ทำครีมพอกผิวขาวเองอย่างง่ายๆด้วยสมุนไพรไทย

ในยุคปัจจุบันที่เทคนิคและวิธีการเสริมความงามมีการพัฒนาไปอย่างมาก ทำให้ผลิตภัณฑ์เสริมความงามออกมาวางขายเป็นจำนวนมากมายหลายสูตร ให้คุณสาวๆ สามารถเลือกซื้อหามาใช้ได้ตามความต้องการของตัวเอง

ครีมพอกผิวขาว ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปจากเมื่อครั้งอดีตเป็นอย่างมาก จากการใช้เพียงสมุนไพรเพียงไม่กี่ชนิดมาทำเป็นครีมพอกเพื่อช่วยในการบำรุงรักษาผิวให้ขาว ไปสู่การใช้สารเคมี ตัวยา และสารสกัดจากแหล่งต่างๆ

ถ้าหากย้อนรอยดูจากหลักฐานเรื่องผิวที่ขาวสวยของคุณสาวๆ ในสมัยก่อนแล้วคงจะไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า สมุนไพรไทย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งในสุดยอดส่วนประกอบของครีมพอกผิวขาวชั้นดี ที่ถูกมองข้ามไป

สำหรับในวันนี้จะขอพาคุณสาวๆ ย้อนกลับไปดูกันว่า คุณสาวๆ ในยุคก่อนมีการนำสมุนไพรไทยอะไรบ้าง เข้ามาใช้มาเป็นส่วนประกอบในการทำครีมพอกผิวขาว

สมุนไพรไทยที่ใช้ทำครีมพอกผิวขาว มีอะไรบ้าง

1. ใบเตยหอม นิยมนำมาเป็นส่วนผสมในการพอกหน้า พอกตัว บำรุงผิวพรรณ ทำให้ผิวสวย สดใส และมีสุขภาพดี เนื่องจากมีส่วนผสมของเบต้าแคโรทีนอยู่เป็นจำนวนมาก

2. ใบตำลึง ช่วยในการขจัดริ้วรอย รอยหมองคล้ำ ทำให้ผิวหน้าสะอาดหมดจด สวยงาม มีความแจ่มใสของใบหน้า และเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิวหน้า โดยมีวิตามินเอ สะสมอยู่ภายในใบตำลึงเป็นจำนวนมาก

3. แตงกวา ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว เนียนนุ่ม นอกจากนั้นยังช่วยสมานผิว รักษาอาการอักเสบของผิว ปัญหาผิวพรรณอื่นๆ และยังช่วยละลอความแก่ของผิวหนังได้ดีมากอีกด้วย

4. ว่านหางจระเข้ ช่วยในการรักษาสิว ฝ้า กระ และผิวหมองคล้ำ

5. ถั่วเหลือง มีสารคล้ายกัยฮอร์โมนทางเพศ ที่มีชื่อว่าไฟโตเอสโตรเจน อีกทั้งยังมีสารอาหารอื่นๆ ที่มีสรรพคุณในการช่วยชะลอความแก่ของผิวหนังและร่างกาย เช่น แคลเซียม โปรตีน วิตามินอี กรดไฟติก และเส้นใยอาหาร เป็นต้น

6. ใบยอ มีส่วนประกอบของวิตามินเอ และแคลเซียมอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อเอาใบยอมาเป็นส่วนผสมของครีมพอกผิวขาว จะช่วยบำรุงผิวให้เกลี้ยงเกลาหมดจด และสวยเปล่งปลั่ง นอกจากนี้ยังช่วยในการขจัดสาเหตุที่ทำให้เกิดรอยหมองคล้ำบนผิวอีกด้วย

7. ถั่วฝักยาว มีส่วนประกอบของวิตามินซี เบต้าแคโรทีน และธาตุเหล็กอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยในการบำรุงผิวพรรณ ทำให้ผิวสวย สดใส และมีสุขภาพดี

8. ใบชะม่วง มีส่วนประกอบของวิตามินซี และวิตามินเอ เป็นจำนวนมาก เมื่อนำน้ำคั้นจากใบชะม่วงมาผสมในครีมพอกผิวขาว จะช่วยในการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่หมองคล้ำออก พร้อมกับบำรุงผิวใหม่ที่เกิดขึ้นมาแทนที่

9. มะม่วงแก้วสุก มีส่วนประกอบของเบต้าเคโรทีน มีเอมไซน์และวิตามินที่มีประโยชน์ในการบำรุงผิวหน้า ถ้าหากไม่สามารถหามะม่วงแก้วได้ สามารถใช้มะม่วงสายพันธุ์อื่นๆแทนได้ เช่น มะม่วงน้ำดอกไม้ มะม่วงฟ้าลั่น มะม่วงออกร่อง มะม่วงเขียวเสวย เป็นต้น

10. มะขามเทศ มีส่วนประกอบของวิตามินซีอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อนำน้ำคั้นจากเนื้อมะขามเทศแก่ที่ถูกโขลกจนละเอียดมาผสมในครีมพอกผิวขาว จะช่วยในการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่หมองคล้ำออก เป็นการช่วยทำให้ผิวที่เกิดขึ้นมาใหม่มีความขาวเนียนมากยิ่งขึ้น

11. ยอดแค มีส่วนประกอบของเบต้าแคโรทีนและแคลเซียมอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อนำยอดแคไปปั่นให้เป็นชิ้นเล็กๆ จนเนื้อเนียนนุ่ม ก็จะสามารถนำไปใช้เป็นครีมพอกบำรุงผิวหน้าได้เป็นอย่างดี

12. ส้มโอ มีส่วนประกอบของวิตามินซี และเบต้าคอโรทีน นอกจากนี้ เนื้อของส้มโอยังมีคุณสมบัติเป็นกรดอ่อนๆ เมื่อนำเอาน้ำส้มโอที่คั้นแล้วมาใช้เป็นส่วนประกอบของครีมพอกผิวขาว จะช่วยในการบำรุงผิวพรรณ ทำให้ผิวสวย สดใส และมีสุขภาพดี

13. ขมิ้น เป็นที่รู้กันมาอย่างช้านานว่าขมิ้นช่วยในการบำรุงรักษาผิวให้ขาวเนียน จนในสมัยก่อนมีการเปรียบเทียบผู้หญิงที่มีผิวสวยว่า ผิวเหมือนขมิ้น นอกจาทนี้ยังมีฤทธิ์ในการช่วยรักษาโรคผิวหนังได้อีกด้วย

14. มะขามเปียก เป็นสมุนพรคู่ครัวไทย มีส่วนประกอบของ AHA ในปริมาณที่เหมาะสมในการนำมาเป็นส่วนผสมของครีมพอกผิวขาว และยังช่วยรักษาอาการแห้งกร้าน บำรุงผิวให้นุ่มเนียนมากยิ่งขึ้น

15. ใบย่านาง มีส่วนประกอบของวิตามินเอ และวิตามินซีเป็นจำนวนมาก เมื่อนำใบมาคั้นเอาแต่น้ำ แล้วนำไปเป็นส่วนผสมของครีมพอกผิวขาว จะมีคุณสมับติในการช่วยรักษาความสดใสของผิวหน้า รวมไปถึงการขจัดรอยหมองคล้ำ และช่วยทำให้ผิวนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เจาะลึกครีมหน้าเด้ง ช่วยให้เด้งได้อย่างไร

เชื่อว่าคุณสาวๆ ทุกคนคงอยากที่จะมี “หน้าเด้ง” หรือ ผิวที่เต่งตึงสดใส เหมือนกับในตอนวัยเด็ก ที่ต่อให้มีการแสดงสีหน้าอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการหัวเราะ ร้องไห้ หรือขมวดคิ้วบ่อยครั้ง หรือมากแค่ไหน ร่องรอยที่เกิดขึ้นบนใบหน้าก็จะสามารถหายไปในทันที

เมื่อเลิกแสดงความรู้สึกเหล่านั้น แตกต่างกับผิวหน้าของผู้ใหญ่ที่มีอายุมากแล้ว ที่มักจะทิ้งร่อยรอยของอารมณ์กลายเป็นริ้วรอยตามบริเวณร่องแก้ม หางตา และใต้ดวงตาเอาไว้อยู่เสมอ ซึ่งเจ้าริ้วรอยเหล่านี้จะคอยสร้างความกังวลใจให้กับคุณสาวๆ จนไม่กล้าที่จะแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมามากนัก

ด้วยเหตุผลดังกล่าว คงจะดีไม่น้อยที่จะมีวิธีการที่ช่วยทำให้ผิวหน้ากลับไปสู่ช่วงเวลาวัยเด็กอีกครั้ง ซึ่งเจ้าครีมหน้าเด้งนี่เองที่ได้กลายมาเป็นหนึ่งในวิธียอดฮิต ที่คุณสาวๆ ให้ความสนใจอยากซื้อหามาเติมเต็มความต้องการให้ใบหน้าเด้งเนียน

สำหรับในวันนี้ เลยจะขอพาคุณไปรู้จักกับ “ครีมหน้าเด้ง” กันแบบเจาะลึกกันเลยว่า มันช่วยทำให้หน้าเด้งได้อย่างไร และจะเด้งได้มากน้อยแค่ไหนกันเชียว

หน้าเด้ง ไม่เด้ง เกิดขึ้นจากอะไร?

