อนโต๊ะ นำส่วนผสมทั้งหมดมาปั่นรวมจนกลายเป็นเนื้อเดียวกันจนกลายเป็นเนื้อครีมเข้มข้น จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้ทำการทาพอกลงให้ทั่วใบหน้า โดยพยายามระวังอย่าให้เข้าตา จมูก และปาก แล้วทำการนวดเบาๆ เป็นแนววงกลมให้ทั่วใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่นสะอาด

            3. แช่ตัวด้วยน้ำโกโก้ เป็นการนำเอาผงโกโก้มาผสมเข้ากับน้ำในอ่างอาบน้ำ จนกระทั่งน้ำกลายเป็นสีเดียวกับผงโกโก้ จากนั้นคุณสาวๆก็สามารถลงไปนอนแช่น้ำโกโก้ในอ่างเพื่อเป็นการถนอมผิว ลดริ้วรอยได้เลยทันที

การทานโกโก้เพื่อต้านริ้วรอยจะทำให้อ้วนหรือเปล่า

            ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า “โกโก้” กับ “ช็อกโกแลต” แตกต่างกันเป็นอย่างมาก จนทำให้เกิดความเข้าใจผิด และกังวลว่าการทานโกโก้นั้นจะทำให้อ้วน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว

            ถึงแม้ช็อกโกแลตจะมีส่วนประกอบหลักคือโกโก้ก็ตาม แต่สิ่งที่ทำให้อ้วนจริงๆนั้น คือ การนำเอานม น้ำตาล และอื่นๆ เพื่อเพิ่มรสชาติความหวานจนกระทั่งกลายมาเป็นช๊อกโกแลตนั่นเอง

ในช็อกโกแลต 1 แท่ง จะมีไขมันมากถึง 8 กรัม ในขณะที่ในโกโก้ร้อนในปริมาณที่เท่ากัน จะมีไขมันเพียง 0.3 กรัม เท่านั้น เมื่อทำการเปรียบเทียบแล้วพบว่า ช็อกโกแลตนั้นจะมีปริมาณไขมันมากว่าโกโก้มากถึง 27 เท่า เลยทีเดียว

 

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

มารู้จักกับ เรียวครีม ผลิตภัณฑ์เวชสำอางสัญชาติไทยกัน

วงการผลิต คิดค้น และสร้างสรรค์เครื่องสำอางของประเทศไทยในปัจจุบัน นับว่าได้มีการพัฒนาไปเป็นอย่างมาก จนแทบจะเรียกได้ว่า ประสิทธิภาพในการดูแลรักษาผิวพรรณโดยรวมนั้น เกือบที่จะเดินเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับเครื่องสำอางที่นำเข้าจากต่างประเทศได้อย่างไม่อายใคร

ซึ่งในวันนี้ เราก็จะขอพาคุณสาวๆ ไปทำความรู้จักกับอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่ถูกผลิตขึ้นในประเทศไทย โดยฝีมือของคนไทย อย่าง “เรียวครีม” กัน

เรียวครีม คือ อะไร?

เรียวครีม (Real Cream) คือ ยี่ห้อแบรนด์ของผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์สัญชาติไทย ที่มีการผลิตขึ้นภายในประเทศไทย ซึ่งแบรนด์เรียวครีม ปรากฏตัวขึ้นข้างแรกในตลาดเครื่องสำอางออนไลน์ เมื่อประมาณช่วงปลายปี พ.ศ.2554 โดยมีผู้ก่อตั้งคือ คุณสิริขวัญ คำเกิด และ Mr. Ayhan Cender

ผลิตภัณฑ์เรียวครีมมีร้านสาขาที่ 1 อยู่ที่จังหวัดพิจิตร ซึ่งสิ่งที่ทำให้เรียวครีมได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเป็นอย่างมากจนกระทั่งปัจจุบัน คือ ราคาของผลิตภัณฑ์ที่ไม่แพง สมเหตุสมผลนั่นเอง

ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์เรียวครีม

            ผลิตภัณฑ์ของเรียวครีม ถูกสร้างสรรค์และพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิดว่า “ใช้แล้วตอบสังคมได้ สวยจริง เห็นผลจริง” โดยตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงผิวที่เคยดำคล้ำให้ขาวสวย คนที่หน้าหมองแล้วอยากให้หน้าใส ใบหน้ามีสิวเสี้ยนแต่อยากให้เรียบเนียน เป็นต้น

เรียวครีม ปลอดภัยไหม

ในปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์เรียวครีม ได้ผ่านการตรวจสอบและจดทะเบียนอย่างถูกต้องจากสำนักงานอาหารและยา (อย.) เพื่อเป็นการการันตีความปลอดภัยของผู้บริโภคเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สินค้าบางชิ้นยังได้รับมาตรฐาน GMP จากต่างประเทศ

นอกจากนี้บริษัทเรียวครีม ยังได้มีการจดทะเบียนบริษัท รวมไปถึงแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐานน่าเชื่อถือ

สินค้าของเรียวครีมมีอะไรบ้าง

สินค้าภายใต้แบนรด์ของเรียวครีม เรียกได้ว่ามีอยู่มากมายหลายแบบให้คุณสาวๆสามารถเลือกใช้กันได้ตามความต้องการ และความเหมาะสมของตัวเอง เช่น ผลิตภัณฑ์ครีมรักษาสิว ครีมผิวขาว ครีมทาฝ้า ครีมหน้าขาว AHA ครีมหน้าใส ครีมหน้าเด้ง ครีมลดเลือนริ้วรอย เจลบำรุงรอบดวงตา โลชั่นบำรุงผิว เป็นต้น

ทางผลิตภัณฑ์เรียวครีม ได้มีการจัดเซ็ตของผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลรักษาผิวพรรณที่ตรงจุด ซึ่งสามารถตอบทุกปัญหาผิวพรรณได้อย่างรวดเร็ว เป็น 7 ชุกมาตราบาน ดังต่อไปนี้

            1. ไดมอนด์ เป็นการจัดชุดครีมหน้าขาว และครีมหน้าใส เพื่อให้ผิวขาวสวยใสเปล่งประกายแบบมีออร่ามากยิ่งขึ้น

2. คริสตัล เป็นชุดผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติในการช่วยแก้ปัญหาเรื่องสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ เผยผิวขาวใสมากยิ่งขึ้น

3. มะหาด  เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้ใบหน้าขาวขึ้นอย่างเร่งด่วน หรือผู้ที่มีผิวหน้าคล้ำมากๆ

4. แพลทตินั่ม เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง และต้องการคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว

5. เซ็ตโสม เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมีปัญหาสิวอักเสบ หรือสิวหัวหนอง

6. เซ็ตสิว เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังประสบปัญหามีสิวเป็นจำนวนมากๆบนใบหน้า

7. เบบี้เฟส เหมาะสำหรับคนที่ต้องการให้ใบหน้าขาวใสมากขึ้น แต่กลับยังไม่เคยมีผลิตภัณฑ์ยี่ห้องใดตอบสนองความต้องการของตัวคุณได้สำเร็จ แต่อย่างไรก็ตามผลิตถัณฑ์เซ็ตนี้ ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมีปัญหาเรื่องสิว เพราะจะยิ่งไปกระตุ่นสิวให้เกิดขึ้นมากกว่าเดิม

