วิธีรับมือกับปัญหาท้องลายขณะตั้งครรภ์

         อีกหนึ่งปัญหาที่คุณแม่มือต้องเจอก็คือท้องลาย” ขณะตั้งครรภ์ ทั้งๆที่บางคนดูแลเอาใจใส่ผิวมาโดยตลอด แต่พอท้องเริ่มใหญ่ขึ้นเพราะลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์ ผิวหนังบริเวณหน้าท้อง สะเอว และผิวด้านหลังก็ค่อยๆเกิดรอยแตกลาย ซึ่งจากข้อมูลในเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ พญ.ธิศรา วีรสมัย สูตินรีแพทย์ประจำศูนย์สุขภาพผู้หญิง โรงพยาบาลพญาไท 1 ให้ความรู้ว่า เกิดจากท้องของคุณแม่ตั้งครรภ์ยืดขยายอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันพอมดลูกเริ่มขยายใหญ่ขึ้นจะดันกล้ามเนื้อท้องให้แยกออกมาด้วย ส่งผลให้ผิวบริเวณหน้าท้องของคุณแม่เกิดอาการแตกลายตามมานั่นเอง ซึ่งเห็นได้ชัดหลังอายุครรภ์ 3 เดือนเป็นต้นไป
         ดังนั้น ผิวหน้าท้องของคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ไม่ได้มีการเตรียมรองรับการขยายตัวของมดลูกมาเป็นอย่างดี ย่อมมีโอกาสแตกลายได้มาก ซึ่งมากน้อยแตกต่างกันไป คุณแม่บางคนผิวมัน หรือก่อนตั้งครรภ์ออกกำลังกายหน้าท้องเป็นประจำ ปัญหาเหล่านี้อาจจะพบได้น้อย

         “เมื่อเริ่มตั้งครรภ์อ่อนๆ ควรเพิ่มความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่นให้กับชั้นผิว ด้วยการทาครีมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผิวหนังหน้าท้องมีความชุ่มชื้น และยืดหยุ่น รองรับกับการขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงตั้งครรภ์จะช่วยรับมือได้ค่อนข้างดี” สูติ-นรีแพทย์แนะนำ
         และเพื่อเป็นการรับมือกับปัญหาท้องลายของคุณแม่ระหว่างตั้งครรภ์ วันนี้เราได้รวบรวมเทคนิคพิชิตปัญหาท้องลายมาให้ได้นำไปปฏิบัติ จะมีอะไรบ้างมาดูกัน

วิธีรับมือกับปัญหาท้องลาย
         เนื่องจากปัญหาท้องลายขณะตั้งครรภ์เมื่อเกิดขึ้นแล้ว หากอยากรักษาให้กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมนั้นค่อนข้างยาก และต้องใช้เวลา รวมถึงค่าใช้จ่าย ทางที่ดีที่สุดคือการป้องกันไว้ก่อน ไม่ให้เกิดปัญหาท้องลาย หรือถ้าเกิดขึ้นก็เป็นเพียงเล็กน้อย
         1.เตรียมความพร้อมทั้งก่อนและขณะเริ่มตั้งครรภ์ โดยการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้อง ด้วยการออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรง และความยืดหยุ่นของผิวหนัง และกล้ามเนื้อหน้าท้อง อาจจะเป็นการฝึกโยคะ หรือการออกกำลังกายแบบทั่วไปก็ได้ ทั้งนี้ ควรออกกำลังแบบเบาๆ ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อลูกในครรภ์
         2.รับประทานอาหารในปริมาณที่เหมาสม ไม่ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมากเกินไป ถึงแม้น้ำหนักจะเพิ่มประมาณ 1.5-2 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ แต่ตลอดการตั้งครรภ์ควรมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นประมาณ 10-12 กิโลกรัม ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวหรือดัชนีมวลกาย (BMI) ก่อนการตั้งครรภ์ของคุณแม่ด้วย นอกจากนั้นควรรับประทานผักผลไม้ และดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อบำรุง เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว วันละอย่างน้อย 6-8 แก้ว

         3.ทาครีมบำรุงผิวที่ไม่ผสมอนุพันธ์ของกรดวิตามินเอ หรืออาจจะใช้น้ำมันมะกอกที่ใช้แล้วไม่เกิดอาการแพ้ระคายเคืองทาก็ได้ ซึ่งควรเริ่มใช้ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ โดยไม่ต้องรอให้เกิดการแตกลายของท้องก่อน ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการทาครีมบำรุงผิวคือหลังอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ เช็ดตัวให้แห้งพอหมาด แล้วชะโลมครีมให้ทั่วผิว ช่วงเวลานี้ผิวหนังจะสามารถดูดซับ และเก็บกักครีมได้ดีมากขึ้น นอกจากนั้นในระหว่างวันคุณแม่ควรทาครีมเป็นระยะๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ลดความแห้งกร้านของผิว ป้องกันปัญหาท้องลายได้
         4.อาบน้ำที่มีอุณหภูมิปกติ คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นจัดๆ โดยเลือกอาบน้ำธรรมดาที่มีอุณหภูมิปกติ เนื่องจากน้ำที่ค่อนข้างร้อนจะทำให้ผิวแห้งแตกเป็นขุย เพราะขาดความชุ่มชื้น โดยเฉพาะคุณแม่ที่มีผิวแห้งอยู่แล้ว จะยิ่งทำให้หน้าท้องแตกลายมากขึ้น อีกอย่างคือน้ำร้อนหรือน้ำอุ่นจะชะล้างไขมันที่ปกคลุมผิวซึ่งเก็บกักความชุ่มชื้นออกไป ทำให้ผิวหนังมีความแห้ง ขาดความยืดหยุ่น เกิดการแตกลายได้ง่าย
         5.อย่าแคะ แกะ เกาท้อง ถ้ามีอาการคัน เพราะการเกาทำให้หน้าท้องแห้งแตกลายมากขึ้น และอาจมีการอักเสบได้ หากคันมากๆควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ และรับยาทาหรือยารับประทานเพื่อลดอาการคันที่มีความเหมาะสมสำหรับคุณแม่ขณะตั้งครรภ์ตั้งแต่เริ่มมีอาการ
         ดังนั้น ถ้าไม่อยากกลัดกลุ้มใจด้วยปัญหาหน้าท้องลาย คุณแม่ควรเตรียมรับมือให้พร้อมด้วยการดูแลสุขภาพผิวอย่างต่อเนื่อง เพราะถ้าหากละเลยจนเกิดเป็นรอยแตกลายแล้ว คุณอาจต้องทนอยู่ปัญหาท้องลายไปอีกนาน บางคนรักษาไม่หาย และปรากฏเป็นรอยแตกลายสีขาวก็มี ฉะนั้น กันไว้ย่อมดีกว่าแก้