การที่ผิวหน้าของคนเราจะเด้งหรือไม่เด้งนั้น ขึ้นอยู่กับโปรตีนในชั้นผิวหนังแท้ 2 ชนิด คือ

1. คอลลาเจน (Collagen Bundle) ผิวหนังที่มีคอลลาเจนอยู่มากจะทำให้มีแรงสปริงตัวและยืดหยุ่นได้ดี ทำให้ผิวหนังใบหน้าเต่งตึงตามไปด้วย

ปกติร่างกายของเราจะมีการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอยู่เสมอ โดยหลอดเลือดจะทำการลำเลียงเอาสารอาหารที่เรารับประทานนำมาเป็นวัตถุดับในการสร้างคอลลาเจน

ดังนั้น หากต้องการที่จะเสริมสร้างคอลลาเจน จึงควรรับประทานสารอาหารที่ส่วนช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่มาก เช่น วิตามินซี และแอนโทไซยานิน เป็นต้น

2. อิลาสติน (Elastin Bundle) ทำหน้าที่ในการสร้างความแข็งแรง ควบคุมความยืดหยุ่นของผิวหนัง และช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อใหม่
โปรตีนทั้งสองชนิดดังกล่าว ทำหน้าที่ช่วยทำให้ผิวหน้าเด้งดีเหมือนกับในตอนที่เป็นเด็ก แต่ความสามารถในการทำงาน และความสมบูรณ์ของโปรตีนทั้งสองชนิดนี้จะค่อยๆเสื่อมสภาพลงเรื่อยๆตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น

ครีมหน้าเด้ง ช่วยทำให้หน้าเด้งได้อย่างไร

เมื่อคุณสาวๆ ได้ทราบกันไปแล้วว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้ใบหน้าเกิดริ้วรอย ไม่เด้งเต่งตึงเหมือนกับในสมัยวัยเด็กนั้น คือ การเสื่อมถอยในการทำงานของคอลลาเจนและอิลาตินในชั้นผิวหนัง

นักวิทยาศาสตร์จึงได้พยายามหาสิ่งมาทดแทน ป้องกัน และฟื้นคืนสภาพให้กับผิวหน้าให้กลับมาสวยเด้ง จนกระทั่งได้ออกมาเป็นครีมหน้าเด้งที่มีส่วนผสมจากสารสกัดจากธรรมชาติ ดังต่อไปนี้

1. ครีมที่มีสารสกัดจากรกคนและรกสัตว์ขนาดใหญ่ เป็นการสกัดสารคอลลาเจนและอิลาสตินในยุคแรกๆ โดยการนำรกคนและรกสัตว์ขนาดใหญ่มาสกัดภายหลังการคลอดลูก เช่น รกแกะ เป็นต้น ซึ่งสารที่ได้จะมีราคาที่ค่อนข้างแพง แต่ก็เป็นสารสกัดคอลลาเจนและอิลาสตินจากธรรมชาติ ที่ใกล้เคียงกับผิวหนังของคนเรามากที่สุด

2. ครีมเอเอชเอ (AHA) เป็นครีมหน้าเด้งที่สกัดออกมาจากกรดอ่อนๆของผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ซึ่งจะมีวิตามินซี และวิตามินอี อยู่ในปริมาณมาก ซึ่งจะช่วยลดอนุมูลอิสระที่ทำอันตรายต่อเซลล์ผิวหนัง

3. วิตามินครีม ซึ่งจะมีส่วนผสมหลักของครีมจากวิตามินชนิดต่างๆ เช่น วิตามินซี วิตามินอี จะมีส่วนช่วยในการลดอนุมูลอิสระที่ทำอันตรายต่อเซลล์ผิวหนัง ส่วนวิตามินเอ วิตามินบี จะช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิวหนัง วิตามินครีมเหมาะสำหรับคุณสาวๆที่มีภาวะโภชนาการที่ผิดปกติ ถ้าหากทานอาหารครบทั้งห้าหมู่ รับประทานผักใบเขียว และผลไม้อย่างสม่ำเสมอ วิตามินครีมก็อาจจะส่งผลในการบำรุงใบหน้าให้เด้งลดน้อยลงด้วย

ในปัจจุบัน มีการโฆษณาขายครีมหน้าเด้ง โดยบอกว่ามีส่วนประกอบของสารบำรุงที่ใช้ทาช่วยเพิ่มคอลลาเจนให้กับผิวได้โดยตรง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่สามารถทำได้ เพราะคอลลาเจนนั้นมีอยู่ในชั้นผิวแท้

ครีมบำรุงผิวโดยทั่วไปไม่สามารถซึมลงไปสู่ชั้นผิวดังกล่าวได้ การทาครีมจึงเป็นเสมือนเพียงการเคลือบผิว เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวทำให้รู้สึกว่าหน้าตึงๆ หรือหน้าเด้งขึ้นนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ครีมหน้าเด้งยังถือว่าเป็นเพียงปัจจัยเสริม และเป็นการบำรุงรักษาผิวหน้าที่ปลายเหตุเท่านั้น ถ้าหากคุณสาวๆอยากที่จะมีใบหน้าที่เนียนเด้ง ควรพยายามดูแลสภาพจิตใจของตัวเองให้ห่างไกลจากความเครียด ทานอาการให้ครบทั้งห้าหมู่และถูกหลักโภชนาการ  และการพยายามหลีกเลี่ยงแสงแดด ซึ่งจะเป็นการช่วยป้องกันและยืดอายุของผิวหน้าให้เด้งเนียนใสได้อย่างยาวนานมากยิ่งขึ้น

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

อาหารต่อต้านริ้วรอย วิธีทำให้หน้าใสง่ายๆ ที่ใครก็มองข้าม

ในยุคที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับการเดินทางบนท้องถนน และบนโต๊ะในสถานที่ทำงานของสังคมเมือง ได้ทำให้วิธีการทานอาหารของคนเราเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก จากอาหารปรุงเองในครอบครัว กลายเป็นอาหารตามสั่ง และสุดท้ายกลายมาเป็นอาหารจานด่วนอย่างพวก fast food ในปัจจุบัน

ซึ่งความรวดเร็วของอาหารที่มากขึ้นในราคาที่ถูกนั้น หมายความว่าสารอาหารที่ร่างกายจะได้รับในแต่ละวันเพื่อนำไปใช้ในการสร้างเสริม ซ่อมแซม และยกกระชับใบหน้านั้นให้สดใสเปล่งปลั่งนั้น ย่อมไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้ผิวหน้าของเราอ่อนแอลงอย่างมากอีกด้วย

ดังนั้น สำหรับคุณสาวๆ ที่ต้องการจะมีใบหน้าที่สดใสแล้ว สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามมากที่สุดก็คือ การเลือกรับประทานอาหารที่มีสารอาหารที่ผิวหน้าต้องการอย่างครบถ้วน เพื่อเป็นการช่วยบำรุงรักษาผิวหน้าให้มีสุขภาพแข็งแรง สดใส เปล่งปลั่ง ดังต่อไปนี้

อาหารที่ผิวหน้าต้องการในแต่ละวัน

จากการศึกษาพบว่า อาหารที่มีคุณสมบัติช่วยในการบำรุงผิวหน้าให้สดใส และช่วยในการต่อต้านริ้วรอยอย่างได้ผล คือ อาหารในตระกูลของผัก ผลไม้ และอาหารที่มีไขมันต่ำ สารอาหารจากเหล่านี้ยังช่วยทำให้ผิวหน้าของคุณสาวๆ มีความแข็งแรงมากพอที่จะต่อต้านสิ่งที่จะมาทำร้ายผิวหน้า

โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากแสงแดดนอกบ้านในตอนกลางวัน ที่ถือว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจต่อสุขภาพผิวเลยทีเดียว สำหรับประเภทของอาหารที่แนะนำให้ทาน มีดังต่อไปนี้