ผลตอบรับจากผู้ที่เคยใช้เรียวครีม

            จากการเก็บข้อมูลจากเว็บบอร์ดต่างๆ ของลูกค้าที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆของเรียวครีมพบว่า ราคาของเรียวครีมค่อนข้างที่จะสูงมากเกินไปสักหน่อย แต่เป็นครีมที่ขายในอินเตอร์เน็ตเพียงเจ้าเดียว ที่ลูกค้าบางคนกล้าที่จะทำการสั่งซื้อมาใช้

ซึ่งประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์บางตัวของเรียวครีม อาทิเช่น ครีมหน้าเรียว พบว่า หลังจากที่มีการใช้ติดต่อกันไปในช่วงระยะเวลาหนึ่งสามารถช่วยหน้าเรียวลงได้จริง โดยเฉพาะบริเวณเส้นของหน้า นอกจากนี้ยังช่วยทำให้จมูกโด่งขึ้น และปีกจมูกเล็กลงอีกด้วย

 

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ครีมฟ้าขาวคืออะไร อันตรายหรือเปล่า?

วงการเครื่องสำอางเพื่อใบหน้าขาวใสปิ๊ง ไม่เคยหยุดที่จะพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ที่มีสรรพคุณที่ดี และเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็วออกมาให้ผู้บริโภคได้เลือกใช้อย่างไม่ขาดสาย

เมื่อเร็วๆ นี้ สาวๆ หลายคนก็คงจะได้เห็นครีมหน้าขาวสัญชาติไทย ซึ่งมีชื่อทางการค้าว่า “ครีมฟ้าขาว” ออกมาวางจำหน่ายในราคาที่เรียกได้ว่าถูกเหลือเชื่อ อีกทั้ง ยังมีสรรพคุณช่วยทำให้หน้าขาวขึ้นได้แทบจะทันตาเห็นอีกต่างหาก

คุณสมบัติสองข้อที่กล่าวมานี้ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คุณสาวๆ หลายคนเกิดความกระตือรือร้นที่จะออกไปค้นหาเจ้าครีมฟ้าขาวนี้มาใช้กันเลยทีเดียว

แต่ก่อนที่คุณสาวๆ จะตัดสินใจซื้อเจ้าครีมฟ้าขาวมาใช้กับใบหน้าของตัวเอง ลองมารับทราบข้อมูล และทำความเข้าใจกับเจ้าสินค้าตัวนี้กันก่อนดีกว่า

ครีมฟ้าขาวคืออะไร

ครีมฟ้าขาว เป็นเนื้อครีมที่อยู่ในถาชนะในลักษณะกระปุกคู่ โดยแยกออกเป็นกระปุกสีฟ้า และกระปุกสีขาว โดยในกระปุกสีฟ้า สกัดจากวิตามินอี ส่วนครีมตลับขาว เป็นครีมไข่มุก สกัดจากหัวไชเท้า 100% เข้มข้น ผสมวิตามินซี วิตามินอี ซึ่งจะช่วยในการปรับสภาเซลล์ผิวชั้นใน สู่ผิวชั้นนอก ทำให้ผิวขาวใสขึ้น ใช้ในการบำรุงผิวหน้าในตอนกลางคืน โดยทำการทาครีมตลับสีฟ้าก่อน

หากมีสิวอักเสบให้ทาซ้ำอีกครั้งรอบหัวสิวอักเสบจนทั่ว จากนั้นให้ทำการทาครีมตลับสีขาวให้ทั่วใบหน้าอีกครั้ง ซึ่งครีมผ้าขาวส่วนใหญ่จะมีการอ้างอิงแหล่งผลิตว่ามาจากจังหวัดเชียงราย โดยทำการผลิตภายในห้องแล็ปชื่อดัง ในราคาที่ถูกเหลือเชื่อเพียงชุดละประมาณ 80-150 บาท เท่านั้น

สรรพคุณของครีมฟ้าขาว

ครีมฟ้าขาว จะช่วยป้องกันและลดอาการละคายเคือง ลดการติดเชื้ออักเสบ ลดความมันและการอุดตันที่เป็นสาเหตุของสิว สร้างความยืดหยุ่นกระชับผิวหน้าให้แข็งแรงคืนสู่ธรรมชาติ ช่วยชะลอริ้วรอยที่เกิดก่อนวัย ฝ้า กระ จุดด่างดำจางลง สมานผิวให้ขาวนวล เนียนนุ่ม ชุ่มชื่นเป็นธรรมชาติ กระชับรูขุมขน  ดูแลทุกปัญหาผิวอย่างเห็นได้ชัด เห็นผลภายในระยะเวลา 7-14 วัน

ประสบการณ์ของผู้ที่เคยใช้ครีมฟ้าขาว

จากการเก็บข้อมูลจากกลุ่มผู้ที่เคยใช้ครีมฟ้าขาวจากเว็บบอร์ดต่างๆพบว่า มีการให้ความคิดเห็นแตกออกเป็นสองกลุ่ม ดังต่อไปนี้

1. ผู้ที่ใบหน้าขาวมากขึ้นและไม่มีอาการแพ้ใดๆ

สำหรับประสบการณ์ของผู้ที่ใช้ครีมผ้าขาวแล้วไม่เกิดปัญหาใดๆ เมื่อใช้แล้วผิวขาวมากขึ้น และสิวก็มีการยุบตัวลงหายไปอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งผลลัพธ์เหล่านี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากที่มีการใช้ครีมหน้าขาวในระยะเวลาที่ไม่นานเท่านั้น และถึงแม้จะเลิกใช้ไปแล้วก็ตาม ก็ยังคงไม่เกิดปัญหาใดๆขึ้นกับผิวหน้าในภายหลัง

2. ผู้ที่ใช้แล้วเกิดอาการแพ้ต่างๆขึ้น  

สำหรับประสบการณ์ของผู้ที่เคยใช้ครีมฟ้าขาวแล้วเกิดอาการแพ้ขึ้นบนใบหน้าพบว่า โดยส่วนใหญ่จะเป็นอาการที่เกิดขึ้นหลังจากที่ได้ทำการหยุดใช้ครีมฟ้าขาวแล้วในระยะเวลาหนึ่ง ปรากฏว่า มีสิวผลุดขึ้นเป็นจำนวนมากบนใบหน้า และทิ้งร่องรอยด่างดำเอาไว้หลังจากที่ทำการรักษาจนหายแล้ว

ซึ่งมีผู้ใช้บางคนอ้างว่า ได้มีการนำเนื้อครีมไปตรวจสอบที่สาธารณะสุข และพบส่วนประกอบของสารที่เป็นอันตรายต่อผิวหน้าเป็นอย่างมาก อาทิเช่น ปรอท เสตียรอยด์ ไฮโดรควิโนน ผสมอยู่ สำหรับบางคนที่เริ่มใช้ใบหน้าก็จะมีอาการแดง อาการแสบผิวหน้าเกิดขึ้น ซึ่งผู้ที่มีปัญหากับใบหน้า หลังจากที่เลิกใช้ครีมฟ้าขาวนี้มีอยู่เป็นจำนวนมากในเว็บบอร์ดต่างๆ

