อยากผิวกระจ่างใส ธรรมชาติ เป๊ะเว่อร์เชิญทางนี้

         ค่านิยมของคนในบ้านเราโดยเฉพาะหนุ่มๆ มักชื่นชอบผู้หญิงที่มีผิวขาวสวยกระจ่างใส เปล่งประกาย จึงไม่แปลกที่สาวๆสมัยนี้จะยอมจ่ายให้กับครีมบำรุงผิวราคาแพง หรือบางคนถึงกับหันไปพึ่งการฉีดสีผิวให้ขาวเด้ง ออร่าจับแบบรวดเร็วทันใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่าวิธีการดังกล่าวอาจทำให้ได้ผิวขาวแบบเว่อร์เกินจริง ดูไม่เป็นธรรมชาติ แล้วจะดีกว่าไหมหากเรามีวิธีทำให้ผิวกระจ่างใส ธรรมชาติมานำเสนอ นั่นคือการใช้สูตรพอกผิวแบบโฮมเมดที่ไม่ต้องจ่ายแพง และที่สำคัญคือได้ผลลัพธ์ในแบบที่สาวๆทุกคนต้องพึงพอใจ

 

สูตรพอกผิวกระจ่างใส ธรรมชาติ
         1.โยเกิร์ตผสมมะนาว นำน้ำมะนาวไปคั้นเอาน้ำผสมกับโยเกิร์ตธรรมชาติ แล้วทาผิวปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีจึงล้างออก กรดในน้ำมะนาวจะช่วยขจัดเซลล์ของผิวเก่าที่เสียให้หลุดออกไป เผยผิวใหม่ที่เป็นผิวขาวสดใสกว่าเดิม โดยส่วนผสมของโยเกิร์ตจะช่วยลดการระคายเคืองผิวจากกรดของมะนาว
         2.มะละกอผสมนมสด นำเอาเนื้อมะละกอสุกและนมสดมาบดผสมให้เข้ากัน แล้วพอกบนผิวหน้าหรือผิวกายทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำเปล่า สูตรนี้จะทำให้ผิวกระจ่างใส ธรรมชาติ ขาวเนียนนุ่ม ชุ่มชื่นขึ้น ทำให้ผิวของแลดูอวบอิ่ม มีน้ำมีนวลอยู่เสมอ
         3.นมสดผสมผงชาเขียว นำนมสดสัก 3 ช้อนโต๊ะผสมกับผงชาเขียวป่นที่หาซื้อได้ตามร้านทำขนมอบ โดยใช้ผงชาเขียวเพียงแค่ 1 ช้อนชาเท่านั้น เมื่อผสมกันดีแล้วก็ให้ใช้สำลีก้อนชุบส่วนผสมทั้งสอง นำมาถูให้ทั่วใบหน้ายกเว้นรอบดวงตาและริมฝีปาก ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น สูตรนี้จะเป็นการกำจัดสิ่งสกปรกบนผิวได้อย่างหมดจด นอกจากผิวจะสะอาดแล้วยังให้ความนุ่มนวลและชุ่มชื้น
         4.มะเขือเทศ สำหรับสูตรพอกผิวด้วยมะเขือเทศนั้นมีมากมายให้เลือกสรร เราขอนำสูตรที่ได้รับการการันตีจากผู้ใช้ว่าเห็นผลจริงมาให้ท่านผู้อ่านได้ลองพิสูจน์ โดยสิ่งที่ต้องเตรียมมีแค่มะเขือเทศสัก 2-3 ลูก และเครื่องปั่นผลไม้เท่านั้น เริ่มจากล้างมะเขือเทศให้สะอาดก่อนนำมาปั่นให้ละเอียด หากไม่มีเครื่องปั่นใช้วิธีคั้นสดๆแทนก็ได้ หลังจากนั้นนำมาพอกผิวทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นก่อน และล้างด้วยน้ำเย็นอีกรอบเพื่อช่วยกระชับรูขุมขน สูตรนี้ให้ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ผิวจะเนียนนุ่ม ผิวกระจ่างใส ธรรมชาติ ขาวขึ้นแบบตัวเองยังต้องอึ้ง

         5.มะเขือเทศผสมข้าวโอ๊ต โดยให้นำมะเขือเทศไปปั่นหรือบดให้ละเอียด กรองเอาแต่น้ำ ผสมกับข้าวโอ๊ต แล้วคนให้เข้ากัน ก่อนใช้ต้องล้างตัวให้สะอาดแล้วเช็ดให้แห้ง พอกทิ้งไว้นานๆแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด สูตรนี้เหมาะกับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะผิวแห้งหรือมัน ช่วยยกกระชับผิวให้ชุ่มชื่น ได้ผิวขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
         6.น้ำมันมะพร้าว สูตรนี้ใช้ได้ง่ายๆ ไม่ต้องมีพิธีลีตองใดๆ ให้เรานำน้ำมันมะพร้าวมาทาผิวได้เลย ซึ่งเป็นสูตรโบราณที่ใช้ได้ผลมาก โดยน้ำมันมะพร้าวจะช่วยทำให้ผิวกระจ่างใส ธรรมชาติ เพิ่มความชุ่มชื้นและทำให้ผิวมียืดหยุ่น ป้องกันการเสื่อมของสภาพผิวโดยเฉพาะปัญหาเรื่องริ้วรอย
         เห็นหรือยังว่าการได้ผิวขาวกระจ่างใส มีออร่า ไม่จำเป็นต้องจ่ายในราคาแพงเสมอไป การใช้สูตรพอกผิวแบบธรรมชาตินี้เป็นสูตรโฮมเมดแสนง่าย ใครๆก็ทำได้ ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก และไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียงใดๆ เนื่องจากไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายร่างกาย หวังว่าท่านผู้อ่านได้นำไปใช้กันเพื่อผิวกระจ่างใส ธรรมชาติ เป๊ะเว่อร์กันถ้วนหน้า

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

อยากรู้ไหม กินอะไรให้ผิวใส จากภายในสู่ภายนอก

         การทาครีมหรือโลชั่นบำรุงผิวเป็นวิธียอดนิยมที่สาวๆมักใช้กัน แต่คุณทราบหรือไม่ว่าวิธีดังกล่าวเป็นการฟื้นบำรุงให้ผิวขาวจากภายนอกเท่านั้น ถ้าอยากผิวใส จากภายใน จำเป็นต้องรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิวพรรณ อย่างเช่น อาหารที่ให้วิตามินซี วิตามินบี วิตามินเอ สารต้านอนุมูลอิสระ เป็นต้น จึงจะทำให้ผิวใส จากภายในสู่ภายนอก และการรับประทานอาหารเสริมก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ได้ผลดี ทั้งนี้ อาหารเสริมบางตัวก็อาจทำให้กระเป๋าของคุณฉีกด้วยการสนนราคาแสนแพง อย่างไรก็ดี เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิวโดยไม่ต้องพึ่งอาหารเสริม มาดูกันว่าควรรับประทานอะไรบ้าง