1. ผักใบเขียว หรือผักสีเขียว เช่น บล็อกโคลี่ คะน้า เป็นต้น ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินเอและซี ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ และป้องกันการเสื่อมของผิวจากอายุที่มากขึ้น
2. ถั่ว เช่น วอลนัท อัลมอนด์ พีแคน เป็นต้น มีกรดโอเมก้าทรี วิตามินบี และยังช่วยควบคุมระดับฮอโมนต์ที่เกิดขึ้นจากความเครียด ซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจที่ทำให้ผิวไม่สดใสได้อีกด้วย
3. น้ำมันมะกอก ถึงจะเป็นน้ำมันจากพืชที่แม้ว่าจะมีจำนวนแคลอรี่ที่สูง แต่ก็เป็นไขมันไม่อิ่มตัวและเป็นกรดไขมันชั้นดีที่จำเป็นต่อร่างกาย อีกทั้งยังช่วยในการควบคุมระดับคอลเลสเตอรอลในเลือด ช่วยในการป้องกันการเสื่อมของเซลล์ ทให้ผิวจึงดูสดใส ชุ่มชื้น และดูอ่อนกว่าวัย
4. เม็ดธัญพืช หรือเม็ดข้าว เช่น เม็ดข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ข้าวโพด ถั่วเหลือง ถั่วเขียว งาดำ งา เมล็ดทานตะวัน เมล็ดผักทอง เป็นต้น อุดมไปด้วยวิตามินบี และวิตามินอี ช่วยในการรักษาความแข็งแรงของเซลล์ผิว เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และป้องกันความเสียหายของผิวที่เกิดขึ้นจากมลภาวะที่ต้องพบในระหว่างวัน นอกจากนี้ยังมีไฟเบอร์ที่สามารถช่วยในการขับสารพิษที่สะสมอยู่ในร่างกาย ทำให้ผิวดูสดใสมากขึ้นอีกด้วย
5. อาหารที่มีไขมันต่ำ เช่น เนื้อปลา ปลาแซลมอน ปลาทูน่า กุ้ง ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี ที่ช่วยในการซ่อมแซมเซลล์ร่างกายที่เกิดการเสื่อมโทรม ต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความชราและความเสื่อมของร่างกาย
6. ผลไม้สด เช่น ส้ม แอปเปิ้ล มะละกอสุก ฝรั่ง อโวคาโด แตงโม มะนาว เป็นต้น มีวิตามินซีอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยในการสร้างเส้นใยคอลลาเจน ทำให้ผิวพรรณของใบหน้าดูสดใส และเต่งตึงมากยิ่งขึ้น
7. น้ำสะอาด หากร่างกายได้รับไม่เพียงพอในแต่ละวันก็จะทำให้ผิวพรรณไม่สดใสอย่างที่ควร การดื่มน้ำที่เพียงพอยังช่วยในการรักษาความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ และป้องกันเซลูไลต์ได้อีกด้วย ซึ่งปริมาณของน้ำที่ควรดื่มในแต่ละวันอยู่ที่ประมาณ 8 แก้ว และควรดื่มด้วยวิธีการจิบทีละน้อย อย่าดื่มรวดเดียวในปริมาณมากๆจะส่งผลดีกับร่างกายมากกว่า
8. ชาเขียว มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระมาก ช่วยในการขับสารพิษออกจากร่างกาย จึงส่งผลให้ผิวสวยสดใสมากยิ่งขึ้น
9. น้ำมะพร้าว ในน้ำมะพร้าวจะประกอบด้วยสารเอสโตรเจนที่ช่วยในการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวเนียนสดใสมากขึ้น
10. หอยนางรม อุดมไปด้วยซิงค์ คอปเปอร์ (สังกะสี) ที่ทำหน้าที่ในการต่อต้านการเกิดสิว และช่วยทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้นอีกด้วย
11. หัวมัน เช่น มันเทศ มันฝรั่ง เป็นต้น อุดมไปด้วยสารเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยในการสร้างเซลล์ใหม่ให้กับผิวหนัง นอกจากนี้ยังมี ซิงค์ คอปเปอร์ (สังกะสี) ช่วยในการบำรุงผิวหนัง แต่อาหารที่ทำจากมันฝรั่งควรเป็นการอบเท่านั้น หากเป็นมันฝรั่งทอดกรอบ หรือถูกแปรรูปเป็นเฟรนช์ฟราย จะกลายเป็นการเพิ่มปริมาณเกลือและไขมันจากน้ำมันให้กับร่างกายโดยไม่ทันรู้ตัว
12. พริกหวาน ให้วิตามินซีมากกว่าสูงมากกว่าส้มถึง 2-3 เท่า ซึ่งจะช่วยในการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวมีสุขภาพดี และช่วยป้องกันรังสียูวีจากแสงแดดอีกด้วย
13. โยเกิร์ต ช่วยในการขับถ่าย ทำให้ผิวพรรณสดใส สุขภาพดี และไม่หมองคล้ำ

การเลือกรับประทานอาหารที่ถูกต้องในแต่ละวัน จะเป็นการช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวหน้าของคุณสาวๆแข็งแรง หน้าใส และที่สำคัญที่สุดคือ ช่วยทำให้ผิวแข็งแรง พร้อมยังเป็นการช่วยปกป้องผิวไม่ให้ถูกทำลายจากมลภาวะในสิ่งแวดล้อมที่ต้องพบในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

กฎเหล็กเคล็ดวิธีทำให้หน้าขาว ทำง่ายๆ ได้ที่บ้าน

สำหรับคุณสาวๆ แล้ว ใบหน้าที่ขาวเนียนเป็นการช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง ในเวลาที่ต้องออกไปนอกบ้านหรือเข้าสังคม ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากใบหน้าเต็มไปด้วยสิว ริ้วรอย และความหมองคล้ำ ความมั่นใจในตัวเองของคุณสาวๆ ก็จะพลอยหายวับไปพร้อมกับจำนวนปัญหาริ้วรอยเหล่านั้น

ถ้าหากคุณสาวๆ ปล่อยตัวเลยตามเลยไม่สนใจที่จะดูแลรักษาผิวหน้าของตัวเองให้ถูกวิธีแล้วล่ะก็ เพียงในเวลาไม่นานนัก คุณสาวๆ ก็เตรียมตัวโบกมือลาใบหน้าที่เคยขาวใสไปได้เลย สำหรับในวันนี้ คุณสาวๆ ที่ไม่อยากให้หน้าขาวเนียนกลายเป็นอดีต ขอแนะนำให้ควรปฏิบัติตัวตาม “กฎเหล็กการเตรีมผิวหน้าให้ขาว” เป็นประจำทุกวัน ดังต่อไปนี้

ขั้นตอนการบำรุงผิวหน้าที่ควรปฏิบัติเป็นประจำทุกวัน

1. ควรล้างหน้าเป็นประจำทุกวันในตอนเช้าและตอนเย็น ซึ่งเป็นการช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผิวเกิดการตื่นตัว ทำให้ผิวเกิดความสดชื่นเปล่งปลั่ง

2. ควรควบคุมการรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ ในแต่ละมื้อควรรับประทานอาหารให้ได้โภชนาการที่ครบถ้วน หรืออย่างน้อยในแต่ละมื้อก็ควรที่จะมีผักหรือผลไม้อยู่เป็นจำนวนครึ่งหนึ่งของอาหารที่ได้รับ ซึ่งผักผลไม้จะมีประโยชน์ในการช่วยทำให้ผิวขาวดูเปล่งปลั่งมากยิ่งขึ้น

3. ควรออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ หรือการทำกิจกรรมต่างๆที่จะช่วยทำให้ร่างกายได้มีโอกาสในการขยับยืดเส้นยืดสายเผาผลาญอาหารที่ได้รับ ซึ่งยังเป็นการกระตุ้นการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิตและกล้ามเนื้อ อย่างน้อยวันละ 15-30 นาที เช่น การเดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ เป็นต้น

4. ควรพักผ่อนให้เพียงพอ และอย่านอนดึก ทั้งสองสิ่งนี้เป็นศัตรูตัวร้ายที่จะทำให้ผิวเกิดริ้วรอยและรอบหมองคล้ำขึ้นบนผิวหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอยดำที่เกิดขึ้นบริเวณใต้ตา หรือที่คุณสาวๆเรียกกันติดปากว่า “หมีแพนด้า” นั่นเอง

5. ควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว แต่ควรดื่มโดยใช้วิธีการจิบทีละเล็กน้อยบ่อยๆในระหว่างวัน เพราะหากดื่มน้ำรวดเดียวในปริมาณมากๆจะทำให้ร่างกายเกิดการขับน้ำออกไปมากเช่นกัน ซึ่งส่งผลให้ร่างกายต้องการน้ำเพิ่มเติมในส่วนที่สูญเสียไป จนอาจทำให้เกิดภาวะขาดสมดุลของน้ำในร่างกายขึ้น

6. ควรพยายามหลีกเลี่ยงจากแสงแดด เพราะรังสียูวีเป็นศัตรูตัวร้ายที่จะทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำแห้งเสียได้มากเป็นอันดับ 1 ของมลภาวะที่ต้องพบในชีวิตประจำวัน ดังนั้นควรที่จะหมั่นทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันถึงแม้ว่าแสงแดดจะไม่แรงมากก็ตาม

7. ควรกำจัดและควบคุมความเครียด ความเครียดจะส่งผลทำให้ใบหน้าเกิดริ้วรอยและความหมองคล้ำได้มากอย่างที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว หลายๆคนอาจจะมองว่าความเครียดเป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้

แต่ในความเป็นจริงแล้วเราสามารถควบคุมมันได้ โดยการเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองไปยังกิจกรรมอื่นๆ เช่น การอ่านหนังสือ การดูหนัง การหางานอดิเรกทำ เป็นต้น การหาอะไรทำไม่ปล่อยให้ตัวเองฟุ้งซ่าน จมอยู่กับความเครียด เป็นการช่วยผ่อนคลายความเครียดด้วยตัวเองได้อย่างง่ายๆ

พฤติกรรมทำลายผิวหน้าที่ห้ามทำโดยเด็ดขาด

1. ห้ามสูบบุหรี่โดยเด็ดขาด เพราะการสูบบุหรี่จะเป็นการทำร้ายผิวหน้า และเพิ่มริ้วรอยเหี่ยวย่นให้มากยิ่งขึ้น

2. อย่าเข้านอนโดยไม่ล้างเครื่องสำอางออกจากใบหน้าโดยเด็ดขาด ควรทำความสะอาดผิวโดยการใช้คลีนเซอร์ให้สะอาด หรือชำระล้างเอาน้ำมันส่วนเกินของผิวออกจากใบหน้าทุกครั้งก่อนนอน เพื่อไม่ให้เกิดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียบนผิวหน้า เพราะนอกจากจะทำให้สุขภาพของผิวหน้าไม่ดีแล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสให้บรรดาเหล่าสิวยกพวกกันมาบุกใบหน้าอีกด้วย