สิ่งที่ควรระวังและข้อสังเกตก่อนที่จะใช้ครีมฟ้าขาว

สิ่งที่น่าพึงระวังมากที่สุด ในการเลือกใช้ครีมฟ้าขาว คือ ไม่ได้มีการจดทะเบียนรับรองความปลอดภัยของผู้บริโภคจากสำนักงานอาหารและยา (อย.) หรือในบางครั้งจะมีการแจ้งว่า ได้รับการจดทะเบียนเรียบร้อยแล้ว แต่ก็จะไม่มีการแสดงเลขแสดงการอนุญาตให้จำหน่ายบนผลิตภัณฑ์

รวมไปถึงในขณะที่ทำการโฆษณาขาย ซึ่งบางครั้งจะมีการกล่าวอ้างถึงเหตุผล ที่ไม่สามารถจดทะเบียนได้ เนื่องจากครีมฟ้าขาวเป็นยา ไม่ใช่เครื่องสำอาง และเป็นครีมที่ถูกนำออกมาจากห้องแลป ที่กำลังทำการวิจัยครีมดังกล่าวอยู่ ทำให้แพคเกจของบรรจุภัณฑ์ไม่สวยงามได้มาตรฐาน

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

หน้าใสด้วยการกินอาหารเช้าบำรุงผิว

คุณสาวๆทุกคนล้วนต้องการที่จะมีผิวใส ขาวเนียน เหมือนกันทุกคน แต่ก็มีคุณสาวๆ บางคนที่ถึงแม่ใฝ่ฝันอยากมีผิวขาวใส แต่ก็ไม่รู้ว่า “หน้าใสทำไง

ขอแนะนำก้าวแรกสู่หนทางแห่งความหน้าใส โดยเริ่มต้นอย่างง่ายๆ โดยการเพียงแค่รู้จักหลักการรับประทานอาหารมื้อเช้าที่มีประโยชน์ในการบำรุงผิวเท่านั้นเอง

เราไปดูกันเลยดีกว่าว่า ในมื้อเช้าแต่ละวัน คุณสาวควรรับประทานมื้อเช้า โดยมีส่วนประกอบเป็นอาหารประเภทใดบ้าง จึงจะช่วยทำให้หน้าใสปิ๊งกัน…

อาหารบำรุงผิวที่ควรมีอยู่ในมื้อเช้า


สำหรับคุณสาวๆ ที่อยากให้หน้าใส ควรที่จะมีการรับประทานอาหารต่อไปนี้ในตอนเช้า โดยอาหารบางชนิดอาจจะสามารถรับประทานได้เลยในทันที แต่บางอย่างก็ควรที่จะทำการรับประทานเป็นเครื่องเคียง หรือทานควบคู่ไปกับอาหารประเภทอื่นๆ

สำหรับอาหารที่จะขอแนะนำให้คุณสาวๆ ควรทำการรับประทาน มีดังต่อไปนี้

            1. มะเขือเทศ มีคุณสมบัติช่วยในการปกป้องผิวจากแสงแดด เนื่องจากในมะเขือเทศมีสารไลโคพีน ซึ่งเมื่อนำมะเขือเทศไปประกอบอาหารโดยผ่านความร้อน ก็จะเป็นการช่วยให้สารดังกล่าวมีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่ทำจากมะเขือเทศ เช่น ซอสมะเขือเทศ เป็นต้น ก็มีคุณสมบัติในการปกป้องผิวจากอันตรายของแสงแดดได้เช่นกัน

            2. แตงโม มีคุณสมบัติในการปกป้องผิวจากแสงแดดเช่นกัน เนื่องจากมีสารไลโคพีนอยู่เป็นจำนวนมาก

3. แครอท มีคุณสมบัติในการช่วยลดสิวบนใบหน้าให้น้อยลง เนื่องจากมีส่วนประกอบของวิตามินเอที่สูงมาก ซึ่งจะทำหน้าที่ในลดจำนวนเซลล์ผิวใหม่ชั้นนอกที่ถูกผลิตขึ้นมาจนเกินความจำเป็น ทำให้ไม่เกิดการสะสมตัวของเซลล์ผิวหนังชั้นเก่า จนเกิดการอุดตันต่อมไขมัน และนำไปสู่การเกิดสิวอุกตันในที่สุด

            4. ปลาทูน่า มีคุณสมบัติในการช่วยทำให้ผิวกระชับเต่งตึงมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีส่วนประกอบของสารซีลีเนียม ที่จะช่วยในการปกป้องผิว และเสริมอิลาสตินใต้ผิวหนัง นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติเป็นแอนติออกซิเดนท์ ที่จะช่วยในการปกป้องผิวจากรังสียูวีได้อีกด้วย

5. เม็ดทานตะวัน มีคุณสมบัติในการช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น ไม่หยาบกร้าน ลดเลือนริ้วรอย และลดอาการระคายเคือง อักเสบ และลดอาการบวมแดงของผิวหนังได้อีกด้วย เนื่องจากมีส่วนประกอบของโอเมก้า 3

6. ส้ม มีคุณสมบัติในการช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใสดูอ่อนกว่าวัย เนื่องจากมีส่วนประกอบของสารต่อต้านอนุมูลอิสระอยู่เป็นจำนวนมาก

7. กีวี่ มีคุณสมบัติในการช่วยทำให้ผิวมีความกระชับมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีวิตามินซี ที่มีผลต่อการผลิตคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง

8. โยเกิร์ต มีคุณสมบัติในการช่วยทำให้ผิวสดใส เนื่องจากโยเกิร์ตจะช่วยในการขับถ่าย ทำให้ไม่เกิดอาการท้องผูก ซึ่งเป็นการสะสมของเสียเอาไว้ภายในร่างกายจนทำให้ผิวเกิดความหมองคล้ำขึ้น

            9. ผักโขม มีคุณสมบัติในการช่วยทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งและมีสุขภาพที่ดี เนื่องจากมีส่วนประกอบของธาตุเหล็กอยู่เป็นจำนวนมาก

10. อโวคาโด มีคุณสมบัติในการบำรุงผิว เนื่องจากมีส่วนประกอบของวิตามินอี เป็นจำนวนมาก

11. ชาเขียว มีคุณสมบัติในการช่วยปรับสมดุลของผิว ไม่ให้เกิดความมัน ไม่แห้งง่ายจนเกินไป และเปล่งปลั่งมากยิ่งขึ้น เนื่องจากในชาเขียวนั้น มีส่วนประกบของสารต่อต้านอนุมูลอิสระอยู่เป็นจำนวนมาก แต่มีข้อควรระวังคือไม่ควรเติมนมลงไปในชาเขียว เพราะจะเป็นการทำลายคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระของชาเขียว

12. นมถั่วเหลือง มีคุณสมบัติในการบำรุงผิวพรรณ เนื่องจากมีส่วนประกอบของไอโซเฟลโวน ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระประเภทหนึ่ง

