อาหารแคลอรีต่ำ ที่จะช่วยให้หุ่นฟิตแอนเฟิร์ม

         “ใครอยากหุ่นดียกมือขึ้น” เมื่อสาวๆได้ยินประโยคนี้คงหูผึ่งขึ้นมาทันที เพราะไม่ว่าใครต่างก็อยากได้รูปร่างที่ดูดี ฟิตแอนเฟิร์มกันทั้งนั้น แต่ถามว่ายากแค่ไหนกับการทำให้ตัวเองดูดี บอกได้เลยว่าไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย เนื่องจากถ้าอยากหุ่นดีต้องมีความอดทนในการควบคุมอาหาร ไม่ตามใจปาก รับประทานอาหารแคลอรีต่ำ มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นหลัก หลังจากนั้นก็เสริมด้วยการออกกำลังกายในแบบที่ชอบ เช่น การวิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ ฝึกโยคะ เต้นแอโรบิค ฯลฯ เพียงแค่นี้คุณก็จะพิชิตหุ่นผอมเพรียวดูดีได้ไม่ยาก
         ในเมื่ออาหารการกินเป็นสิ่งสำคัญต่อการมีรูปร่างฟิตแอนด์เฟิร์ม บทความนี้จึงได้รวบรวมสุดยอดเมนูอาหารแคลอรีต่ำมาให้ท่านผู้อ่านได้ทำความรู้จัก หากท่านชอบใจเมนูไหนก็ไปหามารับประทานได้เลย

อาหารแคลอรีต่ำ ที่ควรรับประทาน

         1.ไข่ เมนูอาหารจานไข่ให้แคลอรีต่ำเพียง 70-80 แคลอรีต่อหนึ่งฟอง ซึ่งไข่เป็นอาหารที่ทำง่ายและมีอยู่เกือบทุกเมนู แต่ถ้าจะให้ดีควรเน้นการปรุงด้วยวิธีอบ ต้ม นึ่งจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นอาหารแคลอรีต่ำจะกลายเป็นอาหารเพิ่มความอ้วน ดังนั้น ควรเปลี่ยนจากเมนูไข่ดาวหรือไข่เจียวมาเป็นไข่ลวก ไข่ต้ม ไข่ตุ๋นแทน สารพัดไข่เหล่านี้จะทำให้ได้รับแคลอรีไม่เกิน 100 แคลอรี่แน่นอน
         2.เห็ด เป็นอาหารแคลอรีต่ำโดยให้พลังงาน 15 แคลอรี่ต่อ 1 ถ้วยตวง โดยเห็ดเป็นอาหารที่มีเนื้อมากแต่ให้พลังงานต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ เห็ดที่แนะนำให้รับประทาน ได้แก่ เห็ดหอม เห็ดเข็มทอง เห็ดฟาง เห็ดนางรมหลวง เป็นต้น เพราะหาซื้อได้อย่างง่าย ราคาไม่แพง นอกจากนั้นยังประกอบไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย รวมทั้งมีโพแทสเซียม วิตามินบีต่างๆ และใยอาหารอีกด้วย
         3.บร็อคโคลี ผักชนิดนี้ให้พลังงานเพียง 30 แคลอรี่ต่อถ้วย โดยอาหารแคลอรีต่ำนี้อยู่ในอันดับต้นๆ ของรายการสุดยอดอาหารสารพัดประโยชน์ อุดมไปด้วยใยอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ แต่ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระที่มีในบร็อคโคลีนี้สามารถช่วยบรรเทามะเร็งเต้านมและช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ได้
         4.ขนมปังโฮลวีต ให้แคลอรีโดยประมาณ 140 แคลอรีต่อ 2 ชิ้น แม้ว่าหลายคนจะบอกไว้ว่าการลดน้ำหนักให้ได้ผลนั้นจะต้องตัดคาร์โบไฮเดรตออกไป แต่ก็ใช่ว่าคาร์โบไฮเดรตจะไม่มีส่วนสำคัญกับร่างกายเสียเมื่อไหร่ เพราะดีไม่ดีงดแป้งไปอาจทำให้เกิดโยโย่และกลับมากินหนักกว่าเดิมก็เป็นได้ ดังนั้น ลองเปลี่ยนมารับประทานคาร์โบเดรตที่ดีกับร่างกายของเรากันดีกว่า ซึ่งขนมปังโฮลวีตเป็นอาหารแคลอรีต่ำที่ดีเยี่ยม ช่วยในการรักษาหุ่นให้ดูดีอยู่เสมอ