กินอะไรให้ผิวใส จากภายใน

         1.มะละกอ เป็นผลไม้แคลอรี่ต่ำ หาซื้อง่ายในทุกฤดูกาล ซึ่งเจ้ามะละกอมีแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ซึ่งแตกตัวเป็นวิตามินเอ หรือสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยม นอกจากสามารถป้องกันมะเร็งแล้ว ยังช่วยปกป้องรักษาผิวพรรณให้ชุ่มชื่น แลดูอ่อนเยาว์อีกด้วย โดยควรบริโภค 200 กรัม หรือประมาณชามก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม คุณค่าของสารอาหารวิตามินเอ จะเข้มข้นอยู่ตรงส่วนเนื้อเหลืองๆ ที่เมล็ดมะละกอฝังอยู่ ดังนั้น อย่าขูดทิ้ง ให้ใช้ซ้อมเขี่ยเมล็ดออกและรับประทาน
         2.ส้ม อุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยป้องกันผิวพรรณจากการถูกทำร้ายของรังสียูวี และมีสรรพคุณในการช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนให้แก่ผิว ทำให้เต่งตึง ยืดหยุ่น ไม่แห้งหยาบ โดยควรรับประทานส้มเพื่อผิวใส จากภายใน ปริมาณ 200 มิลลิกรัมต่อวัน หรือเท่ากับส้ม 1 ผลก็ถือเป็นพียงพอแล้ว ทั้งนี้ ต้องเป็นส้มสดๆ ไม่ใช่น้ำส้มที่มักมีเกลือและน้ำเชื่อมเจือปน ทำให้สารอาหารอย่างวิตามินหายไป
         3.ธัญพืช ที่ผ่านกระบวนการขัดสีน้อย มีเส้นใยอาหารสูง ได้แก่ ข้าวกล้อง ข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าวโอ๊ต ถั่วเมล็ดแห้ง ลูกเดือย งา รวมถึงอาหารจำพวกขนมปังโฮลวีต ซีเรียล คุกกี้ธัญพืช ฯลฯ ล้วนอุดมไปด้วยสารอาหารกลุ่มวิตามินบี ที่มีประโยชน์ต่อผิว วิตามินกลุ่มนี้จะช่วยเสริมสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาแทนที่เซลล์เก่า และดูแลรักษาความแข็งแรงให้แก่ผิวไม่ให้ติดเชื้อได้ง่าย
         นอกจานี้ ไนอะซิน (Niacin) ในธัญพืช จะช่วยให้เซลล์ผิวหนังดูดซึมสารอาหารจากเลือด และผันเป็นพลังงานออกมา ช่วยให้ผิวไม่แห้งแตก มือและเท้าจะไม่หยาบกร้าน โดยควรบริโภคข้าวกล้องแบบไม่ขัดสีเป็นหลักแทนข้าว บางคนที่บอกว่าข้าวกล้องแข็งกินไม่อร่อย ลองนำเอาข้าวกล้องแช่น้ำสักพักก่อนหุง จะได้ข้าวที่นิ่ม อร่อยถูกปากมากขึ้น

         4.ชาเขียว ประโยชน์ใน “ชาเขียว” มีฟลาโวนอยด์ (Flavinoids) และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่คอยต่อสู้กับรังสียูวี รวมถึงสารเคมีจากสภาพแวดล้อม ซึ่งช่วยให้ผิวพรรณแลดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ สามารถรับประทานชาเขียวได้ทั้งชงในถุงชาหรือเป็นใบ โดยให้แช่ในน้ำร้อนเดือด เป็นเวลาอย่างน้อย 3 นาที อย่างไรก็ตาม ห้ามใส่นมลงไปในชาเขียว เพราะเท่ากับเป็นการลบล้างสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ไม่ได้รับสารอาหารในชาเขียวได้อย่างเต็มที่
         5.น้ำมะเขือเทศ ถึงแม้รสชาติของน้ำมะเขือเทศจะไม่ได้เป็นที่โปรดปรานของใครหลายคน แต่หากทราบสรรพคุณของมันแล้วอาจทำให้ท่านเปลี่ยนใจ น้ำมะเขือเทศอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินเค และแร่ธาตุหลายชนิด เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก การดื่มน้ำมะเขือเทศเป็นประจำทุกวัน จะช่วยให้ระบบการย่อยและการขับถ่ายดีขึ้น ส่งผลไปถึงผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูกระจ่างใสขึ้น ผิวไม่แห้งกร้าน ทำให้เรามีผิวขาวอย่างเป็นธรรมชาติ ผิวใส จากภายในสู่ภายนอก มะเขือเทศยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่า “ไลโคปีน” ซึ่งจะช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็งลำไส้ และมะเร็งต่อมลูกหมาก
         นอกจากผักผลไม้เหล่านี้แล้ว ยังมีอาหารอื่นๆอีกมากมายที่ทำให้คุณขาวใส ได้จากภายใน และถ้าจะให้ได้ผลเร็วขึ้นควรดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการขับสารพิษ ส่งผลให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งมีส่วนช่วยให้เรามีผิวขาวอมชมพูได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ไขข้องใจ Filler คืออะไร ทำไมดาราถึงนิยมฉีดฟิลเลอร์

         บนโลกนี้ไม่มีอะไรคงอยู่ถาวร…ความสวยความงามก็เช่นกัน ที่มิอาจอยู่คู่กับคุณผู้หญิงไปได้ตลอด เมื่อตัวเลขของอายุสูงขึ้น รอยเหี่ยวย่น ตีนกา รอยบุ๋ม ร่องแก้ม ริ้วรอยแห่งวัยก็จะมาเยือน แต่คงไม่มีคุณผู้หญิงท่านไหนยอมแพ้ง่ายๆ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องสรรหาวิธีการทำให้ตัวเองดูดี หน้าเป๊ะ สวยชนะเลิศได้ในที่สุด ซึ่งวิธีการดูแลสุขภาพผิวให้กระชับเต่งตึง อยู่ด้วยกันไปนานๆมีให้เลือกหลากหลายวิธี ทั้งการใช้ครีมหรือเซรั่มบำรุงผิว การนวดหน้า บริหารใบหน้า รวมถึงการฝึกโยคะใบหน้า และที่เป็นไฮไลต์ของเราในวันนี้คือการฉีดสารเติมเต็ม หรือฟิลเลอร์


Filler คืออะไร

         Filler คืออะไร คำถามนี้คงอยู่ในใจคุณผู้หญิงหลายคน แต่หากใครพอจะทราบกันดีอยู่แล้ว ก็ถือเป็นการทบทวนว่า ฟิลเลอร์ คือสิ่งที่เข้าใจกันถูกต้องแล้วหรือไม่ ก่อนจะตัดสินใจฉีดมันเข้าสู่ร่างกาย
         ฟิลเลอร์ คือสารเติมเต็มที่ใช้สำหรับฉีดเพื่อเติมเต็มหรือเสริมในชั้นผิวหนังหรือใต้ผิวหนัง ส่วนใหญ่แล้วแพทย์จะใช้ฟิลเลอร์เพื่อลดและแก้ไขปัญหาริ้วรอยร่องลึก ที่เกิดขึ้นบริเวณต่างๆของใบหน้า ไม่ว่าจะเป็น หน้าผาก ริ้วรอยร่องลึกรอบดวงตา ริ้วรอยร่องลึกมุมปาก และยังสามารถนำมาช่วยในการแก้ไขปรับแต่งรูปหน้าได้อีกด้วย เช่น เติมริมฝีปาก ร่องแก้ม และในบางรายที่เมื่อเริ่มมีอายุมากขึ้นทำให้แก้มดูตอบลงก็สามารถใช้ฟิลเลอร์ ในการแก้ปัญหาแก้มตอบได้ แม้กระทั่งนำมาใช้ในการบำรุงผิวให้กลับมากระชับเปล่งปลั่ง ในบริเวณใบหน้า ลำคอ หลังมือ รวมทั้งบริเวณผิวหน้าอก

