เคล็ดลับหน้าใส บํารุงผิวหน้าให้สวยเด้ง โดดเด่นกว่าใครๆ

         สมัยนี้แค่รูปร่างดีอย่างเดียวคงไม่ได้ สิ่งที่ต้องมาคู่กันก็คือจะต้องหน้าเป๊ะด้วย ซึ่งหน้าเป๊ะในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการแต่งหน้าให้แน่น แต่หมายถึงการบำรุงผิวหน้าให้สวยเด้งออกมาจากข้างใน จริงอยู่ที่ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง ทว่าหากเลือกได้คุณก็อยากสวยใสไร้ที่ติแบบธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งเครื่องสำอางมากมิใช่หรือ?
         ดังนั้น วันนี้เราจึงมีเคล็บลับหน้าใส ที่จะช่วยบำรุงผิวหน้าให้สวยเด้ง โดดเด่นกว่าใครๆ มาให้ท่านผู้อ่านโดยเฉพาะ (สามารถใช้ได้ทั้งหญิงและชาย) ถ้าพร้อมที่จะสวยวิ้งกันแล้วก็มาเริ่มกันเลย

 

เคล็ดลับบำรุงผิวหน้าให้สวยเป๊ะ
         1.ทำความสะอาดผิวด้วยโทนเนอร์ หลังจากกลับถึงบ้าน สิ่งที่เราต้องทำเป็นอันดับแรก็คือการทำความสะอาดผิวหน้า โดยควรใช้สำลีชุบโทนเนอร์เช็ดให้ทั่วทั้งใบหน้า วิธีการเช็ดหน้าที่ถูกต้องคือ การเช็ดขึ้นจากด้านล่างขึ้นสู่ด้านบนเพื่อเป็นช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นเข้าสู่รูขุมขน และเป็นการทำความสะอาดรูขุมขนได้อย่างมีประสิทธิภาพอี
         2.ทาครีมบำรุงผิวหน้ากลางวันหรือกลางคืน หลังจากที่เช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์แล้ว ก็ควรทำการบำรุงผิวหน้าให้เป็นนิสัย ด้วยการใช้ครีมบำรุงผิวแบบกลางวันหรือกลางคืนตามความเหมาะสม โดยให้นวดหน้าด้วยนิ้วมือด้วย ซึ่งการนวดหน้าจะช่วยกระตุ้นการดูดซึมของเนื้อครีมเข้าสู่ผิวหน้าได้ดีมากขึ้น

         3.ดื่มน้ำสะอาดมากๆ น้ำเป็นส่วนประกอบที่มีความสำคัญอย่ายิ่งต่อร่างกาย ซึ่งคนเราจะมีการสูญเสียน้ำออกมาจากร่างกายผ่านปัสสาวะและเหงื่อ อย่างมากที่สุดประมาณ 2 ลิตร ดังนั้น การดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ลิตรจะช่วยรักษาความชุ่มชื่นและความสวยงามให้แก่ผิวหนัง
         4.ทาครีมกันแดดเป็นประจำ หากรู้ว่าต้องออกไปข้างนอกและถูกแดด ก็ควรทาครีมกันแดดที่ผิวหน้าด้วย เพื่อปกป้องผิวจากอันตรายของแสงยูวี โดยผลการวิจัยทางการแพทย์ได้ค้นพบว่า ผู้คนส่วนใหญ่ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีจะต้องเผชิญกับแสงยูวีที่เป็นอันตรายต่อผิวมาก และความรุนแรงของแสงจะเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 50-70 ของแสงทั้งหมด ดังนั้น กันไว้ดีกว่าแก้
         5.พักผ่อนให้เพียงพอ เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับแสนง่ายที่ช่วยในการบำรุงผิวหน้าให้สวยเด้งตลอดวัน เพราะระหว่างที่นอนหลับผิวจะสร้างกระบวนการฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิวโดยอัตโนมัติ ยิ่งทาครีมบำรุงผิวก่อนนอน จะทำให้ได้ผลดีมากขึ้น ทั้งนี้ หากพักผ่อนไม่เพียงพอจะส่งผลทำให้ผิวเกิดการอ่อนล้า ความสามารถในการฟื้นฟูและการซ่อมแซมเซลล์ผิวใหม่จะลดลง ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำและหยาบกร้าน เป็นสิวอักเสบได้ง่าย

         6.ออกกำลังกายเป็นประจำหงื่อที่ออกมาจะเป็นการขับสารพิษออกจากร่างกาย และทำให้ระบบไหลเวียนของเลือด ปอด หัวใจทำงานดีขึ้น ส่งผลให้ผิวพรรณสวยเปล่งปลั่ง นอกจากนั้นยังช่วยผ่อนคลายความเครียดทำให้นอนหลับสบาย ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น และช่วยควบคุมน้ำหนักตัวได้ ซึ่งล้วนมีผลดีต่อผิวพรรณทั้งสิ้น
         7.รับประทานอาหารบำรุงผิว โดยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ จะช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย และริ้วรอยบนใบหน้าได้ โดยควรรับประทานผลไม้สด เช่น เบอร์รี่ ทับทิม ชา ส้มโอ อะโวคาโด และแครรอท เป็นต้น นอกจากนี้ยังควรรับประทานเนื้อปลาที่เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมเซลล์ของร่างกายที่เสื่อมโทรม และยังมีเซเลเนียม ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความชราและความเสื่อมของร่างกาย
         และนี่คือเคล็ดลับความงามที่ช่วยบำรุงผิวหน้าให้สวยเป๊ะจากภายใน โดยเป็นวิธีง่ายๆที่ใครๆก็ทำได้ ไม่ต้องพึ่งยาหรืออาหารเสริม และไม่ต้องพึ่งคอร์สหน้าใสให้สิ้นเปลืองงบประมาณในกระเป๋า เห็นไหมว่าคุณก็สามารถสวยได้ง่ายๆ ขอเพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง ทำตามเคล็ดลับนี้ รับรองว่าผิวหน้าคุณจะสวยขึ้นจนใครเห็นเป็นต้องเหลียวมอง

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

สุดยอดวิธีทำ ครีมรักษาแผลเป็น ที่เกิดขึ้นจากกลากอย่างง่ายๆที่บ้าน

         กลากเป็นปัญหาสุขภาพผิวเรื้อรัง ที่ก่อให้เกิดอาการอักเสบของผิว สาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการกลากนั้นยังไม่ทราบอย่างแน่ชัด แต่โดยทั่วไปแล้วมักจะเชื่อกันว่า กลากเกิดขึ้นจากความเครีดที่สะสมตัวมากจนเกินไป ภูมิแพ้ อาการระคายเคือง จุลินทรีย์ การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอรืโมนในร่างกาย และปัจจัยอื่นๆอีกมากมาย

การปรากฏตัวของกลาก
   กลาก มักจะปรากฏตัวขึ้นเป็นสีแดงบนผิวหนังตามส่วนต่างๆของร่างกาย มีอาการคัน ทำให้ผิวบริเวณนั้นเกิดความแห้งกร้าน ผื่น และหมองคล้ำมากยิ่งขึ้น ส่งผลทำให้ผิวหยาบ เมื่อทำการรักษากลากจนหายแล้ว มันก็ยังอยู่เบื้องหลังรอยแผลเป็นที่น่าเกลียดจำนวนมากบนผิวหนัง ที่จำเป็นจะต้องใช้ระยะเวลายาววนานมาก กว่าที่รอยแผลเป็นเหล่านั้นจะจางหายไป