3. อย่าเสี่ยงกับการแกะสิว ซึ่งอาจจะเป็นการทำให้เกิดการติดเชื้อแพร่กระจายออกไปในวงกว้างมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อการทำให้เกิดริ้วรอยหมองคล้ำ และหลุมสิวขึ้นบนใบหน้าอีกด้วย

ถ้าหากคุณสาวๆ สามารถปฏิบัติตัวตามกฎเหล็กดังที่ได้กล่าวมาโดยเคร่งครัดแล้ว เพียงแค่ในระยะเวลาไม่เกิน 4 สัปดาห์ คุณสาวๆก็จะสามารถที่จะสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของผิวหน้า จากที่เคยเต็มไปด้วยริ้วรอย แห้งกร้าน หรือรอยหมองคล้ำ กลายเป็นใบหน้าที่มีความขาวเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

เคล็ดลับ การเสริมใบหน้าให้ขาวเนียนขึ้นจากภายใน
นอกกฎเหล็กในการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์เหล่านี้ควบคู่ไปกับการดูแลป้องกันผิวหน้าภายนอกอย่างเหมาะสมในแต่ละวัน ซึ่งจะทำให้ผิวของคุณสามารถขาวเนียนสวยขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติได้แล้ว  สำหรับคนที่ต้องการจะมีใบหน้าที่ขาวเนียนมากขึ้น ก็สามารถที่จะเสริมได้ด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์ หรืออาหารเสริมที่มีแร่ธาตุที่ช่วยในการบำรุงผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งหนึ่งในสุดยอดสารอาหารเหล่านี้ หนึ่งในนั้นที่เป็นที่รู้จัก และได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในเรื่องของประสิทธิภาพก็ได้แก่ “วิตามินซี” นั่นเอง โดยคุณสาวๆสามารถที่จะได้รับวิตามินซีอย่างง่ายๆ จากผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว แต่อย่างไรก็ตาม วิตามินซีที่ได้ผ่านทางอาหารนั้น ร่างกายก็สามารถดูดซึมได้น้อย ดังนั้นใครที่ต้องการได้รับสรรพคุณแบบเต็มๆของวิตามินซี ก็อาจจำเป็นที่จะต้องทานวิตามินซีในรูปแบบอาหารเสริม ด้วยนั่นเอง

 

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

แชร์ประสบการณ์เคล็ดลับหน้าใสด้วยว่านหางจระเข้

สมุนไพรไทยมีหลายชนิดที่มีคุณสมบัติที่ช่วยในการบำรุงผิวพรรณ ทำให้ผิวหน้าสดใส เปล่งปลั่ง ขาวเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่ง “ว่านหางจระเข้” เองก็เป็นหนึ่งในสมุนไพรที่มีคุณสมบัติดังกล่าวอยู่อย่างครบถ้วน แต่มักที่จะถูกคุณสาวๆหลายๆคนมองข้าม หรือเกิดความกลัวไม่กล้าที่จะนำมาใช้กับผิวหน้า เพราะไม่รู้ว่าควรที่จะนำมาใช้อย่างไรจึงจะถูกวิธี? อันตรายกับผิวหน้าหรือเปล่า? ได้ผลมากน้อยเพียงใด?   

สำหรับในวันนี้เลยจะขอพาคุณสาวๆที่ยังกล้าๆ กลัวๆ ไปเจาะลึกถึงเจ้าสมุนไพรชนิดนี้กัน ว่าทำไมคุณสาวๆ คนอื่นๆ ที่ได้ทดลองใช้ จึงได้มีการแชร์ผลตอบรับที่ดีเยี่ยมถึงประสิทธิภาพของเจ้าว่านหางจระเข้ ในการบำรุงผิวหน้าให้ใสกันอย่างแพร่หลายบนโลกไซเบอร์

ว่านหางจระเข้ช่วยทำให้หน้าใสได้อย่างไร?

ว่านหางจระเข้ มีคุณสมบัติช่วยทำให้กระบวนการเมตะโบลิซึมของร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ ลดการติดเชื้อ สลายสารพิษของเชื้อโรค กระตุ้นให้เนื้อเยื่อของผิวหนังที่ชำรุดเกิดการสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่ ทำให้ริ้วรอย รอยด่างดำ รอยแผลเป็น รวมไปถึงหลุมสิวบนใบหน้าตื้นขึ้นและหายรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ช่วยทำให้ผิวหน้ากระจ่างใสมากขึ้น

นอกจากนี้ ว่านหางจระเข้ ยังช่วยรักษาผิวหน้าที่ถูกแดดเผาไหม้จนเกรียมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าหากนำว่านหางจระเข้ผสมเข้ากับโลชั่นแล้วทาลงบนผิวก็ยังมีคุณสมบัติในการป้องกันผิวไม่ให้ถูกแสงแดดเผาได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย

การเลือกว่านหางจระเข้ที่เหมาะสม

ควรเลือกว่านหางจระเข้ที่มีอายุ 1 ปี ขึ้นไป  ซึ่งจะเป็นช่วงที่เวลาที่ว่านหางจระเข้ทำการสะสมแร่ธาตุเอาไว้ภายในจนมีคุณสมบัติในการเป็นยาสมุนไพรอย่างเพียงพอ  โดยให้เลือกจากใบอวบโตที่อยู่ด้านล่างสุด ซึ่งจะมีมีวุ้นอยู่ภายในเป็นจำนวนมาก

การเตรียมว่านหางจระเข้ที่ถูกต้อง

นำว่านหางจระเข้ที่ตัดมาไปแช่น้ำก่อนทั้งเปลือกนอก ประมาณ 10-15 นาที แล้วทำการล้างเอาคราบยางสีเหลืองที่ติดมาออกให้หมดด้วยน้ำสะอาดผสมกับเกลือ และควรเปลี่ยนน้ำในขณะที่ทำการล้างหลายๆครั้ง เพราะถ้าหากล้างออกไม่หมดยางสีเหลืองเหล่านี้จะส่งผลให้ผิวหนังเกิดการระคายเคือง ทำให้เกิดความปวดแสบปวดร้อน หรือเป็นผื่นแดง

จากนั้นให้ทำการปอกเปลือกออกให้หมดจนเหลือเพียงวุ้นใสๆที่อยู่ภายใน แล้วนำวุ้นที่ได้นั้นไปทำการล้างน้ำให้สะอาดอีกครั้ง เมื่อนำวุ้นไปปั่นหรือใช้มือขยำจนละเอียดจะได้เจลว่านหางจระเข้สดๆ ซึ่งสามารถใช้ในการบำรุงผิวหน้าได้ดีมากกว่าผลิตภัณฑ์เจลว่านหางจระเข้ที่ผ่านการแปรรูปมาแล้ว

ข้อควรระวังในการใช้ว่านหางจระเข้ในการบำรุงผิวหน้า

1. สำหรับคุณสาวๆที่ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะเกิดอาการแพ้เมื่อใช้ว่านหางจระเข้ในการบำรุงผิวหน้า สามารถทำการทดสอบก่อน โดยการปอกเปลือกว่านหางจระเข้ออกแล้วนำน้ำที่ได้จากวุ้นสีขาวที่อยู่ภายในมาทาในบริเวณโคนหู หรือท้องแขน ทิ้งเอาไว้สักครู่

ถ้าหากมีอาการระคายเคือง รวมไปถึงเกิดผื่นเม็ดแดงขึ้น แสดงว่าแพ้ว่านหางจระเข้ หากไม่มีอาการอะไรเกิดขึ้นก็สามารถที่จะนำว่านหางจรtเข้ไปใช้ในการบำรุงผิวหน้าต่อไปได้ตามปกติ

2. คนที่มีสิวหัวหนองบนใบหน้าควรหลีกเลี่ยงการบำรุงโดยใช้ว่านหางจระเข้ เพราะว่านหางจระเข้จะทำให้สิวหายช้ามากกว่าปกติ

วิธีการใช้เจลว่านหางจระเข้เพื่อบำรุงหน้าใส

สำหรับวิธีการใช้เจลว่านหางจระเข้เพื่อบำรุงหน้าให้ใสนั้นมีอยู่หลายวิธี ขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาพผิวของคุณสาวๆแต่ละคน โดยมีวิธีการใช้เจลว่านหางจรเข้ดังต่อไปนี้

1. สูตรพอกหน้าสำหรับคนที่ผิวมัน เริ่มจากการล้างหน้าให้สะอาด แล้วเช็ดหน้าให้แห้ง จากนั้นนำเจลสดที่เตรียมเอาไว้มาพอกให้ทั่วใบหน้า ยกเว้นรอบๆดวงตาและรอบๆปาก ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด

2. สูตรพอกหน้าสำหรับคนที่ผิวแห้ง ควรผสมว่านหางจระเข้เข้ากับน้ำมันมะกอกและไข่แดงให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำไปพอกให้ทั่วใบหน้า ยกเว้นรอบๆดวงตาและรอบๆปาก ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด

3. สูตรพอกหน้าช่วยให้ผิวกระจ่างใส และลดความมันบนใบหน้า โดยนำเจลว่านหางจระเข้ 1 ช้อนโต๊ะ ดินสอพอง 1 ช้อนโต๊ะ นมสด 1.5 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากันแล้วนำไปพอกให้ทั่วใบหน้า ยกเว้นรอบๆดวงตาและรอบๆปาก ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด

สูตรการพอกหน้าโดยการใช้เจลว่านหางจระเข้สด ร่วมกับส่วนผสมชนิดอื่นๆที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณสาวๆแต่ละคนนั้น สามารถทำการพอกได้อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ถ้าหากทำการพอกหน้าเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอคุณสาวๆก็สามารถที่จะรู้สึกได้ถึงผิวหน้าที่ขาวเนียนสดใสมากขึ้นกว่าปกติ

 

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

Review: ครีมหอยทากหน้าเงา So Snail HD ดียังไง

ขึ้นชื่อว่า “หอยทาก” คุณสาวๆหลายๆคนที่จินตนาการตาม ถึงหอยทากที่มีเมือกลื่นๆห่อหุ้มตัว คงรู้สึกขยะแขยงจนต้องร้อง “ยี้” ออกมา และไม่ขอเข้าไปลองสัมผัสโดยเด็ดขาดๆ แต่ถ้าหากได้ลองอ่านบทความรีวิวชิ้นนี้จนจบ เชื่อว่าคุณสาวๆ หลายคนอาจจะเปลี่ยนความคิดจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยก็ได้

หลายๆ คนอาจจะไม่ทราบว่า ในน้ำเมือกของหอยทากที่หลายๆ คนไม่พิสมัยนั้น กลับมีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยปรับสภาพผิวให้ขาวเนียนชุ่มชื้น ขาวกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดรอยเหี่ยวย่น รอยหยาบกร้าน รวมไปถึงการช่วยรักษาอาการบาดเจ็บและฟื้นฟูผิวหนังที่ถูกทำลายไป ผลลัพธ์ที่ได้คือการที่เจ้าเหล่ารอยแผลเป็น หรือหลุมสิวทั้งหลายที่ทำให้ผิวของคุณสาวๆ ดูไม่เนียนนั้นจะหายรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

รีวิวครีมหอยทากหน้าเงา So Snail HD

ซึ่งหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ได้หยิบเอาคุณสมบัติพิเศษของน้ำเมือกหอยทากเข้ามารวมเอาไว้กับครีมหน้าเงา จนกระทั่งกลายมาเป็นผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงผิวที่น่าสนใจแบบ 2 in 1 ที่ช่วยฟื้นฟูดูแลสุขภาพของผิว ไปพร้อมกับช่วยทำให้ใบหน้าขาวกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ภายใต้แบรนด์สินค้า ที่รู้จักกันในชื่อ So Snail HD หรือ  “ครีมหอยทากหน้าเงา” ซึ่งเป็นครีมที่มีส่วนผสมนำเข้าจากประเทศเกาหลี

รีวิวผลตอบรับจากคนเคยใช้ ครีมหอยทากหน้าเงา So Snail HD

ครีมหอยทากหน้าเงา So Snail เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่ได้รับการรีวิวตอบรับจากคุณสาวๆที่เลือกใช้กันอย่างล้นหลาม โดยส่วนใหญ่แล้วต่างให้การยอมรับว่า เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้เห็นผลในเรื่องของความขาวใส ตึงกระชับ

อีกทั้งยังช่วยในการลดรอยสิว จุดด่างดำให้ดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนเนื้อครีมเองก็ซึมซับลงสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วไม่เหนียวเหนอะหนะ นอกจากนี้ยังช่วยทำให้หนังตาที่เหี่ยวตึงขึ้น ซึ่งช่วยทำให้การแต่งหน้าบริเวณหนังตาติดทนนานและเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น

สำหรับวิธีการใช้ ครีมหอยทาก So Snail HD ก็แสนง่าย คุณสาวๆเพียงแค่ทาครีมหลังจากที่ล้างหน้าเสร็จ พร้อมกับนวดให้ทั่วใบหน้า เนื้อครีมก็จะซึมซับลงสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม คุณสาวๆ บางคนที่ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ So Snail บางคนมีมีความเห็นที่แตกต่างว่า เมื่อใช้แล้ว สิวอุดตันบนใบหน้ามีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากการบำรุงผิวมากจนเกินไปโดยการทาครีมที่หนาจนเกินความพอดี จะทำให้แบคทีเรียบนผิวหน้ามีอาหารบำรุงมากจนเกินไปจนทำให้เกิดสิวอุดตันขึ้น ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยการทาครีมให้บางลง

โดยสรุปแล้ว ครีมหอยทากหน้าเงา So Snail เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว ช่วยดูแลสุขภาพผิวให้ดีขึ้น และยังช่วยในการฟื้นฟูซ่อมแซมผิวหนังที่ถูกทำลาย ซึ่งผลผล็อยได้จากการฟื้นฟูผิวหนังทำให้ผิวหนังชุดใหม่ขาวขึ้น รวมไปถึงร่องรอยแผลเป็นปัญหากวนใจจากหลุมสิวก็พลอยหมดไปด้วย

Review Pantip ครีมมาร์กหน้าขาวใส Yutaa Hada Turbo Facial Mask

เนื่องจาก สภาพของสังคมที่ต้องเร่งรีบแข่งขันกับเวลาและการเดินทาง บวกกับมลภาวะมากมายที่ได้พบในระหว่างวันนั้น ได้ทำลายผิวหนังที่บอบบางบนใบหน้าของคุณสาวๆ ให้เกิดความริ้วรอยหมองคล้ำ อ่อนล้า ทรุดโทรม ไม่สดชื่น และไร้ชีวิตชีวา จนทุกครั้งที่มองกระจก คุณสาวๆบางคนอาจจะถึงขนาดรับไม่ได้กับสภาพผิวของตัวเอง และอยากที่จะรีบบำรุงปรับสภาพผิวให้กลับมาขาวเนียนเหมือนเดิม

สำหรับในวันนี้ เพื่อช่วยคุณสาวๆ ที่ต้องการให้ผิวกลับมาขาวใส ดูมีออร่า จึงอยากที่จะหยิบยกเอาผลิตภัณฑ์ใหม่ตัวหนึ่งที่มีประสิทธิภาพดังกล่าวครบถ้วนขึ้นมาแนะนำให้รู้จักกัน เพื่อเป็นข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจหากคุณสาวๆต้องการที่จะซื้อหามาใช้ เพราะครีมมาร์กหน้ากระปุกหนึ่งราคาไม่ใช่ถูกๆ

Yutaa Hada Turbo Facial Mask เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ครีมมาร์กหน้าขาวใส ที่มีส่วนประกอบหลักของครีมจากธรรมชาติหลายชนิดที่นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น โดยครีมมาร์กหน้า Yutaa Hada Turbo Mask จากคำโฆษณาของทางต้นสังกัดแล้ว

Yutaa Hada Turbo Mask มีคุณสมบัติที่สามารถช่วยฟื้นฟูสภาพผิวอย่างเร่งด่วน ทำให้หน้าของคุณสาวๆขาวขึ้นอย่างมีออร่าอย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังช่วยทำให้ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น ลดรอยสิว รอยแผลเป็นจากสิว และยังช่วยลดความหยาบกร้านของผิวหน้าอีกด้วย

สำหรับวิธีการใช้ครีมมาร์กหน้า Hada Turbo Mask ก็แสนง่าย เพียงแค่ทำการทามาร์กหน้าทิ้งเอาไว้ให้แห้งแล้วเข้านอนโดยไม่ต้องล้างออก หลังจากเมื่อตื่นนอนให้ล้างออก ใช้เป็นประจำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เท่านั้น

เมื่อได้เห็นคำโฆษณาแล้ว เชื่อว่าคุณสาวๆหลายๆคนก็คงอยากที่จะลองซื้อหาครีมมาร์กหน้า Hada Turbo Mask มาทดลองใช้บ้าง แต่ก่อนที่จะซื้อนั้นคุณสาวๆ ควรลองหยั่งเชิงรับฟังเสียงสะท้อนจากผู้ที่เคยลองใช้มาก่อนว่าได้ผลเป็นอย่างไรกันบ้าง?