ประเภทของฟิลเลอร์
         ในปัจจุบันมักทราบกันดีแล้วว่า Filler คืออะไร แต่มักสับสนระหว่างโบท็อกซ์กับฟิลเลอร์ ให้จำง่ายๆว่าฟิลเลอร์คือสารเติมเต็ม สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด คือ
         1.แบบชั่วคราว (Temporary Filler) จะมีอายุการใช้งานโดยประมาณ 4-6 เดือน มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง และยังสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ
         2.แบบกึ่งถาวร (Semi Permanent Filler) แบบนี้จะมีอายุยาวกว่าแบบแรก สามารถอยู่ได้นานประมาณ 2 ปี มีความปลอดภัยในระดับปานกลาง
         3.แบบถาวร (Permanent Filler) จะเป็นสารเติมเต็มจำพวก ซิลิโคน หรือ พาราฟิน หลังฉีดไปแล้วจะสามารถอยู่ในผิวไปได้ตลอดไม่สลายไปตามธรรมชาติแต่ก็อาจมีผลข้างเคียงในระยะยาว

ทำไมต้องฉีดฟิลเลอร์
         พอจะทราบกันไปแล้วว่า Filler คืออะไร ทีนี้มาดูว่าทำให้ต้องฉีดฟิลเลอร์ เหตุผลคือผิวหนังของคนเราจะมีส่วนประกอบสำคัญคือใยคอลลาเจน และเมื่อเราอายุมากขึ้นใยคอลลาเจนในผิวหนังก็ฝ่อลง ทำให้ผิวที่เคยอิ่มน้ำ เต่งตึง กลายมาเป็นมีริ้วรอยร่องลึก ผิวหนังบางลง หากได้รับฟิลเลอร์ คือสารเติมเต็มที่มีส่วนประกอบของไฮยาลูรอนิคเข้าไป ก็จะช่วยให้ผิวพรรณดูดีขึ้น จากที่เคยมีร่องลึกก็จะดูตื้นขึ้น เพราะการฉีดฟิลเลอร์จะสามารถช่วยเติมเต็มใยคอลลาเจนที่หายไป ทำให้สภาพผิวดูเต่งตึงขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง
         การฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลดริ้วรอยหรือปรับแต่งรูปหน้าด้วยฟิลเลอร์นั้น โดยทั่วไปแพทย์ใช้เวลาในการฉีดประมาณ 15-30 นาที โดยจะรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อย ในบางรายอาจมีอาการเจ็บ บวม ปวด คัน แต่อาการเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 1-2 วัน หลังจากฉีดเสร็จแพทย์จะให้คุณนอนราบสักครู่เพื่อให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปเซ็ตตัว หลังจากนั้นก็สามารถกลับบ้านได้ตามปกติ และเนื่องจากฟิลเลอร์ คือสารเติมเต็มที่ใช้ง่าย ไม่เจ็บตัวมาก ไม่ต้องพักฟื้น จึงทำให้ดารา พริตตี้ รวมถึงสาวๆทั่วไปนิยมฉีดฟิลเลอร์กัน

ต้องฉีดฟิลเลอร์แค่ไหน จึงจะเห็นผล
         หลังจากฉีดสารฟิลเลอร์เข้าไปอยู่ในตำแหน่งที่ต้องการแล้วก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงทันที แต่แพทย์มักจะให้รอดูผลลัพธ์ประมาณวันที่ 5 เพราะตอนนั้นน้ำที่บวมอยู่ก็จะหมดไปแล้ว หากยังต้องแต่งเติมตรงไหนก็สามารถทำเพิ่มได้ ทั้งนี้ โดยส่วนมากผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 6 เดือนหลังจากฉีด (ฉีดชนิดแบบชั่วคราว) จะมากหรือน้อยขึ้นกับร่างกายของแต่ละคนและบริเวณที่ฉีด หากกล้ามเนื้อเคลื่อนไหวมากสารมักสลายหมดลงก่อนบริเวณอื่น
         เป็นอย่างไรกันบ้างกับข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ เชื่อว่าท่านผู้อ่านคงเข้าใจแล้วว่า Filler คืออะไร ทำไมเขาดถึงนิยมฉีดกัน อย่างไรก็ดี ขอแนะว่าให้เลือกฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น และอย่าลืมตรวจสอบให้ถ้วนถี่ก่อนว่าอุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือ และสารฟิลเลอร์มีคุณภาพมาตรฐานหรือไม่ จะได้หน้าเป๊ะได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียง

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

มาดูวิธีขาวไว ขาวใสแบบธรรมชาติ เขาทำกันอย่างไร

         ค่านิยมของคนในบ้านเรามักชอบคนผิวขาว สวยสุขภาพดี จึงไม่แปลกที่คนในยุคนี้โดยเฉพาะบรรดาสาวๆจะหันไปพึ่งนวัตกรรมในการทำให้ผิวของตัวเองแลดูขาวสดใส ออร่าจับอย่างการฉีดสีผิวให้ขาวแบบรวดเร็วทันใจ ทั้งนี้ อย่าลืมว่าวิธีการดังกล่าวอาจส่งผลข้างเคียงได้หากใช้ส่วนผสมที่ไม่เหมาะสม หรือขาดความเชี่ยวชาญ ที่สำคัญต้องแลกไปกับค่าใช้จ่ายแสนแพง วันนี้เราจะพามาดูวิธีขาวไว ขาวใสแบบธรรมชาติ ไม่ต้องพึ่งสารเคมี ถ้าพร้อมแล้วมาเริ่มกันเลย


สูตรพอกผิวเร่งด่วน ขาวได้ภายใน 7 วัน

         หากใครยังไม่พอใจกับวิธีขาวไวข้างต้น ลองมาดูสูตรธรรมชาติที่ใช้พอกผิวให้ขาวแบบเร่งด่วน ภายใน 7 วัน โดยวิธีขาวไวด้วยสูตรพอกผิว มีส่วนผสมดังนี้
         – มะขามเปียก 2 กำ
         – มะนาว 1 ลูก
         – ผงขมิ้น
         – น้ำมันมะพร้าว
         – น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
         – โยเกิร์ตรสธรรมชาติแช่เย็น 1 ถ้วย
         – นมสดแช่เย็น 1 กล่อง
         สำหรับขั้นตอนการทำ ให้ผสมมะขามเปียก มะนาว ผงขมิ้น น้ำมันมะพร้าว น้ำผึ้งลงในภาชนะ คนส่วนผสมให้เข้ากัน โดยให้หยิบกากมะขามเปียกออกไป ไม่เช่นนั้นถ้านำมาขัดผิวอาจทำให้ผิวถลอกปลอกเกิดได้ ส่วนผงขมิ้นใส่ให้พอดี อย่ามากเกินไป เพราะเดี๋ยวตัวเหลืองเว่อร์ คนเห็นอาจตกอกตกใจ
         เตรียมส่วนผสมเรียบร้อยแล้วก็ให้พักไว้ ไปอาบน้ำให้เสร็จสรรพ จากนั้นนำส่วนผสมมาทาถูให้ทั่วเรือนร่าง พร้อมๆกับขัดผิว โดยให้ขัดวนเป็นวงกลมทีละจุด ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงปล่อยทิ้งไว้ 10 นาที (อาจรู้สึกเหนียวเหนอะหนะก็ทนเอาหน่อย) แล้วล้างออกให้สะอาด
         ขั้นตอนต่อไปให้นำโยเกิร์ตรสธรรมชาติผสมกับนมสด แล้วคนให้เข้ากัน ทีนี้ก็ได้เวลาอาบน้ำแร่แช่น้ำนม โดยนำโยเกิร์ตกับนมที่ผสมไว้มาพอกให้ทั่วตัว รวมถึงใบหน้า ยกเว้นรอบดวงตาและริมฝีปาก พอกทิ้งไว้สัก 30-60 นาทีจึงค่อยล้างออกให้สะอาด หากกลัวไม่สะอาดให้ล้างด้วยน้ำสบู่เบาๆอีกรอบ สุดท้ายเช็ดตัวให้แห้ง ควรทาโลชั้นหรือครีมบำรุงผิวที่ท่านคุ้นเคย เป็นอันเสร็จ
         เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ควรใช้สูตรพวกตัวนี้ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งสูตรนี้อาจเป็นทำให้รู้สึกระคายเคือง แสบๆคันๆเล็กน้อย ก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะสูตรพอกผิวนี้จะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป เผยผิวใหม่ที่สุขภาพียิ่งกว่าจนลืมเรื่องผิวหมองคล้ำไปได้เลย อย่างไรก็ดี หากรู้สึกระคายเคืองผิวมากเกินกว่าปกติ ให้ล้างน้ำออกให้สะอาดทันที เพราะผิวของคุณอาจบอบบางจนเกิดอาการแพ้


