รักษาสิวหัวช้าง ด้วยวิธีการบีบสิว หรือทาครีมแต้มสิวดีกว่ากัน

สิวหัวช้าง  ขึ้นชื่อว่า “ช้าง” คุณสาวๆ ก็คงที่จะสามารถจินตนาการได้ถึงความใหญ่ของมันได้ โดยปกติแล้วเพียงแค่เรื่องสิวเสี้ยนเม็ดเล็กๆดำๆ บนใบหน้า ก็ทำให้คุณสาวๆ รู้สึกกังวลจนต้องสรรหาวิธีมากำจัด หรือปกปิดเอาไว้เวลาที่ต้องออกไปข้างนอก แล้วยิ่งถ้าเป็นสิวหัวช้างเม็ดใหญ่โดดเด่น ก็ยิ่งพาลให้เครียดหนักมากยิ่งขึ้นไปอีก

สำหรับในวันนี้เราจะมาดูกันว่า วิธีการรักษาสิวหัวช้าง ระหว่างวิธีการบีบสิวออก กับ วิธีการทาครีมแต้มสิว วิธีการไหนที่ได้ผลลัพธ์ดีต่อใบหน้าของคุณสาวๆ มากกว่ากัน

สิวหัวช้างคืออะไร?

ก่อนจะเข้าสู่วิธีการรักษาสิวหัวช้าง ก่อนอื่นเราควรมารู้จักกับเจ้าสิวหัวช้างกันก่อน “สิวหัวช้าง”  หรือ สิวเม็ดใหญ่ เป็นสิวอักเสบชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อ P.acne บริเวณผิวหนัง จนเกิดการอักเสบหนักขึ้นกลายเป็นสิวหัวช้าง ซึ่งมักจะเกิดอาการเจ็บปวดควบคู่กับการอักเสบ

สิวหัวช้างมีจุดสังเกตที่เด่นชัดคือ เม็ดสิวที่มีขนาดใหญ่ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน มีหลากหลายอาการทั้งชนิดอักเสบน้อยไปจนถึงอักเสบมาก ถ้าหากมีอาการอักเสบมากๆ สิวหัวช้างก็อาจจะกลายเป็นฝีอักเสบได้  โดยส่วนมากสิวหัวช้างจะไม่มีหัวสิว แต่ภายในนั้นจะมีน้ำหนองปนอยู่กับเลือดที่เสีย

ถ้าหากปล่อยเอาไว้จนสิวหัวช้างบวมเต็มที่ ก็จะเกิดการแตกออกมาเป็นน้ำหนองก่อนจะยุบตัวลงกลายเป็นรอยสีดำ เนื่องจากเซลล์ส่วนที่อักเสบเป็นเซลล์ที่ตายแล้ว เมื่อผ่านไประยะเวลาหนึ่งรอยสีดำจะค่อยๆ จางหายไป แต่บางครั้งอาจจะเกิดรอยแผลเป็นขึ้นเมื่อหัวสิวแตก  สิวหัวช้างมีโอกาสกลับมาเป็นอีกในบริเวณเดิม ถ้าหากไม่มีการฆ่าเชื้อ หรือการแก้ไขพฤติกรรมการรักษาความสะอาด

ที่นี้เรามาดูกันดีกว่าว่า วิธีการรักษาโดยการบีบสิวหัวช้างออก กับวิธีการรักษาด้วยการทาครีมแต้มสิว แบบไหนดีกว่ากัน?

การรักษาสิวหัวช้างด้วยการบีบออก

การรักษาสิวหัวช้าง โดยการรอเวลาให้เกิดการอักเสบจนกระทั่งมีหัวสิวแล้วค่อยบีบออกนั้น เป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับมานาน ฟังดูอาจจะเป็นเรื่องง่าย แต่สำหรับสิวหัวช้างโดยส่วนใหญ่แล้วจะไม่มีหัวสิว มีเพียงอาการบวมแดงจนดำ เหมือนกับมีเลือกไปคั่งอยู่ในบริเวณนั้น หรืออาจจะมีหัวขึ้นในบริเวณที่เป็นสิวหัวช้าง แต่มีหัวสิวขนาดเล็กๆ อยู่ติดกัน 2-3 หัว สำหรับคนที่ใจร้อน พยายามที่จะบีบหัวสิวเล็กๆ เหล่านั้นออก  