         เมื่อผิวหนังของคุณปรากฏรอยแผลเป็นขึ้นหลังจากการรักษากลากแล้วก็อย่าพึ่งตกใจจนเกินไป เพราะนอกเหนือจากการใช้โลชั่นในการดูแลรักษาผิวหนังตามปกติในชีวิตประจำวันแล้ว คุณยังสามารถที่จะผ่อนคลายความเครียดของผิว ลดอาการเจ็บปวด คัน ไปพร้อมกับการฟื้นฟูรักษารอยแผลเป็นเหล่านั้นให้จางหายไปอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ด้วยวิธีทางธรรมชาติ ที่บทความชิ้นนี้กำลังจะขอทำการแนะนำสูตรครีมรักษาแผลเป็นอย่าง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้าน ดังต่อไปนี้

สูตรการทำครีมรักษาแผลเป็นที่เกิดขึ้นจากกลาก อย่างง่ายๆที่บ้าน
   สำหรับสูตรครีมรักษาแผลเป็นอย่างง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้านนั้นมีมากมายหลายสูตรเลยทีเดียว ซึ่งคุณสามารถที่จะเลือกเฉพาะสูตรที่ตัวเองชอบ หรือสนใจเพื่อนำไปใช้ในการรักษาฟื้นฟูผิวของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อผลลัพธ์ในการรักษารอยแผลเป็นที่ดีที่สุด
 1.น้ำผึ้ง ครีมรักษาแผลเป็นจากธรรมชาติ ที่ถูกนำมาใช้ในการดูแลสุขภาพของผิวอย่างหลากหลาย รวมทั้งปัญหารอยแผลเป็นจากกลากด้วย นอกจากนี้น้ำผึ้งยังมีคุณสมบัติในการช่วยผ่อนคลายผิว ฆ่าและต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นการช่วยรักษารอยแผลเป็นที่มีอาการเปื่อยรวมด้วยได้เป็นอย่างดี
 เพียงแค่คุณใช้น้ำผึ้งทาลงบนผิวโดยตรง ในบริเวณที่ได้รับผิลกระทบอย่างทั่วถึง หรือคุณอาจจะใช้น้ำผึ้งมาทำเป็นสครับผิวร่วมกับน้ำตาลก้อน ทำการขัดในบริเวณที่ต้องการเบาๆ ประมาณ 2-3 นาที แล้วจึงค่อยทำการล้างออก เพียงแค่คุณทำตามคำแนะนำนี้ไม่กี่ครั้งต่อสัปดาห์ รอยแผลเป็นก็จะค่อยๆหายไปอย่างสมบูรณ์

         2.น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ เป็นหนึ่งในครีมรักษาแผลเป็นที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลก เนื่องจากมันมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อรา และต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ที่สามารถช่วยลดอาการกาก อาการเปื่อยของผิวหนังให้น้อยลง สำหรับวิธีการใช้ก็แสนง่าย เพียงแค่คุณผสมน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์กับน้ำเปล่าในอัตราส่วนที่เท่ากัน จากนั้นทาลงไปที่ผิวหนังโดยตรง ครีมรักษาแผลเป็นนี้จะช่วยลดอาการคัน และรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังมากยิ่งขึ้น
 3.ข้าวโอ๊ต มีคุณสมบัติในการช่วยปลอบประโลมผิว และบรรเทาอาการคัน นอกจากนี้ข้าวโอ๊ต ยังสามารถช่วยทำความสะอาดผิวได้เป็นอย่างดี ทำให้มันถูกนิยมนำมาใช้เป็นครีมรักษาแผลเป็นจากธรรมชาติ
 นำข้าวโอ๊ตปริมาณ 1-2 ถ้วย ใส่ลงไปในเครื่องปั่นให้ละเอียด แล้วผสมมันลงไปในอ่างอาบน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำอุ่น เมื่อแช่อ่างน้ำที่เต็มไปด้วยข้าวโอ๊ตเป็นเวลา 20-30 นาที ไปพร้อมกับการลูบไล้ผิวที่แห้งด้วยผ้าขนหนูนุ่มๆ เป็นเวลา 3 ครั้ง ต่อวัน ตามระดับความรุนแรงของปัญหาแผลเป็น เพียงเท่านี้ แผลเป็นของคุณก็จะค่อยๆถูกเยียวยารักษาอย่างทั่วถึงเลยทีเดียว
 วิธีการรักษาแผลเป็นจากกลาก ที่มักเกิดขึ้นจากเชื้อแบคทีเรียเหล่านี้ จำเป็นที่จะต้องเลือกส่วนผสมของครีมรักษาแผลเป็นจากธรรมชาติ ที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรีย หรือจุลินทรีย์อย่างได้ผล เพื่อผลลัพธ์ในการดูแลรักษาผิวพรรณให้ห่างไกลจากแผลเป็นที่ดีที่สุด

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ครีมลบแผลเป็น โครตง่าย ทำเองก็ได้ ไม่เห็นต้องง้อคลินิก

         ปัญหารอยแผลเป็น เป็นหนึ่งในปัญหาด้านผิวพรรณที่สร้างความลำบากใจให้กับคนที่ต้องการจะมีผิวพรรณที่สวยงาม เรีนบเนียน ไร้จุดเด่นสะดุดตามากที่สุด นอกจากนี้รอยแผลเป็น ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นจะต้องใช้ความใจเย็น เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาอย่างยาวนานอย่างมากเลยทีเดียว ทำให้หลายคนที่ใจร้อน จึงมักที่อยากลดระยะเวลาในการรกษาแผลเป็นให้น้อยลง โดยการไปเข้ารับการรักษาจากบรรดาเหล่าสถาบันเสริมความงาม หรือจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านผิวหนังโดยเฉพาะ แต่ราคาค่าใช้จ่ายในการเข้ารับการรักษาเหล่านี้ ก็เรียกได้ว่าค่อนข้างสูงมากทีเดียว อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับคนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์อย่างคนในวันเรียนสักเท่าใดนัก และต่อให้เลือกที่จะใช้วิธีการรักษาพื้นๆ อย่างการใช้ครีมลบแผลเป็นก็ตาม แต่ราคาก็ใช่ย่อยอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม ครีมลบแผลเป็นที่มีประสิทธิภาพนั้น ใช่ว่าจะมีเพียงการรักษาด้วยตัวยาแผนปัจจุบันเท่านั้น ถ้าหากทำการศึกษาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วจะพบได้ว่า ครีมลบแผลเป็นสามารถทำขึ้นได้ใหม่ด้วยตัวคุณเอง โดยการใช้วัตถุดิบส่วนผสมจากธรรมชาติ ที่สามารถหาได้ไม่ยาก แถมราคาไม่แพงอีกด้วย