13. ข้าวโอ๊ต มีคุณสมบัติในช่วยเพิ่มการผลิตคอลลาเจน ทำให้ผิวหนังเต่งตึง สดใส ไม่เหี่ยวย่น เนื่องจากมีสารแอนตี้ออกซิเด้นท์ และสารเบต้ากลูแคน ที่สามารถช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

            14. กุ้ง มีคุณสมบัติในช่วยทำให้สุขภาพของผิวแข็งแรงมากขึ้น เนื่องจากอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก และสังกะสี

            15. พริกหวาน มีคุณสมบัติในการช่วยป้องกันผิวจากแสงแดด และทำให้สุขภาพของผิวมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ด้วยการเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง เนื่องจากพริกหวานนั้นมีวิตามินซีอยู่เป็นจำนวนมาก

16. เห็ดหอม มีคุณสมบัติในการต้านความชรา และช่วยต้านการอักเสบ ปรับผิวให้กระจ่างใสมากยิ่งขึ้น เนื่องจากในเห็ดหอมนั้น มีส่วนประกอบของวิตามินบี 12 วิตามินดี ซิลิเนียม และทองแดง

            อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำให้คุณสาวๆ พยายามทำการรับประทานอาหารเหล่านี้หมุนเวียนสลับกันไปมา เพราะถ้าหากมัวแต่ทุ่มเทรับประทานอาหารที่แนะนำไปเพียงชนิดเดียวซ้ำๆ ผลลัพธ์ที่จะ หน้าใส จะกลายเป็น หน้าเสีย เนื่องจาก การสะสมของสารบางชนิดซ้ำๆ ในร่างกายที่มากจนเกินไป แล้วเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนนะจ๊ะ!!

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ครีมหอยทาก snail cream ประโยชน์ของเมือกหอยทากกับความงาม

ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เสริมความงามหลากหลายยี่ห้อได้นำ “เมือกหอกทาก” เข้ามาเป็นส่วนผสมพร้อมกับเป็นจุดขายให้กับผลิตภัณฑ์ของตัวเอง ซึ่งคงจะทำให้คุณสาวๆหลายๆคนเริ่มเกิดความสงสัยว่า แล้วเจ้าเมือกหอยทากนั้นมันมีดีอะไร หลายๆผลิตภัณฑ์ถึงต้องนำมาเป็นส่วนผสมของครีมบำรุงผิว แล้วมีอันตรายต่อผิวพรรณหรือเปล่า?

สำหรับบทความในวันนี้ จะเป็นเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับครีมหอยทาก โดยที่ไม่ได้เจาะจงผลิตภัณฑ์ตัวใดเป็นพิเศษ พร้อมกับเจาะลึกกันว่า ครีมหอยทาก มีมาที่ไปอย่างไร มีประสิทธิภาพในการบำรุงผิวพรรณ และมีผลตอบรับจากคุณสาวๆที่เคยทดลองใช้เป็นอย่างไรกันบ้าง

ความเป็นมาของการใช้เมือกหอยทากในการเสริมความงาม

ในประเทศแรกที่มีการค้นพบว่า เมือกหอยทาก สามารถนำมาใช้ในการบำรุงผิวพรรณได้คือในประเทศชิลี เมื่อพบว่า คนงานจากฟาร์มเลี้ยงหอยทาก ที่ทำหน้าที่ในการขนหอยทากไปให้ร้านอาหารฝรั่งเศสเป็นประจำทุกวันมีผิวของมือที่นุ่มน่าสัมผัส และร่องรอยบาดแผลที่มือก็สามารถหายได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม  ทำให้นำไปสู่ความสงสัยและการวิจัยหาสรรพคุณของสารในเมือกหอยทากขึ้น

เมือกหอยทากช่วยบำรุงผิวพรรณได้อย่างไร

เมือกหอยทาก (Snail Mucus) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Helix Aspersa Miller Glycoconjugates. ซึ่งจากการวิจัยทำให้พบว่า ผิวของหอยทากและมนุษย์มีองค์ประกอบที่คล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก แม้แต่ปริมาณของคอลลาเจนและอิลาสตินเองก็มีความคล้ายคลึงกัน

เมือกของหอยทาก ที่นำมาทำการสกัดลงเป็นส่วนประกอบในครีมหอยทาก ก็คือเมือกคราบขาวๆ ที่เรามักจะเห็นอยู่บนเส้นทางที่หอยทากทำการเดิน ซึ่งเจ้าเมือกนี้จะช่วยปกป้องส่วนที่สัมผัสพื้นในขณะที่หอยทากทำการเดินนั่นเอง

เมื่อหอยทากเจอสภาวะที่เสี่ยงต่ออันตราย จะทำการผลิตเมือกออกมา ซึ่งในเมือกของมันจะเต็มไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ สารต่อต้านการอักเสบ สารปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกัน เป็ปไทด์ เอ็มไซต์และสารติดต่อกับเซลล์ผิว ซึ่งคุณสมบัติหลักๆ ของเมือกหอยทากในการบำรุงผิว มีดังต่อไปนี้

  1. Allantoin เป็นสารที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านการอักเสบและระคายเคืองของผิว นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มปริมาณน้ำให้กับเซลล์ผิว ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น ฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ และลดริ้วรอยได้เป็นอย่างดี และยังช่วยเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ควบคุมความมันของใบหน้า
  2. Gluconic Acid มีคุณสมบัติในการช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และควบคุมความมันของผิว
  3. Collagen และ Elastin มีคุณสมบัติช่วยทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล กระชับเต่งตึง และช่วยในเรื่องความยืดหยุ่นของผิว
  4. Protein มีคุณสมบัติเป็นอาหารให้กับผิว ช่วยปรับสภาพผิวให้กระจ่างใสมากยิ่งขึ้น
  5. Vitamin A,C,E ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
  6. AHA ช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และควบคุมความมันของผิว

นอกจากนี้ เมือกหอยทากจะอยู่คู่กับ Chondroitin Sulfate ซึ่งจะมีคุณสมบัติในการสร้างและเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว เมือกหอยทากยังมีคุณสมบัติเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้จึงได้มีการนำเมือกหอยทางเข้ามาใช้เป็นส่วนผสมในครีมบำรุงผิว จนกระทั่งกลายมาเป็นครีมเมือกหอยทากหลากหลายยี่ห้อในปัจจุบันนั่นเอง

เมือกหอยทาก และครีมหอยทากอันตรายหรือเปล่า

นายแพทย์ปณัฐ โอประเสริฐสวัสดิ์ ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับเมือกหอยทากว่า คนไทยอาจจะยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับการใช้สารสกัดจากเมือกหอยทากนัก เนื่องจากหอยทากสำหรับคนไทยดูจะเป็นสัตว์ที่ทำอันตรายให้มากกว่าข้อดี

ในต่างประเทศ หอยทาก ถือว่าเป็นสัตว์ที่มีประโยชน์อย่างมากขึ้นอยู่กับชนิดของหอยทาก โดยเฉพาะเมือกหอยทากได้รับการยอมรับว่ามีสรรพคุณในการช่วยบำรุงผิว