ตัวช่วยเสริม

         1.ครีมกันแดด หากอยากทำให้วิธีขาวไวด้วยสูตรพอกผิวนี้ได้ผลดียิ่งขึ้น ควรใช้ตัวช่วยเสริมอย่างครีมกันแดด เพราะมันจะช่วยป้องกันแสงแดดและแสงยูวี โดยถ้าต้องออกไปข้างนอก ถูกแดดจัด แนะนำให้ทาครีมกันแดด SPF50 เพื่อป้องกันแสงแดดที่ทำร้ายเซลล์ผิวใหม่ของเรา หากไม่ทาผลที่ได้มาจะทำให้ผิวเป็นด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ
         2.วิตามินซี หากจะเลือกอาหารเสริม สิ่งควรใช้คือวิตามินซี เพราะวิตามินซีทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส เนียนนุ่ม และยังช่วยลดเลือนริ้วรอยบนผิวอีกด้วย
         3.คอลลาเจน ถือเป็นอีกหนึ่งอาหารเสริมเพื่อสุขภาพที่ดีของผิวพรรณ เสริมความเรียบตึงให้กับผิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียนกระชับ เปล่งปลั่งสดใส สุขภาพผิวแข็งแรง ริ้วรอยแห่งวัยดูลดเลือนลง
         สำหรับคนที่สงสัยว่าวิธีขาวไวภายใน 7 วัน มันเร็วเกินไปหรือไม่ เพราะส่วนใหญ่กว่าจะได้ผิวขาวก็ใช้เวลานาน ต้องบอกเลยว่าส่วนผสมที่ใช้ในสูตรพอกผิวนั้นทำให้ผิวได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะจากโยเกิร์ตและนมสดที่จะช่วยกระชับรูขุมขน เผยผิวกระจ่างใสอ่อนกว่าวัยได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่ต้องกลัวเรื่องผลข้างเคียงใดๆ เนื่องจากเป็นสูตรธรรมชาติ ไม่ทำร้ายผิวอย่างแน่นอน ยิ่งได้รับตัวช่วยเสริมแล้ว ผิวพรรณจะยิ่งขาวผุดผ่อง เปล่งออร่ามากขึ้นอย่างที่ทุกคนต้องการ

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

มีเลิฟ คอลลาเจน

            เมื่อพูดถึงคอลลาเจนที่กำลังได้ความนิยมอย่างมากในตอนนี้ มีมากมายหลากหลายยี่ห้อให้เลือกรับประทาน โดยเหตุผลที่ทำให้คอลลาเจนเป็นที่ฮอตฮิตในวงการความสวยความงามก็คือ คอลลาเจนจะช่วยทำให้ผิวพรรณผุดผ่อง ขาวอมชมพู เปล่งประกายอย่างที่ทุกคนต้องการ โดยเฉพาะสาวๆที่อยากมีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้าม การมีสุขภาพผิวดีถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่หนุ่มๆเห็นแล้วต้องเหลียวมอง
อย่างไรก็ตาม คอลลาเจนที่จำหน่ายกันตามท้องตลาด มีทั้งของดีและผลิตภันฑ์เกรดต่ำที่สามารถส่งผลเสียต่อร่างกายได้ อย่างที่ได้เห็นการออกมาประณามกันในเว็บ pantip หรือสื่อสังคมออนไลน์ วันนี้เรามีแบรนด์คอลลาเจนมาแนะนำท่านผู้อ่าน ซึ่งเป็นคอลลาเจนที่ปลอดภัย ไร้กังวลเรื่องผลข้างเคียง และมีผลตอบรับที่ดีจากผู้ใช้จริง นั่นคือ “มีเลิฟ คอลลาเจน” โดยในบทความนี้จะไขข้อข้องใจของท่านว่าเหตุใดเราจึงเชียร์เจ้าคอลลาเจนตัวนี้

ส่วนประกอบหลักของมีเลิฟ คอลลาเจน
เรามาดูกันที่ส่วนประกอบหลักของมีเลิฟ คอลลาเจนกันก่อน จะได้ทราบถึงกระบวนการทำงานของมันว่า เมื่อรับประทานแล้วจะทำให้ผิวขาวใส สุขภาพดีได้อย่างไร ซึ่งในส่วนผสมของมีเลิฟ คอลลาเจนมีสารกกัดจากธรรมชาติมากมาย ช่วยในการดูแลผิวโดยตรง
             1.สารมิลค์ มิสเทิล (Milk Thistie) ซึ่งมีเลิฟ คอลลาเจนเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวที่ใช้นวัตฒกรรมใหม่ในการผลิตและส่วนผสมที่ทำให้หลายๆคน บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าดีจริง มิลค์ทิสเทิล เป็นพืชตระกลูเดียวกับดอกทานตะวัน โดยอาหารเสริมบำรุงสุขภาพหลายยี่ห้อได้นำมาจำหน่ายเพราะมีประสิทธิภาพมากมายในการดูแลสุขภาพ แต่มีเลิฟ นำมาเป็นส่วนประกอบหลักในการดูแลผิวพรรณ เพราะเจ้ามิลค์ทิสเทิลตัวนี้ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามินซีและวิตามินอี ทั้งยังป้องกันการเสือมสภาพของกลูต้าไธโอนในร่างกาย โดยเพิ่มปริมาณความเข้มข้นของกลูต้าไธโอนได้มากกว่า

             2.สารสกัดจากเมล็ดองุ่น สารสกัดจากเมล็ดองุ่นมีคุณภาพสูงในการกำจัดอนุมูลอิสระ และทำงานได้ดีกว่าวิตามินซีถึง 20 เท่า วิตามินอี 50 เท่า จึงช่วยเพิ่มความแข็งแรงของคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิวหนังได้ดี บำรุงผิวพรรณ ชะลอความแก่ และช่วยลดกระบวนการสร้างเม็ดสีหรือเมลานินที่ผิดปกติซึ่งเป็นสาเหตุของผิวคล้ำดำเสีย สาเหตุของฝ้า กระ จุดด่างดำนั่นเอง ทั้งนี้ ยังช่วยผลัดเซลล์ผิว ให้ผิวพรรณกลับมาขาวสว่างกระจ่างใส มีออร่า
             3.คอลลาเจน เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย โดยมีเลิฟ คอลลาเจน จะไม่มีส่วนประกอบของคอลลาเจนที่ทำให้คาว จึงไม่มีกลิ่นคาวแม้แต่น้อย ซึ่งเป็นคอลลาเจนที่สกัดจากปลาทะเลน้ำลึกผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานจากโรงงานการผลิตยาและอาหารเสริมที่ดีที่สุดติด 1 ใน 3 ของโลก จากประเทศมาเลเซีย

            นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้ผู้ใช้มีเลิฟ คอลลาเจนแล้วได้ผลจนต้องบอกต่อก็คือ มีเลิฟคอลลาเจนหารับประทานง่าย รสชาติอร่อย ไม่ต้องชง เป็นสินค้านวัฒกรรมใหม่ ใช้วิธีการผลิตด้วยเทคโนโลยีนาโนและสกัดเย็น ทำให้สกัดได้คอลลาเจนที่มีประสิทธิภาพสูง และดูดซึมได้ดี ส่งผลทำให้ใช้แล้วเห็นผลไว ผลิตที่โรงงานได้มาตรฐานระดับโลกของประเทศมาเลเซีย ผ่าน อย. 16 ประเทศ ปลอดภัย ไร้กังวล ไม่มีผลข้างเคียงแน่นอน ทั้งนี้ มีส่วนผสมของ วิตามินซีและวิตามินอี ช่วยทำให้คอลลาเจนดูดซึมได้ดีขึ้น ซึ่งไม่ต้องไปซื้อวิตามินซีเพิ่ม และทำให้ผิวสวย เรียบเนียนชุ่มชื่น มีน้ำมีนวล
และนี่ก็เป็นเหตุผลง่ายๆ ที่ทำให้มั่นใจได้ว่า มีเลิฟ คอลลาเจนเป็นทางเลือกที่ดีในการดูแลผิวพรรณให้ขาวสว่าง กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ทำร้ายสุขภาพร่างกายในระยะยาวอย่างแน่นอน แถมยังให้รสชาติแสนอร่อย รับประทานง่าย เห็นผลรวดเร็วในเวลาอันสั้น เนื่องจากรับประทานเพียงแค่ 7 วัน ก็ทราบแล้วว่าเราเหมาะกับมันหรือไม่ ทั้งนี้หากเกิดอาการผิดปกติทางร่างกายที่รุนแรง ก็ควรหยุดรับประทานแล้วหันไปพึ่งทางเลือกอื่นเสีย

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เผยเคล็ดลับผิวสวยสดใสอ่อนวัยด้วยสารเบต้ากลูแคน

       ในปัจจุบัน เมื่อคุณสาวๆทำการหยิบผลิตภัณฑ์อาหารเสริม หรือนำเครื่องสำอางแบนรด์ดังหลายๆยยี่ห้อ ที่มีการชูคุณคุณสมบัติในการช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน และทำให้ผิวดูสดใสอ่อนเยาว์ขึ้นมาสักชิ้น ให้คุณสาวๆลองพลิกกลับไปอ่านส่วนประกอบด้านหลังของผลิตภัณฑ์เหล่านั้น และจะพบว่ามักที่จะมีสารที่ชื่อว่า “เบต้ากลูแคน” รวมอยู่ด้วย คุณสาวๆบางคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อของเจ้าสารชนิดนี้ มาก่อน และอาจจะยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่ามันมีคุณสมบัติอย่างไร จึงมักถูกเลือกให้มาเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เสริมความงามในผลิตภัณฑ์ต่างๆอย่างมากมาย  สำหรับใครที่กำลังเกิดข้อสงสัยเหล่านี้ ในบทความชิ้นนี้จะมีคำตอบให้ค่ะ

เบต้ากลูแคนคืออะไร

อันดับแรก เรามาทำความรู้จักกับเจ้าสารเบต้ากลูแคนกันก่อน เบต้ากลูแคน (Beta Glucan) คือ สารอาหารประเภทแป้ง ที่มีคุณสมบัติโดยพื้นฐานที่ช่วยในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ระบบต้านทานเชื้อโรคต่างๆของร่างกายนั้นมีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้เบต้ากลูแคน ยังมีคุณสมบัติที่น่าสนใจอีกมากมายหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยลดระดับคอลเลสเตอรอลในโลหิต หรือทำหน้าที่เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ด้วยการกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวขนาดใหญ่ ให้สามารถตรวจพบ และทำลายเชื้อมะเร็งในร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ

       สารเบต้ากลูแคน ได้รับการยอมรับจากการค้นคว้าวิจัยจากมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ของโลกอย่างมากมาย อาทิเช่น มหาวิทยาลัยฮาร์วาด มหาวิทยาลัยทูเลน มหาวิทยาลัยดิ๊ก มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย มหาวิทยาลัยหลุยส์วิล มหาวิทยาลัยวอชิงตัน เป็นต้น นอกจากนี้เบต้ากลูแคน ยังมีผลงานเอกสารทางวิชาการอีกมากกว่า 1,000 รายการ ที่แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติในการช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งชนิด เบต้า 1,3/1,6 กลูแคน ไซโมซาน ที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์

คุณสมบัติฉบับย่อของเบต้ากลูแคน

1.ลดผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากยาต้านมะเร็ง

2.ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติให้ดีขึ้น พร้อมกับบรรเทาอาการภูมิแพ้ต่างๆ เช่น โรคผื่น ภูมิแพ้ผิวหนัง หอบหืด อาการแพ้เกสรดอกไม้ เป็นต้น นอกจากนี้ยังช่วยรักษาโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง

3.ช่วยบรรเทาอาการผลร่วงเนื่องจากความเครียด

4.บรรเทาอาการของโรคปวดตามข้อ หรืออาการข้ออักเสบ

5.ช่วยบรรเทาอาการต่างๆของโรคเอบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลและคอลเลสเตอรรอลในเลือด ฟื้นฟูตับอ่อนให้กลับมาเป็นปกติ

6.ช่วยบรรเทาอาการปอดอักเสบ

7.ช่วยฟื้นฟูบาดแผลภายนอก แผลอักเสบติดเชื้อ

8.มีคุณสมบัติของเส้นใยไฟเบอร์ จึงสามารถช่วยบรรเทาอาการท้องผูก นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการช่วยดีท็อกซ์ลำไส้ ช่วยปรับระบบขับถ่ายให้กลับสู่ภาวะปกติ

       9.มีคุณสมบัติเป็นอาหารของโบรไบโอติกในลำไส้ ช่วยเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในร่างกาย

10.ลดการเกิดภาวะกรดไหลย้อน ซึ่งมักเป็นหนึ่งในสาเหตุของโรคที่เกี่ยวข้องกับทางเดินอาหาร

11.ช่วยปรับระดับการทำงานของเซลล์ในร่างกาย

12.ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ฟื้นฟูผิว ลดริ้วรอย

เบต้ากลูแคนการดูแลสุขภาพผิว

สารเบต้ากลูแคน จะทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวขนาดใหญ่ Langer Hans ที่มีหน้าที่คุ้มกันผิวหนังให้ออกมาทำการกำจัดสิ่งแปลกปลอม และป้องกันการติดเชื้อ ซึ่งเซลล์เม็ดเลือดใหญ่ดังกล่าว จะผลิตสารคัดหลั่งที่มีประโยชน์ต่อผิวหนัง 3 ชนิด ได้แก่ คอลลาเจน อีลสติน และกรดไฮยาลูโรนิด ที่มีคุณสมบัติในการช่วยชะลอความแก่ของผิวหนัง และทำช่วยทำให้ผิวหนังมีความสดใส สวยงามมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ประโยชน์โดยตรงของสารเบต้ากลูแคนในเรื่องของผิวพรรณ คือ ช่วยในการรักษาอาการผิวหนังอักเสบ โดยการเพิ่มภูมิต้านทานของผิวให้มีความแข็งแรงมากขึ้น เกิดการรักษาบาดแผลบนผิวหนังทุกชนิดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยรักษาอาการผิวแห้งได้อีกด้วย

