มาลดไขมันใต้ผิวหนังด้วยตัวเองกัน!

            ปัญหาของไขมันใต้ผิวหนัง ยังคงเป็นปัญหาโลกแตกสำหรับสาวๆหลายคน เพราะไขมันใต้ผิวหนังนี้เองเป็นต้นตอของสาเหตุขอผิวลายต่างๆนานๆ ทั้งผิวเปลือกส้ม ผิวหนังไก่ โดยส่วนใหญ่เชื่อว่าเจ้าไขมันใต้ผิวหนังนี้เกิดจากการที่ระบบไหลเวียนของเลือดได้ลดลง ความคั่งของน้ำเหลือง และคามไม่สมดุลของฮอร์โมน โดยสาเหตุเหล่านี้มักจะพบได้เป็นประจำตรงบริเวณที่ต้นแขน ต้นขา หลัง คอ ไหล่ท้องน้อย หรือไม่ว่าจะเป็นบริเวณที่ใบหน้า ถ้าหากผิวบริเวณที่กล่าวมาเริ่มมีผิวลายแล้ว แสดงว่าคุณกำลังมีไขมันใต้ผิวหนังเยอะ 

            ปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางแก้ ในบทความนี้จะชวนสาวๆมาลดไขมันใต้ผิวหนังกัน ด้วยวิธีธรรมชาติที่ทำง่ายๆได้ที่บ้าน และประหยัดเงินด้วยกัน โดยวิธีมีดังนี้

1. ควบคุมอาหารและดื่มน้ำประจำ 
การควบคุมอาหารถือเป็นเรื่องที่สำคัญในการดูแลรักษาสุขภาพ โดยควรควบคุมการทานอาหารที่อุดมไปด้วย Toxin เช่น ไขมัน ของหวาน ของมัน อาหารประเภทนม เนย สุรา ของทอด หากรับประทานอาหารจำพวกนี้มากเกินไป จะทำให้ร่างกายไม่สามารถนำพลังงานไปใช้ได้ เกิดการสะสม และทำให้เกิดไขมันใต้ผิวหนังต่อมา
อีกทั้งถ้าเป็นคนที่อ้วนอยู่แล้วให้พยายามลดอาหารประเภทนี้อย่างจริงจัง นอกจากนี้ก็อย่าลืมดื่มน้ำวันละ 8 แก้วต่อวัน

2. นวดเบาๆตรงบริเวณที่มีไขมันใต้ผิวหนังเยอะ และหมั่นออกกำลังกาย
การนวดเบาๆบริเวณที่มีไขมันใต้ผิวหนังเยอะเองก็สามารถช่วยลดไขมันใต้ผิวหนังได้ในระดับหนึ่ง อีกทั้งต้องหมั่นออกกำลังหายออย่างสม่ำเสมอ จะยิ่งช่วยทำให้ร่างกายนำไขมันส่วนเกินไปใช้ เป็นการช่วยลดไขมันอีกทางหนึ่ง

3. ทานอาหารเสริม, ใช้ครีมกำจัดไขมันใต้ผิวหนัง หรือการพันด้วยพลาสติก 
แม้ว่าการทาครีมสลายไขมันใต้ผิวหนัง หรือการนวดด้วยครีมในบริเวณที่มีไขมันใต้ผิวหนังอาจจะดูเหมือนว่าช่วยลดไขมันใต้ผิวหนังได้เยอะ แต่แท้ที่จริงแล้วช่วยได้เพียงน้อยนิด จนบ้างครั้งก็อาจจะช่วยไม่ได้เลยเพราะยังไม่มีข้อพิสูจน์แน่ชัด รวมทั้งการพันพลาสติก หรือเล่นเครื่องออกกำลังกายที่เป็นสายเข็มขัดเขย่าพุง
  โดยวิธีเหล่านี้อาจจะใช้เงินเยอะมาก ทางที่ดีผู้ใช้ควรศึกษาข้อมูลให้ดีๆก่อน เพราะในทางการแพทย์แล้วยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่แน่ชัดว่า ครีมลดไขมันใต้ผิวหนัง นั้นจะลดไขมันใต้ผิวหนังได้ดีเหมือนการออกกำลังกาย

 

4. Endermologie เทคนิคการนวดและดูดทั้ง 3 ทาง 
กระบวนการนี้เป็นการปรับโครงสร้างใหม่ของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ผิวหนัง กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง รวมทั้งช่วยกำจัดของเสียออกจากร่างกาย โดยจะช่วยกำจัดไขมันใต้ผิวหนังซึ่งเป็นส่วนเกินของร่างกาย อีกทั้งยังช่วยทำให้ผิวเรียบเนียนและมีรูปร่างเพรียวมากขึ้น
โดยการทำ Endermologie ควรทำครั้งละ 1 – 2 ครั้งต่อสัปดาห์ และควรทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะเห็นผลที่แน่ชัด แต่จะนานหรือไม่นั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับร่างกายของคนทำ อีกทั้งผู้ทำก็ต้องควบคุมอาหารควบคู่ไปด้วยกันด้วย
ทั้งหมดที่กล่าวมาคือวิธีการลดไขมันใต้ผิวหนังเล็กๆน้อยๆ โดยแต่ละวิธีนั้นก็เป็นที่นิยมส่วนใหญ่ เมื่อได้รู้วิธีต่างๆเหล่านี้แล้ว ก็คงไม่ใช่เรื่องยากที่สาวๆจะเลือกสรรหาวิธีการลดไขมันใต้ผิวหนังที่เหมาะกับตน สิ่งสำคัญที่สุดของการรักษาหุ่นให้ดูดีคือการควบคุมอาหาร ทานแต่ของมีประโยชน์ และออกกำลังกายเป็นประจำ

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

สัญญาณเตือนภัยจากน้ำหนัก ส่วนสูง


น้ำหนัก ส่วนสูง สองสิ่งนี้มีความสัมพันธ์กัน โดนคนส่วนใหญ่มักจะรับรู้ว่าหากมีส่วนไหนเยอะเกินพอดีก็จะทำให้รูปร่างดูไม่ดี เช่นสูงไปก็ทำให้ตัวดูโกร่ง หรือน้ำหนักเยอะเกินไปก็ทำให้ดูอ้วน แต่เรื่องขอรูปร่างภายนอกก็ยังไม่มีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนเพราะมาตรฐานของคนเราย่อมไม่เหมือนกัน คำถามต่อมาคือเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเริ่มอ้วนแล้วหรือเราผอมเกินไป
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า น้ำหนัก ส่วนสูง นั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างมาก เพราะสามารถใช้บ่งบอกได้ว่าเราอ้วนไปหรือผอมไป โดยไม่ได้วัดจากรูปร่างภายนอก แต่นำน้ำหนัก ส่วนสูงไปคำนวณค่าดัชนีมวลร่างกายหรือที่รู้จักกันในชื่อ ค่าBMI (Body Mass Index) โดยวิธีคิดนั้นก็ไม่ยากเพียงแค่นำ น้ำหนัก(กก.) / ส่วนสูง (เมตร) x ส่วนสูง (เมตร) ก็จะได้ค่าดัชนีมวลกาย 

            ยกตัวอย่างเช่น หากเรามีน้ำหนัก 65 กก. สูง 157 วิธีคิดก็จะออกมาเป็น 65/1.57 x 1.57 = 26.4 จากนั้นนำค่าที่ได้ไปวัดกับมาตรฐานของค่าดัชนีมวลกาย ซึ่งมีเกณฑ์กำหนดดังนี้