ในประเทศเกาหลีใต้ มีการใช้สารสกัดจากหอยทากในการเสริมความงามกันอย่างแพร่หลาย หอยทากที่นำใช้เป็นสารสกัดเพื่อบำรุงผิวพรรณต้องมาจากหอยทากเลี้ยงในเขตจังหวัดกัมซาน แคว้นชุงนัม ซึ่งได้รับการรับรองว่าสะอาดและปลอดภัย การสกัดเมือกหอยภาพเข้าไปเป็นส่วนผสมของครีม ต้องทำในระยะเวลา 10 วัน หลังจากที่หอยทากทำการปล่อยเมือกออกมา

ผลตอบรับจากผู้ที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ครีมหอยทาก

จากการเก็บข้อมูลตามเว็บบอร์ดต่างๆพบว่า ผลิตภัณฑ์ครีมหอยทากยี่ห้อต่างๆ ค่อนข้างได้รับผลตอบรับที่ดี โดยคุณสาวๆที่เคยทดลองใช้มีความเห็นว่า  ครีมหอยทากช่วยทำให้ผิวขาวขึ้น และไม่ทำให้สิวอักเสบเพิ่มมากขึ้น  ผิวหน้ามีความเรียบเนียนมากขึ้น ซึ่งช่วยทำให้สามารถแต่งหน้าได้ง่ายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย




นอกจากนี้ครีมหอยทากยังช่วยในการลดเลือนรอยฝ้า กระ ให้ลดน้อยลง แต่จากประสบการณ์ของคุณสาวๆที่ใช้แนะนำให้อดทนรอให้เวลาผ่านไปสักนิดหลังการใช้ จึงจะสามารถเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังอ่อนโยนสามารถใช้ได้แม้แต่กับผิวที่บอบบางแพ้ง่ายอีกด้วย

ในขณะที่คุณสาวๆอีกกลุ่มหนึ่งมีความเห็นว่า ครีมหอยทากช่วยในการทำให้ผิวใสขึ้นเพียงเล็กน้อย ในบางรายไม่เห็นประสิทธิภาพในการกระชับรูขุมขนเท่าที่ควร และไม่ค่อยในเรื่องของสิวเท่าใดนัก แต่ประสิทธิภาพเหล่านี้อาจจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน



        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

นมผึ้ง Royal jelly บำรุงร่างกายและผิวพรรณ คงความสาว

ปัจจุบันมีการนำสารสกัดจากธรรมชาติที่มีประโยชน์มาใช้เป็นอาหารเสริมความงามของผิวพรรณกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น  ซึ่ง “นมผึ้ง” เองก็ เป็นหนึ่งในอาหารเสริมที่เชื่อกันว่า มีสรรพคุณในการช่วยคงความอ่อนเยาว์ให้ยาวนานมากยิ่งขึ้น ทำให้ได้รับความนิยมจากคุณสาวๆ อย่างมากทีเดียว

สำหรับในวันนี้ ขอพาคุณสาวๆ ไปเจาะลึกถึงเจ้านมผึ้งนี้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร มีประโยชน์ในการบำรุงร่างกาย และคงความสาวเอาไว้ได้อย่างยาวนานจริงหรือไม่?

นมผึ้งคืออะไร

นมผึ้ง (royal jelly) จากธรรมชาติแท้ๆ จะมีรสชาติเปรี้ยว และเผ็ดในลำคอ เป็นอาหารของตัวอ่อนผึ้ง ซึ่งถูกผลิตขึ้นจากต่อมบริเวณส่วนหัวของผึ้ง นมผึ้งนั้นมีคุณค่าทางสารอาหารที่สูงมาก ถ้าหากตัวอ่อนตัวไหนได้รับการป้อนนมผึ้งเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอจะกลายมาเป็นผึ้งนางพญาในที่สุด และนางพญาผึ้งมีอายุยืนยาวมากกว่าผึ้งงานธรรมดาถึง 10 เท่า  

Dr.Yoshinabu จากประเทศญี่ปุ่น ได้รายงานผลวิจัยเอาไว้ในหนังสือ “พลานามัยและอายุยืนด้วยนมผึ้ง” ว่า นมผึ้งมีประโยชน์ต่อร่างกายของมนุษย์มาก โดยช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีพลานามัยดี การเจริญเติบโตเป็นไปตามวัยและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ระบบการทำงานส่วนต่างๆของร่างกายดีขึ้น และยังช่วยชะลอความแก่ได้อีกด้วย
สาร 10-HAD ในน้ำนมผึ้งคืออะไร และสำคัญอย่างไร

สาร 10-HAD (10-Hydroxy-2-Drcenoid Acid) เป็นสารที่สามารถพบได้ในนมผึ้งเท่านั้น มีคุณสมบัติในการช่วยระบบต้านทานโรคในร่างกายของมนุษย์ ป้องกันอาการเจ็บป่วย และเซลล์ผิวจากการถูกทำลาย

นอกจากนี้ จากผลวิจัยทางการแพทย์ยังพบว่า การได้รับสาร 10-HAD อย่างเหมาะสม ยังช่วยปรับพฤติกรรมของเซลล์ให้แข็งแรง ซึ่งส่งผลให้เซลล์ผิวมีอายุที่ยืนยาวได้มากยิ่งขึ้น และยังช่วยฟื้นฟูประสิทธิภาพของสองที่เกิดขึ้นจากความเสื่อมของเซลล์ เช่น โรคสมองฝ่อ เป็นต้น รวมไปถึงการฟื้นฟูการเสื่อมของเซลล์ในอวัยวะส่วนต่างๆได้อีกด้วย

ประโยชน์ของนมผึ้งในการบำรุงร่างกาย

เชื่อกันว่าหากรับประทานนมผึ้งเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอแล้ว จะทำให้อายุยืนยาวมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณในการช่วยบำรุงร่างกาย ดังต่อไปนี้