รีวิวผลตอบรับผู้ใช้ Yutaa Hada Turbo Facial Mask จาก Pantip และ Jeban

สำหรับผลตอบรับของผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ครีมมาร์กหน้า Hada Turbo Mask โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นไปในทิศทางเดียวกันคือ เมื่อใช้แล้วพบว่าครีมมาร์กหน้า Hada Turbo Mask ช่วยทำให้ผิวหน้ามีความชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น ผิวหน้าใสมากขึ้นขาวอมชมพูมากยิ่งขึ้น  และยังได้รับผลตอบรับที่ดีจากกลุ่มของคุณสาวๆที่มีปัญหาเรื่องสิวบนใบหน้าว่าอ่อนโยนกับใบหน้า เมื่อใช้แล้วไม่มีอาการแพ้หรือสิวอักเสบเกิดขึ้น

นอกจากนี้ ครีมมาร์กหน้า Hada Turbo Mask ยังได้รับการคอนเฟิร์มจาก “หญิงแย้” นนทพร ธีระวัฒนสุข พริตตี้สาวชื่อดังของประเทศไทย ว่าเป็นครีมมาร์กหน้าที่ช่วยให้ใบหน้าขาวเนียนดูมีออร่ามากยิ่งขึ้น

เมื่อได้รับฟังผลตอบรับในด้านดีไปแล้ว คราวนี้จะลองพาคุณสาวๆมารับฟังข้อมูลจากผลตอบรับหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ ครีมมาร์กหน้า Hada Turbo Mask ในอีกด้านหนึ่งกันบ้าง คุณสาวๆบางคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ให้ความเห็นว่าแม้ ผิวหน้าจะมีสภาพที่ดีขึ้น เรียบเนียนมากขึ้น แต่ก็ทำให้เกิดอาการสิวอุดตันขึ้นได้เช่นกัน

นอกจากนี้ผิวหน้าอาจจะเกิดความมันขึ้นบ้างในช่วงตอนกลางวัน บางครั้งเมื่อทำการล้างหน้าหลังจากที่ใช้จะเกิดรู้สึกว่าล้างออกได้ยากมากกว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆ และเรื่องของราคาที่สำหรับคุณสาวๆบางคนอาจจะมองว่าแพงเอาการทีเดียว

โดยสรุปแล้ว ครีมมาร์กหน้า Hada Turbo Mask เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมือนกับอาหารบำรุงผิวที่ช่วยคืนความชุ่มชื้น และให้สารสกัดจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการช่วยบำรุงฟื้นฟูผิว ส่วนจะได้ผลมากน้อยเพียงใดนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับสภาพผิวของคุณสาวๆ แต่ละคนที่มีความแตกต่างกันออกไป

สำหรับคนที่ต้องการซื้อผลิตภัณฑ์ครีมมาร์กหน้า Hada Turbo Mask มาใช้ ควรตรวจสอบผลิตภัณฑ์ก่อนซื้อให้ดีเสียก่อน  เพื่อความมั่นใจว่าไม่ใช่ของปลอม เพราะในปัจจุบันได้มีพ่อค้าแม่ค้าหัวใสได้พยายามลอกเลียนแบบผลิตภัณฑ์ดังๆ หลายยี่ห้อ โดยสอดใส่ครีมกวนเองซึ่งมีราคาถูกเอาไว้ข้างในเพื่อหวังฟันกำไรมากขึ้น

อย่างน้อยที่สุด การตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์บำรุง ก็ควรที่เลือกซื้อจากตัวแทนจำหน่ายที่มีความน่าเชื่อถือที่มั่นใจได้ว่าจะไม่นำสินค้าย้อมแมว เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพผิวหน้าของตัวคุณเอง

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

รวมสูตรพอกหน้าจากธรรมชาติสำหรับกำจัดสิว ลดรอยแดง

สำหรับคุณสาวๆ ที่มีปัญหาในเรื่องของสิว ไม่ว่าจะเป็นสิวเสี้ยน สิวอักเสบ สิวหัวหนอง สิวหัวช้าง ฯลฯ เชื่อว่าคุณสาวๆทุกคนคงอยากที่จะทำการกำจัดเจ้าสิวที่เป็นปัญหากวนใจให้ออกไปจากใบหน้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้

สำหรับคุณสาวๆ ที่เคยทดลองวิธีการรักษาสิวมาหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาแต้มสิว ทานยา หรือแม้แต่ไปพบแพทย์ตามสถาบันเสริมความงามมาแล้วยังไม่เห็นผลลัพธ์ในการกำจัดสิวที่น่าพอใจนั้น

สำหรับในวันนี้ อยากจะให้คุณสาวๆได้ทดลองกับอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยกำจัดสิว ไปพร้อมกับช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวของคุณสาวๆ วิธีที่การดังกล่าวที่กำลังจะกล่าวถึงต่อไปนี้คือ “การพอกหน้า” นั่นเอง

รวมสูตรพอกหน้าสำหรับคนที่เป็นสิวโดยเฉพาะ

เมื่อกล่าวถึง “การพอกหน้า” คุณสาวๆ คงจะคิดไปถึงวิธีการบำรุงผิวพรรณให้ขาวใส หรือการคืนความเยาว์วัย ความชุ่มชื้นให้กับผิว แต่ที่จริงแล้วการพอกหน้ามีประโยชน์มากกว่านั้นมากนัก

การพอกหน้าบางสูตรที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติมีคุณสมบัติในการช่วยรักษาสารพัดปัญหาสิวบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งในวันนี้จะขอพาไปรู้จักกับสูตรพอกหน้า สำหรับคนที่เป็นสิวโดยเฉพาะ ดังต่อไปนี้

1. สูตรกล้วยหอม+น้ำมะนาว เป็นสูตรที่ช่วยลดความมันของผิว ไม่เหมาะกับคนที่ผิวแห้ง เพราะจะยิ่งทำให้ผิวแห้งมากยิ่งขึ้น นำกล้วยหอม 1 ลูก น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ปั่นผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้ไปทำการพอกหน้าประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

            2. สูตรแตงกว่า+ไข่ขาว ช่วยลดความมันส่วนเกินและกระชับรูขุมขน นำแตงกว่า 1 ผล ไข่ขาว 1 ฟอง และนาว 1 เสี้ยว ผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้ไปทำการพอกหน้าประมาณ 20นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

            3. สูตรดินสอพอง+ขมิ้นชัน ช่วยบรรเทาอาการอักเสบของสิวและบำรุงผิว นำดินสอพอง 2-3 เม็ด ขมิ้นผง 2 ช้อนชา และน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้ไปทำการพอกหน้าประมาณ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

            4. สูตรมะขามเปียก+นมสด ช่วยลดสิวอักเสบ สิวอุดตัน และสิวเสี้ยน นำเนื้อมะขามเปียกที่แยกเมล็ด เปลือก และกากออกแล้วประมาณ ½ ถ้วย ผสมกับนมสด 1/3 ถ้วย ผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้ไปทำการพอกหน้าประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

            5. สูตรมะเขือเทศ+น้ำมะนาว ช่วยป้องกันสิวและกระชับรูขุมขน นำมะเขือเทศไปปั่นหรือสับให้ละเอียดประมาณ ¾ ถ้วย ผสมกับน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ หรืออาจเติมน้ำเปล่าลงไปอีกเล็กน้อยเพื่อให้น้ำมะนาวเจือจางลง ผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้ไปทำการพอกหน้าประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

            6. สูตรข้าวโอ๊ต ช่วยในการป้องกันสิวและสมานแผล นำข้าวโอ๊ตประมาณ 1 กำมือ ผสมกับน้ำดื่มจนนิ่ม แล้วนำมาขัดวนเบาๆให้ทั่วใบหน้าเป็นประจำทุกเช้าเย็น

            7. สูตรไข่แดง ช่วยในการกำจัดสิ่งสกปรกอุดตันในรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิวขึ้นบนใบหน้า นำไข่แดงตีให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้ไปทำการพอกหน้าประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

            8. สูตรโยเกิร์ตรสธรรมชาติ ช่วยในการต่อต้านสิวผด นำโยเกิร์ตรสธรรมชาติมาทาลงบนใบหน้า ทำการนวดเบาๆให้ทั่วใบหน้า แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

            9. สูตรหอมแดง ช่วยในการรักษาสิวอักเสบให้ยุบตัวลงอย่างเป็นธรรมชาติ นำหอมแดงประมาณ 1 หัว มาสับให้ละเอียด หรือฝานเป็นแว่นบางๆ แล้วนำไปวางลงบนหัวสิว หรือบริเวณที่เป็นสิวอักเสบ

            10. สูตรถั่วเขียวต้มสุก เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องสิวเสี้ยน กระ ฝ้า จุดด่างดำ และริ้วรอยต่างๆ นำถั่วเขียวไปต้มให้สุกประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ สตอเบอรี่ผลโต 2 ผล หรือถ้าเป็นผลเล็ก ให้ใช้จำนวน 4 ผล นมเปรี้ยว ½ ช้อนโต๊ะ ปั่นหรือบดขยี้ผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้ไปทำการพอกหน้าประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด  

11. สูตรไข่ขาว เหมาะสำหรับการรักษา และลอกสิวเสี้ยนออกจากใบหน้า นำไข่ขาวมาทาลงบนใบหน้า เพื่อประสิทธิภาพที่มากขึ้นก่อนทำการทาไข่ขาว ควรนำหน้าไปอังกับไอน้ำหรือล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นเพื่อให้รูขุมขนเปิดกว้างขึ้นก่อน หลังจากทาไข่ขาวลงไปแล้วให้นำกระดาษเช็ดหน้าแปะลงไปให้ทั่วใบหน้า ปล่อยทิ้งเอาไว้สักพักให้กระดาษเช็ดหน้าแห้ง แล้วลอกออกอย่างเบามือ

            12. สูตรทานาคาผง ช่วยในการรักษารอยดำจากสิว กำจัดสิวผด ลดสิว นำทานาคาผง (แป้งพม่า) 2 ช้อนชา น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนชา และนมสดรสธรรมชาติ 2 ช้อนชา ผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้ไปทำการพอกหน้าประมาณ 15-30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

            13. สูตรแอปเปิ้ล ช่วยในการรักษาสิว นำแอปเปิ้ลเขียวหรือแดงก็ได้ประมาณ ½ ลูก มาบดเอาน้ำ แล้วนำน้ำที่ได้ไปผสมกับน้ำผึ้ง หรือโยเกิร์ต 1 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้ไปทำการพอกหน้าประมาณ 5 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