         5.บลูเบอร์รี่ อีกหนึ่งอาหารแคลอรีต่ำให้พลังงานแค่ 85 แคลอรี่ และมีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ ทั้งยังให้รสชาตแสนอร่อย เป็นของว่างที่รับประทานแล้วสดชื่น อุดมสมบูรณ์ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน เกลือแร่ และสิ่งที่ร่างกายต้องการ โดยสามารถรับประทานบลูเบอร์รี่สดเป็นอาหารว่างยามบ่าย หรือนำมาผสมกับโยเกิร์ตและซีเรียลในมื้อเช้าเพื่อสุขภาพก็ได้
         6.มะเขือเทศ ผักที่หลายคนไม่ค่อยปลื้มนในรสชาตแสนเปรี้ยวนี้ให้พลังงานเพียง 22 แคลอรี่ต่อมะเขือเทศขนาดกลางหนึ่งผล ซึ่งมีสารอาหารอย่างไลโคปีนหรือสารต้านอนุมูลอิสระที่พบได้น้อยมากในอาหารชนิดอื่น งานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าไลโคปีนสามารถช่วยปกป้องผิวจากการทำลายของรังสียูวี ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งบางชนิด และช่วยทำให้ปริมาณโคเลสเตอรอลต่ำลงได้ นอกจากนี้ มะเขือเทศยังมีโพแทสเซียม วิตามินซี และใยอาหารในปริมาณที่สูง
         7.น้ำเปล่า ขอตบท้ายกันด้วยอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมากๆ โดยเป็นสิ่งที่ร่างกายขาดไม่ได้ ที่สำคัญยังไม่มีแคลอรีให้คุณต้องกังวลใจอีกด้วย เพราะน้ำเปล่าให้พลังงาน 0 แคลอรี แต่ประโยชน์ของน้ำนั้นมีมากมายหลายอย่าง เช่น เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ช่วยชะลอความแก่ ช่วยแก้อาการท้องผูก ช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย ช่วยย่อยอาหาร ช่วยลดน้ำหนัก และอื่นๆอีกมากมาย

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เทคนิคออกกำลังกาย แก้ปัญหา ‘น่องลาย’ ได้ผลชะงัด

         เชื่อว่าคงมีหลายคนที่กำลังประสบปัญหาผิวหนังบริเวณขาเกิดรอยแตกลายเป็นทางยาว หรือที่เรียกอีกอย่างว่า “น่องลาย” ซึ่งปัญหาผิวลักษณะนี้มักเกิดขึ้นกับหนุ่มๆสาวๆในช่วงวัยรุ่น หรือวัยเจริญเติบโต เนื่องจากมีกล้ามเนื้อและผิวหนังมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วจึงทำให้เกิดน่องลายอย่างที่เห็น ยิ่งถ้าใครเคยผอมมาก่อนแล้วอ้วนขึ้นภายในเวลาสั้นๆ จะยิ่งปรากฏรอยน่องลายชัดเจนขึ้น
         ดังนั้น ถ้าใครเกิดปัญหาน่องลายให้ลองสำรวจว่าตัวเองอยู่ในภาวะน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐานหรือไม่ ถ้าใช่ก็ควรหาวิธีลดน้ำหนักเสียให้ทันท่วงที ก่อนที่จะเกิดเป็นรอยแตกลายที่ชัดเจนขึ้น ทั้งนี้ หากลดความอ้วนก็ต้องทำอย่างถูกวิธี เพราะถ้าน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วเกินไปก็สามารถเกิดปัญหารอยแตกลายได้เช่นกัน ทีนี้มาดูกันว่าเราควรทำกายบริหารแบบใด เพื่อลดน้ำหนักและแก้ปัญหาน่องลายไปได้พร้อมๆกัน

 