โดยส่วนใหญ่สิ่งที่ออกมามักจะไม่ใช่หัวสิวแต่มักเป็นเลือดที่คั่งอยู่ใต้ชั้นผิวหนัง การบีบออกในลักษณะดังกล่าว มักที่จะทำให้เกิดการอักเสบมากยิ่งขึ้นไปอีก หรือต่อให้สามารถบีบเอาสิวหัวช้างออกมาได้แล้ว ก็มักที่จะเกิดหลุมสิวขึ้น ซึ่งเจ้าหลุมสิวนั้น เป็นสิ่งที่ทำการรักษาได้ยากยิ่งกว่าการกำจัดสิวหัวช้างหลายเท่าทีเดียว

การบีบสิวหัวช้างอย่างไม่ถูกวิธี จะทำให้เชื้อแบคทีเรียที่อยู่ภายในสิวหัวช้างกระจายออกมาพร้อมกับน้ำหนองภายในสิว จนเกิดการลุกลามไปยังบริเวณโดยรอบมากยิ่งขึ้น

สำหรับการรักษาโดยการบีบสิวหัวช้างที่ถูกวิธี คือ การอดทนรอเวลาให้หัวสิวเกิดขึ้นมาจนสุกเต็มที่อย่างใจเย็น แล้วใช้เข็มที่ทำความสะอาดหรือฆ่าเชื้อแล้วสะกิดเบาๆ ที่หัวสิว แล้วกดออกด้วยที่กดสิว หรือใช้สำลีก้าน 2 อัน บีบเข้าหากัน ให้น้ำหนองและสิวที่อยู่ภายในสิวหัวช้างออกมาให้หมดในครั้งเดียว เพราะหากเอาสิวออกไม่หมดในครั้งเดียว โอกาสในการเกิดหลุมสิวขึ้นจากการบีบจะมีสูงมากทีเดียว

การรักษาสิวหัวช้างโดยการทาครีมแต้มสิว

การรักษาสิวหัวช้างโดยใช้ครีมแต้มสิวนั้น เป็นวิธีการที่อ่อนโยนกับผิวใบหน้ามากกว่าการบีบสิวออกโดยตรง เพราะเมื่อทำการเจาะลึกเข้าไปจนถึงปัญหาจริงๆ แล้ว สิวหัวช้าง เป็นสิวอักเสบประเภทหนึ่ง เกิดขึ้นจากการทำปฏิกิริยาของเชื้อแบคทีเรีย P.acne ในบรรยากาศกับไขมันในรูขุมขนที่เกิดการอุดตัน ทำให้เกิดการอักเสบขึ้น  จนกระทั่งกลายมาเป็นสิวหัวช้างนั่นเอง

ดังนั้นเมื่อทำการทาครีมแต้มสิวลงบนสิวหัวช้าง ครีมแต้มสิวจะเข้าไปทำการต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย P.acne ซึ่งจะส่งผลให้สิวหัวช้างยุบลงอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ไม่เกิดหลุมสิวขึ้นบนใบหน้า เนื่องจากสิวหัวช้างนั้นเม็ดสิวมีขนาดที่ใหญ่ การอักเสบของผิวหนังสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน เมื่อสิวหัวช้างยุบตัวลง ผิวหนังในบริเวณนั้นจะเห็นร่องรอยแผลที่เกิดขึ้นจากการอักเสบบ้าง แต่รอยเหล่านั้นจะค่อยๆ จางหายไปเองเมื่อเวลาผ่านไปตามธรรมชาติ

อย่างไรก็ตาม วิธีการรักษาสิวที่ได้แนะนำมาแล้วในตอนต้นนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการรักษาที่ปลายเหตุ วิธีการรักษาสิวหัวช้างที่ดีที่สุด ก็ยังคงเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดสิวขึ้นมาตั้งแต่แรก

ดังนั้นก่อนที่จะปล่อยเลยตามเลยจนทำให้สิวหัวช้างเกิดขึ้น เราควรที่จะเริ่มต้นการรักษาตั้งแต่แรก โดยการใช้ผลิตภัณฑ์ดีๆ สักตัว ที่จะช่วยป้องกันใบหน้าจากการเกิดสิวหัวช้างอย่างได้ผลตั้งแต่แรก หรือแม้แต่กับคนที่มีสิวหัวช้างเกิดขึ้นมาแล้ว ก็ยังสามารถที่จะช่วยรักษาและทำให้สิวหัวช้างยุบลงอย่างเป็นธรรมชาติ ชนิดที่เรียกว่า 2 in  1 ในผลิตภัณฑ์เพียงตัวเดียว

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

รีวิว ครีมแต้มสิวตัวไหนดีที่สุด?