ครีมลบแผลเป็น สูตรทำด้วยตัวเองอย่างง่ายๆที่บ้าน
สำหรับครีมลบแผลเป็น สูตรที่ได้รับความนิยม มีดังต่อไปนี้
 1.น้ำมะนาว กรดของน้ำมะนาวทำหน้าที่เป็นยาฆ่าเชื้อตามธรรมชาติ จึงสามารถช่วยแบ่งเบารอยแผลเป็นให้จางลง นอกจากนี้ด้วยปริมาณของวิตามินซีที่สูงในน้ำมะนาว ยังสามารถช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผิวใหม่ถูกสร้างขึ้นมาแทนเซลล์ผิวเก่าที่ผลัดตัวเนื่องจากการเสื่อมสภาพ และยังช่วยปรับโทนสีของชั้นผิวใหม่ที่เกิดขึ้นมาแทนที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
 เพียงใช้น้ำมะนาวสดๆ ทาลงบนพื้นที่ผิวที่ต้องการ วันละสองครั้ง ทิ้งเอาไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรือวิธีการใช้น้ำมาะนาวในฐานะครีมลบแผลเป็นอีกแบบหนึ่งก็คือ การขัดผิว โดยใช้น้ำมะนาวผสมเข้ากับน้ำตาลก่อน ขัดๆ ทาถูบริเวณแผลเป็นก่อนเข้านอน ในระยะเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ คูรก็จะสามารถเห็นผลลัพธ์สุดมหัศจรยย์ที่เกิดขึ้นกับผิวได้อย่างแน่นอน
   2.น้ำมันมะกอก เป็นครีมลบแผลเป็นจากธรรมชาติ ที่มีสรรพคุณในการบรรเทาอาการติดเชื้อ ทำให้ผิวอ่อนนุ่ม ลดรอยแดง และทำให้รอยแผลเป็นจางหายไป

         นำน้ำมันมะกอกทำการนวดลงไปเบาๆในบริเวณที่เกิดแผลเป็น จากนั้นให้นำผ้าขนหนูที่ชุบน้ำอุ่น บิดหมาดๆ วางประคบลงในบริเวณนั้น ทิ้งเอาไว้จนกระทั่งผ้าเย็น แล้วทำการล้างน้ำมันส่วนเกินออกด้วยน้ำอุ่นอีกครั้ง ทำซ้ำ 1-2 ครั้ง ต่อวัน แต่ถ้าหากคุณมีอาการแพ้ หรือหาน้ำมันมะกอกไม่ได้จริงๆ ขอแนะนำให้ใช้น้ำมันมะพร้าวแทน
 นอกจากการใช้ครีมลบแผลเป็นแล้ว การทานอาหารบางอย่างที่มีคุณสมบัติในการช่วยรักษาแผลเป็น เพื่อเสร้มความรวดเร็วในการซ่อมแซม ฟื้นฟู สภาพผิวให้กลับมาสมบูรณ์ที่สุดนั้นก็เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเช่นกัน เช่น การทานน้ำมันปลา เป็นต้น
การบริโภคน้ำมันปลาอย่างต่อเนื่อง สามารถที่จะช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยคุณสมบัติของกรดไขมันโอเมก้า-3 ในปลา ยังสามารถช่วยรักษาอาการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับโรคกลาก ซึ่งเมื่อหายก็มักที่จะหลงเหลือรอยแผลเป็นเอาไว้ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย โดยการรับประทานน้ำมันปลาอย่างเหมาะสม ในการช่วยรกษาอาการเหล่านี้ ขอแนะนำให้ใช้วันละ 1,200 มิลลิกรัม หรืออาจจะใช้วิธีการรับประทานอาหารประเภทปลาที่ไขมันสูง อย่างเช่น ปลาเซลมอน หรือปลาทูน่า ก็จะได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจในการรักษาแผลเป็นเช่นกัน

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

สุดยอดครีมครีมทาแผลเป็น ที่ได้ผลดีที่สุด

         แผลเป็น นอกจากทำให้ผิวมีจุดน่าเกลียดที่เด่นสะดุดตาแล้ว ยังทำให้ผิวหนังโดยรวมดูไม่เรียบเนียนอย่างที่เหล่าคนรักสวยรักงามต้องการ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ปัญหารอยแผลเป็น กลายเป็นปัญหาที่น่ารำคาญใจมากยิ่งขึ้นไปอีก นั่นก็คือ “อาการคัน” ที่มักเกิดขึ้นรวมกันกับรอยแผลเป็นบ่อยๆ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า การรบกวนผิวหนังนั้นนับเป็นสิ่งต้องห้ามที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะอาจจะยิ่งทำให้ผิวหนังเกิดริ้วรอยมากขึ้น หรือในกรณีของรอยแผลเป็นนั้น ก็อาจจะไปกระตุ้นเกิดอาการอักเสบ หรือแผลเป็นอาจจะเกิดการขยายขนาด มองเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยที่เราไม่ได้ตั้งใจได้เช่นกัน
 แต่เมื่อเกิดอาการคันๆๆๆๆ …. คงเป็นเรื่องยากมากที่จะห้ามใจไม่ให้เผลอใช้มือเกา ซึ่งวิธีที่ดีสุดที่จะป้องกันไม่ให้เกิดการรบกวนผิวขึ้น ก็คือการรู้จักใช้ครีมทาแผลเป็น ที่มีคุณสมบัติช่วยในการรักษาฟื้นฟูผิวให้จางลงอย่างรวดเร็ว ไปพร้อมๆกับการบรรเทา ลด และป้องกันอาการคันไม่ให้เกิดขึ้นเสียตั้งแต่เนิ่นๆ สำหรับครีมทาแผลเป็น ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนเหล่านี้ก็ไม่จำเป็นจะต้องไปตามหาซื้อจากที่ไหน แต่พวกมันอยู่ใกล้ตัวคุณที่บ้าน ใกล้เสียจนหลายๆคนมองข้ามไปเลยทีเดียว

ครีมทาแผลเป็น บรรเทาอาการคัน ทำได้ง่ายๆด้วยตัวเองที่บ้าน
 1.ใบสะเดา เป็นครีมทาแผลเป็นตามธรรมชาติของไทยโบราณ นอกจากการช่วยรักษาแผลเป็นอย่างได้ผลแล้ว ใบสะเดายังมีคุณสมบัติช่วยลดอาการระคายเคือง และต่อต้านอาการอักเสบอย่างได้ผล สำหรับวิธีการนำใบสะเดามาใช้เป็นครีมทาแผลเป็นก็แสนง่าย เพียงแค่ใช้ใบสะเดาบด และขมิ้นผง อย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ เติมน้ำมันงาลงไปเล็กน้อย ผสมทุกอย่างรวมเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำไปทาพอกในพื้นที่ที่ได้รับความกระทบ ทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที แล้วทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำการรักษาด้วยวิธีนี้ วันละครั้งอย่างสม่ำเสมอ
2.ว่านหางจระเข้ เป็นหนึ่งในครีมทาแผลเป็นจากธรรมชาติที่ได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก ว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติในการต่อต้านอาการอักเสบ และต้านจุลชีพ ที่ช่วยในการลดอาการระคายเคืองที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยค่อยๆทำให้รอยแผลเป็นจางลง และลดรอยหมองคล้ำบนผิวอย่างได้ผล
 วิธีการใช้ว่านหางจระเข้ในฐานะของครีมทาแผลเป็นนั้น เพียงแค่นำเจลว่านหางตระเข้ทาลงไปโดยตรงยังบริเวณผิวที่ต้องการ วันละ 1-2 ครั้ง ทุกวัน จนกว่าคุณจะเริ่มรู้สึกพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้ หรือคุณอาจจะประยุกต์นำเจลว่านหางจระเข้ ไปผสมรวมเข้ากับน้ำมันวิตามินอีในปริมาณที่พอๆกัน แล้วนำมาทาบนผิวที่ต้องการก่อนเข้านอนโดยไม่ต้องล้างออก จากนั้นจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำอุ่นในตอนเช้า เป็นประจำทุกวัน