เทคนิคออกกำลังกาย แก้ปัญหาน่องลาย
         1.วิ่งระยะไกล วิธีแก้ปัญหาน่องลายไปพร้อมๆกับการลดขนาดน่อง อันดับแตกควรวิ่งเป็นระยะทางไกล เพราะเป็นวิธีที่ได้ผลดีมาก โดยจะสังเกตเห็นว่านักกีฬาที่วิ่งกันเป็นประจำจะมีต้นขาและน่องที่เรียวเล็ก กล้ามเนื้อมีความกระชับ และไม่ปรากฏรแตกลายให้เห็น นั่นก็เพราะว่ากลไกของร่างกายจะปรับตัวไปตามธรรมชาติ ส่วนเหตุผลที่ว่าวิ่งระยะสั้นไม่ได้ผลหรือได้ผลน้อย คือการที่ร่างกายต้องเก็บพลังงานเอาไว้ใช้ในการวิ่งระยะสั้น และยังสร้างกล้ามเนื้อให้มากขึ้นจากการใช้กล้ามเนื้ออย่างหนักในช่วงเวลาสั้นๆ จึงอาจทำให้ต้นขาใหญ่ และเกิดปัญหาน่องลายเพิ่มขึ้น
         2.ปั่นจักรยาน ถือเป็นวิธีลดต้นขาอย่างได้ผล แถมยังแก้ปัญหาน่องลายได้อีกด้วย โดยให้นอนราบปั่นจักรยานอากาศอย่างน้อย 100 ครั้ง เวลาปั่นต้องออกแรงขาอย่างรวดเร็วห้ามหยุดพักจนกว่าจะครบเซ็ต ทั้งนี้ การปั่นจักรยานธรรมดาจะช่วยลดทั้งต้นขาและลดน่องได้แต่อาจทำให้เกิดปัญหาน่องลายได้ ดังนั้น จะต้องเอาฝ่าเท้าลง อย่าใช้ปลายเท้าลง ที่สำคัญคือให้ผ่อนเกียร์จักรยานอ่อนๆให้ปั่นง่ายๆ และเน้นความถี่ เพื่อป้องกันน่องโตและน่องลาย

         3.ท่า Squats วิธีลดน่องลายนี้นี้เป็นท่าที่ได้รับความนิยมอย่างมาก วิธีการคือยืนตรง แยกขาห่างออกจากกันให้พอดีกับหัวไหล่ จากนั้นให้ย่อตัวลงให้อยู่ในลักษณะต้นขาขนานกับพื้น ขณะย่อตัวลงให้ย่อจนรู้สึกว่าปวดเกร็งบริเวณต้นขา จากนั้นยืดตัวขึ้น ทำแบบนี้ประมาณ 30 ครั้ง ทำเป็นประจำทุกวันจะให้ผลลัพธ์ที่ดี ที่สำคัญคือทำให้เรียวขาเล็ก กระชับได้สัดส่วนมากขึ้น
         4.เดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟท์ หากต้องการขาที่เรียวสวยกระชับได้สัดส่วนและไม่เกิดปัญหาน่องลาย ก็ต้องยอมเหนื่อยเดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟท์ เนื่องจากเป็นวิธีเผาผลาญแคลลอรี่ กำจัดไขมันส่วนเกินที่กระจุกบริเวณต้นขาได้ ลดรอยแตกลายอย่างได้ผล ซึ่งเป็นวิธีที่หลายคนมักมองข้าม
         เนื่องจากปัญหาน่องลาย อาจเกิดได้จากการที่ผิวแห้งเสีย ไม่มีความยืดหยุ่น ฉะนั้น การดูแลผิวก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดน่องลายได้ โดยนอกจากจะทำการออกกำลังกายที่ถูกต้องเป็นประจำแล้ว เราควรขัดผิวด้วยสบู่ โดยขัดไปที่ผิวบริเวณที่เป็นรอยแตกลายอย่างเบามือ เพื่อช่วยในกระบวนการยืดหยุ่นและหดตัวของผิวหนัง หลีกเลี่ยงการใช้เกลือขัดตัว เพราะจะทำให้ผิวแห้ง และเกิดปัญหารอยแตกเพิ่มขึ้น และควรทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ ให้ผิวที่เป็นน่องลาย นอกจากนี้ยังควรใช้ครีมหรือโลชั่นบำรุงผิวทาเพิ่มความชุ่มชื่น ชุ่มน้ำ เกิดความยืดหยุ่นได้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นตัวช่วยในการป้องกันและลดปัญหาน่องลายอย่างได้ผล
การใช้ครีมบำรุผิวช่วยเสริมแก้ไขปัญหาน่องลาย
นอกจากการออกกำลังกายเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาน่องลาย ดังทีได้กล่าวถึงไปแล้วในตอนต้น ปัญหาน่องลาย หรือรอยแตกลายที่ผิวเหล่านี้ ถ้าหากได้รับการบำรุงดูแลอย่างเหมาะสม ด้วยการใช้ครีมบำรุงผิวที่มีประสิทธิภาพ ก็จะเป็นการช่วยลดระยะเวลาของผิวที่แตกลาย เลือนหายไปได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปัจจุบันก็มีครีมบำรุงผิวหลายยี่ห้อ ที่มีคุณสมบัติชั้นเลิศในการแก้ไขปัญหา