  • ค่าดัชนีมวลกายมีน้อยกว่า 18.5 “ผอมเกินไป” โดยส่วนมากจะเกิดกับนักกีฬาที่ออกกำลังกายมาก แต่ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ วิธีแก้ไขก็คือการรับประทานอาหารให้เพียงพอและสม่ำเสมอ และหาวิธีออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
  • ค่าดัชนีมวลกายอยู่ระหว่าง 18.5 – 23.4 “น้ำหนักปกติ” คนในกลุ่มนี้มักจะมีสุขภาพที่ดีไม่ค่อยเป็นโรค
  • ค่าดัชนีมวลกายอยู่ระหว่าง 23.5 – 28.4 “น้ำหนักเกิน” เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าตัวเราเริ่มอ้วนแล้ว หากยังมีพฤติกรรมการบริโภคแบบเดิมอยู่ ก็อาจจะทำให้อ้วนได้
  • ค่าดัชนีมวลกายอยู่ระหว่าง 28.5 – 34.9 “อ้วนระดับ 1” สัญญาณบ่งบอกถึงความอ้วนในตัวเรา แต่อาจจะยังไม่ถึงขั้นรูปร่างอ้วนฉุ แต่ถ้าหากรอบเอวเริ่มมีมากกว่า 90 ซม.(ชาย) และ 80 ซม.(หญิง) คนกลุ่มนี้ย่อมมีความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานสูง จำเป็นต้องควบคุมอาหารและออกกำลังกายเสมอเพื่อป้องกันโรค
  • ค่าดัชนีมวลกายอยู่ระหว่าง 35.0 – 39.9 “อ้วนระดับ 2” เป็นความอ้วนที่มีความเสี่ยงสูงและต้องควคุมอาหารควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างจริงจัง
  • ค่าดัชนีมวลกายมีมากกว่า 40 “อ้วนมากๆ” เป็นระดับความอ้วนที่มากที่สุดต้องหาวิธีควบคุมน้ำหนักอย่าจริงจังและเร่งด่วนที่สุด ไม่เช่นนั้นโรคร้ายต่างๆถามหาแน่ๆ 

            หลังจากที่ได้รู้แล้วว่าค่าดัชนีมวลกายของเราอยู่ในเกณฑ์ไหน หลายคนอาจจะสงสัยว่าการที่อ้วนไปมันส่งผลเสียขนาดนั้นเลยหรือ? คำตอบคือใช่แน่นอน โดยความอ้วนนอกจากจะทำให้ร่างกายเราดูไม่ดีแล้วยังส่งผลเสี่ยงทำให้เป็นโรค เช่น

  1. โรคความดันโลหิตสูง โดยคนอ้วนจะมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าคนปกติถึง 2.9 เท่โดยจะเพิ่มความเสี่ยงขึ้นตามระยะความอ้วน แต่ถ้าน้ำหนักลดความเสี่ยงก็ลดเช่นกัน
  2. โรคหัวใจวาย เพราะไขมันที่เยอะมากจะทำให้ไปอุดตัวหลอดเลือดที่หัวใจใช้สูบฉีดเลือด ซึ่งโรคนี้หากเป็น อาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้
  3. โรคเบาหวาน
  4. โรคไขมันในเลือดสูง
  5. โรคหลอดเลือดสมอง จะเกิดขึ้นมากโดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 30        

            นี่เป็นเพียงแค่ 5 โรคร้ายที่ถูกกล่าวถึงสำหรับโรคอ้วน ซึ่งแต่ละโรคนั้นก็ส่งผลเสียถึงขั้นเสียชีวิต จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องควบคุมน้ำหนักและดูแลรักษาสุขภาพ และขอแสดงความยินดีกับคนที่มีค่าดัชนีมวลกายอยู่ในเกณฑ์ปกติ ขอให้รักษาสุขภาพที่ดีอย่างนี้ต่อไป และนี่ก็คือประโยชน์ของค่าน้ำหนัก ส่วนสูง ที่มีความสัมพันธ์กัน นอกจากจะเป็นความพอดีของร่างกายเราแล้ว ยังใช้เป็นสัญญาณเตือนภัยที่จะมากกับโรคร้ายได้ด้วย ขอให้ทุกคนดูแล น้ำหนัก ส่วนสูง อย่าให้ค่าไหนสูงเกินพอดีนะครับ ไม่เช่นนั้นโรคร้ายอาจจะถามหาได้ 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

สูตรเร่งรัดลดความอ้วน 3 วัน

             หลายคนกำลังประสบกับปัญหาน้ำหนักตัวที่มากเกินกว่าจะรับไหว เมื่อถึงเวลาหาเสื้อผ้าตัวเก่งมาสวมใส่เพื่อออกงาน กลับต้องเก็บใส่ตู้เช่นเดิม เพราะต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง และสะโพกที่ใหญ่ขึ้น อันเนื่องมาจากความอวบอ้วนที่สะสมมาเนิ่นนาน วันนี้เรามีวิธีลดน้ำหนักแบบเร่งรัดด้วยสูตรลดความอ้วน 3 วัน มาให้ลองปฎิบัติกัน เพื่อให้หุ่นกลับมาฟิตแอนด์เฟิร์ม ผอมเพรียว กระชับสัดส่วน ให้ทันการที่จะได้เชิดฉายพร้อมเสื้อผ้าชุดสวย

สูตรที่ 1
สูตรนี้ลดน้ำหนักได้ 2.5-3 กิโลกรัม เป็นสูตรลดความอ้วน 3 วัน ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเพียงเล็กน้อย เพื่อเตรียมตัวก่อนออกงานปาร์ตี้หรืองานสำคัญในโอกาสต่างๆ เช่น งานรับปริญญา ให้สามารถสวมชุดครุยแล้วถ่ายรูปได้สวย ไม่อึดอัด นอกจากนี้ ยังช่วยให้ผิวตึงกระชับขึ้น เพราะรับประทานโปรตีนทุกวัน
วันที่ 1
เช้า : ขนมปังโฮลวีต 2 แผ่น ทาน้ำผึ้ง, ชาหรือกาแฟใส่นมสดและน้ำตาลทรายแดง 1 แก้ว
กลางวัน : ถั่วฝักยาวต้ม 1 ถ้วย กับปลาทูน่ากระป๋อง (ในน้ำแร่) 1 กระป๋อง, น้ำสลัดน้ำใส, ขนมปังโฮลวีต, น้ำผลไม้สดไม่ใส่น้ำตาล หรือน้ำผัก V8 กระป๋องเล็ก
เย็น : อกไก่หมักย่าง, ข้าวซ้อมมือ 1 ถ้วย, สลัดผักเขียวคลุกน้ำสลัดใส, ชาเขียวหรือชาสมุนไพร 1 แก้ว
หมายเหตุ : เพื่อให้สูตรลดความอ้วน 3 วันได้ผลมากขึ้น วิธีหมักไก่ให้เลาะหนังไก่ออก เตรียมน้ำหมักด้วยมัสตราร์ด, น้ำผึ้ง, น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล (apple cider vine far) อย่างละนิดหน่อย ผสมกันแล้วทาบนเนื้อไก่ ย่างให้สุก ปรุงรสตามชอบ
วันที่ 2
เช้า : เกรปฟรุต 1/2 ผล, ขนมปังโฮลวีตทาด้วยเนยถั่ว, ชาหรือกาแฟ 1 ถ้วย
กลางวัน : ยำผลไม้รวม, ข้าวซ้อมมือ 1/2 ถ้วย, โยเกิร์ต 1 ถ้วย, น้ำผลไม้สดไม่ใส่น้ำตาล 1 แก้ว
เย็น : เนื้อปลานึ่ง 1 ชิ้น, มันฝรั่งต้ม 1 หัว, น้ำผัก V8 กระป๋องเล็ก, ชาสมุนไพร
วันที่ 3
เช้า : ซีเรียล 1 ถ้วย, โยเกิร์ตรสผลไม้ (ราดบนซีเรียล) ตามด้วยกล้วย 1/2 ลูก หั่นวางไว้บนสุด, ชาหรือกาแฟ 1 แก้ว
กลางวัน : แซนด์วิชไก่ (ใช้จนมปังโฮลวีต), สลัดผักเขียวใส่ไข่ต้ม 1 ฟอง, น้ำสลัดใส, แตงโม 2 ชิ้น, ชาสมุนไพร 1 แก้ว
เย็น : เนื้อหมูหรือวัวไม่ติดมันย่าง 1 ชิ้น ไม่ใหญ่, น้ำจิ้มแจ่ว, ข้าวซ้อมมือ 1/2 ถ้วย, น้ำผัก V8 กระป๋องเล็กหรือน้ำผลไม้สดไม่ใส่น้ำตาล, ชาสมุนไพร 1 แก้ว