รับประทานเบต้ากลูแคนอย่างไรให้เหมาะ

เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ใน 1 วัน ควรทำการรับประทานเบต้ากลูแคน อย่างน้อย 500-1,000 mg. ในช่วงที่ท้องว่าง ในตอช่วงตื่นนอนตอนเช้า หรือก่อนนอน ซึ่งจะช่วยทำให้ร่างกายสามารถทำการดูดซึมและนำสารเบต้ากลูแคนไปใช้ได้อย่างดีมากยิ่งขึ้น

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ivory caps ผลิตภัณฑ์กลูต้าไธโอนชนิดเม็ด จากอเมริกา

       สำหรับคุณสาวๆที่ต้องการมีผิวที่ขาวสดใสขึ้น และกำลังศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ที่มีส่วนประกอบของกลูต้าไธโอนที่มีวางจำหน่ายอยู่ในประเทศไทยอยู่นั้น ก็คงจะเคยได้ยินชื่อผลิตภัณฑ์ ivory caps ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์กลูต้าไธโอนชนิดเม็ดกันมาบ้าง ซึ่งเจ้าผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ ค่อนข้างที่จะได้รับการรีวิวจากผู้ใช้หลากหลายกลุ่มในอินเทอร์เน็ตเป็นจำนวนมากทีเดียว สำหรับวันนี้เพื่อไม่ให้คุณสาวๆต้องกลายเป็นคนตกกระแส  ในวันนี้ก็จะขอพาคุณสาวๆทุกคนไปทำความรู้จักกับเจ้าผลิตภัณฑ์ ivory caps พร้อมๆกันเลย

ผลิตภัณฑ์ ivory caps คืออะไร

ivory caps (ไอเวอรี่แคป) เป็นผลิตภัณฑ์กลูต้าไธโอนชนิดเข้มข้นสำหรับรับประทาน ที่มีลักษณะเป็นแคปซูลนำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีคุณสมบัติที่ช่วยทำให้ผิวขาวสว่างสดใสมากขึ้นด้วยการลดความหมองคล้ำ ฝ้า กระ จุดด่างดำ ซึ่งผลลัพธ์เหล่านี้เกิดจากคุณสมบัติของสารกลูต้าไธโอนที่ช่วยปรับเม็ดสีเมลานิน และป้องกันการเกิดเม็ดสีเมลานินให้น้อยลง ทำให้สีผิวมีความสม่ำเสมอกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ ivory caps ได้ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในประเทศไทย และในประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังมีสถานที่ผลิตจริงที่สามารถตรวจสอบได้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบันได้มีผลิตภัณฑ์ ivory caps ปลอมออกมาวางจำหน่ายเป็นจำนวนมากในประเทศไทย ดังนั้นก่อนที่คุณสาวๆจะทำการซื้อจึงควรตรวจสอบให้ดี และแนะนำให้สั่งซื้อจากแหล่งขายที่มีความน่าเชื่อถือ

คุณสมบัติการปรับสีผิวให้ขาวขึ้นของผลิตภัณฑ์ ivory caps

 ivory caps เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณความเข้มข้นของสารกลูต้าไธโอนที่สูงมาก แต่ความขาวที่เกิดขึ้นจะใช้เวลาส่งผลที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละบุคคล ผิวจะค่อยๆขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ขาวขึ้นในทันทีอย่างรวดเร็ว ผลิตภัณฑ์ ivory caps จึงไม่เหมาะสำหรับคุณสาวๆที่อยากใจร้อนอยากเห็นผลลัพธ์ความขาวอย่างรวดเร็วทันใจ ผู้บริโภคบางคนผิวอาจจะค่อยๆขาวขึ้น ซึ่งต้องใช้ระยะเวลานานหลายเดือนเลยทีเดียว

       สำหรับส่วนประกอบสำคัญในผลิตภัณฑ์ ivory caps ได้แก่ Proprietary Skin Essentials Blend ซ 1.500 มิลลิกรัม, Glutathione (Reduce Form), Akpha Lipoic Acidม Milk Thistle (Standarized to minม 80% Silymarin)

ivory caps แตกต่างจากผลิตภัณฑ์อาหารกลูต้าไธโอนอื่นๆอย่างไร

ivory caps ป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมผิวขาวชนิเดียวที่ไม่จำเป็นจะต้องทานควบคู่ไปกับวิตามินซี ถึงแม้จากการค้นคว้าศึกษาพบว่า การรับประทานวิตามินซี 1,000 มิลลิกรัม จะสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสารกลูต้าไธโอนให้มากขึ้นก็ตาม แต่ผลิตภัณฑ์ ivory caps มีส่วนประกอบของ Alpha Lipoic Acid ที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระที่ผิวได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลให้ผิวยิ่งขาวมากขึ้น

ข้อแนะนำเพิ่มเติมในการรับประทานผลิตภัณ์ ivory caps

ข้อแนะนำเหล่านี้ เป็นข้อเสนอแนะและเทคนิคต่างๆของคุณสาวๆคนอื่นๆที่รับประทานผลิตภัณฑ์ ivory caps ได้ออกมาแชร์ให้ความรู้ตามเว็บบอร์ดต่างๆในอินเทอร์เน็ต เพื่อให้คุณสาวๆที่กำลังรับประทานผลิตภัณฑ์ ivory caps ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และผลลัพธ์ที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

       1.ควรรับประทานในช่วงที่ท้องว่าง ในตอนเช้าหลังการตื่นนอน หรือในตอนเย็นก่อนการเข้านอน ซึ่งจะเป็นการช่วยทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารกลูต้าไธโอนเข้าสู่ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

 2.ควรทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน เนื่องจากการทานกลูต้าไธโอน ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ยี่ห้อใดก็ตามก็จะส่งผลให้ผิวมีความไวต่อแสงมากขึ้น ดังนั้นจึงควรทำการทาครีมกันแดดทุกครั้ง และพยายามทาซ้ำบ่อยๆถ้าหากต้องอยู่ภายใต้แสงแดดเป็นระยะเวลานานๆ

3.ควรทานควบคู่กับวิตามินซี ถึงแม้ผลิตภัณฑ์ ivory caps จะมีจุดเด่น คือมีสารส่วนประกอบที่สามารถช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้เหมือนกับการทานวิตามินซีอยู่แล้ว แต่เพื่อผลลัพธ์ที่มากขึ้น ควรทำการทานควบคู่กับวิตามินซีจำนวน 1,000 มิลลิกรัม

4.ทานควบคู่กับผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น ทาน ivory caps + ALA+ คอลลาเจนแบบดื่มผสมกับน้ำผลไม้ เป็นต้น จะเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ผิวของคุณสาวๆสวย ขาว สดใส มากยิ่งขึ้น

5.ควรทานในปริมาณที่กำหนดอย่างพอเหมาะ คือ วันละ 1-2 เม็ด ต่อวันก็ถือว่าเพียงพอแล้ว เนื่องจาการสารกลูต้าไธโอนส่วนใหญ่ร่างกายจะทำการดูดซึมได้น้อย การทานในปริมาณมากกว่าที่กำหนดจึงไม่ได้ช่วยทำให้ผิวขาวรวดเร็วขึ้น