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

น่องใหญ่ ทำไงดี ใส่กางเกงแบบไหนดี ถึงจะดูสวยเพรียวสมใจ

         สำหรับผู้หญิงแล้วในบางครั้ง การแต่งกายก็คือ “การปลอมตัว” เพื่อให้คนอื่นๆไม่สามารถสังเกตเห็นถึงความไม่สมส่วนบางแห่ง เพราะแน่นอนว่า ใช่ว่าทุกคนจะมีร่างกายทุกส่วน เส้นโค้งเว้าที่เป๊ะสวยงามเข้ารูป ทุกคนย่อมต้องมีปัญหากับร่างกายบางพื้นที่ไมว่าจะเป็น หน้าอกเล็ก แขนใหญ่ ไล่กว้าง หรือน่องใหญ่ แต่ก่อนที่สิ่งเหล่านี้จะทำลายความมั่นใจ หรือสร้างความประหม่าให้กับชีวิตประจำวัน คุณสาวๆสามารถที่จะใช้เสื้อผ้ามาช่วยในการปกปิด ซ่อนปัญหาเหล่านี้เอาไว้ให้พ้นจากสายตา ด้วยการแต่งกายอย่างเหมาะสม ซึ่งบทความในวันนี้ เพื่อช่วยเป็นไอเดียให้กับคนสาวๆที่กำลังประสบปัญหาน่องใหญ่ ทำไงดี  น่องใหญ่ ใส่กางเกงแบบไหนดีอยู่นั้น ผู้เขียนได้มีเคล้ดลับการแต่งกายชั้นเลิศ ที่จะช่วยแก้ปัญหาน่องใหญ่ ทำไงดี ให้กลายเป็นอดีตไปในพริบตา

กางเกงยีนส์และกางเกงที่จะช่วยซ่อนปัญหาน่องใหญ่
น่องใหญ่ ใส่กางเกงแบบไหนดี เป็นเรื่องที่ไม่ยาก เพียงแค่คุณรู้จักที่จะเลือกกางเกงที่มีความเหมาะสมกับรูปร่างของตัวเอง ซึ่งการแก้ปัญหาน่องใหญ่ ทำไงดี โดยการเลือกกางเกง และการแต่งตัวในบทความชิ้นนี้ จะขอค่อยๆขอดำเนินการไปตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
  1.เลือกกางเกงที่มีสีเข้ม กฎข้อแรกสุดที่เก่าแก่ในการจัดการปัญหาน่องใหญ่ ทำไงดี ในบทความชิ้นนี้คือ การเลือกกางเกงที่มีสีเข้ม เช่นสีดำ สีเทา หรือสีแดงเข้ม ถ้าคุณมีปัญหาน่องใหญ่ ทำไงดีเพียงเล็กน้อยการสวมใส่กางเกงแบบ Jeggings สีเข้ม ก็เพียงพอแล้วที่จะช่วยซ่อนน่องของคุณเอาไว้ให้พ้นจากความสนใจของคนอื่นๆ
 2.เลือกใส่กางเกงขาตรง แบบขาตัด หรือทรงกระบอก ในกรณีที่คุณต้องการเลือกใส่กางเกงสีอ่อน สีเบา หรือสีเบจ ควรเลือกกางเกงที่มีลักษณะเป็นขาตรง หรือแบบขาตัด ที่จะช่วยทำให้การแต่งตัวโดยรวมของคุณดูพริ้วๆ ที่ช่วยดึงความสนใจออกไปจากน่องของคุณได้เป็นอย่างดี และยังช่วยทำให้ขาของคุณโดยรวมดูเรียวสวยมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
3.กางเกงขายาวดีที่สุด สำหรับคนที่มีปัญหาน่องใหญ่ ใส่กางเกงแบบไหนดี เห็นจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากกางเกงขายาว ที่สามารถช่วยครอบคลุมต้นขา รวมไปถึงน่องทั้งหมดเอาไว้ทั้งหมด
 4.กางเกงยีนส์ กางเกงยีนส์ขายาวแบบขาตรง หรือขาตัด ไม่รัดรูปแบบขาเดฟ สามารถช่วยปกปิดปัญหาน่องใหญ่ได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตาม คุณควรหลีกเลี่ยงการสวมใส่กางเกงยีนส์ขาสั้น หรือเน้นโชว์สัดส่วนในช่วงสะโพกและต้นขา เพราะมันจะยิ่งเป็นการช่วยเน้นเรียวขา ให้คนอื่นๆสามารถมองเห็นปัญหาของคุณได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