สูตรที่ 2
สูตรนี้มีวิธีการปฏิบัติก็คือรับประทานต่อเนื่องเป็นเวลา 3 วัน จากนั้นจะหยุดมารับประทานก็ได้ แล้วค่อยมาเริ่มทำ 3 วันต่อเนื่องใหม่ อีกสัก 2-3 รอบ ตามความสามารถ ซึ่งจะเป็นการปรับกระเพาะอาหารให้มีขนาดเล็กลงด้วย โดยสูตรลดความอ้วน 3 วันสูตรนี้สามารถลดน้ำหนักได้ประมาณ 4-5 กิโลกรัม และเหมาะสำหรับคนที่ชื่อชอบอาหารแบบไทยๆ
วันที่ 1
เช้า : ชาหรือกาแฟ ไม่ใส่น้ำตาล, ขนมปังปิ้งจนแห้ง ไม่ทาอะไร 1 แผ่น, ไข่ต้ม 1 ฟอง, ผักจิ้มน้ำพริกหรือ ยำผักโดยไม่ใส่เนื้อสัตว์ใดๆ หรือส้มตำผักล้วน, ผลไม้ 1 อย่าง
กลางวัน : ชาหรือกาแฟ ไม่ใส่น้ำตาล, ขนมปังปิ้งจนแห้ง ไม่ทาอะไร 1 แผ่น, ปลานึ่งหรือย่าง ห้ามใช้น้ำมัน, ผักจิ้มน้ำพริกหรือยำผักโดยไม่ใส่เนื้อสัตว์ใดๆ หรือส้มตำผักล้วน
เย็น : น้ำส้ม, ผักจิ้มน้ำพริกหรือยำผักโดยไม่ใส่เนื้อสัตว์ใดๆ หรือส้มตำผักล้วน, เนื้อไม่ติดมันย่างหรือนึ่ง ห้ามใช้น้ำมัน
วันที่ 2
เช้า : น้ำส้ม, นมสด 1 แก้วเล็ก (200 cc), ขนมปังปิ้งจนแห้ง ไม่ทาอะไร 1 แผ่น, ไข่ต้ม 1 ฟอง, ผลไม้
กลางวัน : น้ำส้ม, ขนมปังปิ้งจนแห้ง ไม่ทาอะไร 1 แผ่น, ผักต้มจิ้มน้ำพริกหรือยำผักโดยไม่ใส่เนื้อสัตว์ใดๆ หรือส้มตำผักล้วน, ผลไม้
เย็น : น้ำส้ม, นมสด 1 แก้วเล็ก (200 cc), ปลานึ่งหรือย่าง ห้ามใช้น้ำมัน, ผักต้มจิ้มน้ำพริกหรือยำผักโดยไม่ใส่เนื้อสัตว์ใดๆ หรือส้มตำผักล้วน, ผลไม้
วันที่ 3
เช้า : น้ำส้ม, นมสด 1 แก้วเล็ก (200 cc), ขนมปังปิ้งจนแห้ง ไม่ทาอะไร 1 แผ่น, ผลไม้, โยเกิร์ต
กลางวัน : น้ำส้ม, ขนมปังปิ้งจนแห้ง ไม่ทาอะไร 1 แผ่น, ไข่ต้ม 1 ฟอง, ผักจิ้มน้ำพริกหรือยำผักโดยไม่ใส่เนื้อสัตว์ใดๆ หรือส้มตำผักล้วน
เย็น : น้ำส้ม, นมสด 1 แก้วเล็ก (200 cc), ปลาหรือเนื้อย่าง ห้ามใช้น้ำมัน, ผักจิ้มน้ำพริกหรือยำผักโดยไม่ใส่เนื้อสัตว์ใดๆ หรือส้มตำผักล้วน, ผลไม้
หมายเหตุ : การลดความอ้วน 3 วัน สำหรับสูตรที่ 2 เครื่องดื่มและอาหารต้องไม่ใส่น้ำตาล, เนื้อ เช่น เนื้อ หมู ไก่ ต้องไม่มีมันเหลืออยู่ ถ้าเป็นไก่ต้องไม่หนังติด, ผัก เช่น แครอท ดอกผักกาด มะละกอดิบ มะเขือเทศ แตงกวา ถัวฝักยาว, ผลไม้ เช่น ส้ม สับปะรด แอปเปิ้ล กล้วย แคนตาลูป (1 ชิ้น) และน้ำเปล่าดื่มได้ทั้งวันไม่จำกัด

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ยาลดความอ้วนบาชิ ปลอดภัยไร้ผลข้างเคียงจริงหรือ

            ขึ้นชื่อว่ายา หลายคนคิดว่าต้องมาพร้อมกับผลข้างเคียง แต่ในความเป็นจริงก็คือหากใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ทำตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ ผลข้างเคียงที่พูดถึงอาจเกิดขึ้นน้อยมากหรือไม่มีเลย และสำหรับตัวยาลดความอ้วนบาชิ ที่มีจำหน่ายกันในท้องตลาดและได้รับความนิยม เป็นอีกตัวยาลดน้ำหนักที่สกัดมาจากสมุนไพร เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน หรือเคยทานยาลดความอ้วนมาก่อน และได้รับเสียงตอบว่าลดน้ำหนักได้จริง ไม่โทรม และไม่เกิดโยโย้ ช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานให้น้อยลง และช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันส่วนเกินในร่างกาย

ส่วนประกอบหลักของยาลดความอ้วนบาชิ
            1.สารสกัดจากว่านหางจระเข้ ช่วยเสริมระบบการย่อยอาหารให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ให้เกิดสภาวะการหลับลึก เป็นการพักผ่อนอย่างแท้จริง อันเนื่องมาจากการกระบวนการปรับสภาพการทำงาน ของระบบต่างๆในร่างกาย ให้เข้าสู่ภาวะที่สมดุล ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ช่วยบำรุงผิวพรรณ และให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง
            2.สารสกัดจากเมล็ดอบเชยและรากบัว สามารถลดการสะสมของไขมันในเส้นเลือด เพื่อให้น้ำหนักลดลง ช่วยควบคุมความอยากอาหาร หลีกเลี่ยงการเกิดพุงพุ้ย เพิ่มประสิทธิภาพของการขจัดของเสียออกจากร่างกาย ลดการดูดซึมของไขมันที่ไม่จำเป็นต่อร่างกาย และขจัดสารพิษตกค้างต่างๆ
            3.สารสกัดจากผลส้มแขก ช่วยยับยั้งการสะสมของไขมันส่วนเกินในร่างกาย และลดความอยากอาหารได้เป็นอย่างดี กลไกการออกฤทธิ์ของ HCA จะออกฤทธิ์โดยการไปยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ ATP Citrate Lypase ในวงจร Kreb’s cycle (วงจรการย่อยสลายกลูโคสของเซลร่างกาย) ทำให้ยับยั้งการนำน้ำตาล จากอาหารประเภท แป้ง ข้าว และน้ำตาล ไม่ให้เปลี่ยนไปเป็นไขมันสะสมตามร่างกายแต่จะนำไปใช้เป็นพลังงานของร่างกายแทน ทำให้ร่างกายสดชื่นไม่อ่อนเพลีย และเมื่อในกระแสเลือดไม่ขาดน้ำตาล ก็จะทำให้ความรู้สึกหิวอาหารลดลง ขณะเดียวกันจะนำไปสะสมเป็นพลังงานสำรองในรูปของไกลโคเจนที่ตับ ทำให้ร่างกายรับรู้ว่ามีพลังงานสำรองเพียงพอ ไม่รู้สึกหิวมาก นอกจากนี้ ยังไปกระตุ้นให้มีการดึงเอาไขมันที่สะสมออกมาใช้เป็นพลังงาน ทำให้ไขมันที่สะสมอยู่ลดลงซึ่งจะมีผลทำให้รูปร่างดีขึ้น