            14. สูตรสับปะรด เหมาะสำหรับผู้ที่มีใบหน้ามัน ช่วยลดความมันบนใบหน้า กำจัดสิ่งอุดตัน พร้อมกับช่วยผลัดเซลล์ผิวให้ขาวเนียนมากขึ้น นำสับปะรด ¼ ลูกปั่นผสมเข้ากับแตงกว่า 1 ลูก และวุ้นว่านหางจระเข้ ผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้ไปทำการพอกหน้าประมาณ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

            15. สูตรนมเปรี้ยว เหมาะกับผู้ที่มีผิวหน้ามัน ช่วยในการกำจัดและควบคุมความมันบนใบหน้า นำนมเปรี้ยวที่แช่เย็นจัดมาทำการพอกหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 15 นาที แล้วใช้ผ้าขนหนูนุ่มๆ เช็ดออก

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

สิ่งที่ควรรู้ ก่อนการตัดสินใจพอกหน้าขาว

คุณสาวๆ หลายคน คงชอบที่จะทำการรักษาผิวพรรณของตัวเองให้ขาวเนียนด้วยวิธีการพอกหน้า บางคนอาจจะถึงกับเข้าขั้นเซียนในการพอกหน้าชนิดที่ว่ามีสูตรการพอกหน้าทั้งจากวิธีธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์สำหรับพอกหน้าแบบทีเด็ดเก็บสะสมอยู่ในสต็อกมากมาย

ในความเป็นจริงแล้ว การพอกหน้า นั้นมีทั้งข้อดี และข้อเสีย ที่คุณสาวๆ อาจจะไม่ทราบ ซึ่งในวันนี้จะขอพาไปรู้จักกับสิ่งที่คุณสาวๆ ควรรู้ ก่อนการตัดสินใจพอกหน้าว่ามีอะไรบ้าง?

ประโยชน์ของการพอกหน้า

การพอกหน้า มีประโยชน์ต่อผิวพรรณในหลายๆ ด้าน เช่น การพอกหน้าช่วยดูดซึมซับเอาสิ่งสกปรกรวมไปถึงไขมันส่วนเกินที่อยู่ตามรูขุมขนออกไป ทำให้ใบหน้ามีความสะอาดมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง ทำให้ผิวใบหน้ากระชับ มีน้ำมีนวล อีกทั้งยังช่วยลบเลือนรอยหมองคล้ำ แต่ที่สำคัญที่สุดและเป็นเหตุผลที่คุณผู้สาวๆ เลือกใช้วิธีพอกหน้าในการรักษาผิวพรรณ เป็นเพราะการพอกหน้าช่วยให้ใบหน้าขาวเนียนใสขึ้นได้นั่นเอง

การเลือกผลิตภัณฑ์หรือสูตรจากพอกหน้าจากธรรมชาติให้เหมาะสมกับตนเอง

           การเลือกผลิตภัณฑ์ในการพอกหน้า หรือสูตรจากการพอกหน้าจากธรรมชาติ คุณสาวๆ ควรทำการพิจารณาถึงสภาพผิวของตัวเอง เพื่อที่จะได้ทำการเลือกวิธีการพอกหน้าที่เหมาะสมกับสภาพผิวของตัวเองเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และยังเป็นการช่วยลดโอกาสเกิดอันตรายต่อผิว โดยสามารถพิจารณาสภาพผิวได้อย่างกว้างๆ ดังต่อไปนี้

1. ผิวมัน มีสิว ควรเลือกครีมพอกหน้าที่ช่วยในการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวอย่างเป็นธรรมชาติ ที่มีส่วนประกอบของ AHA หรือ AHB หรือส่วนประกอบของพืชธรรมชาติ เช่น แตงกวา ชาเขียว สารสกัดชา เกล็ดรำข้าว รวมไปถึงครีมพอกหน้าที่มีคุณสมบัติในการแทรกตัวเข้าไปเพื่อยับยั้งการขับน้ำมันส่วนเกินจากในเซลล์ผิว หรือ Sebum ที่คั่งค้างอยู่ตามรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความระคายเคือง และการอักเสบของสิวขึ้น

            2. ผิวแห้ง ควรเลือกใช้ครีมพอกหน้าที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิว เช่น น้ำมัน น้ำผึ้ง ว่านหางจระเข้ ใบบัวบก สาหร่าย เป็นต้น

3. ผิวบอบบางแพ้ง่าย ควรเลือกครีมพอกหน้าที่มีส่วนผสมของชาเขียว คาโมมายล์ ใบบัวบก วิชซ์ฮาเซล สาหร่าย เป็นต้น

4. ผิวที่มีปัญหาเรื่องฝ้า จุดด่างดำ ควรเลือกครีมพอกหน้าที่มีส่วนผสมของวิตามินซี ซึ่งจะช่วยทำให้สุขภาพของผิวดีขึ้น และช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ฝ้า กระ ให้จางลงอย่างเป็นธรรมชาติ

5. ผิวที่มีริ้วรอย ควรเลือกครีมพอกหน้าที่ช่วยเสริมสร้างให้เซลล์ผิวมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น หรือมีส่วนผสมของคอลลาเจน ซึ่งจะช่วยในการลบเลือนริ้วรอบ ทำให้ผิวเรียบเนียน ไร้ริ้วรอย

ความถี่ที่เหมาะสมในทำการพอกหน้าขาว

ถ้าหากเป็นครีมพอกหน้าที่มีจุดประสงค์เพื่อให้ความชุ่มชื้นกับผิวหน้า ก็สามารถที่จะทำการพอกหน้าได้ทุกวันโดยที่ไม่มีอันตราย ส่วนครีมพอกหน้าสำหรับช่วยทำให้ผิวขาว หรือช่วยลดความมันของใบหน้า สามารถทำได้ประมาณ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

ข้อควรระวังในการพอกหน้า

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วในตอนต้นว่าการพอกหน้านั้นมีทั้งข้อดี และข้อเสีย ซึ่งข้อเสียที่คุณสาวๆควรให้ความสนใจพึงระวังเอาไว้เมื่อต้องทำการพอกหน้า เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพผิว โดยข้อควรระวังมีดังต่อไปนี้

1. ผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ก่อนที่จะทำการพอกหน้าขาว ควรทำการทดสอบก่อนว่าผิวของตัวเองนั้นมีอาการแพ้ครีมพอกหน้าหรือไม่ โดยการทดลองกับผิวหนังส่วนด้านในของข้อพับแขน ทำการพอกทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น หากภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากการพอกแล้วไม่เกิดอาการผิดปกติ เช่น อาการแสบ คัน ระคายเคือง ผื่นแดง ตุ่มคัน เป็นต้น ก็สามารถที่จะใช้ครีมดังกล่าวไปทำการพอกหน้าได้

2. ในขณะที่พอกควรเว้นบริเวณดวงตาและปากเอาไว้เสมอ ไม่ควรทำการพอกหน้าทับทั้งสองจุดดังกล่าวโดยเด็ดขาด เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีความบอบบางสูง เพราะในส่วนผสมของครีมพอกหน้าอาจจะมีสารที่ทำให้เกิดความระคายเคืองได้

3. การพอกหน้าบ่อยจนเกินไปมีแต่ข้อเสีย การพอกหน้า โดยสูตรที่มีส่วนของผสมจาก AHA หรือ AHB เป็นการช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้ออกไป ถ้าหากทำการพอกหน้าบ่อยจนเกินไปก็จะทำให้ผิวของเรานั้นบางลง ทำให้ผิวเกิดความไวต่อแสงมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงยังทำให้เกิดความระคายเคืองต่อผิว

ดังนั้นควรทำการพอกหน้าเพียง 1-2 ครั้ง ต่อสัปดาห์ แต่ในกรณีที่เป็นการพอกหน้าเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว ไม่ใช่การผลัดเซลล์ผิวเพื่อให้ผิวขาวขึ้นนั้น สามารถทำการพอกหน้าได้เป็นประจำทุกวันโดยที่ไม่มีผลเสียอะไร

            4. ควรทำความสะอาดใบหน้าทุกครั้งก่อนการพอกหน้า เพราะถ้าหากไม่ทำความสะอาดก่อนการพอกหน้าลงไปเลยทั้งแบบนั้น อาจจะกลายเป็นการให้อาหารเชื้อแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในรูขุมขนจากส่วนผสมของครีมพอกหน้าโดยที่คุณสาวๆไม่ทันรู้ตัว โดยเฉพาะการพอกด้วยไข่ขาว ซึ่งจะทำให้แบคทีเรียยิ่งมีการขยายตัวมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้การไม่ทำความสะอาดใบหน้าก่อนการพอกหน้า ยังทำให้ประสิทธิภาพในการพอกหน้าลดลง เนื่องจากเนื้อครีมไม่สามารถซึงลงสู่ชั้นผิวหนังได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากมีคราบสกปรกขวางทางอยู่

5. ควรทำความสะอาดใบหน้าหลังจากที่ทำการพอกหน้าทุกครั้ง เพราะถ้าหากไม่ทำความสะอาดใบหน้าหลังจากการพอกหน้าให้ดี หรือปล่อยให้ครีมพอกติดอยู่กับใบหน้าแบบนั้นนานๆ หรือทิ้งเอาไว้ข้ามคืน จะเป็นการทำให้ผิวหยาบแห้งกร้านขึ้น