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

หน้าขาวใส ง่ายๆ กับ สบู่แครอท

         แน่นอนว่าใครๆก็อยากหน้าสวยเนียนใสไร้สิวกันทั้งนั้น แล้วจะทำอย่างไรกับปัญหาใบหน้าหมองคล้ำ แถมเต็มไปด้วยริ้วรอยที่เกิดจากสิว บทความนี้ได้นำเคล็ดลับหน้าใสด้วยสบู่แครอทมาฝากกัน ซึ่งหลายคนคงเคยได้ยินกันมาบ้างแล้วเกี่ยวกับเจ้าผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นสบู่แครอทของไทย หรือที่นำเข้าจากประเทศฟิลิปปินส์ โดยสบู่แครอทเป็นตัวช่วยในการทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างสะอาดหมดจด ป้องกันและลดปัญหาสิว ฝ้า กระได้อย่างเป็นธรรมชาติ หากใช้เป็นประจำทุกวัน มักเห็นผลได้ภายใน 7 วัน
โดยสรรพคุณที่กล่าวมานั้น หาได้พูดเกินจริงแต่ประการใด เพราะส่วนประกอบต่างๆที่มีอยู่ในสบู่แครอทผสมผสานกันอย่างลงตัว ซึ่งจะอธิบายให้กระจ่างชัดถึงคุณประโยชน์ต่างๆของสบู่แครอท ดังต่อไปนี้

ประโยชน์จากสบู่แครอท
เนื่องจากแครอทนั้นเป็นแหล่งรวมของวิตามินที่ดีต่อผิวพรรณนานาชนิด ได้แก่ วิตามินซี วิตามินอี และวิตามินเอ ที่ช่วยให้ผิวพรรณกระจ่างใส และยังมีสารสีส้มหรือสีเหลืองที่วงการวิทยาศาสตร์เรียกว่า “เบต้าแคโรทีน” ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื่น สดใสเปล่งปลั่ง ดูขาวกระจ่างใสอยู่ตลอดเวลา ช่วยป้องกันผิวที่อาจเกิดอันตรายจากรังสียูวีและแสงแดดได้ ป้องกันการอักเสบของผิว ลดปัญหาสิว พร้อมถนอมผิวพรรณให้มีสุขภาพดี ไม่มีริ้วรอยก่อนวัย ให้ผิวแลดูสดใส เรียบเนียน ลดรอยจุดด่างดำ และทำให้ผิวขาวสดใสขึ้น
โดยวิตามินเอในแครอท เป็นตัวช่วยในการเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกาย และเนื่องจากแครอทอุดมไปด้วยแคโรทีนอยด์ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับแสงแดด และช่วยรักษาผิวไหม้จากแดดด้วยการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทั้งนี้ วิตามินซีในแครอทยังช่วยสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่สำคัญสำหรับความยืดหยุ่นของผิว ลดริ้วรอย ลดความหมองคล้ำจากจุดด่างดำและสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ รวมถึงปกป้องผิวจากการเกิดสิว เนื่องจากแครอทมี essential oil ที่จะช่วยให้ระบบการย่อยอาหารทำงานเป็นปกตินั่นเอง
นอกจากนี้ สารอาหารในแครอทยังสามารถสมานแผลเป็นได้ดี และเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเร่งในการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ชะลอความแก่ได้ดีอีกด้วย

ส่วนผสมอื่นๆที่ควรมีอยู่ในสบู่แครอท
น้ำมันโจโจ้บา หรือน้ำมันโฮโฮบา เป็นน้ำมันที่ได้จากพืช อุดมไปด้วยวิตามินนานาชนิด และมีสารที่มีฤทธิ์คล้าย Estrogen ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิง ช่วยลดรอยหมองคล้ำและริ้วรอยที่เกิดก่อนวัย พร้อมปกป้งผิวที่อาจเกิดอันตรายจากแสงแดด ปลอดภัยปราศจากการแพ้ระคายเคือง ทั้งยังช่วยลดการระเหยของน้ำภายในร่างกายสู่ผิวหนังชั้นนอก เพิ่มความนุ่มนวลและชุ่มชื่นให้แก่ผิวหนังได้ดี นอกจากนี้ยังถูกดูดซึมเข้าผิวหนังได้ง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ
ขมิ้นชัน ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย ลดอาการอักเสบที่ทำให้เกิดหนอง ทำให้แผลหายเร็วขึ้น ลดปฏิกิริยาจากภูมิแพ้ รักษาผดผื่นคัน และอาการคันจากการแพ้ตามร่างกาย ช่วยทำให้ผิวหนังเรียบเนียนขึ้น ลดรอยฝ้า กระ และจุดด่างดำ
อย่างไรก็ดี สบู่แครอทแต่ละยี่ห้อที่จำหน่ายกันมักมีส่วนผสมอื่นๆเพิ่มเข้ามา โดยมีการอวดอ้างสรรพคุณแสนวิเศษไว้มากมาย เราควรระมัดระวังในการเลือกใช้ อย่าปล่อยให้ความอยากสวยของเราครอบงำจนไร้สติ โดยดูให้ดีว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการรับรองมาตรฐานหรือไม่ แม้ว่าสบู่แครอทจะดูเหมือนเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ร้ายแรงอะไร แต่อย่าลืมว่าส่วนประกอบต่างๆที่ผสมอยู่ในนั้นอาจแฝงไปด้วยสารอันตรายที่ส่งผลเสียต่อผิวพรรณของเราได้ และขอบอกไว้เลยว่า “สบู่แครอท” ของแท้ต้องสีส้มเท่านั้น

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เพิ่มความขาว ไม่ต้องพึ่งแพทย์ กับ อาหารเสริมผิวขาว

         เรื่องผิวขาวยังเป็นเรื่องที่สาวๆให้ความสนใจอยู่เสมอ ซึ่งส่วนมากจะพยายามสรรหาวิธีการต่างๆเพื่อให้ได้มาซึ่งผิวพรรณขาวผุดผ่องด้วยตัวเอง บ้างก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ แต่ก็มีอยู่ไม่น้อยที่เสียเวลาไปฟรีๆ จึงไม่แปลกที่จะเห็นบางคนหันไปพึ่งแพทย์ด้วยการฉีดสีผิวให้ขาวขึ้นแบบรวดเร็วทันใจ ทั้งนี้ ต้องแลกไปกับการเจ็บตัวและใช้งบประมาณสูง
 วันนี้เราขอนำเสนออีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้ผิวขาวสดใสจากภายในสู่ภายนอก ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมไม่แพ้การใช้ครีมบำรุงผิว คือการรับประทานอาหารเสริมผิวขาวนั่นเอง โดยบทความนี้จะพูดถึงอาหารเสริมผิวขาวที่ใช้สารสกัดจากสาหร่ายแดง เพราะนอกจากจะช่วยเรื่องสุขภาพผิวแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกหลายด้าน

 

สาหร่ายแดง คืออะไร
สาหร่ายแดงเมื่อนำมาสกัดแล้วจะได้สารอาหารมากคุณค่าชนิดหนึ่ง เรียกว่า “แอสตาแซนธิน” (Astaxanthin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง เป็นสารสีแดงในกลุ่มแซนโทรฟิลล์ ตระกูลแคโรทีนอยด์ พบได้ทั่วไปในธรรมชาติ เช่น ในปลาแซลมอน ไข่ปลาคาเวียร์ เปลือกกุ้งปู เป็นต้น ทั้งนี้ ร่างกายไม่สามารถสร้างสารชนิดนี้ขึ้นเองได้ เราจะได้รับก็ต่อเมื่อบริโภคเข้าไปในปริมาณที่น้อยมาก อย่างเช่นถ้ารับประทานปลาแซลมอน 200 กรัม จะได้รับแอสตาแซนธินแค่เพียง 1 มิลลิกรัม แต่สารแอสต้าแซนธินสามารถสกัดจากได้สาหร่ายที่ชื่อว่า “Haematococcus Pluvialis” หรือสาหร่ายแดงนั่นเอง จึงมีการนำมาทำเป็นอาหารเสริมเพื่อสุขภาพกันมากมาย
   มีผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ได้ทำการศึกษาประสิทธิภาพของสารต้านอนุมูลอิสระชนิดต่างๆ พบว่าสาหร่ายแดง astaxanthin มีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระได้มากกว่าวิตามินซี 6,000 เท่า CoQ10 800 เท่า วิตามินอี 550 เท่า Green tea catechins 550 เท่า Alpha lipoic acid 75 เท่า เบต้าแคโรทีน 40 เท่า และสารสกัดจากเมล็ดองุ่นถึง 17 เท่า