         3.เบรกกิ้งโซดา เป็นครีมทาแผลเป็นตามธรรมชาติ ที่สามารถช่วยกำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วออกไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้เบรกกิ้งโซดายังไม่ทำเกิดอาการคันขึ้นที่ผิวหนังอีกด้วย ในความเป็นจริงแล้ว เบรกกิ้งโซดายังสามารถที่จะช่วยลดอาการคันให้น้อยลงได้อีกด้วย สำหรับวิธีการนำเบรกกิ้งโซดาไปใช้นั้น เพียงทำการผสมเบรกกิ้งโซดาปริมาณ 2 ช้อนโต๊ะ เข้ากับน้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ แล้วนำส่วนผสมที่ได้ไปทาลงบนรอยแผลเป็นที่ต้องการ จากนั้นทิ้งเอาไว้ประมาณ 10 นาที แล้วจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำอุ่น
ขอเพียงแค่คุณมีความตั้งใจจริงที่จะกำจัดรอยแผลเป็น พร้อมกับใช้ครีมทาแผลเป็นเหล่านี้ในการช่วยดูแลผิวพรรณอย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้รับรองว่า ในเวลาไม่นาน ผิวของคุณก็จะกลับมาเรียบสวย ไร้รอยแผลเป็น และอาการคันรบกวนใจอีกต่อไปอย่างแน่นอน

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

รวมมิตร ยาแผลเป็น ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก

         ผิวหนัง เป็นอวัจวะที่สวยงามไร้รอยต่อ คนที่มีผิวสวย เทียบได้กับผ้าไหมชิ้นงามเลยทีเดียว แต่ถ้าหากผ้าไหมผืนนั้นมีรอยฉีกขาดแม้เพียงเล็กน้อย มันก็มากพอที่จะเป็นตำหนิที่สร้างความแตกต่างอันยิ่งใหญ่แก่ผู้ที่ครอบครองมัน ผิวหนังเองก็เช่นกัน ต่อให้เรียบเนียนสวยสักเพียงใด แต่ถ้าหากมีรอยแผลเป็นปราฏกขึ้นมา ไม่ว่าจะจากสาเหตุใดก็ตาม มันก็มากเพียงพอแล้วที่จะทำให้ผิวมีรอยตำหนิที่โดดเด่นขึ้นมา
 รอยแผลเป็น ในเล็กๆ ในจุดที่ไม่โดดเด่นนัก คงจะเป็นเรื่องง่ายหากคุณสาวๆคิดที่จะปกปิดมันด้วยเสื้อผ้า หรือเครื่องแต่งกายตามแต่ที่คุณจะได้คิดสร้างสรรค์ขึ้นมา แต่อย่างไรก็ตาม การปกปิดนั้นไม่ได้ช่วยทำให้เหล่ารอยแผลเป็นหายไปอย่างสมบูรณ์ แต่ถ้าหากคุณรู้จักการใช้ยาแผลเป็นอย่างถูกต้องแล้วล่ะก็ คุณก็สามารถที่จะลดขนาด หรือเปลี่ยนรูปลักษณ์ของมันให้จางหายไปได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่คุณสาวๆทุกคนต่างต้องการอย่างสูงสุด

แผลเป็นเกิดขึ้นได้อย่างไร?
  รอยแผลเป็น เป็นกระบวนการบำบัดตามกลไกธรรมชาติของร่างกาย เมื่อผิวหนังได้รับบาดเจ็บ และได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว ในหลายครั้งอาจจะปรากฏรอยแผลเป็น ขึ้นอยู่กับการรักษาในหลายๆปัจจัย อาทิเช่น ความลึก ขนาดของแผล รอยหน้าตัด บริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ รวมไปถึงปัจจัยอื่นๆอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เพศ อายุ เชื้อชาติ หรือแม้แต่ยีนส์ แต่รอยแผลเป็นก็สามารถทำการรักษา ฟื้นฟู ให้จางหายไปได้ โดยเพียงแค่การใช้ยาแผลเป็น ที่สามารถหาซื้อได้จากร้านขายยาทั่วไปเท่านั้น

ยาแผลเป็น และวิธีการรักษารอยแผลเป็น ที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลก
 สำหรับยาแผลเป็น ที่ได้รับความนิยมจากคนทั่วโลก ว่ามีคุณสมบัติในการช่วยผื้นฟูผิว และทำให้รอยแผลเป็นจางลงอย่างมีประสิทธิภาพนั้น มีอยู่มากมายหลายตัวเลยทีเดียว ซึ่งโดยหลักๆแล้ว ยาแผลเป็นที่มีคนใช้กันมากอย่างกว้างขวาง มีดังต่อไปนี้
         1.ครีมยาขี้ผึ้ง ผลิตภัณฑ์ยาเหล่านี้สามารถช่วยในการรักษารอยแผลเป็น ที่เกิดขึ้นจากการตัด หรืออาการบาดเจ็บแบบอื่นๆ
         2.Hiruscar ครีมรักษารอยแผลเป็น ที่มีส่วนประกอบสำคัญเป็นสารสกัดจากหอมแดง ลักษณะของเนื้อครีมจะเป็นเจลใสๆ ไม่มีสี ซึมเร็ว และไม่เหนียวเหนอะหนะน่ารำคาญในขณะที่ทำการทาบริเวณแผลเป็น ซึ่งยาแผลเป็นตัวนี้ จะช่วยทำให้แผลเป็นจางลงอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
         3.Mederma มีลักษณะเป็นเจลใส ใช้ทาถูบริเวณรอยแผลเป็น ยาชนิดนี้จะมีลักษณะเป็นกรดที่ช่วยลอกชั้นผิวหนังที่กลายเป็นรอยแผลเป็นออก ควรนำมาใช้กับแผลเป็นที่ปิดสนิทแล้ว เหมาะอย่างมากกับการรักษารอยแผลเป็นที่เป็นรอยนูน ทีเกิดขึ้นจากการผ่าตัด

         4.Dermatix เป็นยาแผลเป็นที่มีประสิทธิภาพสูง มักถูกแนะนำให้ใช้จากแพทย์ด้านผิวหนัง ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยทำให้รอยแผลเป็นจางลง อ่อนนุ่ม และเรียบลง นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการคันอันน่ารำคาญ ที่มักเกิดขึ้นรวมกับแผลเป็นให้น้อยลงอีกด้วย
         5.Medmaker Vitmin E Cream เป็นครีมรักษารอยแผลเป็นที่เภสัชกรส่วนใหญ่แนะนำให้ใช้ เนื่องจากมีส่วนผสมของวิตามินอีธรรมชาติ ช่วยกระตุ้นการสร้างผิวหนังส่วนที่หายไป ฟื้นฟูสภาพผิว ทำให้รอยแผลเป็นจางลง ลดรอยเหี่ยวย่น บำรุงผิวให้นุ่มเนียน และรักษาคงสภาพความชุ่มชื้นของผิวหนังเอาไว้ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากรอยแผลเป็นของคุณเกิดขึ้นจากการผ่าตัด หรือการศัลยกรรมพลาสติก คุณสามารถที่จะปรึกษากับแพทย์ผู้ดูแลว่า มีวิธีการอื่นๆในการดูแลรักษาแผลเป็นให้หายได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากการใช้ยาแผลเป็นหรือไม่ 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