การใช้ยาลดความอ้วนบาชิ
รับประทานเพียงวันละ 1 แคปซูล หลังหรือก่อนอาหารเช้าครึ่งชั่วโมง แล้วดื่มน้ำตามมากๆในระหว่างวัน ถ้ามีที่ร่างกายอ่อนแอ ก็ให้รับประทานวันเว้นวันเพื่อให้ร่างกายปรับสภาพได้ ต้องประทานทุกมื้อ แม้ตอนเย็นจะไม่รู้สึกหิว ก็ให้ดื่มนมสักกล่องหรือผลไม้ หากลดน้ำหนักที่พอใจแล้ว ควรรับประทานยาดลดน้ำหนักบาชิวันเว้นวัน 1 อาทิตย์ ต่อไปเว้นไปรับประทาน 2 วันต่อ 1 ครั้ง จากนั้นค่อย ๆ เลิกในที่สุด
ยาลดความอ้วนบาชิทำให้ไม่อยากรับประทานอาหารจุกจิก และทำให้รับประทานอาหารมื้อหลักได้น้อยลง แต่ในบางคนที่ชอบรับประทานขนมมาก หรือรด้วยความเคยชิน ควรเลิกพฤติกรรมนี้ เพราะอะไรก็ไม่สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ หากยังไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานของจุกจิก ไร้ประโยชน์ ที่สำคัญไม่ควรดื่มสุราหรือของมึนเมาทุกชนิด เพราะอาจทำให้การลดน้ำหนักไม่เป็นผลสำเร็จ เนื่องจากแอลกอฮอร์ จะไปขัดขวางการทำงานของยาสมุนไพรทำให้ประสิทธิภาพลดลง และสำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 16 ปี และสตรีมีครรภ์ ห้ามรับประทานยาลดความอ้วนบาชิโดยเด็ดขาด รวมถึงผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคความดัน เบาหวาน หัวใจ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทดลองรับประทาน
 สิ่งที่ต้องเน้นย้ำก็คือ การรับประทานยาลดวามอ้วนบาชิให้ได้ผลดี ไม่มีผลข้างเคียงนั้น ควรลด ละ เลิกพฤติกรรมต่างๆที่บั่นทอนการลดน้ำหนักของเรา เช่น การนอนดึกที่เป็นสาเหตุทำให้ไขมันเข้ามาในร่างกาย จากอาหารที่ต้องรับประทานในรอบดึกแล้วก็นอน ไม่มีการเผาผลาญ รวมถึงควรมีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อทำให้ร่างกายของเราสมบูรณ์ เนื่องจากสุขภาพที่อ่อนแอ ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งต่อการใช้ยาลดน้ำหนักบาชิ ที่สำคัญอย่าลืมดื่มน้ำกันมากๆ เพราะน้ำจะช่วยเติมเต็มส่วนที่สึกหรอของร่างกายได้ดี

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เตือนภัย! ยาลดน้ำหนัก อันตรายถึงชีวิต

            เรื่องความสวยความงามแบบที่ต้องหน้าสวยหุ่นเป๊ะ เป็นเรื่องที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะสาวๆที่อยากให้รูปร่างหน้าตาของตนดูดีดึงดูดเพศตรงข้าม จนบางครั้งหลงลืมไปว่าตัวช่วยต่างๆที่เราใช้เสริมทำให้หุ่นของเราดูดี ได้แก่ ยาลดน้ำหนักนั้น อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ บทความนี้ได้นำเรื่องเตือนภัยคุณผู้หญิงที่ต้องการฟิตหุ่นให้ดูดีด้วยวิธีการรับประทานยาลดน้ำหนักมาเป็นอุทาหรณ์เตือนใจ เพื่อให้การดูแลหุ่นของเราให้ผอมเพรียวนั้นเป็นไปได้อย่างปลอดภัย

            โดยเว็บไซต์เดลินิวส์ออนไลน์ ได้เปิดเผยข่าวว่า ทางคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เตือนผู้บริโภคว่าอย่าซื้ออย่าใช้ยาชุดลดความน้ำหนักสูตรค็อกเทล หลังตรวจพบเป็นสูตรตัวยาแผนปัจจุบันหลายชนิดรวมกัน หวั่นอาจได้รับผลกระทบถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งในรายงานข่าวระบุว่า นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า กรณีที่ศูนย์เฝ้าระวังความปลอดภัยด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้รับข้อมูลจากหน่วยควบคุมกำกับด้านยา (Health Sciences Authority หรือ HSA) ประเทศสิงคโปร์ว่า มีการตรวจพบผู้โดยสารหญิงนำยาเม็ดไม่ระบุชื่อ จำนวนหลายชนิด สั่งจ่ายโดยโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในประเทศไทย เมื่อนำไปตรวจวิเคราะห์พบว่า เป็นยาชุดลดน้ำหนักสูตรค็อกเทลของตัวยาแผนปัจจุบันหลายชนิด ได้แก่ bisacodyl, chlorpheniramine, fluoxetine, thyroxine, frusemide, sibutramine และ hydrochlorothiazide โดยขนาดของยาไซบูทรามีน (sibutramine) เป็นขนาดที่ใกล้หรือมากกว่าขนาดยาที่ใช้ในการรักษาสูงสุดต่อวัน หรือ 15 มิลลิกรัม ซึ่งยาชุดดังกล่าวมีการจำหน่ายทางอินเตอร์เน็ตและ online forum ในชื่อ “Slimming Pills” ยี่ห้อต่างๆ
ข้อมูลการทดลองทางคลินิกชี้ให้เห็นว่า ยาเพิ่มความเสี่ยงต่อกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและโรคหลอดเลือดสมองถึงร้อยละ 16 นอกจากนี้ยังมีอาการที่พบบ่อยคือ ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง และหัวใจเต้นเร็ว ปากแห้ง ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ และท้องผูก เป็นต้น ซึ่งปัจจุบัน อย. ได้เพิกถอนยาไซบูทรามีนออกจากตลาดแล้ว
สำหรับยาแผนปัจจุบันตัวอื่นๆ ที่ตรวจพบในสูตรค็อกเทล หากใช้โดยไม่อยู่ในความดูแลของแพทย์ อาจทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่ร้ายแรงได้ เช่น การใช้ bisacodyl ซึ่งเป็นยาระบายร่วมกับ frusemide ซึ่งเป็นยาขับปัสสาวะ ร่วมกันเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้ผู้ป่วยอ่อนเพลียและขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย
อย่างไรก็ดี ยาลดน้ำหนักที่ทาง อย.ตรวจพบเป็นเพียงส่วนหนึ่งของยาลดน้ำหนักที่ไม่ได้มารตฐาน และผลเสียร้ายแรงต่อร่างกายผู้ใช้ยา ยังมียาลดน้ำหนักที่ผิดกฏหมาย เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคอีกจำนวนมาก

ประเภทของยาลดน้ำหนัก
ได้รับทราบข่าวเตือนภัยยาลดน้ำหนักกันไปแล้ว ต่อไปนี้คือเกล็ดความรู้เกี่ยวกับประเภทต่างๆของยาลดน้ำหนักที่มีการจำหน่ายกันในปัจจุบัน
1. ยาควบคุมความหิว ยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์กดศูนย์ควบคุมความหิวในสมอง ทำให้ไม่รู้สึกอยากรับประทานอาหารและอิ่มเร็ว แต่เนื่องจากยาประเภทนี้ออกฤทธิ์ต่อสมองโดยตรง ทำให้เกิดผลแทรกซ้อนค่อนข้างมาก เช่น นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย หงุดหงิด ใจสั่น ปากแห้ง
2. ยาเพิ่มการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย เป็นการนำยาในกลุ่ม “ไทรอยด์ฮอร์โมน” ที่ใช้รักษาผู้ป่วยโรคไทรอยด์มาใช้ เพราะยากลุ่มนี้สามารถเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงาน น้ำหนักจึงลดลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม น้ำหนักที่ลดลงเป็นน้ำหนักที่เกิดจากมวลรวมของร่างกาย แทนที่จะเป็นไขมัน ดังนั้น ยานี้จึงส่งผลข้างเคียงสูง แถมยังเป็นอันตรายต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วย
3. ยาระบายและยาขับปัสสาวะ เป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากทำให้เห็นผลเร็วและน้ำหนักลดลงมาก แต่ความจริงแล้วเป็นภาพลวงตา เพราะสิ่งที่ลดลงไม่ใช่ไขมัน แต่เป็นน้ำภายในร่างกาย การใช้ยาประเภทนี้จะส่งผลข้างเคียง เช่น ทำให้ขาดเกลือแร่ที่สำคัญ และอาจทำให้ไตมีปัญหาได้
4. ยาที่ช่วยทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นพวกใยอาหาร (ไฟเบอร์) เช่น บุก แมงลัก ซึ่งมักทำให้เกิดอาการท้องอืด
5. ยาลดการดูดซึมไขมัน ทำหน้าที่ยับยั้งการทำงานของน้ำย่อย ที่มีหน้าที่ย่อยสลายไขมัน เมื่อไขมันไม่ถูกย่อยก็จะไม่ถูกดูดซึมเข้าร่างกาย และในที่สุดจะถูกขับถ่ายออกไป อย่างไรก็ตาม ยาประเภทนี้มีผลข้างเคียงทำให้มีลมในลำไส้มาก ท้องอืด ถ่ายอุจจาระเป็นน้ำมัน ผายลมมีน้ำมันปนออกมา อุจจาระบ่อย หรือกลั้นอุจจาระไม่อยู่
6. อาหารเสริมที่อ้างว่าสามารถช่วยลดน้ำหนัก เช่น ไคโตซาน ส้มแขก
7. วิตามิน ถูกจ่ายควบคู่มาด้วย เนื่องจากผลข้างเคียงของยาต่างๆ ข้างต้นทำให้ไม่รู้สึกหิว กินอาหารไม่เพียงพอ หรือระบายน้ำออกจากร่างกายมากไป ทำให้ร่างกายสูญเสียเกลือแร่และวิตามิน