วิธีแก้ไขปัญหาท้องลายหลังการคลอด
ถึงแม้ว่าจะทำการดูแลรักษาตัวเองได้ดีมากสักเพียงใดก่อนการตั้งครรภ์ก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเกิดปัญหาริ้วรอยแตกลายขึ้น ซึ่งหลายๆคนที่เกิดปัญหาผิวแตกลายขึ้น ก็คงอยากที่กำจัดพวกมันให้ออกไปจากหน้าท้องให้เร็วที่สุด เพื่อให้หน้าท้องกลับไปสวยเรียบเนียนเหมือนกับก่อนการตั้งครรภ์ ซึ่งวิธีการแก้ไขปัญหาท้องลายที่ดี ได้ผลลัพธ์ดีเยี่ยม ภายใต้ราคาที่ไม่แพง แถมยังสามารถทำได้อย่างง่ายๆด้วยตัวเอง นั่นก็คือการใช้ครีมบำรุงผิวนั่นเอง แต่ครีมบำรุงผิวที่ดีนั้น ควรที่จะมีส่วนผสมที่อ่อนโยนจากธรรมชาติ ซึ่งดีที่สุดในการบำรุงผิวที่แตกลาย และกำลังอยู่ในช่วงอ่อนแอ

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

สารพันปัญหา รอยแตกลายสีขาว กันไว้ดีกว่าแก้

         “รอยแตกลาย” เชื่อว่าหากคุณผู้หญิงได้ยินคำนี้คงรู้สึกปวดขมับขึ้นมาทันที เพราะหลายๆคนกำลังประสบกับปัญหาผิวหนังแตกลายที่แก้ไม่ตก ซึ่งมันเกิดขึ้นได้ง่ายจากหลายปัจจัย บางคนแค่น้ำหนักขึ้นมานิดๆหน่อยๆก็เกิดรอยแตกลายอย่างเห็นได้ชัด หรือบางคนที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยรุ่น ผิวหนังมีการขยายตัวก็สามารถเกิดเป็นรอยแตกลายขึ้นได้ ไม่เพียงเท่านั้น รอยแตกลายอาจเกิดกับคนอ้วนแล้วลดน้ำหนักจนผอมลงในเวลาสั้นๆก็ได้ เห็นไหมว่าปัญหารอยแตกลายมันใกล้ตัวเราแค่ไหน
ขออธิบายให้เข้าใจเบื้องต้นก่อนว่า เจ้ารอยแตกลาย หรือ Stretch Marks เกิดจากการยืดขยายต่อเนื่องของผิวหนังและเนื้อเยื่อในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้เกิดการทำลายโครงสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้พบได้บ่อยที่สุดในคนตั้งครรภ์ มักเป็นบริเวณท้อง หรือหน้าอก ยังพบได้ในคนที่อ้วนอย่างรวดเร็ว หรือในวัยรุ่นที่กำลังสูงอย่างรวดเร็วโดยพบผิวแตกลายได้ที่ต้นขาด้านนอก หลังด้านล่าง หรือสะโพก รวมทั้งคนที่กินยาสเตียรอยด์นานๆ มักมีรอยแตกลายใหญ่ และเป็นได้หลายตำแหน่ง

         รอยแตกลายนั้นมีหลายสี ในช่วงแรกจะเป็นรอยสีชมพู แดงและม่วงตามลำดับ เรียกว่า “รอยแตกลายใหม่” แบบนี้รักษาหายได้เร็วที่สุด แต่เมื่อนานวันเข้า รอยแตกนั้นจะค่อยๆ กลายเป็นสีขาวซีด เห็นเป็นร่องเป็นรอยแตกระแหงเรียกว่า รอยแตกลายเก่า (Scar like) หรือ  “รอยแตกลายสีขาว” นั่นเอง ซึ่งจะรักษาได้ยากกว่า ฉะนั้น กันไว้ก่อนย่อมดีกว่าแก่ไข

วิธีป้องกันไม่ให้เกิดรอยแตกลายสีขาว
1.ใช้สมุนไพรธรรมชาติ เช่น มะขามเปียก มะนาว นำมาถูทิ้งไว้ประมาณ 2-5 นาที บริเวณที่เกิดรอยด่างดำ หรือคิดว่ากำลังเป็นรอยแตกลายสีขาว ความเป็นกรดอ่อนๆ จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าออก ช่วยให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื่น มีความยืดหยุ่น ป้องกันการเกิดรอยแตกลายสีขาวได้ หรืออีกสมุนไพร “ว่านหางจระเข้” ให้นำวุ้นของว่านหางจระเข้มาล้างทำความสะอาด แล้วทาลงในบริเวณที่เริ่มปัญหา ไม่ว่าจะเป็นต้นแขน หน้าท้อง น่อง ต้นขา โดยทาเป็นประจำทุกเช้าเย็น สารอาหารจากว่านหางจระเข้จะช่วยให้ผิวชุ่มชื่น ห่างไกลจากรอยแตกลายสีขาว
2.รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ อันได้แก่ วิตามินซี วิตามินอี ซุ่งเจ้าวิตามินซี สามารถพบได้มากในอาหาร เช่น ผัก และผลไม้ ขณะที่วิตามินอีสามารถพบได้มากในอาหารจำพวก นม ไข่ ถั่ว เนื้อสัตว์ ปลา ผัก วิตามินทั้งสองชนิดนี้มีบทบาทสำคัญต่อการฟื้นบำรุงผิว เป็นประโยชน์ต่อผิวพรรณ ทำให้ผิวแข็งแรง สุขภาพดี ลดการอักเสบ ป้องกันปัญหาผิวอย่างรอยแตกรายได้เป็นอย่างดี

         3.ลดน้ำหนัก ใครที่เริ่มรู้สึกว่าตัวกำลังเข้าสู่ภาวะน้ำหนักเกิน หรือมีรูปร่างอ้วนขึ้น นั่นเท่ากับว่าท่านมีความเสี่ยงต่อการเกิดรอยแตกลายต่างๆ โดยเฉพาะรอยแตกลายสีขาว ฉะนั้น จงหาวิธีลดน้ำหนัก (ห้ามใช้ยาลดความอ้วน) ให้เน้นการออกกำลังกายกระชับต้นขา ต้นแขน ลดพุงเพื่อช่วยลดการเสียดสีของผิวหนัง เพราะการเสียดสีเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวหนังดำคล้ำและเกิดรอยแตกลาย
4.
ดื่มน้ำเปล่ามากๆ เพราะจะช่วยไม่ให้ผิวหนังเสียความยืดหยุ่น เพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิวหนังจากภายใน นอกจากนั้นยังส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม เพิ่มกระบวนการขจัดสารพิษในร่างกายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ถือเป็นวิธีดูแลสุขภาพร่างกายเบื้องต้นที่ทุกคนควรปฏิบัติ โดยควรฝึกดื่มน้ำเยอะๆ ประมาณวันละ 8 แก้วขึ้นไป
         5.ทาครีมหรือโลชั่นบำรุงผิว เป็นอีกหนึ่งวิธีในการป้องกันรอยแตกลายต่างๆ โดยเฉพาะรอยแตกลายสีขาว เพราะครีมหรือโลชั่นบำรุงผิว จะช่วยเพิ่มความมชุ่มชื่นให้แก่ผิว สร้างความยืดหยุ่น เมื่อมีการขยายหรือหดตัวอย่างรวดเร็ว จึงไม่เกิดรอยแตกลาย หรือมีโอกาสได้น้อยกว่าผู้ที่ไม่เคยบำรุงผิว ซึ่งครีมหรือโลชั่นที่ใช้ควรมีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ AHA สารสกัดธรรมชาติที่เป็นประโยชน์ต่อผิว หรือ whitening ต่างๆ
        การใช้ครีมบำรุงผิวแก้ไขปัญหาผิวแตกลาย ยังสามารถที่จะเลือกใช้ครีมบำรุงผิวแบบสำเร็จรูป โดยเน้นครีมบำรุงผิวที่มีความอ่อนโยน และมีส่วนประกอบหลักจากธรรมชาติ 100% ซึ่งจะเป็นการช่วยฟื้นฟู และบำรุงผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเป็นการช่วยทำให้ผิวสามารถฟื้นฟูตัวเองตามธรรมชาติอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้ผลลัพธ์ของผิวที่กลับมาสวยสดใสเหมือนเดิม