  1. ช่วยทำให้รู้สึกสดชื่นไม่อ่อนเพลีย
  2. ช่วยในการบำรุงเส้นผม
  3. เพิ่มอัตราการดูดซึมอาหาร และช่วยให้มีการนำออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆของร่างกายได้ดีขึ้น
  4. เพิ่มอัตราการขับของเสียของร่างกาย และคาบอนไดออกไซต์
  5. ช่วยเพิ่มอัตราการตั้งครรภ์ให้มากยิ่งขึ้น
  6. ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูก ทั้งในของเด็กและผู้สูงอายุให้มากยิ่งขึ้น
  7. ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงให้มีจำนวนมากยิ่งขึ้น และควบคุมแร่ธาตุ รวมไปถึงอิเลคโตไลท์ในเลือดให้มีความสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น
  8. ช่วยบรรเทารักษาอาการนอนไม่หลับ ด้วยส่วนประกอบของกรดสำคัญที่ชื่อ Decenonic Acid ซึ่งเป็นกรดจากธรรมชาติ ซึ่งช่วยในการคลายเครียด และทำให้ประสาทมีการผ่อนคลาย
  9. ช่วยทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
  10. ช่วยทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นเมื่อรับประทาน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยและผู้สูงอายุ
  11. ช่วยในการป้องกันการเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และบรรเทาอาการเรื้อรังของมะเร็งได้อีกหลายชนิด
  12. ช่วยลดน้ำตาลในเลือด โดยในนมผึ้งจะมีสาร Peptide ที่ออกฤทธิ์คล้ายกับอินซูลิน จึงสามารถช่วยลดปริมาณน้ำตาลในเลือดลงได้
  13. ช่วยในการลดการอักเสบของข้อต่อ และเนื้อเยื่อ เนื่องจากในนมผึ้งมีสารที่ส่งผลเหมือนกับสเตียลอยด์ แต่ไม่มีอันตรายและผลข้างเคียง นอกจากนี้ยังช่วยฟื้นฟูสมรภาพของเนื้อเยื่อต่างๆ หลังจากจากเจ็บป่วยให้มีสุขภาพแข็งแรงได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
  14. ช่วยสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรงมากขึ้น โดยการช่วยสร้างเม็ดเลือดขาว จึงสามารถช่วยในการขจัดพิษและต้านทานกสนแผ่กัมตภาพรังสี
  15. ช่วยเพิ่มพัฒนาการของเด็ก ทำให้เด็กมีการเจริญเติบโต ทั้งทางร่างกาย สติปัญญา ความเจริญอาหาร และเพิ่มส่วนสูง
  16. ช่วยเพิ่มสมรภาพทางเพศให้กับเพศชาย ให้คงอยู่ได้นานมากยิ่งขึ้น
  17. ช่วยในการปรับความดันโลหิต ความดันสูงให้ลดลงอยู่ในระดับปกติ
  18. ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง ด้วยส่วนผสมของกรดโฟลิค และวิตามินบี

 
ประโยชน์ของนมผึ้งในการบำรุงผิวพรรณ

นมผึ้ง มีส่วนประกอบที่เต็มไปด้วยคุณค่าในการช่วยบำรุงผิวพรรณ ดังต่อไปนี้

  • อุดมด้วยวิตามินบีรวม (บี1 บี2 บี3 บี6 บี12)
  • ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ โดยมีส่วนประกอบของ วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี วิตามินเอส จึงช่วยสร้างเสริมการเกิดใหม่ของเซลล์ ซึ่งตามปกติแล้วยิ่งอายุมากขึ้นร่างกายก็จะยิ่งมีการสร้างเซลล์ลดน้อยลง นมผึ้ง มีคุณสมบัติในการช่วยสร้างเสริมการเกิดใหม่ของเซลล์ ส่งผลให้เกิดการชะลอความแก่ลง
  • ช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนเพศหญิง และเพศชาย ทำให้สามารถคงความหนุ่มสาวได้เป็นระยะเวลายาวนานมากขึ้นถึง 20 %
  • ช่วยในการบำรุงผิว ยังยั้งรอยเหี่ยวย่น ฟื้นฟูเซลล์ผิวที่ถูกทำลาย และลดอาการอักเสบของผิวหน้า ด้วยส่วนประกอบของเจลลาติน โปรตีน และกรดอะมิโน

การใช้นมผึ้งในการเสริมความงามด้วยตัวเอง

ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่ใช้นมผึ้ง หรือแม้แต่พิษผึ้ง เป็นส่วนประกอบออกมาหลากหลายรูปแบบ อาทิเช่น ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับรับประทาน ครีมทาผิว เป็นต้น ซึ่งนมผึ้งยังสามารถนำใช้ในการบำรุงผิวพรรณ ด้วยการประยุกต์ใช้ด้วยตนเอง โดยมีวิธีง่ายๆ ดังต่อไปนี้

1. การพอกหน้าด้วยนมผึ้ง นำน้ำนมผึ้งมาทาลงผิวหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด
2. การชงดื่ม สามารถดื่มน้ำนมผึ้งได้เลยโดยตรง หรือผสมนมผึ้งกับน้ำผึ้ง ในอัตรา 1 ต่อ 3 ส่วน จากนั้นให้ทำการดื่มได้เลย หรือจะนำไปผสมกับเครื่องดื่มชนิดอื่นๆได้ตามต้องการ
3. การอมนมผึ้ง โดยการอมนมผึ้งปริมาณประมาณ 1 ช้อนชา อมไว้ใต้ลิ้นหรืออมเอาไว้ในปากประมาณ 3-5 นาที เมื่อนมผึ้งละลายในปากจนหมดแล้ว จึงค่อยทำการกลืนลงไป

วิธีการเก็บรักษานมผึ้งที่ถูกต้อง

ควรทำการเก็บนมผึ้งเอาไว้ในสถานที่ที่มีอุณหภูมิต่ำๆ หากทำการเก็บรักษาโดยการแช่แข็ง จะสามรถเก็บเอาไว้ได้นานถึง 3 ปี แต่ถ้าหากนมผึ้งที่เก็บเอาไว้เป็นระยะเวลานานๆ เริ่มมีสีที่ไม่แวววาว เปลี่ยนเป็นสีเทา มีกลิ่นคล้ายเหล้า กลิ่นแก็ซ หรือกลิ่นเน่า แสดงว่านมผึ้งดั่งกล่าวหมดอายุแล้ว ไม่ควรนำมาทำการรับประทานโดยเด็ดขาด

ข้อควรระวังในการใช้นมผึ้งเพื่อบำรุงร่างกาย

โดยส่วนใหญ่แล้วนมผึ้งจะไม่มีผลข้างเคียงใดๆที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่สำหรับบางคนที่ทานนมผึ้งอาจจะเกิดอาการแพ้ในช่วงแรก ซึ่งจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร แต่เมื่อผ่านไปซักระยะเวลาหนึ่งร่างกายจะมีการปรับตัว

สำหรับคนที่เกิดอาหารดังกล่าวและยังต้องการทานมผึ้งต่อ ขอแนะนำให้ค่อยๆ รับประทานน้ำนมผึ้งในปริมาณเล็กน้อยร่วมกับเครื่องดื่มที่ชอบ แล้วค่อยๆ เพิ่มปริมาณให้มากขึ้น

ผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ และโรคหอบหืด ต้องระวังในการบริโภคนมผึ้ง ถ้าจะให้ดีควรทำการปรึกษาแพทย์ก่อนใช้

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ครีมทองคำ 24K คืออะไร ใช้พอกหน้าทาหน้าได้หรือไม่

คุณสาวๆ หลายคนอาจจะมีความสงสัยว่าเจ้า “ครีมทองคำ” ที่เพียงแค่ชื่อก็บ่งบอกได้ถึงความหรูหรานั้น มันคืออะไร? สำหรับในวันนี้จะขอพาคุณสาวๆ ขี้สงสัย ไปทำความรู้จักกับ ครีมทองคำ กัน ว่ามันมีสรรพคุณในการบำรุงผิวที่ดีเลิศสมกับชื่อของตัวมันเองจริงหรือเปล่า..?