ครีมแต้มสิว คือ ผลิตภัณฑ์รักษาสิวในรูปแบบของเนื้อครีม โดยมีส่วนผสมของยารวมไปถึงสารสกัดต่างๆ ที่มีประสิทธิภาพช่วยในการรักษาสิว หรือรักษารอยด่างดำจากสิว ซึ่งครีมแต้มสิวเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีสำหรับคุณสาวๆ ที่ต้องการจะกำจัดปัญหาเรื่องสิวออกไปจากใบหน้า ด้วยราคาที่ไม่แพง หาซื้อได้ง่าย และยังเป็นการจัดการกับปัญหาเรื่องสิวได้อย่างง่ายๆด้วยตัวเอง

ซึ่งในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ครีมแต้มสิวขายอยู่ในท้องตลาดมากกมายหลายยี่ห้อ โดยมีตั้งแต่ราคาไม่เกิน 100 บาท ไปจนถึงราคาหลายร้อยบาท แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจเลือกซื้อครีมแต้มสิว ควรจะพิจารณาในเรื่องของประสิทธิภาพในการรักษาสิวมากกว่าเรื่องราคา

สำหรับคุณสาวๆ ที่ยังเกิดความลังเลว่าควรจะเลือกซื้อครีมแต้มสิวยี่ห้อไหนดีอยู่นั้น สำหรับในวันนี้จะขอพาไปแนะนำครีมแต้มเพื่อรักษาสิวที่ได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน ว่ามีอะไรกันบ้าง?

มารู้จักกับยาแต้มสิวกันก่อนดีกว่า

ก่อนจะเริ่มที่จะซื้อครีมแต้มสิวมาใช้ ควรมาทำความรู้จักกับยาแต้มสิวกันก่อนสักเล็กน้อย โดยยาแต้มสิวสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท ดังต่อไปนี้

1.ยาทารักษาสิวชนิดฆ่าเชื้อแบคทีเรีย โดยทำการยังยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นต้นเหตุของสิว ยาทาชนิดดังกล่าวจะอยู่ในกลุ่มยาปฏิชีวนะ เช่น Clindamycim, Erythromycin, Metronidazole

2.ยาทารักษาสิวชนิดผลัดผิวเซลล์ เป็นยาที่ช่วยลดการอุดตันของสิว ทำให้สิวมีขนาดที่เล็กลง พร้อมกับละลายไขมันอุดตัน เป็นยาทาที่อยู่ในกลุ่มวิตามิน A กลุ่ม AHA และ AHB กลุ่ม Azelaic Acid ซึ่งจะมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรคด้วย รวมไปถึงยาทารักษาสิวในกลุ่ม Benzoyl

3. ยาทาชนิดลดการอักเสบของสิว ใช้เพื่อลดอาการอักเสบบวมแดงของสิว ได้แก่ ยาทารักษาสิวกลุ่ม Steroids ซึ่งควรใช้เพียงรักษาสิวให้หายแล้วหยุดทันที เพราะหากใช้นานจนเกินไปอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อผิวขึ้น

4. ยาทารักษาสิวกลุ่มอื่นๆ ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยทำให้หัวสิวแห้ง ลดรอยแดงของสิว และทำให้รอยดูจางลง อาทิ เช่น Resorcinol, Licorice Extract PU40, Vitamin B3, Sulfate, Zinc Oxide เป็นต้น

ยาทาสิว และครีมแต้มสิวที่ได้รับความนิยมใน Pantip

สำหรับยาหรือครีมแต้มสิวที่ได้รับความนิยม และได้รับการแนะนำให้ใช้จากทั้งกูรูด้านความงาม รวมไปถึงสมาชิกภายในเว็บบอร์ดของ Pantip ว่าสามารถใช้ได้ผลในการรักษาสิวอย่างดีเยี่ยม ซึ่งได้ทำการรวบรวมมา มีดังต่อไปนี้

1. Clinda M ตัวยาจะอยู่ในรูปแบบของน้ำใสๆ ใช้แต้มบริเวณที่เป็นสิวหนอง หรือสิวอักเสบจะช่วยในการฆ่าเชื้อสิว และทำให้สิวแห้งหายไวมากขึ้น ควรล้างหน้าให้สะอาดและเช็ดให้แห้งก่อนทา