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

อยากลดรอยแตกลาย เรตินเอ (Retin-A 0.05%) ช่วยคุณได้

         บอกได้เลยว่าปัญหาเรื่องผิวพรรณนั้นมีมากมายสารพัด ไม่ว่าจะเป็นผิวคล้ำเสีย ผิวแห้งกร้าน ริ้วรอยเหี่ยวย่น ปัญหาสิว รอยแผลเป็น จุดด่างดำ และอีกมากมายเหนือคณานับ แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงปัญหาผิวอย่างหนึ่งซึ่งคอยจุกจิกกวนใจคุณผู้หญิงมานาน และบั่นทอนความมั่นอกมั่นใจไปได้มากโข มันคือเจ้ารอยแตกลายนั่นเอง โดยรอยแตกลายนี้เกิดขึ้นจากการยืดขยายต่อเนื่องของผิวหนังและเนื้อเยื่ออย่างรวดเร็ว ทำให้มีการทำลายโครงสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ จึงเกิดเป็นรอยแตกลายบนผิวชั้นนอก นั่นหมายความว่าหากผิวหนังมีการขยายตัว ไม่ว่าจะกรณีใดๆย่อมเสี่ยงต่อการเกิดรอยแตกลายได้ทั้งสิ้น
ที่ต้องบอกว่ารอยแตกลายเป็นตัวบั่นทอนความมั่นใจ เนื่องจากบริเวณที่มันชอบขึ้นคือ ต้นขา ต้นแขน และน่อง ซึ่งเป็นบริเวณที่อยู่นอกร่มผ้า ทำให้คุณผู้หญิงที่ประสบกับปัญหานี้ไม่ค่อยกล้าที่หยิบเสื้อผ้าชุดสวย เปิดนิดโชว์หน่อยมาสวมใส่ นอกจานั้น เจ้ารอยแตกลายยังสามารถเกิดขึ้นได้ที่สะโพก หน้าอก และหน้าท้องอีกด้วย

         รู้กันอย่างนี้แล้วก็อย่าพึ่งตกใจเป็นกระต่ายตื่นตูม เพราะทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ บทความนี้ได้นำวิธีการหนึ่งที่ได้ผลดีต่อการแก้ปัญหาเรื่องรอยแตกลายมาให้ท่านผู้อ่านได้ลองนำไปใช้ อยากลดรอยแตกลาย เรตินเอ ช่วยคุณได้

เรตินเอ (Retin-A 0.05%) คืออะไร
ถ้าอยากลดรอยแตกลาย เรตินเอคืออะไร เราควรไปทำความรู้จักกับพระเอกตัวนี้กันก่อน โดย เรตินเอ (Retin-A 0.05%) มีสรรพคุณเป็นครีมทารักษาสิว รอยแผลเป็นจากสิว รอยหลุมสิว ผิวหน้าไม่เรียบเนียน รอยเหี่ยวย่น แก้ปัญหาเรื่องตีนขา บรรเทาหรือลดความหยาบกร้าน ลดเลือนจุดด่างดำ รวมทั้งฟื้นฟูสภาพผิวที่ถูกทำลายโดยแสงแดด
มาถึงตรงนี้ ท่านผู้อ่านคงสงสัยว่า เรตินเอจะช่วยลดรอยแตกลายได้อย่างไร คำตอบคือเรตินเอมีส่วนผสมสำคัญคือ Tretinoin หรือ Retinoic Acid หรือ กรดวิตามินเอ ที่จะเข้าไปทำให้การยึดเกาะระหว่างผิวหนังของเราหลวม มีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาเรื่องริ้วรอย รอยแตกลายบนผิว ใครที่อยากลดรอยแตกลาย เรตินเอจึงช่วยคุณได้

 

วิธีใช้เรตินเอ (Retin-A 0.05%) ลดรอยแตกลาย
วิธีการลดรอยแตกลาย เรตินเอ ไม่ได้เหมือนการเอามาแต้มสิวทั่วไป แต่จะวุ่นวายกว่านั้นมาก ทั้งนี้ รับรองว่าผลลัพธ์ที่ได้จะออกมาในแบบที่คุณพึงพอใจ ซึ่งวิธีการใช้เรตินเอนี้ ได้มีการตั้งกระทู้ในเว็บไซต์พันทิป และได้ผลตอบรับที่ดีจากผู้ลองใช้จริง (กระทู้ : สาวสวยห้องแป้งครับ ผมมาแนะนำวิธี “ลดรอยแตกลาย” ได้ผล !!!)
  1.อาบน้ำให้สะอาด โดยแนะนำให้ขัดผิว แต่ระวังอย่าขัดผิวแรงจนเกินไป ควรขัดอย่างเบามือ จะช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื่น ไม่แห้งตึ้ง จากนั้นเช็ดตัว รอจนแห้งสนิทสัก 10-15 นาที
   2.บีบเรตินเอ (Retin-A 0.05%) ใส่นิ้วมือปริมาณที่เหมาะสมกับการชะโลมผิวที่มีปัญหาผิวแตกลาย
3.หลังทาไปแล้ว จะได้กลิ่นของเรตินเอ (Retin-A 0.05%) ซึ่งบางคนอาจจะรู้สึกเหม็น (ต้องทำใจ) จากนั้นก็นวดคลึงไปเรื่อยๆสักพักประมาณ 10-20 วินาที เป็นอันเสร็จ (ไม่ต้องทาโลชั่นหรือครีมบำรุงผิวอื่นๆ)
ให้ใช้วิธีลดรอยแตกลาย เรตินเอแบบนี้ก่อนนอน โดยใช้แค่วันเว้นวันเท่านั้น เพราะเนื้อครีมออกฤทธิ์ค่อนข้างแรง อาจทำให้ผิวเกิดความระคายเคืองจนปวดแสบปวดร้อนจนผิวอักเสบได้ สำหรับผลลัพธ์ในการรักษารอยแตกลายของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและรอยแตกลายว่าเกิดขึ้นมานานแค่ไหน หากพึ่งเป็นรอยแตกลายแล้วแก้ได้ทัน ก็จะหายไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่รอยแตกลายของท่านใดปล่อยไว้มาเป็นปีอาจต้องใช้เวลานานหลายเดือน
อย่างไรก็ดี หากใช้เรตินเอลดรอยแตกลายแล้วพบว่าผิวของตนเกิดการระคายเคืองมากผิดปกติ จนผิวอักเสบก็ควรหยุดใช้ทันที แล้วเลือกใช้วิธีอื่นแทน เพราะผิวของคุณอาจบอบบางหรือเกิดการแพ้ยา

ครีมบำรุงผิวจากธรรมชาติ สามารถช่วยแก้ไขปัญหาผิวแตกลายให้ดียิ่งขึ้น
ผิวแตกลายสามารถที่จะเลือนหายไปได้ เมื่อระยะเวลาผ่านไปตามธรรมชาติ แต่ก็จำเป็นที่จะต้องใช้ระยะเวลาที่เรียกได้ว่าค่อนข้างนาน จนหลายคนอาจถึงกับถอดใจเลยทีเดียว แต่ ณ ปัจจุบัน ด้วยความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์ และความรู้ต่างๆ สามารถทำให้การเยียวยาบาดแผล ริ้วรอยแตกลายเหล่านั้นสามารถเป็นไปได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ด้วยเพียงแค่การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกายที่เหมาะสม เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอเท่านั้นเอง