มารู้จักกับ 7 ครีมทาผิวยอดนิยม การันตีจากผู้ใช้มากมายใน Pantip

         คุณสาวๆที่อยากจะมองหาครีมทาผิวดีๆสักตัวคงจะประสบปัญหาคล้ายๆกันว่า “ควรซื้อครีมทาผิวตัวไหนดี?” เมื่อเกิดคำถามดังกล่าวขึ้นแล้ว ก็คงจะเป็นเรื่องธรรมดาที่คุณสาวๆจะต้องไปทำการศึกษาหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตว่า ครีมทาตัวชิ้นไหนที่จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการให้ผิวขาว เรียบเนียน และนุ่มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งการดูผลตอบรับจากผู้ใช้คนอื่นๆ ที่ไม่ใช่หน้าม้าขายของ ก็เป็นอีกหนึ่งในวิธีที่จะช่วยให้คุณสาวๆสามารถพิจารณาตัดสินใจเลือกซื้อครีมทาตัวได้เป็นอย่างดี แต่การจะไปค้นหาข้อมูลจากหลายๆแหล่งก็เป็นเรื่องที่ชวนเพลีย  ดังนั้น สำหรับในวันนี้ เพื่อเป็นการช่วยย่นเวลาค้นหาข้อมูลของคุณสาวๆจากหลายๆชั่วโมง ให้เหลือเพียงไม่กี่นาที เลยจะขอพาคุณสาวๆไปรู้จักกับผลิตภัณฑ์ครีมทาผิว ที่มักจะถูกแนะนำให้ใช้ รวมไปถึงรีวิว และการการันตีจากผู้ใช้จากเว็บบอร์ดของเว็บไซต์พันทิป ว่ามีอะไรกันบ้าง

ผลิตภัณฑ์ครีมทาผิวยอดนิยมใน Pantip
 1.Vaseline ขวดสีชมพู มีคุณสมบัติที่ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ และปรับสภาพผิวให้ขาวเนียนใสขึ้นอย่างเท่าเทียมกัน นอกจากนี้ยังช่วยในการป้องกันผิวจากแสงแดดอีกด้วย
 2.ครีมเภสัช หรือชื่อเต็มๆว่า Bhaesaj ครีมทาตัวทีมีคุณภาพดี ในราคาที่ถูกเหลือเชื่อเพียงแค่ 45บาท เท่านั้นซึ่งจะปรับให้ผิวกายค่อยๆขาวขึ้น ใสขึ้น และนุ่มขึ้น อย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังผสมสารป้องกันแสงแดดที่จะช่วยปกป้องผิวจากอันตรายของรังสี UV ได้ในระดับหนึ่ง
3.Nivea สูตร Body UV Whitening  เป็นครีมทาผิวที่มีส่วนผสมของวิตามินซี ซึ่งช่วยทำให้ผิวขาวใสขึ้น เมื่อทาแล้วยังทำให้ผิวไม่แห้งมาก นอกจากนี้ยังสามารถช่วยในการป้องกัน UV จากแสงแดด ได้ในระดับหนึ่ง
 4.Jergen สูตร Original Scent มีคุณสมบัติในการช่วยถนอมผิวให้สวยนุ่มเนียน คืนความชุ่มชื้นให้กับผิวให้ยาวนาน นอกจากนี้ยังช่วยทำให้สุขภาพผิวดีมากยิ่งขึ้น
 5.Body Butter ของ Body Shop (Olive Oil) เมื่อใช้แล้วผิวจะชุ่มชื้น นอกจากนี้ยังช่วยทำให้ผิวมีความละเอียดมากยิ่งขึ้น
 6.Garnier สูตร Body LightExtra ช่วยปรับสภาพให้ผิวเนียนใสขาวขึ้น พร้อมกับคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว
 7. Citra สูตรสำหรับผิวคล้ำ เนื้อครีมซึมลงสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว และช่วยปรับสภาพผิวที่คล้ำเสียให้ขาวมากขึ้น ช่วยทำให้ผิวนุ่ม พร้อมกับช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวอีกด้วย

         สำหรับอันดับครีมทาผิวยอดนิยมที่ได้ทำการแนะนำไปแล้วนั้น เป็นเพียงเสียงสะท้อนจากผู้ใช้ส่วนใหญ่ในเว็บบอร์ดพันทิป ที่ช่วยการันตีว่าเป็นครีมทาตัวที่ใช้แล้วมีประสิทธิภาพที่ดีเท่านั้น ซึ่งในความจริงแล้วครีมทาผิวทุกผลิตภัณฑ์นั้น ล้วนแล้วแต่ออกแบบมาเพื่อช่วยในการบำรุงผิว พร้อมกับคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว และปรับสภาพผิวให้ขาว เนียน ใส นุ่มมากยิ่งขึ้น
คุณสมบัติในการบำรุงผิวเหล่านี้ อาจจะเกิดผลแตกต่างกันออกไปตามสภาพผิวของแต่ละคน เช่น บางคนอาจจะมีผิวที่ดำคลำเสียจากแสงแดดมาก เมื่อใช่ผลิตภัณฑ์ครีมทาผิวของยี่ห้อหนึ่งไม่ได้ผล พอไปใช้อีกยี่ห้อหนึ่งกลับได้ผล หรือบางคนอาจจะแพ้ส่วนประกอบของครีมทาตัวยี่ห้อหนึ่ง แต่กลับใช้ผลิตภัณฑ์ของยี่ห้อหนึ่งได้ โดยที่ไม่มีปัญหาอะไรเลย เป็นต้น ดังนั้นจึงไม่อาจคาดหวังได้เต็ม 100% ว่า ครีมทาผิวที่คนอื่นใช้แล้วได้ผลดี เมื่อใช้แล้วก็ตัวเองก็ต้องได้ผลดีตามไปด้วย การทดลองด้วยตัวเองว่าครีมทาตัวชิ้นไหนเหมาะกับตัวเอง จึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด นอกจากนี้การทาครีมควรทำให้เป็นประจำสม่ำเสมอทุกเช้าเย็นให้เป็นนิสัย เพราะถ้าทาบ้าง ไม่ทาบ้าง ก็จะทำให้ครีมทาผิวไม่สามารถบำรุงผิวที่คล้ำเสียได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นอีกในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผิวไม่ขาวขึ้นนั่นเอง

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

วิธีลบรอยแผลเป็นบนใบหน้า ให้ผิวสวยเรียบเนียน

         ใบหน้าเนียนใสไร้สิวเป็นสิ่งที่ทุกคนปราถนา นอกจากนั้นยังหมายรวมไปถึงการที่ผิวพรรณบนใบหน้าปราศจากรอยแผลเป็นที่ทำให้ผิวขรุขระ แลดูไม่เรียบเนียนด้วย ทั้งนี้ ในบางคนอาจมีรอยแผลเป็นบนใบหน้าได้ เนื่องจากการเกิดสิวขั้นรุนแรง (มักมีการแคะ แกะ เกา บีบสิว) ซึ่งจะทำให้ผิวช้ำ อักเสบจนเป็นแผลได้ รวมถึงบางคนเกิดจากโรคอีสุกอีใสที่ทิ้งร่องลอยหลังจากหายแล้วมานานหลายปี การเกิดอุบัติเหตุที่เกิดแผลบนใบหน้าหรือการเย็บเนื้อที่หน้าก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดรอยแผลเป็น
         ทีนี้เมื่อเกิดรอยแผลเป็นบนใบหน้าจะทำอย่างไร ส่วนใหญ่มักหันไปพึ่งคลินิคหรือพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยตรง ซึ่งก็เป็นวิธีที่ถูกต้อง เพราะในบางกรณีมีอาการแผลเป็นรุนแรง ยากที่จะรักษาด้วยตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่หมอจะแนะนำให้ใช้วิธีลบรอยแผลเป็น รอยขรุขระบนใบหน้า ดังนี้

 