6. ในขณะที่ทำการพอกควรปล่อยให้ครีมพอกแห้งเองตามธรรมชาติ ไม่ควรทำการเร่งให้ครีมพอกแข็งตัวเร็วขึ้น เช่น การเป่าด้วยเครื่องเป่าแห้ง พัดลม เป็นต้น ควรปล่อยให้เกิดการแห้งไปตามปกติ เพราะจะทำให้ผิวได้ดูดซับรับประโยชน์ในการบำรุงผิวจากส่วนผสมในครีมพอกหน้าได้อย่างเต็มที่

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

สูตรพอกหน้าใสไร้สิว ลดริ้วรอย ด้วยวิธีธรรมชาติ ทำอย่างไร

ผิวขาวกระจ่างใสมีออร่า เปล่งประกายดุจไข่มุกสีน้ำนม คือ สุดยอดแห่งผิวหน้าที่คุณสาวๆ ใฝ่ฝันอยากที่จะครอบครอง เพราะสุขภาพผิวที่ดีและสวยงาม ช่วยให้คุณสาวๆ สามารถที่จะพิชิตใจหนุ่มๆ ที่ตัวเองปลื้มได้อย่างไม่ยาก อีกทั้งยังเป็นการช่วยเสริมเสน่ห์ให้กับตัวคุณสาวๆ ให้รู้สึกมั่นใจเวลาที่ต้องไปเข้าสังคมอีกด้วย เรียกได้ว่าใบหน้าที่ขาวสวยใสนั้น ช่วยให้คุณสาวๆ มีชัยในการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างไม่ยากเย็น

แต่ก่อนที่จะได้มาซึ่งผิวที่ขาวดังไข่มุกนั้น คุณสาวๆ ก็ต้องหมั่นดูแลรักษา พร้อมกับบำรุงผิวพรรณของตัวเองให้ดี “การพอกหน้าใส” ก็เป็นอีกหนึ่งในวิธีการที่จะช่วยทำให้ใบหน้าของคุณสาวๆ ขาวใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ แถมยังเป็นวิธีการที่สามารถทำได้อย่างง่ายๆ ที่บ้านอีกต่างหาก

เมื่อรู้แบบนี้แล้วจะรอช้าอยู่ทำไม วันนี้เรารีบไปรู้จักกับวิธีการพอกหน้าใสจากสูตรธรรมชาติกันเลยดีกว่า ว่ามีสูตรอะไรกันบ้าง…!?

สูตรพอกหน้าใสจากวิธีธรรมชาติ

สูตรพอกหน้าใส ที่กำลังจะนำเสนอต่อไปนี้ เป็นส่วนผสมที่เรียบง่าย แต่การที่จะพอกหน้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด คุณสาวๆ ก็ควรที่จะทำตามเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง และอย่าพึ่งใจร้อน เพราะอยากสวยก็ต้องใช้เวลาและความอดทน เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง คุณสาวๆ จะสามารถสัมผัสได้ว่า ผิวของตัวเองใบหน้ามีความขาวเนียนใสมากขึ้น อีกทั้งส่วนผสมเหล่านี้ยังมาจากธรรมชาติ เพราะฉะนั้นจึงหมดห่วงในเรื่องผลกระทบจากสารเคมี หรืออันตรายต่อร่างกายอย่างแน่นอน

สำหรับสูตรพอกหน้าใสที่ได้รับความนิยม ซึ่งได้ทำการรวบรวมมา มีดังต่อไปนี้

1. สูตรน้ำผึ้ง+โยเกิร์ต นำน้ำผึ้งและโยเกิร์ตมาผสมเข้าด้วยกัน แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาพอกลงบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
2. สูตรมะละกอสุก+นมสด นำมะละกอสุกและนมสดมาทำการผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาทำการพอกบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
3. สูตรน้ำมะพร้าว นำน้ำมะพร้าวมาทาบนใบหน้า เนื่องจากน้ำมะพร้าวสามารถช่วยทำให้ผิวนุ่มเนียน และชุ่มชื่นมากยิ่งขึ้น
4. สูตรกล้วยหอม+นมสด นำกล้วยหอมและนมสดมาผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาทำการพอกบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

            5. สูตรโยเกิร์ต นำโยเกิร์ตรสธรรมชาติมาพอกหน้า แล้วทิ้งเอาไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
6. สูตรดินสอพอง เป็นสูตรที่เหมาะกับคนหน้ามัน นำดินสอพองมาผสมกับน้ำเปล่า แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาทำการพอกบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
7. สูตรไข่ขาว นำไข่ขาวมาพอกที่หน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

            8. สูตรขมิ้น นำขมิ้นมาบดให้ละเอียดผสมน้ำเล็กน้อย แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาทำการพอกลงบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
9. สูตรแอปเปิ้ล นำแอปเปิ้ลประมาณครึ่งผล ปั่นให้ละเอียดโดยที่ไม่ต้องปอกเปลือก แล้วนำมาพอกบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 25 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

            10. สูตรแอปเปิ้ล+น้ำมะนาว นำแอปเปิ้ลประมาณครึ่งผล ปั่นให้ละเอียดโดยที่ไม่ต้องปอกเปลือกแล้วนำแอปเปิ้ลที่ปั่นละเอียดแล้วผสมเข้ากับน้ำมะนาวประมาณ 2
ช้อนชาให้เข้ากัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้มาทำการพอกบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

            11. สูตรมะเขือเทศ+โยเกิร์ต นำมะเขือเทศลูกเล็กๆ จำนวน 3 ลูก และโยเกิร์ต 3 ช้อนโต๊ะ ปั่นให้ละเอียดให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาทำการพอกบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
12. สูตรโยเกิร์ต+เกลือป่น นำโยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย ผสมเข้ากับเกลือป่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ ให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาทำการพอกบนใบหน้า จากนั้นให้ใช้ปลายนิ้วชี้และนิ้วกลางขัดไปทั่วหน้าในลักษณะวงกลมอย่างเบามือประมาณ 5 นาที แล้วปล่อยทิ้งเอาไว้ 5 นาที หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
13. สูตรแตงกวา+ไข่ขาว เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาหน้าที่มีความมัน และปัญหาเรื่องสิวมากๆ นำแตงกวา 1 ลูก ไข่ขาว 1 ฟอง น้ำมะนาว 1 ช้อนชา ผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาทำการพอกบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
             14. สูตรแตงโม นำแตงโมมาฝานให้เป็นชิ้นบางๆ จากส่วนที่แดงที่สุด จากนั้นให้นำชิ้นแตงโมเหล่านั้นมาแปะให้ทั่วใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
15. สูตรมะเขือเทศสด นำมะเขือเทศมาฝานให้เป็นชิ้นหนาๆ แล้วนำมาถูให้ทั่วใบหน้าและลำคอ เมื่อรู้สึกว่าน้ำในมะเขือเทศหมดแล้วให้เปลี่ยนชิ้นใหม่มาถูแทน ทิ้งเอาไว้สักครู่ แล้วใช้สำลีชุบน้ำเย็น เช็ดมะเขือเทศบนใบหน้าออกให้สะอาด

            16. สูตรนมเปรี้ยวแช่เย็น สูตรนี้เหมาะสำหรับคนที่มีผิวมัน เริ่มจากการล้างหน้าให้สะอาด แล้วนำนมเปรี้ยวที่แช่เย็นมาทาพอกให้ทั่วใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วใช้ผ้าขนหนูนุ่มๆ เช็ดออก
17. สูตรมะขามเปียก+นมสด นำน้ำที่คั้นออกมาจากมะขามเปียกที่ผสมกับน้ำอุ่นประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ผสมเข้ากับนมสด 2-3 ช้อนโต๊ะ แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาทำการพอกบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
18. สูตรมะเขือเทศ+ข้าวโอ๊ต นำมะเขือเทศ 1 ผลมาบดให้ละเอียด แล้วผสมเข้ากับข้าวโอ๊ต 1 ช้อนชา ให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาทำการพอกบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
19. สูตรวุ้นว่านหางจระเข้ นำวานหางจระเข้มาปอกเปลือกเอาแต่เนื้อวุ้นที่อยู่ภายใน ล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำไปปั่นหรือบดจนละเอียดกลายเป็นเนื้อเจล จากนั้นนำไปการพอกบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
20. สูตรใบบัวบก นำใบบัวบกสดมาคั้นเอาน้ำ ใช้ผ้าก็อตสะอาดจุ่มเอาน้ำใบบัวบก แล้วนำผ้าก็อตไปวางทั่วใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออก

อย่างไรก็ตาม ในการพอกหน้า ควรทำการพอกโดยเว้นบริเวณรอบดวงตา และปากเอาไว้เพื่อป้องกันระคายเคือง สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ควรทำการทดสอบก่อนว่าผิวของตัวเองแพ้ส่วนผสมในสูตรพอกหน้าใดหรือไม่

โดยทำการทดสอบกับผิวหนังด้านในของส่วนพับแขน ทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น พร้อมกับสังเกตว่าภายใน 24 ชั่วโมง ว่ามีความผิดปกติของผิวหนังในบริเวณที่ทำการพอกเอาไว้หรือไม่ เช่น อาการแสบ คัน ระคายเคือง ตุ่มคัน เป็นต้น ถ้าหากไม่มีอาการผิดปกติ จึงค่อยทำการพอกหน้า เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพผิวของคุณสาวๆ เอง

 

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.