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

รอยแตกลาย ทําไงหาย ง่ายนิดเดียว ด้วยครีมที่ดีที่สุด

         รอยแตกลาย ภาษาอังกฤษเรียกว่า Stretch Marks หรือ Striae เกิดจากการยืดขยายต่อเนื่องของผิวหนังและเนื้อเยื่ออย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการทำลายโครงสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ จึงเกิดเป็นรอยแตกลายบนผิวชั้นนอก ซึ่งเชื่อว่าครั้งหนึ่งหรือหลายครั้ง แต่ละคนต่างก็เคยผ่านปัญหารอยแตกลายกันมาแล้ว วันนี้เรามาดูกันว่าเจ้ารอยแตกลายเกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไมผิวเนียนสวยจึงต้องเกิดการแตกลาย รวมถึงวิธีการลดรอยแตกลายแบบธรรมชาติ จะทำได้อย่างไร

ใครบ้างที่เสี่ยงต่อการเกิดรอยแตกลาย
หญิงตั้งครรภ์ร้อยละ 80-90 พบกับปัญหารอยแตกลาย เนื่องจากระหว่างตั้งครรภ์เป็นช่วงการเปลี่ยนแปลงของไขมันที่มีการสะสมมากขึ้น และยังมมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศ ทำให้หญิงที่ตั้งครรภ์มีรอยแตกสีแดง บริเวณท้อง สะโพก หลัง และเต้านม จากการศึกษาวิจัย พบว่าหญิงตั้งครรภ์มักจะมีรอยแตกช่วงปลายของการตั้งครรภ์ (เดือนที่ 6-7) ร้อยละ 75-90 เลยทีเดียว และมีการศึกษาหนึ่งของนักวิจัยชาวเยอรมัน ได้นำครีมที่มีส่วนผสมของสาร (Trofolastin) containing Gotu Kola extract and vitamin E มานวดบริเวณท้องของคนตั้งครรภ์ พบว่ามีแค่เพียง 1 ใน 3 เท่านั้น ที่ไม่เป็นรอยแตกลาย และพบว่าหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นวัยรุ่นจะมีโอกาสเกิดรอยแตกลาย ขณะท้องได้มากกว่า และรุนแรงกว่า

         ส่วนรอยแตกลายพบในกลุ่มคนอื่นๆ เช่น คนที่เล่นฟิตเนตแล้วมีรอยแตกนั้น มักจะพบสัมพันธ์กับการยืดตัวของกล้ามเนื้อที่รวดเร็วเกินไป และจะพบบ่อยในกลุ่มคนที่ใช้ยา steriod ทั้งประเภทฉีดและกิน เนื่องจากยากลุ่มนี้จะทำให้ผิวหนังแตกได้ และทำให้มีการสะสมของไขมันและกล้ามเนื้อเพิ่มได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้มีโอกาสเกิดรอยแตกได้มากกว่า และคนอีกประเภทที่พบว่าเป็นรอยแตกลายได้บ่อยคือ วัยรุ่น ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้งหญิงชาย มักพบบริเวณหลัง สะโพก เพราะวัยนี้เป็นช่วงเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ ทำให้เป็นรอยแตกได้ง่าย
ในช่วงแรกของการเกิดรอยแตกลายจะเป็นรอยสีชมพู แดง และสีม่วง ตามลำดับ ช่วงนี้เรียกว่า รอยแตกลายใหม่ หากอยากหายต้องได้รับการรักษาตั้งแต่ช่วงนี้ เพราะหายได้เร็วที่สุด ถ้าปล่อยไว้จนรอยแตกนั้นจะค่อยๆกลายเป็นสีขาวซีด เห็นเป็นร่องเป็นรอยแตกระแหง เรียกว่า รอยแตกลายเก่า (Scar like) แบบนี้จะรักษาได้ยากกว่า

วิธีลดรอยแตกลายแบบธรรมชาติ
1.ทานอาหารที่เป็นประโยชน์ โดยอาหารที่ควรบริโภคนั้นควรมีสารอาหารที่มี วิตามิน A C D และ สังกะสี เนื่องจากเป็นสารสำคัญในการซ่อมแซมแผลที่มักจะเกิดขึ้น รวมถึงช่วยลดรอยแตกลายแบบธรรมชาติได้ โดยเรามักจะเห็นในตำแหน่งที่มีไขมันสะสมมาก เช่น หน้าอก สะโพก หลัง ต้นขา และอีกหนึ่งแหล่งอาหารที่สำคัญคือ “น้ำเปล่า” หากดื่มน้ำอย่างน้อย วันละ 6-8 แก้วขึ้นไป จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนัง เพราะพบว่าคนที่ดื่มน้ำน้อย มีโอกาสเกิดรอยแตกได้มากกว่า สำหรับอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ ชา กาแฟ และน้ำอัดลม

         2.ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อให้ผิวหนังยืดหยุ่น เพราะการออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นและกระชับชั้นหนังแท้ ซึ่งเป็นผิวหนังชั้นที่ 2 ที่ประกอบไปด้วยคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวหนังที่กำลังเป็นหรือเสี่ยงต่อรอยแตกลาย แลดูจางลงได้ ทั้งนี้ ควรหลีกเลี่ยงการลดน้ำหนักหรือเพิ่มน้ำหนักอย่างรวดเร็วจนเกินไป
3.ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว โดยเฉพาะที่มีมอยส์เจอร์ไรเซอร์ จะช่วยให้ผิวชุ่มน้ำ มีความยืดหยุ่นได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้วิตามินซี และเรตินอยด์ มีประสิทธิภาพในการเพิ่มการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในช่วงต้น ทำให้รอยแตกลายดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เรตินอยด์จะไม่มีประสิทธิภาพถ้ารอยแตกลายเป็นสีขาว ที่สำคัญคือคุณแม่ที่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ต้องหลีกเลี่ยงการใช้เรตินอยด์ เพราะเกิดผลกระทบต่อลูกในท้อง เช่น อาจทำให้ทารกเกิดความพิการได้

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

วิธีลดรอยแตกลาย ขาลาย ให้ได้น่องขาเนียนสวยคืนกลับมา

         ขอเปรยก่อนเลยว่าเกิดมาเป็นลูกผู้หญิงนั้นแสนลำบาก ต้องทุกข์ยากกับปัญหาผิวซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่จะให้ทำไงได้ในเมื่อความสวยความงามกับผู้หญิงเป็นของคู่กัน ฉะนั้น ไม่ว่าปัญหาผิวจะมารุมเร้าสักเพียงไหนก็จงยืนหยัดสู้กับมันให้ตายกันไปข้าง (ฮาาาา) วันนี้เราจะมาชำแหละอีกหนึ่งปัญหาผิวที่มักเกิดขึ้นกับคุณผู้หญิง นั่นคือรอยแตกลาย ส่วนใหญ่เป็นที่บริเวณหน้าอก ต้นขา แก้มก้น สะโพก หน้าท้อง หรือบริเวณผิวที่เป็นแหล่งสะสมของไขมันส่วนเกินนั่นเอง
โดยเจ้ารอยแตกลายนี้มักเกิดขึ้นในคนที่เคยอ้วนมากๆ แล้วมาผอมในภายหลัง เพราะเมื่อเราอ้วน ผิวหนังของเราจะขยายออกภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว จึงทำให้คอลลาเจนที่เป็นตัวช่วยในเรื่องความยืดหยุ่นที่อยู่ในผิวหนังของเรานั้นถูกทำลาย และเมื่อมีการยืดขยายมากๆ คอลลาเจนไม่สามารถทนแรงขยายนั้นได้ จึงทำให้เกิดเป็นรอยแตกลายตามผิวหนังนั่นเอง ในทางตรงกันข้ามถ้าเราผอมอยู่แล้วอ้วนขึ้นอย่างรวดเร็ว ผิวหนังที่ขยายเร็วเกินไปก็อาจทำให้เกิดรอยแตกลายได้เช่นกัน