         5.เลือกกางเกงแบบผ้าหนา พยายามเลือกกางเกงที่มีผ้าหนา และมีรูปทรงเป็นของตัวเอง ห้ามสวมใส่กางเกงที่มีลักษณะเป็นผ้าเนื้อบางโดยเด็ดขาด เพราะจะยิ่งเป็นการอวดสัดส่วนของตัวคุณให้มากยิ่งขึ้น
 อย่างไรก็ตามอย่าลืมว่า ถ้าหากกางเกงขายาวที่คุณเลือกมานั้นมีขนาดเล็กจนเกินไป เป้าสูง หรือรัดฟิดเปรี๊ยะ จนรัดแน่นโชว์สัดส่วนขาของตัวเอง แทนที่ปัญหาน่องใหญ่ ใส่กางเกงแบบไหนดีจะถูกแก้ไข มันจะกลับกลายเป็นยิ่งเป็นการเน้นน่องให้ปรากฏชัดต่อสายตาของคนอื่นมากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นสำหรับคนที่มีปัญหาน่องใหญ่ จึงควรเลือกกางเกงที่หลวมสักหน่อยจะดีที่สุด

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

อยากขาเรียว ทําไง มาดูวิธีออกกำลังกายให้ได้ขาเรียว

         การที่เรามีต้นขาใหญ่นั้นเกิดได้จากหลากหลายปัจจัย โดยสาเหตุหลักก็คือการรับประทานอาหารที่มีไขมันมากๆเกินกว่าความจำเป็นที่ร่างกายนำไปใช้ จึงทำให้เกิดไขมันสะสม โดยเจ้าไขมันมักไปกระจุกตัวตามบริเวณต่างๆ โดยเฉพาะสะโพก ต้นขา และน่อง จนบางคนถูกเพื่อนล้อว่า “นี่ขาหรือตอม่อ”
         กระนั้นก็ตาม ต่อให้เราออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่ยังรับประทานอาหารที่มีไขมันมากอยู่ ก็บอกได้เลยว่าเสียแรงเปล่า เพราะการเผาผลาญออกไปอาจทำได้ไม่ดีเท่าการรับเข้ามาในร่างกาย ดังนั้น ถ้าอยากได้ขาเรียว ทำไง วิธีออกกำลังกายดังต่อไปนี้จะช่วยคุณได้ แต่ควรควบคุมอาหาร รับประทานสิ่งที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสมด้วย

 