ครีมทองคำ ทำมาจากทองคำบริสุทธิ์จริงๆหรือ

คุณสาวๆ บางคนอาจจะถึงขนาดเข้าใจผิดว่า ครีมทองคำ คือ การนำเอาทองคำบริสุทธิ์ล้วนๆ 100 % มาใช้ทำเป็นเนื้อครีมเพื่อใช้ในการบำรุงผิวพรรณหรืออย่างไร ซึ่งในความเป็นจริงแล้วครีมทองคำ เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีจุดเด่นสมกับชื่อ

นั่นคือ การนำทองคำบริสุทธิ์ มาเป็นส่วนประกอบในการกระตุ้นให้ผิวเกิดการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวมีความเต่งตึง ยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ร่วมกับส่วนประกอบอื่นๆ ที่มีคุณสมบัติในการช่วยบำรุงผิว อาทิเช่น สารไฮยาโล-โอลิโก สารสกัดจากดอกลาเวนเดอร์ สารสกัดจากใบบัวบก สารสกัดจากโสม และโปรตีนจากพืชกรดถั่ว เป็นต้น

จากส่วนประกอบเหล่านี้ จึงทำให้ครีมทองคำมีคุณสมบัติช่วยในการลดเลือนริ้วรอย ตีนกา ร่องแก้ม ลดรอยดำ รอยแดง รอยแผลเป็นจากสิว เติมเต็มชั้นผิว ยกกระชับผิว คืนความชุ่มให้กับผิวหน้า ทำให้ผิวสวย ขาวกระจ่างใส อมชมพู และมีออร่า

ด้วยสรรพคุณเหล่านี้ ทำให้ในปัจจุบันครีมทองคำ จึงกลายมาเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่กำลังได้รับความนิยมจากคุณสาวๆอย่างมากทีเดียว แต่ราคาของผลิตภัณฑ์ครีมทองคำจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับว่าทองคำที่ผสมในสินค้าเป็นแบบกี่เปอร์เซ็นต์ ถ้าหากเปอร์เซ็นต์ยิ่งสูง ราคาก็จะยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย

ตำนานการถนอมผิวโดยใช้ทองคำ

การบำรุงถนอมรักษาผิวโดยการใช้ทองคำนั้นมีมาอย่างช้านานแล้ว ตั้งแต่สมัยคลีโอพัตรา แม้แต่หย่างกุ้ยเฟย หญิงงามแห่งประเทศจีนก็ยังมีการใช้ทองคำในการถนอมผิว รวมทั้งมีการใช้เพื่อถนอมผิวในกลุ่มคนชั้นสูงในหลายทวีป เช่น อาฟริกา ยุโรป เป็นต้น

แต่ในสมัยนั้นใช้ทองคำบริสุทธิ์จำนวนมากมาเป็นส่วนผสมหลักเพื่อใช้ทาถนอมผิว ไม่เหมือนกับครีมทองคำในปัจจุบัน ที่มีการใช้ทองคำจำนวนเล็กน้อย

นอกจากนี้ ในบันทึกตำรับยาจีนโบราณยังระบุเอาไว้ว่า ทองคำถูกนำมาใช้เพื่อรักษาผิวที่มีปัญหา รักษาอาการอักเสบ แผลเป็น และกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตอีกด้วย

ทองคำ ช่วยในการทำความสะอาดผิวได้อย่างไร

ทองคำ (Gold 24k) มีคุณสมบัติ ในการสร้างไอ-ออนพิเศษ ที่สามารถเข้าไปทำความสะอาดใบหน้าส่วนลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลทำให้สิ่งสกปรกที่หลบซ่อนอยู่ในรูขุมขนเกิดการหลุดลอยตัวออกมา

ทองคำ ช่วยลดเลือนริ้วรอยของผิวได้จริงหรือเปล่า

มีการค้นพบทางการแพทย์ว่า ทองคำสามารถช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระได้ และต้านอาการอักเสบจองข้อกระดูกในโรคเก๊าได้เป็นอย่างดี ด้วยคุณสมบัติดังกล่าว จึงได้มีการนำทองคำมาประยุกต์ใช้กับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เพื่อประโยชน์ในการยืดอายุผิวพรรณ ลดเลือนริ้วรอยที่เพิ่มขึ้นตามอายุ และต้านทานอาการอักเสบของผิวที่เกิดขึ้นจากรังสียูวี

นอกจากนี้ เนื่องจากความสามารถในการนำไฟฟ้าของ r-PGA ซึ่งมีในครีมทองคำที่เป็นประจุลบ ทำให้เกิดการเหนี่ยวนำประจุบวกที่พบในส่วนประกอบซีรั่มของเกลือแร่ สารอาหารผิวต่างๆ ให้แทรกซึมเข้าสู่ผิวได้ดีมากยิ่งขึ้น และยังมีคุณสมบัติในการนำประจุลบให้ซึมซับไปในส่วนลึกถึงชั้นเดอร์มิสของผิว (Dermis layer) ก่อนไปร่วมตัวกับประจุบวกของร่างกาย

ทองคำที่แทรกเข้าไปนี้จะไปทำการกระตุ้นให้กลไกการทำงานของเซลล์ดีมากยิ่งขึ้น ช่วยปรับการไหลเวียนของโลหิต และทำให้กระบวนการเสื่อมตามธรรมชาติช้าลง

อาการข้างเคียงจากการแพ้ทองคำ

อาการแพ้สารตัวใดตัวหนึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ แม้แต่กับทองคำเอง แม้ว่าแร่ทองคำบริสุทธิ์จะไม่มีความเป็นพิษ หรือไม่เกิดความระคายเคืองต่อเซลล์ร่างกาย แต่ก็อาจที่จะทำให้เกิดการแพ้และระคายเคืองผิวหนังขึ้นได้

โดยส่วนใหญ่แล้วมักที่จะเกิดขึ้นในกลุ่มของผู้หญิง ซึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา ทองคำได้รับการโหวตให้เป็นสารก่อภูมิแพ้ในปี 2001 จากสมาคมโรคผิวหนังของสหรัฐอเมริกา

สรุปแล้ว ทองคำบริสุทธิ์ ที่เป็นส่วนผสมในครีมบำรุงผิว ช่วยทำให้ผิวเกิดความแวววาวและผ่องใส (Shimmer and Glow) และอาจช่วยลดอาการอักเสบของผิวได้ (Antimflammation)

ในปัจจุบันก็ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ที่แน่ชัดจากทางวิทยาศาสตร์ ว่าประสิทธิภาพของทองคำในการบำรุงผิวพรรณนั้น เมื่อเทียบกับสารสกัดจากธรรมชาติอื่นๆจะให้ผลดีหรือด้อยกว่า และคุ้มค่ากับราคาที่ค่อนข้างแพงซึ่งต้องจ่ายไปหรือไม่

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

น้ำยาลอกผิวขาวมันคืออะไร อันตรายหรือเปล่า?