วิธีลบรอยแผลเป็น รอยขรุขระบนใบหน้า
         1.การใช้ยาทา แพทย์อาจพิจารณาใช้ยาทาในกรณีที่เป็นไม่มากนัก หรือใช้ร่วมกับวิธีอื่นๆ ยาที่ใช้มักเป็นยาในกลุ่มวิตามินเอ โดยตัวยาจะไปกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ ทำให้รอยแผลตื้นขึ้น
         2.การจี้ด้วยน้ำยา TCA เพื่อกระตุ้นให้รอยแผลมีการสร้างเซลล์ หลังการจี้จะเกิดสะเก็ดดำๆอยู่ประมาณ 1 สัปดาห์ แล้วจึงหลุดไปเอง ซึ่งระหว่างนี้ห้ามแคะ แกะ เกาเป็นอันขาด
         3.ไอออนโต (IONTO) เป็นการใช้กระแสไฟฟ้าขับตัวยา ซึ่งนิยมใช้คือกลุ่มวิตามินเอ เข้าไปในผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการสร้างใยคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ เพื่อให้รอยบุ๋มตื้นขึ้น
         4.รักษาด้วยโฟโน (PHONO) เป็นการใช้คลื่นเสียงขับตัวบาเข้าไปในผิวหนัง โดยใช้ยาในกลุ่มวิตามินเอบำรุง และสร้างคอลลาเจนให้แก่ชั้นผิว ลบรอยแผลเป็น รอยขรุขระบนใบหน้าได้
         5.รักษาด้วยวิธี MD (MICRO DERMABRASION) เป็นการผลัดผิวใหม่โดยใช้เครื่องมือพ่นผลคริสตัลลงไปยังผิวหน้า เพื่อขัดผิวส่วนคราบไคลและหนังกำพร้าชั้นบนออกไป แล้วจึงใช้ตัวยาเร่งการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทน วิธีนี้ช่วยลบรอยแผลเป็นได้ดี และช่วยให้รอยบุ๋มตื้นขึ้น
         6.กรอแผลโดยใช้เครื่องเลเซอร์ จะช่วยให้รอยบุ๋มตื้นขึ้น แต่ต้องใช้เวลาในการรักษาแผลค่อนข้างนาน จึงไม่ค่อยนิยมมากในปัจจุบัน
         7.การฉีดสารสังเคราะห์ โดยแพทย์จะฉีดสารสังเคราะห์ HA เข้าไปในรอยแผล เพื่อให้รอยแผลเต็มขึ้น เป็นการช่วยลบรอยแผลเป็น รอยขรุขระบนใบหน้าได้อีกวิธีหนึ่ง

 

ข้อควรปฏิบัติหลังจากรักษารอยแผลเป็นบนใบหน้า
         ประการแรกควรพยายามหลีกเลี่ยงแสงแดงจัดๆ เนื่องจากในระยะนี้ผิวจะไวต่อแสงแดดมาก ทางที่ดีควรทาครีมกันแดดเป็นประจำตามคำแนะนำของแพทย์ ประการต่อมาคือก่อนใช้ยาหรือเครื่องสำอางบางประเภทควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้ง อย่านำมาใช้เองโดยพลการ ที่สำคัญควรมาพบแพทย์ตามนัด เพื่อจะได้ทำการรักษาอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง และควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดี มีประสิทธิภาพสูงสุด
         ในการลบรอยแผลเป็น รอยขรุขระบนใบหน้าอาจเกิดผลข้างเคียงขึ้นได้บ้าง เนื่องจากตัวยาที่ใช้บางชนิด จะทำให้รู้สึกระคายเคืองต่อผิว บ้างก็ผิวลอกเป็นขุยเล็กน้อย บ้างผิวแดงง่ายขึ้นเวลาถูกแดดจัด ซึ่งแพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลหรือให้ยาเพื่อลดอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
         อย่างไรก็ดี การลบรอยแผลเป็นบนใบหน้าด้วยวิธีทั้งหลาย หมอผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้พิจารณาเองว่าสภาพผิวหน้าและความรุนแรงของแผลเป็นของแต่ละคนเหมาะสมที่จะใช้วิธีไหน ที่จะสามารถช่วยให้รอยแผลตื้นขึ้นและดีขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ รอยอาจจะไม่หายไปในทันทีทั้งหมด บางรายต้องใช้เวลานานพอสมควร ดังนั้น คนที่ต้องการลบรอยแผลเป็นบนใบหน้าต้องมีความอดทนเป็นเลิศ

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ยารักษาส้นเท้าแตก มหัศจรรย์ รักษาส้นเท้าแตก และช่วยบำรุงผิว

         ปัญหาส้นเท้าแตกเป็นตลกร้ายที่ใครเป็นคงขำไม่ออก เพราะนอกจากมันจะบั่นทอนความมั่นอกมั่นใจแล้ว บางคนเป็นหนักถึงขั้นเจ็บปวดส้นเท้ากันเลยทีเดียว โดยการที่ส้นเท้าแตกนั้นมักเกิดจากการกระทำของตัวเราเอง ที่มักจะใส่รองเท้าแตะ รองเท้าเปิดส้น และก็มักจะเดินในบ้านแบบเท้าเปล่า จะทำให้ส้นเท้าได้รับความเย็นจนกระทั่งผิวบริเวณนั้นแห้งแตกในที่สุด นอกจากนั้น น้ำหนักตัวที่มากเกินไป รวมถึงการใส่รองเท้าที่ด้อยคุณภาพก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดส้นเท้าแตก เนื่องจากผิวหนังบริเวณส้นเท้าได้รับแรงกระแทกมาก ทำให้ผิวหนาขึ้น
 
ปัญหาส้นเท้าแตก รู้ให้ทันป้องกันได้

         การป้องกันย่อมไว้ก่อนย่อมดีกว่าการแก้ไข ฉะนั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาผิวหนังที่ส้นเท้าแตก ประการแรกควรควบคุมน้ำหนัก อย่าให้กลายเป็นคนอ้วนเกินเกณฑ์ เพราะจะทำให้ส้นเท้าแตกได้ง่าย และควรหลีกเลี่ยงรองเท้าประเภทที่ทำร้ายส้นเท้า พยายามเลือกชนิดที่มีบริเวณส้นเท้าที่นุ่มนวล และดีไปกว่านั้นก็คือใส่ถุงเท้านุ่มๆด้วย

         ประการต่อมาคือให้รักษาความชุ่มชื้นของผิวหนังบริเวณส้นเท้าไว้ อย่าไปสัมผัสกับความเย็นโดยตรง เวลาเดินในบ้านหรือออฟฟิศ (โดยเฉพาะพื้นกระเบื้อง) ก็ควรสวมรองเท้า เพราะความเย็นจะทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น แห้งกร้าน ส้นเท้าแตกได้ง่าย และไม่ควรยืนนานๆบนพื้นที่แข็งกระด้าง เพราะทำให้ส้นเท้าต้องรับภาระหนัก สุดท้ายเมื่อไม่ไหวก็เกิดการปรับผิวบริเวณนั้นให้หนาขึ้นๆ ซึ่งจะทำให้ส้นเท้าแตกได้ และสุดท้ายสิ่งที่ป้องกันส้นเท้าแตกได้ดีที่สุดคือการดูแลผิวจากภายใน ด้วยการดื่มน้ำในปริมาณที่พอเหมาะอย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน ทำให้ผิวมีความชุ่มชื่น ยืดหยุ่น ป้องกันปัญหาส้นเท้าแตก
 