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

2 เคล็ดลับให้ร่างกายผอม เพรียว

            หลายคนบ่นอยากผอม แต่ชีวิตประจำวันยังแวดล้อมไปด้วยการสังสรรค์ ชอบดื่มแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารขยะไร้ประโยชน์  ไม่หมั่นออกกำลังกาย การมีหุ่นผอม เพรียวคงเป็นได้แค่ฝันกลางวัน เพราะถ้าไม่ลด ละ เลิกพฤติกรรมเสี่ยงแบบเดิมๆ เท่ากับว่าโอกาสที่ร่างกายจะกลับมาผอม เพรียว หุ่นดี คงเป็นไปได้ยาก บทความนี้ขอนำเสนอ 2 เคล็ดลับ เพื่อความสำเร็จของการลดหุ่นให้ผอม เพรียวแบบง่ายๆ ขอเพียงมีหัวใจที่พร้อมจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแบบเดิม

เคล็ดลับที่ 1 เลือกกิน
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เหมาะสมต่อร่างกาย นอกจากจะส่งผลดีต่อสุขภาพ ทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว สารอาหารที่ได้รับจะมีผลต่อการลดน้ำหนัก กำจัดไขมันส่วนเกิน ช่วยให้หุ่นของเราดูดี ผอม เพรียวขึ้น โดยควรเลือกรับประทานอาหารดังต่อไปนี้
พืชจำพวกถั่ว อาหารประเภทนี้จะมีเส้นใยอาหารสูงที่ทำหน้าที่ช่วยควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด และมันยังมี Resistant Starch (RSI) ที่จะช่วยในการเผาผลาญไขมันให้มากขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นไขมันจากหน้าท้องและสะโพก
  ผักสีเขียวเข้ม ผักประเภทนี้ ได้แก่ ร็อกเกต ผักโขม และบร็อคโคลี่ ซึ่งผักเหล่านี้อาจจะช่วยการทำงานของต่อมธัยรอยด์ ช่วยเร่งการเผาผลาญพลังงาน โดยควรรับประทานทุกวัน
อาหารประเภทนม สารอาหารในนมนั้นจะมีส่วนผสมของ CLAs (Conjuated Linoleic Acids) ที่จะช่วยในการผลักดันให้ไขมันออกไปจากเนื้อเยื่อ เพื่อจะได้ทำให้สามารถเผาผลาญได้ง่ายยิ่งขึ้น มีส่วนผสมของโปรตีนที่ค่อนข้างสูง และไปกระตุ้นฮอร์โมนที่ช่วยกดความอยากอาหารที่ชื่อว่า Cholecystokinin อาหารประเภทนมที่ดีก็คือ นมต่างๆ และโยเกิร์ต
 เบอร์รี่ ในเบอร์รี่นั้นมีฟลาโวนอยด์ที่สามารถหยุดยั้งเซลล์ไขมันไม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และช่วยไปกระตุ้นให้ร่างกายมีการหลั่ง Adiponectin ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่จะช่วยในการจัดการกับน้ำตาลในเลือด
ดื่มน้ำ ถ้าร่างกายเปรียบเหมือนเครื่องยนต์ น้ำก็คือน้ำมันชั้นดีที่จะทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าคุณขาดน้ำ เมตาบอลิซึมก็จะเฉื่อยชาทำงานได้ช้าลง น้ำที่ดื่มก็ควรจะเป็นน้ำเปล่า หรือน้ำผลไม้ที่ไม่เติมน้ำตาล หรืออาจจะเลือกรับประทานผักและผลไม้สดที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก
กล้วย ผลไม้ที่ทานง่าย รสชาติดี ประโยชน์เยอะ วิตามินสูง สารอาหารที่ได้จากกล้วย จะช่วยกระตุ้นพลังงาน ให้กับร่างกาย หากออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย ก็จะยิ่งช่วยทำให้ได้ประโยชน์เพิ่มมากขึ้น เพราะร่างกาย จะเกิดการเผาผลาญ โดยนำเอาแป้งและคาร์โบไฮเดรตไปใช้ได้อย่างเต็มที่

เคล็ดลับที่ 2 ออกกำลังกาย สบายใจ
เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการลดหุ่นให้ผอม เพรียว เราควรออกกำลังกายควบคู่ไปกับการเลือกรับประทานอาหาร เพราะจะทำให้การลดความอ้วนค่อยเป็นค่อยไป แบบไม่มีความเสี่ยงต่อระบบในร่างกาย ไม่ต้องพึ่งยาหรือสารเคมีให้สิ้นเปลืองเงินในกระเป๋า โดยวิธีการออกกำลังกายมีมากมายให้เลือก ตั้งแต่วิ่ง ว่ายน้ำ เล่นกีฬา เข้าฟิตเนส ฯลฯ และต่อไปนี้คือสิ่งที่ขอแนะนำให้ปฏิบัติตาม
 แอโรบิก การเต้นแอโรบิกจะช่วยกระตุ้นเมตาบอลิซึมได้เร็วที่สุด การเต้นแอโรบิกในเวลาครึ่งชั่วโมง เท่ากับว่าทำให้เมตาบอลิซึมทำงานอย่างแอ็กทีฟไปอีก 2-3 ชั่วโมง แต่ก็ต้องเต้นหนักๆ ให้หัวใจเต้นแรงเต็มที่ 120 ครั้งต่อนาที ต่อเนื่องสัก 30 นาที ฉะนั้น หาสวนสาธารณะสักแหล่งไปเต้นแอโรบิก หรือไม่ก็หาวิดีโอสักชุดมาเต้นแอโรบิกอยู่บ้าน รับรองหุ่นหอมเพรียวไม่ไกลเกินเอื้อม
 อย่าลืมรับประทานมื้อเช้า ผู้ที่รับประทานอาหารเช้าที่มีประโยชน์ จะหุ่นดีกว่าคนที่อดมื้อเช้า เพราะอาหารเช้านั้นช่วยทำให้สมองของเราปลอดโปร่ง สามารถเริ่มทำงานได้ตลอดเวลา มีเรี่ยวแรงออกกำลังกายได้อย่างเต็มที่
อย่าเครียด ภาวะเครียดนอกจากจะทำร้ายจิตใจแล้ว ยังส่งผลต่อร่างกายให้อ้วนขึ้นด้วย เพราะเวลาที่รู้สึกเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้อัตราเมตาบอลิซึมช้าลงออกมา ใครที่ไม่อยากอ้วน พยายามหากิจกรรมทำให้ตัวเองผ่อนคลาย จะได้ไม่เครียด
ถ้าหากคุณสาวๆสามารถปฏิบัติตามขั้นตอนที่ได้ทำการแนะนำไปแล้วในตอนต้น รับรองว่าความฝันที่ต้องการจะมีร่างกายที่ผอม เพรียวนั้น จะอยู่ไม่ไกลจนเกินเอื้อมแล้ว

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ลดน้ำหนักด้วยสูตรลดความอ้วน 7 วัน

            ความอ้วนกับผู้หญิงเป็นของคู่กัน รับประทานตามใจปากประเดี๋ยวเดียวน้ำหนักตัวก็เพิ่ม แล้วจะให้ลงทีก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสาวๆไม่ชอบออกกำลงกาย มักอ้างว่าการเดินช็อปปิ้งทั้งวัน ก็ถือเป็นวิธีออกกำลังกายของหล่อนแล้ว ความเป็นจริงคือแทบช่วยอะไรไม่ได้เลย วันนี้จึงมีสูตรลดน้ำหนักแบบเร่งรัดเพื่อตอบโจทย์คุณผู้หญิงทั้งหลายมาให้ลองปฏิบัติกัน เป็น 2 สูตรลดความอ้วน 7 วันที่เห็นผล แต่ต้องเกริ่นไว้ก่อนว่าวิธีนี้ต้องใช้ความอดทนข่มความอยากให้ได้ เพราะเป็นการกำหนดอาหารแต่ละมื้อภายใน 7 วัน และหากทำได้น้ำหนักอาจลดลงไปมากถึง 9 กิโลกรัม