วิธีออกกำลังกายให้ได้ขาเรียว
         1.ปั่นจักรยานอากาศ ถือเป็นวิธีลดต้นขาอย่างได้ผลสำหรับคนที่สงสัยว่าขาเรียว ทำไง เพราะวิธีนี้ได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะในต่างประเทศ วิธีออกกำลังกายคือให้นอนราบปั่นจักรยานอากาศอย่างน้อย 100 ครั้ง เวลาปั่นต้องออกแรงขาอย่างรวดเร็วห้ามหยุดพักจนกว่าจะครบเซ็ต
         สำหรับการขี่จักรยานธรรมดาก็เป็นอีกวิธีที่ทำให้ได้ขาเรียวสวย โดยจะช่วยลดทั้งต้นขาและลดน่องได้ ทั้งนี้ การปั่นจะต้องพยายามเอาฝ่าเท้าลง อย่าใช้ปลายเท้า ที่สำคัญคือให้ผ่อนเกียร์จักรยานอ่อนๆให้ปั่นง่ายๆ และเน้นความถี่ในการปั่น เพราะหากปรับเกียร์ที่มีต้านทานมาก อาจได้น่องโตแทนขาเรียว
         2.กระโดดเชือก การกระโดดเชือกเป็นวิธีออกกำลังที่ทำให้ได้ขาเรียว และยังเป็นการเผาผลาญได้เกือบทุกสัดส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นต้นแขน สะโพก ต้นขา น่อง เป็นต้น โดยควรกระโดดเชือกวันละประมาณ 200 ครั้ง ทั้งนี้ วิธีกระโดดเชือกที่ถูกต้องคือให้ลงน้ำหนักที่ปลายเท้า ซึ่งการลงน้ำหนักปลายเท้าจะเป็นการใช้กล้ามเนื้อบริเวณน่องและช่วยลดต้นขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้การกระโดดเชือกยังช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วย เพราะในหนึ่งชั่วโมงที่คุณกระโดดเชือกสามารถเผาผลาญได้มากถึง 780 กิโลแคลอรี่
         3.ท่า Squats กระชับต้นขา เริ่มจากยืนกางขาออก แล้วยื่นมือไปด้านหน้า จากนั้นให้จินตนาการว่ากำลังจะนั่งลงบนเก้าอี้ โดยค่อยๆหย่อนสะโพกลงไป แต่ให้รักษาระดับของแผ่นหลังและคอให้ตั้งฉากกับพื้น แล้วย่อตัวลงจนทำมุม 90 องศา ค้างไว้สักครู่ จากนั้นค่อยๆยกตัวขึ้น พร้อมหายใจเข้า ทำประมาณ 15-20 ครั้งต่อ 1 เซต โดยทำ 2-3 เซตต่อเนื่องกัน สิ่งที่ต้องเน้นก็คือ ให้กางขาออก กว้างเท่ากับความกว้างของช่วงไหล่ตัวเอง ที่สำคัญ เมื่อย่อตัวแล้ว หัวเข่าต้องไม่ยื่นเกินไปจากปลายเท้า

         4.เดินขึ้นลงบันได ขาเรียว ทำไง การเดินขึ้นลงบันไดเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ได้ผล เนื่องจากเป็นวิธีเผาผลาญแคลลอรี่ กำจัดไขมันส่วนเกินที่กระจุกบริเวณต้นขาได้อย่างดีเยี่ยม โดยมีการเก็บข้อมูลว่าหากคุณเดินขึ้นบันไดในเวลาครึ่งชั่วโมง สามารถเผาผลาญพลังงานได้ประมาณ 500 กิโลแคลอรี่ ทั้งนี้ เพียงแค่ในหนึ่งวันเราใช้บันไดแทนการขึ้นลิฟต์ก็ถือเป็นวิธีลดต้นขาแบบง่ายๆที่หลายคนมักมองข้าม เมื่อรู้กันอย่างนี้แล้วก็ลดความสบายลงบ้าง เพื่อขาที่เรียวงาม
         5.วิ่งอย่างถูกวิธี ขาเรียว ทำไง หากคุณเลือกที่จะวิ่งเพื่อพิชิตขาเรียวสวย ก็ต้องวิ่งให้ถูกวิธี โดยให้วิ่งแบบยืดอก ตัวตรง ก้าวเท้าไปข้างหน้า และเอาส้นเท้าลงพื้นก่อนเหมือนกันเดินเพื่อป้องกันการรองรับน้ำหนักที่มากเกินไปของน่องขา ห้ามวิ่งด้วยการใช้ปลายเท้าลงเด็ดขาด และห้ามวิ่งเร็วแบบร้อยเมตรหรือแบบนักลมกรด และที่สำคัญไม่ควรวิ่งขึ้นที่สูงหรือถ้าใช้เครื่องวิ่งก็ไม่ควรปรับโหมดความชัน ให้วิ่งแบบพื้นเรียบๆ ซึ่งจะช่วยลดทั้งขนาดกล้ามเนื้อและไขมันส่วนเกินบริเวณน่องและทั่วร่างกาย ได้ขาเรียวกระชับดูดีดังใจปราถนา
         การออกกำลังกายให้ได้ขาเรียวไม่ว่าจะใช้วิธีไหน จำเป็นต้องอาศัยความอดทน และความต่อเนื่องในการปฏิบัติ ผลลัพธ์อาจจะไม่เร็วทันใจเหมือนการดูดไขมัน แต่รับรองว่าวิธีที่เรานำเสนอนี้จะทำให้ขาเรียวกระชับแบบธรรมชาติ ไม่ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณ ที่สำคัญไม่ต้องเจ็บตัว