วิธีลดรอยแตกลาย ขาลาย
วิธีลดรอยแตกลาย ขาลาย ให้ได้น่องขาที่เนียนสวยคืนกลับมามีให้เลือกหลายหลายวิธี ซึ่งถ้าจะให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและรวดเร็วขึ้น จำเป็นต้องใช้หลายวิธีผนวกกัน ดังนี้
  1.ดื่มน้ำเยอะๆ เพราะจะช่วยไม่ให้ผิวหนังเสียความยืดหยุ่น โดยควรฝึกตัวเองให้พยายามดื่มน้ำเยอะ ๆ ประมาณวันละ 6-8 แก้วขึ้นไป เพื่อป้องกันการเกิดเซลลูไลท์และไม่ให้ผิวแตกลายจนดูน่าเกลียด
2.กินอาหารที่เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารพวกวิตามินเค วิตามินอี วิตามินซี สังกะสี และซิลิกา เพื่อให้ร่างกายผลิตโปรตีนที่จำเป็นต่อการยืดหยุ่นของผิวหนัง
  3.ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อให้ผิวหนังยืดหยุ่น เพราะการออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นและกระชับชั้นหนังแท้ ซึ่งเป็นผิวหนังชั้นที่ 2 ที่ประกอบไปด้วยคอลลาเจนและอิลาสติน เป็นวิธีลดรอยแตกลาย ขาลายได้ดี ทั้งยังช่วยให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายสมดุล มีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาผิวแตกลาย ทั้งนี้ ต้องหลีกเลี่ยงการลดน้ำหนักหรือเพิ่มน้ำหนักอย่างรวดเร็ว

         4.ขัดผิวด้วยสบู่ โดยขัดไปที่ผิวบริเวณที่เป็นรอยแตกลายอย่างเบามือ เพื่อช่วยในกระบวนการยืดหยุ่นและหดตัวของผิวหนัง หลีกเลี่ยงการใช้เกลือขัดตัว เพราะจะทำให้ผิวแห้ง และเกิดปัญหารอยแตกเพิ่มขึ้น
5.ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ ให้ผิวที่เป็นรอยแตกลาย หรือมีความเสี่ยงต่อการแตกลาย เช่น บริเวณต้นขา ต้นแขน น่อง ฯลฯ เพื่อทำให้ผิวชุ่มน้ำ เกิดความยืดหยุ่นได้มากขึ้น
6.ทากรดวิตามินเอ เป็นการคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว เมื่อทาลงในบริเวณที่มีปัญหา จะช่วยลดรอยแตกลาย ขาลาย น่องลายให้จางลงได้ โดยจะทำให้รอยแตกลายสั้นและแคบลงได้ถึง 15-20% หากทาต่อเนื่องนานประมาณ 6 เดือน
7.ใช้สมุนไพร พืชสมุนไพรบางชนิดมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิว ช่วยฟื้นบำรุงสภาพผิวที่เคยเสียให้กลับมาสุขภาพดีได้ เช่น ว่านหางจระเข้ ให้นำวุ้นของว่านหางจระเข้ที่ทำความสะอาดดีแล้ว มาทำการทาลงในบริเวณที่มีปัญหาน่องลายเป็นประจำทุกเช้าเย็น ผิวที่แตกลายก็จะค่อยๆจางลง หรือจะอีกสมุนไพรที่ช่วยลดรอยแตกลาย ขาลาย คือใบบัวบก โดยให้คั้นเอาแต่น้ำ แล้วนำไปทาเป็นประจำทุกเช้าเย็น ผิวที่แตกลายก็จะค่อยๆจางลง
นอกจากนี้ยังมีวิธีลดรอยแตกลาย ขาลายด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ แต่ยังไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง อย่างเช่น การรักษาด้วยเลเซอร์ลดรอยแดง ใช้โปรแกรมการรักษาช่วยกระตุ้น Collagen ใช้ Carboxytherapy เพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือด และออกซิเจนบริเวณดังกล่าว เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้าง คอลลาเจน เป็นต้น

         อีกหนึ่งในวิธีการแก้ไขปัญหาขาลายที่น่าสนใจ ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย และง่ายจนใครๆก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้าน นั่นคือ การใช้ครีมบำรุงผิว ที่มีประสิทธิภาพในการช่วยแก้ไขปัญหาขาลายนั่นเอง ซึ่งการเลือกครีมบำรุงผิวที่ช่วยแก้ปัญหาขาลายนั้นก็ไม่ยาก เพียงแค่คุณทำการเลือกครีมที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ที่ช่วยในการแก้ปัญหาผิวแตกลาย และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว เพียงเท่านี้ปัญหาผิวแตกลายก็จะกลายเป็นอดีตอันแสนห่างไกลของคุณอย่างแน่นอน

การใช้ครีมบำรุงผิวแก้ไขปัญหาผิวแตกลาย ยังสามารถที่จะเลือกใช้ครีมบำรุงผิวแบบสำเร็จรูป โดยเน้นครีมบำรุงผิวที่มีความอ่อนโยน และมีส่วนประกอบหลักจากธรรมชาติ 100% ซึ่งจะเป็นการช่วยฟื้นฟู และบำรุงผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเป็นการช่วยทำให้ผิวสามารถฟื้นฟูตัวเองตามธรรมชาติอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้ผลลัพธ์ของผิวที่กลับมาสวยสดใสเหมือนเดิม

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

รักษาอาการหน้าท้องลายด้วย Dermaroller

    เมื่อคลอดบุตรคุณสาวๆส่วนใหญ่มักจะเกิดปัญหาหน้าท้องลายขึ้น ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ค่อนข้างแก้ไขยาก แต่สำหรับคุณสาวๆที่เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นมาแล้ว และกำลังมองหาวิธีลดปัญหาหน้าท้องลายให้น้อยลงแล้วล่ะก็ ในวันนี้เรามีหนึ่งในเคล็ดลับมานำเสนอเพื่อให้คุณสาวๆสามารถกลับมามีหน้าท้องที่แบนราบ และเนียนสวยด้วยการใช้ Dermaroller ส่วนจะช่วยได้อย่างไรกันนั้น สามารถติดตามอ่านได้จากบทความชิ้นนี้กันเลย