สาหร่ายแดงกับสุขภาพผิว
 ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า Astaxanthin มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ มีประโยชน์ในการดักจับอนุมูลอิสระจากร่างกาย ซึ่งปกติอนุมูลอิสระเป็นอะตอมที่ไม่เสถียร มีอิเลคตรอนคู่โดดเดี่ยวพร้อมที่จะขโมยอิเลคตรอนจากอะตอมอื่น เมื่ออนุมูลอิสระทำปฏิกิริยากับโมเลกุลที่มีความเสถียร จึงทำให้กลายเป็นอนุมูลอิสระและเกิดเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ของการเกิดอนุมูลอิสระ นักวิทยาศาสตร์หลายท่านเชื่อว่าสาเหตุของการเกิดการชรา เกิดจากการที่เซลล์ถูกทำลาย โดยการที่ไม่สามารถควบคุมปฏิกิริยาลูกโซ่ของอนุมูลอิสระนี้ได้ Astaxanthin มีสูตรโครงสร้างโมเลกุลที่เป็นเอกลักษณ์จึงทำให้มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระที่เหนือกว่า
ยังมีผลวิจัยที่ให้ผู้หญิงรับประทานสาร Astaxanthin พบว่าผู้หญิงจาก 5 ใน 10 คน มีสภาพผิวที่เนียนขึ้นจริง ริ้วรอยเหี่ยวย่นลดลง ผิวชุ่มชื้น และตึงกระชับขึ้น ริ้วรอยเส้นเล็กและรอยเหี่ยวย่นลดลง 53% ผิวหนังยืดหยุ่นตึงกระชับขึ้น 53% ลดความแห้งกร้าน 56% จากการประเมินส่วนบุคคลหลังจากรับประทาน Astaxanthin ระยะเวลา 6 สัปดาห์ จึงไม่แปลกที่จะมีการใช้สาหร่ายแดงเป็นอาหารเสริมผิวขาวกันอย่างแพร่หลาย

 โดยสรุปแล้ว นอกจากประโยชน์สาหร่ายสีแดงจะให้คุณค่าในเรื่องของการฟื้นฟูสภาพผิว ชะลอความแก่ ลดเลือนรอยเหี่ยวย่น ยังช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายไม่ให้เกิดปัญหาสุขภาพได้อีกด้วย อย่างเช่น โรคมะเร็ง เป็นต้น มะเร็งเป็นเนื้อร้ายซึ่งเกิดจากเซลล์ทำงานผิดปกติ เพราะอนุมูลอิสระไปสร้างปฎิกริยาเกิดขึ้น ทำให้เซลล์ไม่เสถียรแล้วขยายไปดึงเซลล์อื่นมาอีกจนทำให้มะเร็งขยายตัว ร่างกายจึงทรุดโทรมลงเรื่อยๆ Astaxanthin เป็นอาหารของเซลล์ชนิดหนึ่งที่ช่วยบล็อกให้เซลล์ดีแข็งแรง ลดการขยายตัวของเซลล์ที่เสียนั่นเอง
 ทั้งนี้ อาหารเสริมผิวขาวที่ใช้สาหร่ายแดงเป็นส่วนผสมหลักอาจมีราคาสูง เนื่องจากคุณประโยชน์ในหลากหลายด้านที่รับประทานแล้วเห็นผลจริง กับเงินที่เสียไปเรียกได้ว่าเป็นความคุ้มค่าซึ่งใครๆก็ยอมจ่าย เพราะการได้ผิวขาวสุขภาพดีโดยไม่ต้องพึ่งหมอให้เจ็บตัวถือเป็นการดี แถมยังมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์รอบด้าน แบบนี้มีแต่คุ้มกับคุ้ม

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

วิธีทำให้ผิวขาว ที่ไม่อันตราย และใช้ได้กับทุกคน

หากผิวพรรณของคุณดูดำคล้ำ ทั้งสาเหตุที่มาจาก การออกแดด โดยปราศจากการปกป้องด้วย

ครีมกันแดด หรือ การเป็นคนมีเม็ดสีเมลานินมากกว่าคนปกติ จึงกลายเป็นคนผิวไม่ขาวเท่าที่ต้องการ

แล้วต้องการให้ผิวพรรณมีความขาว กระจ่างใสขึ้นมาได้จริง คนดูดีขอชี้ทาง ดังนี้ เพื่อความกระจ่างใสของ

ผิวพรรณ

วิธีการทำให้ผิวขาวขึ้นมาได้ มีทั้งวิธีธรรมชาติ และไม่ธรรมชาติเข้าช่วย และมีทั้งรวดเร็ว และใช้ระยะ

เวลาประมาณหนึ่ง

แต่วิธีทำให้ผิวขาว แบบฉบับคนดูดี มีดังต่อไปนี้

 

หากมีผิวคล้ำจากปัญหาแสงแดด วิธีง่ายๆ คือ เวลาออกแดด ให้ทาครีมกันแดด ค่า spf เกินกว่า 15 ขึ้นไป

 เพื่อป้องกันแสงแดด โดยควรเป็นครีมกันแดดที่ช่วยป้องกันได้ทั้ง แสงยูวีเอ และยูวีบี จะดีมาก และเมื่อ

ออกแดดแล้ว ควรทาซ้ำอีกครั้ง เพื่อการออกฤทธิ์ที่ดี
นอกจากนั้น ให้พกร่ม เมื่อออกแดด จนเป็นนิสัย เพราะ ร่ม จะสามารถกรองแสงแดด ได้ชั้นหนึ่ง ไม่ให้

แสงแดด ทำลายผิวของเรา

แต่สำหรับผิวคล้ำจากสาเหตุอื่น การใช้ครีมเข้าช่วย จะช่วยได้มาก โดยครีมที่ทานั้น นอกจากมีครีม

กันแดดแล้ว ไวเทนนิ่ง ก็ช่วยในเรื่องของความขาวใส จะค่อยๆปรับสภาพให้ผิวกระจ่างใส จนขาวได้เอง

ในที่สุด หรือหากต้องการเพิ่มเติม นอกจากการทา การกินยา ฉีดยา ก็สามารถช่วยได้ โดยการเข้าไปช่วย

ในเรื่องการจัดการเมลานินในผิวพรรณ ให้มีปริมาณที่เหมาะสม ค่อนไปในทางที่จะทำให้ผิวขาว ลดการ

ทำงานของเม็ดสีได้ โดยไม่เป็นอันตราย ก็เป็นวิธีที่ช่วยให้ผิวขาว อย่างรวดเร็ว
ฉะนั้นแล้ว คนดูดี ขอสรุปง่ายๆ ดังนี้ วิธีการทำให้ขาว หากอยากมีผิวขาวใส ให้ปฏิบัติแค่เพียง

หลีกเลี่ยงแสงแดด ใช้ครีมบำรุงมีส่วนผสม ไวเทนนิ่ง และเสริมเข้าไปด้วยการกินยา หรือฉีดยา

ช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน เพียงเท่านี้ เราก็มีผิวพรรณที่กระจ่างใส และขาวได้อย่างง่ายดาย

ด้วย วิธีทำให้ผิวขาว อย่างง่ายๆ

 

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.