วิธีแก้ปัญหาส้นเท้าแตก

         1.น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันงา เมื่อเกิดปัญหาส้นเท้าแตก ทั้งสองอย่างนี้สามารถใช้รักษาส้นเท้าแตกได้ เพียงแค่นำน้ำมันมานวดทาบริเวณส้นเท้าสักประมาณ 15 นาที โดยไม่ต้องล้างออกก็จะช่วยให้ผิวหนังที่ส้นเท้าแลดูเนียนนุ่ม ชุ่มชื่น ลดปัญหาส้นเท้าแตกได้
         2.หินขัดเท้า เป็นอีกหนึ่งวิธีที่นิยมใช้รักษาส้นเท้าแตกกัน เพราะใช้ได้ตามสะดวก และเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุได้ดี ทั้งนี้ ถ้าดูแลส้นเท้าไม่ดีก็มีโอกาศจะกลับมาเป็นได้อีก ดังนั้น จึงควรใช้หินขัดเท้าควบคู่ไปกับวิธีอื่นๆด้วย เช่น การทาครีมแก้ส้นเท้าแตก เป็นต้น

         3.ครีมทาส้นเท้าแตก หรือครีมมอยส์เจอไรเซอร์ชนิดเข้มข้น โดยให้ใช้ทาถูนวดบริเวณเท้าและส้นเท้าเป็นประจำหลังการขัดเท้าหรือก่อนนอนและสวมถุงเท้าทับหลังทาเสร็จทุกครั้ง ครีมทาส้นเท้าแตกมักมีส่วนผสมของยูเรียที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและช่วยบรรเทาอาการส้นเท้าแตกให้ดีขึ้น ที่นิยมใช้ก็เช่น ศิริราชซอฟแคร์ ครีม Du’it ครีม Nash ครีม Ellfy plus ครีมนิจิดีส์ (nichidi) ครีม Scholl foot cream และครีมPolka
         4.แช่เท้าในน้ำอุ่นผสมน้ำส้มสายชูและน้ำยาบ้วนปาก วิธีนี้อาจดูพิลึกพิลั่นไปนิด แต่ผลลัพธ์ออกมาเป็นที่น่าพอใจแน่นอน โดยให้ใช้น้ำอุ่น น้ำส้มสายชู และน้ำยาบ้วนปากอย่างละเท่ากัน แล้วแช่เท้าทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แต่บางคนก็แช่เท้าในน้ำส้มสายชูผสมกับน้ำยาบ้วนปากอย่างละครึ่งถ้วยก่อนประมาณ 20-30 นาที แล้วค่อยแช่เท้าในน้ำอุ่นทิ้งไว้อีกครึ่งชั่วโมง จากนั้นขัดส้นเท้า แล้วล้างเท้าให้สะอาด เช็ดเท้าให้แห้งและทาด้วยครีมบำรุงสำหรับทาส้นเท้าแตกอีกครั้ง
         5.เปลือกกล้วยหอม ให้นำเปลือกกล้วยมาถูบริเวณที่ส้นเท้าแตก แล้วทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที กรดผลไม้และสารอาหารในเปลือกกล้วยจะช่วยลอกผิวและสมานส้นเท้าที่แตกให้กลับมามีสุขภาพผิวที่ดีขึ้นได้ โดยวิธีการใช้เปลือกกล้วยหอมนี้ได้รับความนิยมอย่างมากและมีการรีวิวจากผู้ใช้จริงมากมายว่าได้ผลดีเยี่ยม

ใครผิวหน้าแห้งยกมือขึ้น มาดูวิธีดูแลผิวกัน

         สภาพผิวของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน จึงทำให้เจอกับปัญหาผิวไม่เหมือนกัน อย่างเช่น คนผิวมันก็เป็นสิวง่าย รูขุมขนกว้าง เป็นต้น วันนี้ที่เราต้องมาพูดถึงคนผิวหน้าแห้ง เพราะว่าปัจจุบันมีหลายคนกำลังเจอปัญหาผิวหน้าแห้ง ลอกเป็นขุยเล่นงาน โดยมักเกิดจากต่อมไขมันผลิตน้ำมันตามธรรมชาติ ซีบัม (sebum) ออกมาน้อย จึงทำให้ผิวหน้าแห้งกร้านโดยเฉพาะเมื่อไปอยู่ในบริเวณที่อากาศเย็น เช่น ออฟฟิศ ห้างสรรพสินค้า นอกจากนี้คนผิวหน้าแห้งยังต้องพบกับปัญหาริ้วรอยก่อนวัย ผิวหยาบขาดชีวิตชีวาอีกด้วย
         แม้ว่าคนผิวหน้าแห้งจะมีข้อดีตรงที่รูขุมขนไม่กว้างและผิวดูละเอียดกว่าผู้ที่มีผิวมัน แต่จะได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมทำให้เกิดความแห้งกร้านและระคายเคืองมากกว่าผิวประเภทอื่น จึงต้องมีการดูแลเป็นพิเศษ มาดูกันว่าควรดูแลอย่างไร สำหรับคนผิวหน้าแห้ง

 

การดูแลสำหรับคนผิวหน้าแห้ง
         ใครที่มีผิวหน้าแห้งตึง ควรท่องคติประจำใจไว้ว่า “ปกป้อง ส่งเสริม ฟื้นฟู และแก้ไขให้ตรงจุด” อย่าปล่อยให้ผิวสูญเสียดุลยภาพไปนานๆ เพราะนอกจากจะขาดความสวยงามแล้ว ยังทำให้ผิวไวต่อสิ่งกระตุ้นระคายเคืองได้ง่าย ทั้งยังทำให้ผิวแห้งกร้าน เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น หน้าแก่ก่อนวัยอันควร เมื่อถึงจุดนั้นจะแก้ไขให้เซลล์ผิวกลับมาสุขภาพดีได้ยาก
         1.ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตรอ่อนโยน เพื่อขจัดเครื่องสำอางที่ตกค้างและเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ได้แก่ คลีนซิ่งโฟมสูตรอ่อนโยนเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวสูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติของผิวและห้ามใช้สบู่ล้างหน้า และควรใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า ผิวจะได้ไม่แห้งตึง เป็นขุย และถ้าล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นแล้วต้องล้างซ้ำด้วยน้ำเย็นเพื่อให้ผิวสดชื่นขึ้นและเกิดความยืดหยุ่น
         2.ทาครีมที่ให้ความชุ่มชื้นหรือมอยส์เจอไรเซอร์ การทาครีมบำรุงผิวหน้าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนผิวหน้าแห้ง เพราะจะช่วยให้เชลล์ผิวคงดุลภาพที่ดีอยู่ได้อย่างยาวนาน และควรทาบำรุงที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง กรณีที่ผิวหน้าแห้งมากจนเกิดเป็นขุยควรทาซ้ำบ่อยๆ ระหว่างวัน โดยไม่จำเป็นต้องล้างหน้า สามารถทาทับได้เลย
         3.ทาอายครีมบริเวณรอบดวงตาและบำรุงผิวที่คอ เพราะคนผิวหน้าแห้งจะเกิดริ้วรรอยแห่งวัยได้ง่าย จึงจำเป็นต้องฟื้นบำรุงผิวอยู่เสมอด้วยการแต้มครีมเบาๆจากหางตาลากมาหัวตาแล้วกดเบาๆ ที่สำคัญควรทาครีมบำรุงผิวที่ลำคอเพื่อป้องกันรอยเหี่ยวย่น โดยทาจากฐานลำคอขึ้นไป ทั้งนี้ ควรทาในช่วงกลางคืน