Dermaroller คืออะไร

Dermaroller เป็นลูกกลิ้งที่เต็มไปด้วยเข็มที่มีขนาด 0.25 มิลลิเมตร โดยเข็มจะมีความยาวที่เหมาะสมในการกระตุ้นให้เกิดการฟื้นฟูของผิวชั้นลึก ในประเทศไทย Dermaroller เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะของหนึ่งในเครื่องมือที่ถูกนำมาใช้ในการรักษาสิว แต่คุณสมบัติจริงๆของเจ้า Dermaroller นั้น ยังรวมไปถึงการช่วยแก้ปัญหาผิวที่ไม่เรียบ ปัญหาหลุมสิว แผลเป็นจากสิว รูขุมขนกว้าง รอยตีนกา รอยแดง แผลนูน แผลเป็นทุกชนิด ผิวเปลือกส้ม หนังศีรษะล้าน ผมบาง แต่ที่สำคัญที่สุดที่เรากำลังจะกล่าวถึงในบทความชิ้นนี้คือ Dermaroller ช่วยลดปัญหาหน้าทองลายให้น้อยลงได้

Dermaroller สามารถช่วยแก้ปัญหาท้องลายได้อย่างไร

Dermaroller เป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการแพทย์ ที่ถูกนำมาใช้กลิ้งในบริเวณผิวที่ต้องการ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดรูเล็กๆขึ้นที่ผิว พร้อมกับทำลายพังผืดที่หลุมบนผิวหรือบริเวณที่เป็นปัญหา ซึ่งจะกระตุ้นทำให้เกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวหนังลึก จึงสามารถช่วยทำให้การรักษาอาการหน้าท้องลายมีประสิทธิภาพที่ดีและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยที่ไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงใดๆเกิดขึ้นตามมา เนื่องจากไม่เกิดการลอกของผิวด้านบน และผิวยังไม่เกิดผลกระทบจากความร้อนที่เกิดขึ้นจากการรักษาด้วยแสงเลเซอร์ หรือแสงชนิดต่างๆอีกด้วย

       การใช้ Dermaroller เพื่อรักษาอาการหน้าท้องลายนั้น ควรใช้ควบคู่ไปกับครีม สาร หรือเซรั่มบำรุงผิวที่มีความเหมาะสมกับผิวของคุณสาวๆ เพราะการกลิ้ง Dermaroller ช่วยทำให้ครีม หรือสารบำรุงผิวที่จากเดิมสามารถซึมผ่านผิวหนังได้เพียง 3% จากปกติ สามารถซึมผ่านผิวหนังได้มากขึ้นถึงกว่า 40 เท่า เลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามหลังจากการทำ Dermaroller อาจจะทำให้เกิดอาการผิวแห้ง รวมไปถึงอาการระคายเคืองเป็นระยะเวลาประมาณ 1-2 วัน นอกจากนี้อาจจะทำให้เกิดปัญหาการลอกเป็นขุยของผิวขึ้นได้บ้าง ซึ่งสามารถทำการแก้ไขได้ด้วยการใช้ครีมเพิ่มความชุ่มชื้น และพยายามหลีกเลี่ยงแสงแดด ถ้าหากจำเป็นจริงๆก็ควรทำการทาครีมกันแดดก่อนที่จะออกไปข้างนอกในช่วงระยะเวลา 1 สัปดาห์ หลังจากที่ทำการรักษาอาการหน้าท้องลายด้วย Dermaroller

ต้องรักษาด้วยการกลิ้ง Dermaroller นานเพียงใดจึงจะสามารถเห็นผลลัพธ์

การรักษาอาการหน้าท้องลายด้วย Dermaroller นั้น ระยะเวลาในการแสดงผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นว่ามากน้อยเพียงใด แต่โดยปกติแล้วควรทำการกลิ้งในบริเวณที่เกิดปัญหาให้เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอทุกๆ 2 สัปดาห์ โดยเฉลี่ยประมาณ 5-6 ซึ่งแต่ละครั้งจะใช้ระยะเวลาประมาณ 30-40 นาที สำหรับการรักษาหน้าท้องลายด้วยวิธีนี้จำเป็นที่จะต้องใช้ความใจเย็นในระดับหนึ่ง เนื่องจากเป็นการกระตุ้นผิวตามธรรมชาติ

       ในปัจจุบันการรักษาด้วย Dermaroller มีการพัฒนาการรักษาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเพิ่มมากยิ่งขึ้น กลายเป็นการรักษาด้วยวิธี DermaPen เป็นเทคโนโลยี Fractional Microneedle Device ที่มีกลุ่มของเข็มขนาดเล็กที่เรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งสามารปรับความยาวให้เหมาะกับการรักษาได้ตั้งแต่ 0.25-2 มิลลิเมตร นอกจากนี้ยังสามารถปรับความถี่ของเข็มได้มากกว่าถึง 20-90 ครั้ง ต่อนาที DermaPen  เป็นเครื่องมือที่ช่วยกระตุ้นให้ผิวหนังเกิดการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวหนังสร้างเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นเติมเต็มบริเวณรอยแตกลายบริเวณหน้าท้องให้จางลง และยังได้ผลลัพธ์ที่ถาวรอีกด้วย 

ใช้ครีมบำรุงผิว เสริมประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาท้องลายให้ดียิ่งขึ้น
        นอกจากการใช้วิธีแก้ไขปัญหาท้องลายดังที่ได้กล่าวถึงไปแล้วในตอนต้น สำหรับใครที่อยากให้ปัญหารอยแตกลายบนผิวลดน้อยลงอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ก็สามารถที่จะทำได้ โดยการใช้ครีมบำรุงผิว ที่มีประสิทธิภาพในการช่วยบำรุง ฟื้นฟู สุขภาพของผิวให้มีความสมบูรณืมากยิ่งขึ้น ซึ่งเมื่อทำควบคู่ไปกับวิธีการดูแลผิวในข้างต้น ก็ยิ่งเสมือนเป็นการเร่งประสิทธิภาพในการฟื้นตัวของผิวหนังมากขึ้น รอยแตกลายจึงยิ่งลดน้อย เลือนหายไปอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เคล็ดไม่ลับพิชิตปัญหาท้องลาย

ท้องลาย เป็นหนึ่งในปัญหาที่คุณสาวๆกลัวมากที่สุดเมื่อรู้ว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์อยู่ เพราะเป็นปัญหาที่แก้ไขยาก คุณสาวๆหลายๆคนที่รู้ตัว และพยายามป้องกัน บำรุง รักษา ผิวหนังหน้าท้องของตัวเองตั้งแต่เนินๆ ตั้งแต่ก่อนคลอดเสียอีก แต่เมื่อคลอดเสร็จแล้ว ปัญหาท้องลายกลับไม่ได้ดีขึ้นเลย ซึ่งในวันนี้สำหรับคุณสาวๆที่กำลังกังวลใจในปัญหาท้องลาย อยากให้ลองมาทำการศึกษาเคล็ดไม่ลับพิชิตปัญหาท้องลาย จากบทความชิ้นนี้กัน

ปัญหาท้องลาย สามารถรักษาได้จริงหรือ

เป็นเรื่องที่ยาก ที่จะรักษาผิวที่แตกลายไปแล้วให้คืนมาเป็นปกติ และมีคุณแม่กว่า 90 % ทีเดียว ที่ต้องพบกับปัญหาท้องลายนี้ ดังนั้น เมื่อคุณสาวๆตั้งครรภ์ สิ่งแรกที่อยากให้ทำใจยอมรับให้ได้เสียก่อนว่า “ปัญหาท้องลายเป็นเรื่องธรรมชาติ” แต่ถ้าหากติดแบบนั้นแล้วยังไม่สบายใจ ก็ขอให้ลองปฏิบัติตัวตามคำแนะนำต่อไปนี้ ที่ถึงแม้จะไม่สามารถรักษาอาการท้องลายได้เต็ม 100 % แต่อย่างน้อยที่สุด ก็สามารถช่วยลดรอยลายเหล่านั้นให้น้อยลงได้