2. Benzac AC เป็นยา Benaoyl Peroxide มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรค P.acne :ซึ่งเป็นสาเหตุของสิวอักเสบอย่างได้ผล มีความเข้มข้นของยาตั้งแต่ 2.5% ,5 % และ 10% แนะนำให้ใช้ความเข้มข้นเพียง 2.5% ก็เพียงพอแล้ว ถ้าหากใช้ไม่ได้ผลค่อยเพิ่มระดับความเข้มข้นให้มากขึ้น ใช้สำหรับแต้มสิวก่อนนอน สำหรับสิวเม็ดเล็กๆ ในตอนเช้าก็จะยุบ แต่ถ้าหากเป็นสิวเม็ดใหญ่ๆ หรือสิวหัวช้าง อาจต้องใช้เวลาในการรักษาประมาณ 1-2 สัปดาห์ ถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน

3. Smooth E Acne Hydro Gel มีลักษณะเป็นเนื้อเจลสีขาวขุ่น มีฤทธิ์ในการกำจัดเชื้อแบคทีเรีย ใช้ได้กับสิวอักเสบ และสิวอุดตัน เมื่อใช้แล้วสิวจะแห้งลอกหลุดออกเหมือนกับสะเก็ดแผล

4. Clindalin Gel เป็นเจลเนื้อใส เมื่อแต้มหัวสิว หรือสิวอักเสบเป็นประจำ สิวจะยุบตัวลงได้เป็นอย่างดี

5. Acnevir Adult Formula Acne & Redness Relief Gel ช่วยลดรอยแดงจากสิว รักษาสิวอุดตันสิวอักเสบ โดยมีส่วนผสมของ salicylic acid สำหรับยาแต้มสิวตัวนี้ค่อนข้างจะหาซื้อยากสักหน่อย เนื่องจากเป็นสินค้านำเข้าจากอเมริกา

6. Mint julep Masque เป็นมินส์มาร์คหน้า ที่มีสรรพคุณในการช่วยเรื่องสิวอักเสบ และเมื่อพอกบ่อยๆสิวจะลดลง ยังสามารถนำไปใช้แต้มหัวสิว ทำให้สิวอักเสบยุบลงและแห้งไวมากขึ้น สิวเสี้ยนลดลง รูขุมขนกระชับมากขึ้น

7. Joa cream pack สามารถช่วยในการรักษาสิวที่อักเสบ โดยทาทิ้งเอาไว้ 5-10 นาที ในตอนเช้าหรือจะแต้มหัวสิวเอาไว้ก่อนนอนก็ได้

8. Rentin-A เป็นกรดวิตามินเอ มีลักษณะเป็นครีม สามารถรักษาสิวได้ดี แต่จะทำให้ผิวหนังมีความไวต่อแสงมากขึ้น ดังนั้นควรที่จะทาก่อนนอน และไม่ควรทาบนหัวสิวอักเสบ เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้น ไม่เหมาะกับคนที่มีสภาพผิวที่แพ้ง่าย ควรใช้ระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น

9. Fucidin เหมาะสำหรับการใช้แต้มเพื่อรักษาสิวอักเสบเท่านั้น เนื่องจากเป็นยาปฏิชีวะนะที่มีฤทธิ์ในการต้อต้านเชื้อแบคทีเรีย

10. Differin เป็นกรดวิตามินเอ ในรูปแบบของเจล ใช้ทาปริมาณเล็กน้อยเฉพาะหัวสิว สามารถรักษาสิวอุดตันได้เป็นอย่างดี ไม่ควรทาในบริเวณที่เป็นสิวอักเสบ และเป็นครีมที่มีความไวต่อแสง ดังนั้นควรทาหลังจากการอาบน้ำในช่วงเย็นเท่านั้น

11. ผงวิเศษ เป็นยาแต้มสิวแบบพื้นบ้าน โดยการผสมผงวิเศษเข้ากับมะนาว หรือไพลกับน้ำสะอาด แล้วนำไปพอกลงบนหัวสิว

 นอกจากครีมแต้มสิว ที่ได้ทำการแนะไปแล้วในข้างต้น การรักษาสิวแบบเฉพาะจุดอย่างรวดเร็วนั้น ยังสามารถทำได้ด้วยการใช้เวชสำอาง ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้ในการรักษาสิวบนใบหน้าที่ต้องการความ่อ่อนโยนสูงโดยเฉพาะ สำหรับในวันนี้ ผู้เขียนก็มีผลิตภัณฑ์เวฃสำอางที่มีประสิทธิภาพดีเยี่ยมในการดูแล รักษาสิวโดยเฉพาะนำเข้าจากประเทศเกาหลี  ซึ่งเป็นหนึ่งในเคล็ดลับในการรักษาสิวอย่างรวดเร็วของสาวๆชาวเกาหลี มาแนะนำให้กับผู้อ่านได้รู้จักกัน

 

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.