สูตรลดความอ้วนที่ 1
เป็นสูตรพระราชทานของสมเด็จพระเทพฯ ที่ช่วยลดความอ้วน 7 วัน มีคนลองปฏิบัติตามแล้วเห็นผลกันทั่วบ้านทั่วเมือง โดยก่อนรับประทานอาหารแต่ละมื้อ ให้ดื่มน้ำก่อน 2 แก้ว และจัดอาหารแต่ละมื้อ ดังนี้
วันที่ 1
มื้อเช้า : น้ำผลไม้ หรือโยเกริต์
มื้อกลางวัน : ไข่ต้มสองฟอง
มื้อเย็น : สลัดผัก
วันที่ 2
มื้อเช้า : น้ำผลไม้หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่ครีม
มื้อกลางวัน : ไข่ต้มสองฟอง
มื้อเย็น : โยเกิรต์
 วันที่ 3
มื้อเช้า : โยเกิรต์หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่ครีม
มื้อกลางวัน : เกาเหลาลูกชิ้นหมู
มื้อเย็น : สับปะรด 1 ชิ้น
 วันที่ 4
มื้อเช้า : ขนมปัง 1 แผ่น น้ำผลไม้หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่ครีม
มื้อกลางวัน : สลัดผักและไก่ย่าง 1 ชิ้น
มื้อเย็น : โยเกิรต์
 วันที่ 5
มื้อเช้า : น้ำผลไม้หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่ครีม
มื้อกลางวัน : ส้มตำและไก่ย่าง 1 ชิ้น
มื้อเย็น : สลัดผัก
 วันที่ 6
มื้อเช้า : น้ำผลไม้หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่ครีม
มื้อกลางวัน : ปลานึ่งหรือปลาเผา
มื้อเย็น : นมสด
 วันที่ 7
มื้อเช้า : ข้าวสวย 1 ทัพพี และหมูย่าง 1 ชิ้น หรือ ข้าวสวย 1 ทัพพี และไข่ต้ม 1 ลูก
มื้อกลางวัน : เกาเหลาลูกชิ้นหมู
มื้อเย็น : สับปะรด 1 ชิ้น
ส่วนวันที่แปด ทุกมื้อสามารถรับประทานอะไรก็ได้ตามใจชอบ แต่ถ้าอยากลดความอ้วน 7 วันต่อให้เริ่มรับประทานเหมือนที่ทำตั้งแต่วันแรกอีกครั้ง

 

สูตรลดความอ้วนที่ 2
อีกสูตรลดความอ้วน 7 วัน ที่หลายคนกำลังตามหา โดยเฉพาะสาวๆที่อยากหุ่นดี ผอมเพรียว ก่อนรับประทานก็ดื่มน้ำสัก 2 แล้วก่อน และควรจัดอาหารรับประทานดังนี้
วันที่ 1
มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล
มื้อกลางวัน : ไข่ต้ม 2 ฟอง กับผักต้ม
มื้อเย็น : สเต็กกับสลัดผักน้ำใส และผลไม้
 วันที่ 2
มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลกับขนมปังโฮลวีต 1 แผ่น
มื้อกลางวัน : สเต็กหรือเนื้อหมู เนื้อวัวย่างก็ได้ กับสลัดผักเขียวและผลไม้
มื้อเย็น : แฮมแผ่นต้มปริมาณเท่าใดก็ได้
 วันที่ 3
มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลกับขนมปังโฮลวีต 2 แผ่น
มื้อกลางวัน : ไข่ต้ม 2 ฟอง และสลัดกับแครอท
มื้อเย็น : แฮมแผ่นต้มปริมาณเท่าใดก็ได้
 วันที่ 4
มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลกับขนมปังโฮลวีต 1 แผ่น
มื้อกลางวัน : ไข่ต้ม 1 ฟองกับแครอทต้ม
มื้อเย็น : ผลไม้และโยเกิร์ตรสธรรมชาติ
 วันที่ 5
มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล
มื้อกลางวัน : ปลาเผาหรือปลาย่างกับผักต้ม
มื้อเย็น : สเต็ก หรือเนื้อย่างไม่ติดมัน กับสลัดผักสดน้ำใส
 วันที่ 6
มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล
มื้อกลางวัน : ไก่ย่างไม่ติดหนัง
มื้อเย็น : ไข่ต้ม 2 ฟอง กับแครอทต้ม
 วันที่ 7
มื้อเช้า : กาแฟหรือชาบีบมะนาว แต่ไม่ใส่น้ำตาล
มื้อกลางวัน : ผลไม้อะไรก็ได้ในปริมาณต้องการ
มื้อเย็น : อะไรก็ได้ทุกอย่างที่อยากทาน ไม่จำกัดปริมาณ

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

สูตรลดความอ้วน 1 เดือน

                เรื่องของน้ำหนักที่เกินพอดี และรูปร่างสัดส่วนที่ดูไม่กระชับนับเป็นอีกปัญหาที่รบกวนใจทั้งชายและหญิงทุกวัย โดยเฉพาะสำหรับสาวๆ ที่ต้องการหุ่นผอมเพรียวแต่เรื่องการกินนั้นก็เป็นเรื่องใหญ่เกินจะห้ามใจ จึงทำให้ยากต่อการลดน้ำหนัก บางคนถึงขั้นไปเข้าฟิตเนสหักโหมออกกำลังกายจนเหนื่อยเกินพอดี ซึ่งทำให้บางคนนั้นต้องล้มเลิกความตั้งใจไปในที่สุด บางคนหวังพึ่งทางลัดไปหายาลดความอ้วน แต่มันก็มักจะส่งผลเสียมากกว่าผลดีแน่ๆหากได้ดูตามข่าวหน้าหนึ่ง
ดูเหมือนว่าการลดน้ำหนักนั้นจะเป็นเรื่องยากเหลือเกิน แต่ความจริงแล้วไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป หากเรามีความตั้งใจจริง ในบทความนี้จะแนะนำสูตรลดความอ้วน 1 เดือน ซึ่งทำได้ง่ายและไม่หักโหมจนเกินไป แต่ต้องอาศัยความตั้งใจที่แน่วแน่จริงๆ และถ้าหากทำตามสูตรนี้ได้ จะพบได้เลยว่าการลดความอ้วน 1 เดือนนั้นไม่ใช้เรื่องที่เกินใจเรา!

เริ่มต้นจากการควบคุมอาหาร
อาจจะเป็นเรื่องที่ใหญ่โตเลยทีเดียวในสูตรลดความอ้วน 1 เดือน แต่การควบคุมอาหารนั้นก็เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับสูตรลดความความอ้วนใน 1 เดือน เพราะความอ้วนนั้นส่วนใหญ่เกิดจากการกินที่เกินพอดี ร่างการเรานำพลังงานที่ได้จากอาหารไปใช้ได้ไม่หมด จึงต้อองเก็บสะสมพลังงานในรูปของไขมันนั่นเอง ทีนี้สูตรการคุมอาหารนั้นมีง่ายมากนั่นคือการ กินโดยไม่ให้เกินวันละ 1,000 กิโลแคลอรี คิดอย่างง่ายๆเช่น
– ปลาทูน่า 1 กระป๋อง 170 กิโลแคลอรี
– ไข่เจียวสองฟอง 90 – 100 กิโลแคลอรี
– ขนมปัง 1 แผ่น 70 กิโลแคลอรี
– น่องไก่ย่าง 1 ชิ้น 80 กิโลแคลอรี

นี่คือตัวอย่างของการคำนวณพลังงานจากอาหาร โดยสมัยนี้ ข้อมูลโภชนาของอาหารที่ขายนั้นจะถูกระบุอย่างชัดเจน หากซื้อแบบอาหารเป็นจาน ก็อย่าลืมหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเพื่อคำนวณพลังงานดีๆ และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องทานอาหารให้ครบทั้ง 3 มื้อ อย่าพยายามขาด แม้ว่าการกินน้อยจะเป็นเรื่องที่ดี แต่การขาดอาหารบ่อยๆ อาจจะทำให้ได้โรคกระเพาะแทนที่หุ่นที่ดี
อีกข้อสำคัญของการควบคุมอาหารในสูตรลดความอ้วน 1 เดือนก็คือ พยายามงดของทอดที่มีน้ำมันเยอะๆและอาหารที่อุดมไปด้วยแป้งจนเกินพอดี เช่นลูกชิ้นทอด ปาท่องโก๋ เป็นต้น แต่ถ้าหากงดไม่ได้จริงๆ ขอแนะนำให้กินได้สัปดาห์ละ 1 วัน ส่วนน้ำอัดลมหรือน้ำหวานก็ขอให้กินแต่น้อย แต่ถ้าหากอดใจไม่ได้จริงๆ แนะนำให้ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆจนอิ่ม เพราะน้ำดื่มช่วยลดความอยากน้ำหวานน้ำอัดลมได้ โดยไม่เพิ่มพลังงานให้เรา