ข้อปฏิบัติเพื่อลดอาการท้องลายก่อนการตั้งครรภ์

คุณสาวๆที่เตรียมพร้อมที่จะมีบุตร ควรหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมร่างกายเอาไว้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการช่วยเพิ่มความแข็งแรง และความยืดหยุ่นของผิวหนังเอาไว้ล่วงหน้า เพราะจะช่วยลดปัญหาท้องลายที่เกิดขึ้นหลังการคลอดได้เป็นอย่างดี

ข้อปฏิบัติเพื่อลดอาการท้องลายในขณะที่กำลังตั้งครรภ์

1.ควรทาโลชั่น ครีม หรือน้ำมันมะกอกเพื่อบำรุงและให้ความชุ่มชื้นกับผิวอย่างสม่ำเสมอ โดยทำการทาหลังจากการอาบน้ำทันที เพื่อเป็นการเก็บความชุ่มชื้นจากน้ำที่ยังคงตกค้างอยู่บนผิว และให้พยายามเลือกโลชั่นที่มีลักษณะเหนียวข้น เพราะสามารถที่จะกักเก็บความชุ่มชิ้นของผิวเอาไว้ได้มากกว่า โลชั่นที่มีเนื้อปกติโดยทั่วไป

2.ควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นจัด เพราะอาจจะทำให้ผิวแห้งขาดความชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจจะยิ่งทำให้เกิดปัญหาท้องลายมากขึ้น

       3.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และช่วยบำรุงผิว เช่น มะเขือเทศ ส้ม แครอท โยเกิร์ต ถั่ว เป็นต้น รวมไปถึงการดื่มน้ำเปล่าที่สะอาดอย่างเพียงพอ ประมารณ 6-8 แก้ว ในแต่ละวันด้วย พร้อมกับงดอาหารที่จะทำลายสุขภาพของผิว เช่น ของทอด แอลกอฮอล์ น้ำอัดลม คาเฟอีน เป็นต้น

 4.ห้ามเกาบริเวณหน้าท้อง เพราะจะยิ่งเป็นการเพิ่มริ้วรอยให้กับหน้าท้องมากขึ้น ถ้าหากรู้สึกคัน ให้พยายามใช้มือลูบ แต่ถ้ากลัวว่าจะอดใจไม่ไหว หรือ เกาโดยที่ไม่รู้ตัว ก็ควรป้องกันโดยการตัดเล็บมือให้สั้นเอาไว้ก่อน

5.นอนหลับในท่าที่เหมาะสม สำหรับคุณสาวๆที่ท้องโตมากแล้ว การนอนตะแคงจะทำให้ผิวหนังบริเวณหน้าท้องถูกดึงรั้งไปในทิศทางเดียว ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาท้องลายขึ้น ขอแนะนำให้ทำการนอนตะแคง โดยนำหมอนมารองรับหน้าท้องเอาไว้ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาท้องลายให้ลดลง

6.ในขณะที่ตั้งครรภ์ ไม่ควรเพิ่มน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็วเกินไป โดยเฉลี่ยแล้วควรเพิ่มน้ำหนักตัวให้ได้ประมาณ 1.5-2 กิโลกรัม ต่อสัปดาห์ และควรจะมีน้ำหนักตัวทั้งหมดเพิ่มขึ้นประมาณ 10-12 กิโลกรัม

ข้อปฏิบัติเพื่อรักษาอาการท้องลายหลังการตั้งครรภ์

ในกรณีที่มีปัญหาท้องลายไม่มากนั้น ในปัจจุบันได้มีวิธีการรักษาที่ได้ผลหลายวิธี เช่น การใช้ยาที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ ทาบริเวณหน้าท้อง ซึ่งจะสามารถช่วยลดรอยแตกลายให้ลดลงได้ แต่ในกรณีที่เป็นมาก หรือเป็นมานานแล้วแต่ไม่ได้รับการรักษาในทันที ก็ยังมีวิธีการรักษาท้องลายที่ได้ผล อาทิเช่น การใช้เลเซอร์ แต่ก็ต้องรักษาด้วยแสงเลเซอร์ถึง 3 ขั้นตอน ทีเดียว กว่าที่ปัญหาหน้าท้องลายจะค่อยๆเลือนหายไป

ปัญหาท้องลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และเกิดขึ้นได้ง่ายมาก ซึ่งจะมีปัญหามากหรือน้อยนั้นก็จะแตกต่างกันออกไปแล้วแต่บุคคล อีกทั้งยังเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ยาก ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็คือ การพยายามป้องกัน บำรุงรักษาตัวเองเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อลดผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว ภายหลังจากการคลอด

ครีมบำรุงผิวช่วยแก้ไขปัญหาท้องลายได้จริงหรือ?
ท้องลายเป็นปัญหาทใหญ่ที่ชวนหนักใจ เพราะถึงแม้ว่าจะทราบดีว่ารอยแตกลายเหล่านั้น เมื่อระยะเวลาผ่านไป ก็จะค่อยๆเลือนหายตามไปด้วย แต่เนื่องจากหลายคนอาจจะอดรนทนรอเวลาที่ว่านั้นไม่ไหว ซึ่งถ้าหากต้องการให้รอยแตกลายหายไปอย่างรวดเร็วก็สามารถที่จะทำได้ โดยการใช้ครีมบำรุงผิว ที่มีคุณสมบัติในการช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ไปพร้อมกับการฟื้นฟู บำรุง และรักษาสภาพผิวให้กลับมาสมบูรณ์มากที่สุด ด้วยประสิทธิภาพเหล่านี้จะเป็นการช่วยทำให้รอยแตกลาย ลดน้อยลง และเลือนหายไปอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ท้องลายรักษาอย่างไร วิธีรักษาท้องลายหลังคลอด

เชื่อว่าคุณแม่ยังสาวส่วนใหญ่ แม้จะอุ้มท้องบุตรด้วยความรักและเอ็นดูมากเพียงใด แต่ลึกๆแล้วภายในใจก็คงจะยังอดมีความกังวลไม่ได้ว่า เมื่อคลอดลูกแสนรักแล้ว น้ำหนักตัว รวมไปถึงผิวสวยๆ จะสามารถกลับมาเนียนใสได้เหมือนเดิมหรือเปล่า

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผิวหนังบริเวณหน้าท้องที่มีการขยายตัวขึ้นจากการอุ้มท้อง ที่หลังจากคลอดก็มักที่จะหลงเหลือร่องรอยจากการหดตัวของผิวหนังอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งทำให้เกิดปัญหาท้องลายขึ้น

สำหรับในวันนี้จะขอพาเหล่าคุณแม่ยังสาว ไปรู้จักกับ วิธีปฏิบัติตัวที่ถูกต้องเพื่อรักษาอาการท้องลาย เพื่อให้ผิวหน้าท้องกลับมาเนียนใสดังเดิม