         4.มากส์หน้าเพิ่มความชุ่มชื้น สูตรนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าแห้งโดยเฉพาะ แต่คนที่ไม่มีปัญหาก็สามารถใช้ได้เช่นกัน วิธีการคือให้นำงา 1 ช้อนชา น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ และกล้วยหอม 1 ผลมาผสมและปั่นรวมกันให้เป็นเนื้อเนียนละเอียด จากนั้นนำมาพอกให้ทั่วบริเวณใบหน้ายกเว้นบริเวณรอบดวงตาและปาก ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำอุ่นๆ แล้วตามด้วยน้ำเย็นทันที
         5.บำรุงผิวหน้าด้วยสูตรแก้ไขผิวแห้ง ใครที่มีผิวหน้าแห้งแต่หลีกเลี่ยงแดดและลมไม่ได้ ทำให้ผิวเกิดปัญหาความหยาบกร้านและเหี่ยวย่น ควรบำรุงผิวด้วยสูตรนี้ ให้นำสตรอเบอร์รี่ 2 ผลและแอปเปิล ¼ ผล (ปอกเปลือก) มาปั่นให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำมาพอกให้ทั่วใบหน้า เว้นรอบดวงตาและริมฝีปาก ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด จากผิวที่เคยแห้งตึง จะรู้สึกว่ามีความยืดหยุ่น สดชื่นมากขึ้น
         นอกจากการฟื้นบำรุงผิวหน้าอยู่เสมอแล้ว คนผิวหน้าแห้งไม่ควรล้างหน้าบ่อย เพราะจะเป็นการชะล้างไขมันที่ช่วยเคลือบ ทำให้ความชุ่มชื้นในผิวหนังสูญเสียไป ผิวจึงแห้งมากขึ้น เกิดการระคายเคืองได้ง่าย และควรดื่มน้ำให้มากพอ อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว หลีกเลี่ยงการถูกรบกวน เช่น การอบซาวน่า การขัดผิว ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวแห้งลง รวมไปถึงการตากแดดหรือทำงานกลางแจ้งและการสัมผัสสารเคมีบางอย่าง

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

สีผิวไม่สม่ำเสมอ แก้ไขได้อย่างไร

         อีกหนึ่งปัญหาผิวที่เจอกันถ้วนหน้า นั่นก็คือการมีสีผิวไม่สม่ำเสมอ โดยจะเห็นได้ชัดบริเวณต้นแขน ลำคอ และขา สาเหตุที่ทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอเกิดจากการโดนแดดนานๆ ผิวจะสร้างเมลาโนไซท์ขึ้นมา ทำให้มีการผลิตเมลานินเพิ่มมากขึ้น บริเวณที่มีการรวมตัวกันของเมลานิน จะส่งผลทำให้ผิวบริเวณนั้นมีสีคล้ำขึ้น ซึ่งเมลานินมีหน้าที่ปกป้องผิวจากแสงแดดและรังสียูวี และช่วยซึมซับความร้อนจากแสงแดด นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆอีก ได้แก่ ฮอร์โมน การใช้ครีม หรือยาบางประเภทด้วย เพื่อให้ผิวกลับมามีสุขภาพดี สีผิวมีความสม่ำเสมอกัน มาดูกันว่าจะแก้ไขได้อย่าไง

 

วิธีแก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ
         1.ทาครีมกันแดด ก็ในเมื่อสาเหตุส่วนใหญ่จะมาจากแสงแดดที่ทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ แสดงว่าบริเวณที่เข้มกว่าได้รับรังสี UV มากกว่า จึงควรแก้ไขโดยใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 หรือ 40 ขึ้นไป และจะต้องหลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดด้วย แต่หากมีความจำเป็น แนะนำให้ทาครีมกันแดดซ้ำเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวคล้ำมากขึ้น หรือหาอุปกรณ์ป้องกัน อย่างเช่น กลางร่ม สวมหมวกกันแดด แว่นกันแดด เป็นต้น
         2.ทาครีมบำรุงผิว เมื่อป้องกันแสงแดดได้แล้ว ควรใช้ครีมปรับสภาพให้ผิวขาว (Whitenning Cream) ที่จะช่วยให้ผิวที่ดำคล้ำค่อยๆ จางลงได้ และทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอกลับมาขาวเท่ากันได้ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Whitening ทาเฉพาะบริเวณ T-ZONE ก็เป็นอีกวิธี ที่จะช่วยให้ผิวสม่ำเสมอเท่ากัน  รวมถึงการทำ Treatment ผิว เช่น การขัดผิว ก็ช่วยให้สภาพผิวดีขึ้น
         3.พอกผิวขาวด้วยโยเกิร์ตผสมมะนาว โดยให้นำมะนาวไปคั้นเอาน้ำผสมกับโยเกิร์ตธรรมชาติ แล้วทาผิว ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีจึงล้างออก กรดในน้ำมะนาวจะช่วยขจัดเซลล์ของผิวเก่าที่เสียให้หลุดออกไป เผยผิวใหม่ที่เป็นผิวขาวสดใสกว่าเดิม โดยส่วนผสมของโยเกิร์ตจะช่วยลดการระคายเคืองผิวจากกรดของมะนาว สีผิวที่ไม่สม่ำเสมอกัน และมีความแห้งกร้านคล้ำเสียจากการถูกแดดเผา จะกลับมามีสุขภาพดีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
         4.พอกผิวด้วยนมสดผสมผงชาเขียว นำนมสดสัก 3 ช้อนโต๊ะผสมกับผงชาเขียวป่นที่หาซื้อได้ตามร้านทั่วไป โดยใช้ผงชาเขียวเพียงแค่ 1 ช้อนชาเท่านั้น เมื่อผสมให้เข้ากันแล้วก็ให้ใช้สำลีก้อนชุบส่วนผสมทั้งสอง นำมาถูให้ทั่วผิว (ใช้กับใบหน้าก็ได้) ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น สูตรนี้จะเป็นการกำจัดสิ่งสกปรกบนผิวได้อย่างหมดจด และมอบความเนียนนุ่มชุ่มชื้นสู่ผิว ทั้งยังฟื้นบำรุงผิวที่คล้ำเสีย ไม่สม่ำเสมอกัน ให้ขาวขึ้นได้

         5.รับประทานผักผลไม้ ได้แก่ มะเขือเทศ ที่อุดมไปด้วยวิตามินเอและซีสูง ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยสร้างสมดุลให้กับผิว ลดเลือนความหมองคล้ำจากภายในสู่ภายนอก เป็นผักผลไม้ที่หารับประทานง่าย และช่วยให้ผิวขาวถาวรอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังควรรับประทานฝรั่ง ส้ม แอปเปิ้ล ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เพาะอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามันซี และโพแทสเซียม ซึ่งมีส่วนช่วยทำให้ผิวมีสุขภาพที่ดี มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวขาวสว่าง กระจ่างใส และทำให้ผิวชุ่มชื่นอยู่เสมอ ได้ผิวพรรณเรียบเนียนและดูสดใสขึ้น
         ปัญหาเรื่องสีผิวไม่สม่ำเสมอสามารถแก้ไขได้ แต่ในบางคนที่ตากแดดมานานมากๆอาจต้องใช้เวลามากกว่าคนทั่วไป และจำเป็นต้องใช้หลากหลายวิธีควบคู่กันไป ที่สำคัญคือควรดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ อย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน จะช่วยให้กระบวนการฟื้นบำรุงผิวมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ ขอย้ำว่าควรหลีกเลี่ยงแดดจัด สาเหตุหลักที่ทำให้สีผิวไม่เท่ากัน หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรหาหมวก แว่นตากันแดด และทาครีมกันแดด เพื่อปกป้องผิวไม่ให้ถูกทำร้าย

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.