สำหรับคุณสาวๆ การที่จะได้ครอบครองผิวที่ขาว เนียน นุ่ม สดใสเปล่งปลั่งดูมีออร่า และมีสุขภาพดี ซึ่งเรียกได้ว่าคือ ที่สุดแห่งความปารถนาเลยก็ว่าได้

คนที่มีผิวขาวอยู่แล้ว ก็อาจจะใช้เพียงความพยายามในการบำรุงรักษาผิวให้ยังคงขาวเนียนตลอดเวลา แต่คนที่ผิวยังไม่ขาว หรือยังไม่พอใจในความขาวของตัวเองนั้น ก็คงจะไม่น่าแปลกใจที่จะไปพยายามสรรหาผลิตภัณฑ์ที่จะสามารถช่วยทำให้ผิวขาวมากขึ้น

ยิ่งใช้เวลาน้อยแต่ให้ผลลัพธ์ผิวขาวขึ้นทันตา คุณสาวๆ ก็แทบจะยอมทุ่มทุนหมดหน้าตักซื้อหามาครอบครองกันเลยทีเดียว

ซึ่ง ผลิตภัณฑ์น้ำยาลอกผิวขาว ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ช่วยตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าว และดูเหมือนจะได้รับความนิยมจากคุณสาวๆ ชนิดมาแรงแซงทางโค้งกันเลยทีเดียว สำหรับในวันนี้ เลยจะขอพาไปรู้จักกับเจ้าน้ำยาลอกผิวขาวว่ามันคืออะไรกัน..!?

การลอกผิวคืออะไร

การลอกผิว เป็นการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกสุด หรือที่เรียกกันว่าหนังกำพร้าออก ซึ่งผิวในชั้นนี้มักต้องเป็นด่านแรกที่ต้องเผชิญกับมลภาวะและแสงแดดในชีวิตประจำวัน ทำให้มีลักษณะหยาบกร้าน เสื่อมสภาพ และเต็มไปด้วยความหมองคล้ำ ทำให้ไม่สวยงามเรียบเนียน เมื่อทำการลอกผิวในส่วนนี้ออก ผิวส่วนใหม่ขึ้นมาแทนที่ก็จะมีความขาวเนียนมากกว่าเดิม

น้ำยาลอกผิวขาวคืออะไร

น้ำยาลอกผิวขาว เป็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบของน้ำ ใช้ทาบนผิวหนังในบริเวณที่มีความต้องการเพื่อเร่งให้ผิวหนังในบริเวณนั้นมีการผลัดตัวอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น 

น้ำยาลอกผิวขาว ช่วยให้ผิวขาวขึ้นได้จริงหรือ  

ถ้ามองตามหลักการแล้วก็ต้องขอบอกว่า น้ำยาผิวขาวนั้น ถ้าหากมีส่วนผสมที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวให้มากขึ้น ก็ย่อมที่จะช่วยทำให้ผิวขาวขึ้นได้จริง

เนื่องจากเป็นเรื่องพื้นฐานตามธรรมชาติอยู่แล้ว ว่าผิวที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ก็ต้องย่อมดีกว่าผิวเก่าที่แห้งเสียเนื่องจากผจญกับมลภาวะมาอย่างโชกโชน

น้ำยาลอกผิวขาวอันตรายไหม

การใช้น้ำยาลอกผิวขาว ถ้าหากรู้จักวิธีการใช้ที่ถูกต้องก็ถือว่าไม่อันตราย ถ้าหากเป็นน้ำยาลอกผิวขาว ที่เป็นประเภทมีส่วนช่วยในการเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิว

ด้วยวิธีการทางธรรมชาติ โดยการใช้กรด หรือด่าง เช่น กรดเกลือ กรดผลไม้ สารสกัดจากสมุนไพร เป็นต้น ถ้าหากคุณสาวๆต้องการที่จะใช้น้ำยาลอกผิวขาว ควรที่จะทำการศึกษาส่วนประกอบให้ดีเสียก่อน

เนื่องจาก ในปัจจุบันมีแม่ค้าพ่อค้าหัวใส ที่ต้องการลดต้นทุนหวังฟันกำไรเยอะๆ โดยการหลอกขายน้ำยาลอกผิวขาว ที่มีส่วนผสมของสารฟอกขาว และ น้ำกรด TCA (Trichloroacetic acid  กรดไตรคอลอะซีติก) มาใช้เป็นส่วนผสม เพื่อทำให้ผิวเกิดการลอกตัวอย่างรวดเร็ว

ซึ่งสามารถสังเกตได้ง่ายๆ คือ เกิดอาการแสบ ถึงแสบมากเมื่อทา แต่ก็มีบางผลิตภัณฑ์ที่หัวใสผสมยาชาลงไปในผลิตภัณฑ์ เพื่อทำให้ผู้ใช้ไม่รู้สึกแสบผิวอีกด้วย

ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีเป็นส่วนประกอบที่รุนแรงเหล่านี้ จะส่งผลทำให้ผิวเกิดการลอกหลุดออกมาอย่างรวดเร็วมากกว่าปกติ ซึ่งในปัจจุบันสำนักกรรมการอาหารและยา ยังไม่รับรองการลอกผิวด้วยการใช้สารเคมีดั่งกล่าว

ข้อแตกต่างของการผลัดเซลล์ผิวระหว่างสารเคมีและสารสกัดจากธรรมชาติ

การผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมีให้ผลที่เร็วกว่า แต่มักที่จะมีปัญหาของสารเคมีที่ตกค้าง มีผลข้างเคียงมากกว่า และการใช้ควรอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด ส่วนการผลัดเซลล์ผิวด้วยวิธีการทางธรรมชาติ ถึงจะให้ผลที่ช้ากว่า แต่ก็ใช้งานง่ายกว่า และมีความปลอดภัยที่มากกว่า

ควรระวัง การลอกผิวขาวบ่อยๆอาจทำให้เกิดอันตรายต่อผิว

การลอกผิวบ่อยๆ นั้น ถึงแม้จะช่วยทำให้ผิวขาวขึ้นจริง แต่การลอกชั้นผิวหนังบ่อยๆก็อาจจะทำให้ผิวหนังในบริเวณนั้น มีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น ดังต่อไปนี้

1. ผิวบางลงจนไม่สามารถทนแสงแดดได้ ผิวหนังที่บางจะไม่สามารถทนแสงแดดในตอนกลางวันได้ ซึ่งทำให้อาจเกิดปัญหาผิวดำ หมองคล้ำขึ้นมากกว่าเดิม ถ้าหากไม่ทำการปกป้องผิวโดยการทาครีมกันแดดก่อนออกไปข้างนอกในตอนกลางวัน

2. ผิวบางลงจนทนสารเคมีบางอย่างที่ต้องพบในชีวิตประจำวันไม่ได้ เช่น ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน น้ำยาขัดพื้นห้องน้ำ เป็นต้น เมื่อสัมผัสถูกในบริเวณที่ผิวหนังบางเนื่องจากถูกลอกออกบ่อยๆ ก็อาจจะทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนขึ้นได้ เป็นต้น

3. หน้าแห้งและอาจทำให้เป็นฝ้ามากขึ้น ซึ่งจะเห็นผลเหล่านี้ในระยะยาว เนื่องจากการลอกผิวบ่อยๆจะทำให้ระบบน้ำเหลืองในร่างกายบริเวณนั้นเกิดความเสียหาย

4. ส่งผลต่อกระดูกในระยะยาว เนื่องจากสารเคมีในน้ำยาลอกผิวขาวจะทำให้กระดูกเกิดความผุ กร่อนมากขึ้น

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.