ขั้นตอนการดูแลรักษาตัวเอง ให้หน้าท้องปราศจากริ้วรอย

สำหรับขั้นตอนการดูแลรักษาไม่ให้ท้องลายนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็นสองช่วง ซึ่งหากคุณแม่ยังสาวมีการปฏิบัติตัวตามขั้นตอนต่อไปนี้ ก็จะสามารถช่วยลดและรักษาปัญหาท้องลายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การดูแลรักษาตัวเองก่อนคลอด

1. เริ่มต้นจากการดูแลผิวหนังบริเวณหน้าท้องของตัวเองให้ดีตั้งแต่ก่อนคลอด ถึงจะบอกว่าบทความชิ้นนี้จะกล่าวถึงวิธีการรักษาอาการท้องลายหลังการคลอดก็ตาม แต่วิธีที่ดีที่สุดในการรักษานั้น

ควรเริ่มต้นจากวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดหรือลดความรุนแรงของปัญหาขึ้นมาก่อนจึงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด โดยเริ่มตั้งแต่ในช่วงแรกๆของการตั้งครรภ์ ให้เริ่มทำการทาครีมบำรุงในบริเวณหน้าท้อง โดยต้องไม่ใช่ครีมที่มีส่วนผสมของกรดวิตามินเอ อาจจะเป็นน้ำมันมะกอก หรือเบบี้โลชั่น เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง

2. การอาบน้ำในระดับอุณหภูมิห้องช่วยป้องกันการเกิดท้องลายได้ เพราะการอาบน้ำอุ่นมากๆจะยิ่งทำให้ผิวหนังกลายเป็นขุย และทำให้เกิดอาการท้องแตกลายมากยิ่งขึ้นในช่วงท้ายๆก่อนการคลอดบุตร

3. ควรออกกำลังกายในขณะที่อุ้มท้องบ้าง เช่น การบริหารกล้ามเนื้อบริเวณท้องด้วยการเล่นโยคะ หรือพิลาทิส แต่ควรออกกำลังกายโดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำอยู่ข้างๆ หรือการออกกำลังกายโดยการเกร็งกล้ามเนื้อท้อง หรือแขม่วท้องโดยนับ 1-5 แล้วผ่อนออก วิธีการออกกำลังกายเหล่านี้จะช่วยพยุงมดลูกไม่ให้ไปดันที่ผิวหนังมากนักในขณะตั้งครรภ์ หรืออาจจะใช้วิธีออกกำลังง่ายๆ โดยการเดินวันละประมาณ 5 นาที เป็นต้น

4. ถ้าหากรู้สึกคันบริเวณหน้าท้องโปรดหลีกเลี่ยงการเกา เพราะจะเป็นการทำร้ายผิว ถ้าหากเกิดอาการระคายเคืองควรไปรับยาทาเพื่อแก้อาการคันจากแพทย์จะดีกว่า แต่ถ้ากลัวอดใจให้เกาไม่ได้ก็ให้ทำการตัดเล็บเอาไว้สั้นเสียตั้งแต่เนิ่นๆจะช่วยลดการทำร้ายผิวที่เกิดขึ้นจากการเกาได้

5. การนองตะแคงในขณะตั้งครรภ์ทำให้เกิดท้องลายได้ง่าย โดยปกติแล้วการนอนตะแคงถือว่าเป็นท่าที่นอนสบายที่สุดของผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ แต่การนอนตะแคงนั้นทำให้ผิวหนังเกิดการดึงรั้งไปในทิศทางเดียวกันมาก แต่สามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้หมอนมารรองรับหน้าท้องเอาไว้ ซึ่งจะช่วยทำให้ปัญหาท้องลายลดลง

6. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เป็นพื้นฐานของสุขภาพและผิวหนังที่ดี โดยการรับประทานผลไม้ ผักสด ธัญพืช เมล็ดพืชเปลือกแข็ง และถั่วชนิดต่างๆ

7. ค่อยๆเพิ่มน้ำหนักตัวในขณะที่ตั้งครรภ์ เนื่องจากการเพิ่มน้ำหนักตัวที่รวดเร็วจนเกินไปจะทำให้ผิวหนังมีการยืดหดอย่างรวดเร็วจนเกินพอดี ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ท้องลาย แต่คุณแม่ยังสาวจำเป็นที่จะต้องเพิ่มปริมาณน้ำหนักตัวเพื่อเตรียมพร้อมในการอุ้มท้อง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติ

อย่างไรก็ตามการเพิ่มน้ำหนักตัวควรค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉลี่ยแล้วควรเพิ่มน้ำหนักตัวขึ้นอย่างช้าๆ ประมาณ 2 กก. ต่อเดือน

การดูแลรักษาตัวเองหลังคลอด

1. การใช้ครีมทาผิวหลังการคลอด มีผลวิจัยว่า ครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากโกโตโคลา วิตามินอี และคอลาเจนไฮโดราไลเสท มีคุณสมบัติในการช่วยลดการแตกลายของหน้าท้องได้ ในกรณีที่มีอาการท้องลายไม่มากนัก สามารถใช้ยาที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ ทาเพื่อช่วยให้รอยแตกลายจางลงได้

2. เสริมสร้างคอลลาเจนด้วยวิตามินอี ซึ่งจะช่วยทำการซ่อมแซมเซลล์ผิว ทำให้ริ้วรอยที่หน้าท้องจางลง โดยการรับประทานวิตามินอีวันละ 1 เม็ด หรือทำการนวดบริเวณหน้าท้องด้วยน้ำมันที่มีส่วนผสมของวิตามินอี เช่น น้ำมันจมูกข้าว น้ำมันมะพร้าว น้ำมันอัลมอนด์ ไขมันจากเมล็ดโกโก้ หรือที่เรียกกันว่าเนยโกโก้ เป็นต้น

3. ดื่มน้ำในระหว่างวันมากๆ นอกจากน้ำสะอาดแล้ว ยังควรดื่มชาเขียว ชาสมุนไพร น้ำผักและน้ำผลไม้ เพื่อเป็นการช่วยคืนความชุ่มชื้น ป้องกันรอยแตกของผิวได้เป็นอย่างดี

การเลือกผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงผิว ทีสามารถช่วยบรรเทาอาการท้องลายหลังคลอด
อย่างที่ได้นำเสนอไปแล้วในตอนต้นว่า การแก้ไขปัญหาท้องลายหลังการคลอดนั้นเป็นสิ่งที่ยาก และจำเป็นที่จะต้องใช้ระยะเวลาที่ค่อนข้างจะยาวนานให้ร่างกายของคนเราเกิดกระบวนการเยียวยาตัวเองตามธรรมชาติ แต่คุณก็สามารถที่จะเร่งกระบวนการซ่อมแซมตัวเองเหล่านั้นให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้นได้ ด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงผิวที่มีความเหมาะสมกับปัญหาโดยเฉพาะ อย่างผลิตภัณฑ์ที่ช่วยกระชับผิวหนัง เสริมสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน รวมไปถึงให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยทำให้ผิวที่แตกลายหลังคลอดเกิดการฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วเหมาะสมมากที่สุด นอกจากนี้ถ้าจะให้ดีที่สุด ก็ควรที่จะเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติเป็นหลัก เพื่อให้ผิวที่บอบางหลังคลอดที่กำลังอยู่ในช่วงการฟื้นฟูตัวเองนั้น ไม่ได้รับผลกระทบที่มากจนเกินไปนัก

     

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.