  

ออกกำลังกายควบคู่
   ขั้นตอนต่อมาสำหรับสูตรลดความอ้วน 1 เดือน คือการออกกำลังกาย เพราะการควบคุมอาหารเพียงอย่างเดียวไม่อาจทำให้หุ่นเราดูดีได้ในระยะเวลาอันสั้น หากต้องพึ่งการออกกำลังกายเพื่อใช้พลังงานส่วนเกินที่เราสะสมมานานด้วย การออกกำลังกายนั้นมีวิธีไม่ยาก แต่เน้นทำอย่างสม่ำเสมอ เช่นการวิ่งเหยาะๆวันละ 45 นาที หรือการเต้นแอโรบิควันละ 1 ชม. แต่ถ้าหากไม่สะดวกจะทำทั้งสอง ก็ยังมีการกระโดดเชือก หรือจะทำหลายๆอย่างผสมกันไป ให้ครบ 1 ชม. หรือวันละวิธีก็ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าสะดวกอย่างไร
วิธีออกกำลังกายเหล่านี้สามารถทำง่ายๆได้ที่บ้าน แต่สิ่งที่สำคัญต่อจากวิธีการออกกำลังกายแล้ว นั่นก็คือความตั้งใจที่แน่วแน่ เพราะสูตรลดความอ้วน 1 เดือนนั้นจะไม่ได้ได้ผลเลยหาก เราละเลยไปเพียงแม้นิดเดียว หรือมีความคิดที่ว่าไม่เป็นไรพรุ่งนี้ค่อยทำก็ได้
การเริ่มต้นแม้ว่าจะเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าหากเรามีความตั้งใจที่แน่วแน่แล้ว รูปร่างที่ดีจะไปไหนไกลล่ะ นี่คือสูตรลดความอ้วน 1 เดือนที่แสนง่ายซึ่งไม่หักโหมจนเกิน สุดท้ายนี้ขอเป็นกำลังใจให้กับสาวๆและหนุ่มๆทุกคนที่มีความตั้งใจแน่วแน่ ขอให้มีหุ่นดีในเร็ววัน!

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ยาลดความอ้วนที่ดีที่สุด เห็นผลไว ลดได้จริง และปลอดภัย

 
การมีน้ำหนักตัวบ้างพอสมส่วนให้ดูมีน้ำมีนวล เป็นสิ่งที่คุณสาวๆปารถนา แต่ถ้าหากมีมากจนเกินไป เมื่อต้องเหยียบเท้าขึ้นบนที่ชั่งน้ำหนัก ตัวเลขแจ้งเตือนก็คงแทบจะทำให้คุณสาวๆหลายคนลมใส่ได้เลยทีเดียว ดั้งนั้น ถ้าหากไม่อยากอ้วนแล้วล่ะก็ ก็ต้องมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับความอ้วนกันให้ถ่องแท้ เพื่อที่จะสามารถรับมือมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความอ้วนเกิดจากอะไร ?   
อย่างแรก เกิดจากพันธุ์กรรม   และ  พฤติกรรมการรับประทานอาหารประเภทที่มี  แป้ง น้ำตาล (คาร์โบไฮเดรต)  มากเกินที่ร่างกายต้องการพลังงานในแต่ละวัน ทำให้ร่างกายไม่สามารถเผาพลาญออกไปได้หมดภายในวันเดียว จึงเกิดการตกค้างสะสมอยู่ในร่างกายจนกระทั่งกลายเป็น และถ้าหากชะล่าใจปล่อยเอาไว้ สะสมในร่างกายมากขึ้น ในที่สุดก็จะก่อให้เกิดโรคอ้วนอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งมีข้อเสียมากมายไม่ว่าจะเป็นโรคภัยความเจ็บป่วย ความดัน เป็นต้น ซึ่งคุณสาวๆคงไม่อยากแบบนั้นเกิดขึ้นกับชีวิตอย่างแน่นอน

วิธีการลดความอ้วนที่ได้ผลด้วยการงด แป้ง น้ำตาล
  การงดอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล  (คาร์โบไฮเดรต ) ช่วยลดระดับอินซูลิน ทำให้ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนกลูคากอน เป็น กระตุ้นสิ่งหนึ่งในร่างกายให้ดึงไขมันที่สะสมอยู่มาเป็นพลังงาน ทำให้เวลาออกกำลังกาย แทนที่ร่างกายจะดึงแป้ง น้ำตาล ไปใช้ในการเผาพลาญก่อน กลับดึงไขมันมาใช้งานทันที   ทำให้น้ำหนักลงอย่างรวดเร็ว   ไม่ต้องออกกำลังกายเสียเวลาตั้ง ประมาณ 30 นาที ไปกับแป้งและ น้ำตาลที่รับประทานตามอาหารเข้าไป

 การบริโภคโปรตีน นอกจากทำให้ไม่หิวง่ายแถมน้ำหนักลงไว  สารอาหารประเภทนี้  ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แก่ร่างกาย เพื่อทดแทนไขมันที่หายไปจากการออกกำลังกายลดน้ำหนัก  อีกทั้งยังเพิ่มระบบการเผาพลาญได้ดีขึ้นด้วย

การกินยาลดความอ้วน  พร้อมกับ การออกกำลังกายไปด้วย  ได้ผลจริงหรือ ?
 การกินยาลดความอ้วนและ ออกกำลังกายไปด้วย นั้นได้ผลจริง แต่จะต้องเป็นยาลดความอ้วน ที่มีส่วนผสมเป็นสมุนไพรที่ปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ยกตัวอย่าง ส่วนผสม ในยาลดน้ำหนักที่สำคัญ  4 อย่าง ที่ผลิตภัณฑ์ยาลดความอ้วนหลายแบรนด์ หลายยี่ห้อ มักมีส่วนผสม สมุนไพรนี้อยู่เสมอ    อาทิเช่น
       1..สารสกัดจากส้มแขก  ช่วยเร่งระบบเผาพลาญในการออกกำลังกาย ช่วยเรื่องการขับถ่ายได้เป็นอย่างดี
       2.สารสกัดจากถั่วขาว ทำหน้าที่จับดักแป้งไม่ให้เป็นน้ำตาล ถูกขับถ่ายออกมาส่วนหนึ่ง  ป้องกันการเกิดอาการหิว
 3.สารสกัดจากพริกไทยดำ ลดอัตราการสะสมไขมันเก่า ช่วยเร่งระบบเผาพลาญไขมันเก่า ช่วยเผาพลาญอาหารจากการกิน
 4.ตรีผลา เกิดจาก รวมตัวของ 3 สมุนไพร เช่น   สมอไทย สมอพิเภก มะขามป้อม  เป็นต้น มีคุณสมบัติช่วยปรับสมดุล ล้างพิษที่ตกค้างในร่างกาย  ช่วยลดเบาหวาน ลดไขมัน อีกทั้งยังช่วยลดอัตราการเกิดสิว ได้อีกด้วย

การทานยาลดความอ้วนอย่างถูกวิธี   
 มีวิธีการทานยาลดความอ้วนโดยส่วนใหญ่แล้วจะมีความคล้ายคลึงกัน คือ รับประทานในขณะที่ท้องว่าง  ก่อนอาหาร   15-  30 นาที  เพื่อให้ยาถูกดูดซึมได้ดี  ซึ่งตัวยาส่วนใหญ่มักจะมีประสิทธิภาพในการดักจับดักแป้ง  ไม่ให้กลายเป็นน้ำตาลถูกสะสมเป็นไขมัน   และ ช่วยเร่งระบบเผาพลาญก่อนสู่กระบวนการออกกำลังกาย

       ยาลดความอ้วน ที่มีส่วนผสมเป็นสมุนไพร ปัจจุบันยังไม่พบผลข้างเคียง หรือ อันตรายที่เกิดขึ้นจากการรับประทานยา แต่แต่อย่างใด อย่างไรก็ตามการทาน ยาลดความอ้วน ไม่ได้ช่วยให้คุณลดน้ำหนัก อย่างสมบูรณ์เต็มรูปแบบ เนื่องจากเป็นการส่งเสริมกระบวน การลดความอ้วน ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด  เมื่อทานควบคู่ กับการออกกำลังกาย ไปด้วย ดังนั้นถ้าหากคุณสามารถควบคุม การกินอาหาร  ให้ต่ำกว่าปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน จะเป็นการช่วยทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

น้ำหนักไม่ลด ทำไงดี มีวิธีการลดน้ำหนักอย่างไรบ้าง

ยังมีคนอีกหลายคนที่อยากลดน้ำหนักนั้น ส่วนใหญ่มักที่จะเริ่มต้นด้วยการควบคุมอาหาร และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึงอีกสารพัดวิธีการลดน้ำหนักที่มีทั้งผู้รู้ ผู้มีประสบการณ์นำมาแชร์วิธีการมากมายในอินเตอร์เน็ต หรือในเวบ Pantip เวบชื่อดัง

สาวๆ บางคน ถึงแม้จะพยายามลดน้ำหนักตามวิธีการเหล่านั้น แต่ท้ายที่สุดกลับพบว่า น้ำหนักไม่ลดลง หรือน้ำหนักไม่ลดลงเท่าที่ควร ซึ่งสร้างความกังวลให้กับคุณสาวๆ ที่ใฝ่ฝันอยากที่จะมีส่วนเว้าส่วนโค้งให้สามารถแต่งตัวสวยๆ ออกไปอวดใครต่อใคร

สำหรับคุณสาวๆ ที่น้ำหนักไม่ลดลง ลองสำรวจตัวเองสักนิด ตามหัวข้อที่กำลังจะพูดถึงต่อไปนี้ เพื่อที่จะได้เป็นแนวทางให้ทราบว่าสาเหตุที่ทำให้ตัวเองน้ำหนักไม่ลดลงนั้น มันเกิดขึ้นจากอะไร

สาเหตุและปัญหาหลักๆ ที่ทำให้น้ำหนักไม่ลดลง

1. เลี่ยงอาหารที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นแล้วหรือยัง อาหารในประเภทนี้ได้แก่ ของทอด ขนมหวาน เครื่องดื่มที่มีแคลอลี่สูงๆ เช่น น้ำอัดลม ชานมไข่มุก ชา กาแฟ ครีมเทียม เป็นต้น

2. งดอาหารมื้อดึกก่อนนอนหรือยัง ไม่ควรรับประทานอาหารก่อนเข้าเป็นเวลานอนประมาณ 3 ชั่วโมง

3. หยุดการคลายเครียดด้วยการทานอาหารหรือยัง คุณสาวๆบางคนเมื่อเครียดขึ้นมาก็มักที่จะปลดลิมิตตัวเองเข้าสู่โหมดกินแหลก ซึ่งนั่นจะยิ่งทำให้อ้วนมากยิ่งขึ้น

4. เข้านอนแต่หัวค่ำหรือเปล่า จากผลการวิจัยว่า ในช่วงเวลา 5 ทุ่ม เป็นต้นไป ร่างกายจะมีการหลั่งฮอร์โมนออกมาเพื่อซ่อมแซมร่างกาย ซึ่งมีความสัมพันธ์ในการลดน้ำหนัก การเผาผลาญ และความอยากอาหารด้วย การเข้านอนก่อนห้าทุ่ม จะช่วยทำให้เกิดการปรับนาฬิกาในร่างกายให้เหมาะสมอีกด้วย

5. พักผ่อนในแต่ละวันเพียงพอหรือเปล่า การนอนน้อยจะทำให้เมตาบอลึซึมทำงานช้าลง ความอยากอาหารก็จะมากขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังทำให้ประสิทธิภาพในการออกกำลังกายลดลงอีกด้วย ในหนึ่งวันจึงควรนอนหลับพักผ่อนอย่างน้อย 6-7 ชั่วโมง

6. กินชดเชยหลังจากที่ออกกำลังกายไปหรือเปล่า คุณสาวๆบางคนนิยมกินน้ำหวานสักแก้ว หรือขมหวานสักชิ้นเพื่อชดเชยพลังงานที่สูญเสียไปหลังจากออกกำลังกาย แต่เจ้าของหวานเหล่านี้มีจำนวนของแคลอลี่ที่มากกว่าที่พึ่งเผาผลาญไปจากการออกกำลังกายเสียอีก

7. เครียดเกินไปหรือเปล่า เมื่อเกิดความเครียดร่างกายจะเกิดการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมา ทำให้เกิดความอยากอาหาร แล้เกิดการกักเก็บไขมันเอาไว้ในร่างกายมากยิ่งขึ้น

8. กินน้อยเกินไปหรือเปล่า โดยปกติร่างกายของคนเราเมื่อได้รับอาหารในปริมาณน้อย จะมีกระบวนการลดอัตราเมตาบอลิซึมลง เพื่อกักเก็บสำรองพลังงานเอาไว้ไม่ให้เราอดตาย ทำให้น้ำหนักก็ยังคงไม่ค่อยที่จะลดลงเท่าที่ควรอยู่ดี

9. การออกกำลังกายท่าเดียวซ้ำๆ การออกกำลังกายในลักษณะเดิมซ้ำๆ ไม่หลากหลายจะทำให้ร่างกายเกิดความเคยชิน ถ้าหากไม่แก้ไขด้วยการออกกำลังให้มากขึ้นเรื่อยๆ ก็ต้องหันไปสลับเปลี่ยนท่าออกกำลังกายให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น

10. นอนดูโทรทัศน์บ่อยและนานเกินไปหรือเปล่า จากการวิจัยพบว่า การนอนดูโทรทัศน์ 1-2 ชั่วโมง ต่อวันนั้น มีแนวโน้มที่จะมีน้ำหนักเกินมาตรฐานถึง 93% ทีเดียว เนื่องจากไม่ได้ทำการเคลื่อนไหวร่างกายเลยนั่นเอง

นอกจากนี้ยังทำให้หัวใจ ความดัน และอัตราการเผาผลาญของร่างกายลดลงอีกด้วย อีกทั้งคนส่วนใหญ่ในขณะที่กำลังดูโทรทัศน์ ก็มักที่จะมีขนมขบเคี้ยววางอยู่ในระยะที่สามารถเอื้อมถึงได้อีกด้วย

11.อากาศหนาวทำให้ใช้แคลอลี่น้อยลง ในช่วงที่มีอากาศหนาวคนเรามักจะมีอาการซึมเศร้า ทำให้การใช้พลังงานน้อยลง แต่กระตุ้นให้เกิดความรู้สึกอยากอาหารจำพวกแป้ง รวมไปถึงขนมหวานมากยิ่งขึ้น ซึ่งอากาศหนาวที่กล่าวถึงนี้ ยังรวมไปถึงการอยู่ในห้องปรับอากาศที่มีอุณหภูมิต่ำๆ เป็นระยะเวลานานๆอีกด้วย

12. ระดับของแสงไฟสัมพันธ์กับความอยากอาหาร จากการศึกษาวิจัยพบว่า ในห้องที่มีแสงสว่างจ้ามากจะทำให้คนอ้วนทานอาหารได้มากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันแสงไฟที่สลัวๆ จะทำให้คนที่อยากลดน้ำหนักเกิดอาการลืมตัว จนมีแนวโน้มที่จะทานอาหารมากขึ้นเช่นกัน ดังนั้นจึงควรปรับแสงไฟในบ้านไม่ให้สว่างจ้า หรือมืดสลัวจนเกินไป

13. เป็นโรคบางอย่างทำให้น้ำหนักไม่ลดลงได้เหมือนกัน เช่น ภาวะมีถุงน้ำที่รังไข่ ต่อมไธรอยผิดปกติ ฮอร์โมนที่ไม่สมดุล สิ่งเหล่านี้มักจะส่งผลให้น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น และลดลงได้ยาก ถ้าหากคุณสาวๆพยายามลดน้ำหนักเป็นระยะเวลานานๆ แล้วน้ำหนักตัวไม่ลดลงอย่างที่ควรจะเป็น ขอแนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายดูสักครั้ง

หลังจากที่คุณสาวๆ สำรวจพบปัญหาของตัวเองแล้ว อยากให้คุณสาวๆ เริ่มต้นแก้ปัญหาเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว และทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ถ้าหากคุณสาวๆมีความตั้งใจจริง

ถ้าเข้าใจปัญหาที่ทำให้น้ำหนักไม่ลดลงอย่างดีแล้ว เชื่อว่าร่างกายที่เต็มไปด้วยทรวดทรงองค์เอวที่งดงาม คงจะเป็นสิ่งที่ไม่อยู่ไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.