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เลเซอร์สลายไขมัน ดีไหม? ราคาที่ต้องจ่ายเท่าไหร่?

         ปัญหาความอ้วนถือว่าเป็นหนึ่งในโรคภัยสมัยใหม่ที่ได้เข้ามารุกรานเบียดเบียนการใช้ชีวิตของชาวเมือง ในยุคที่เรียกได้ว่าอาหารการกินอุดมสมบูรณืถึงขีดสุด ณ ปัจจุบัน แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเกิดปัญหาความอ้วนขึ้นทั่วทั้งร่างกาย บางคนอาจจะมีไขมันสะสมเฉพาะส่วน หรืออ้วนเฉพาะส่วนอย่างบริเวณต้นแขน ต้นขา หรือหน้าท้อง เป็นต้น ซึ่งการแก้ไขกำจัดไขมันเฉพาะส่วนเหล่านี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมากเลยทีเดียว ซึ่งในปัจจุบัน หนึ่งนในวิธีการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ การใช้เลเซอร์สลายไขมัน แต่เลเซอร์สลายไขมัน ราคาที่ต้องจ่ายนั้นมีมากท่าไหร่ แล้วเลเซอร์สลายไขมัน จะให้ผลลัพธ์ที่ดีสมราคามากน้อยเพียงใดนั้น สามารถติดตามอ่านได้จากบทความชิ้นนี้กันเลย

เลเซอร์สลายไขมัน ดีต่อการกำจัดไขมันในร่างกายอย่างไร?
 เลเซอร์สลายไขมัน เป็นเทคโนโลยีที่มีคุณสมบัติช่วยกระชับผิวในบริเวณที่ทำการรักษาได้มากกว่า เมื่อเทียบกับการใช้วิธีดูดไขมันตามปกติ ส่งผลลัพธ์ให้เห็นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้เลเซอร์สลายไขมันใช้เวลาเพียงไม่นานในการทำการรักษา และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที โดยที่ไม่จำเป็นที่จะต้องทำการพักฟื้นแต่อย่างใด ทำให้เลเซอร์สลายไขมัน ราคาอาจจะสูงสักหน่อยในการทำต่อครั้ง แต่ก็ให้ผลลัพธ์ที่ถือว่ายอดเยี่ยมในการกำจัดไขมัน โดยไม่มีอาการยาดเจ็บข้างเคียงจากการรักษาเลยทีเดียว
บริเวณที่นิยมรักษาโดยใช้เลเซอร์สลายไขมัน
 1.ไขมันบริเวณคาง แก้ปัญหาคาง 2 ชั้น
2.บริเวณท้องแขนทั้ง 2 ข้าง
 3.บริเวณสะโพก ทั้ง 2 ข้าง
 4.บรเวณหน้าท้อง
 5.บริเวณขาด้านนอก ทั้ง 2 ข้าง
   6.บริเวณขาด้านใน ทั้ง 2 ข้าง
7.บริเวณน่อง ทั้ง 2 ข้าง
 8.บริเวณแก้ม ทั้ง 2 ข้าง และยังสามารถช่วยปรับเปลี่ยนรูปหน้าให้เป็น V-Shape ได้อีกด้วย

เลเซอร์สลายไขมัน ราคาที่ต้องจ่ายโดยรวมนั้น มากน้อยแค่ไหน?
 ถ้าหากทำการเปรียเทียบเลเซอร์สลายไขมัน ราคาอาจจะค่อนข้างสูงจนน่าตกใจเลยทีเดียว แต่มีข้อดีคือ สามารถเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการรักษาได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ สำหรับราคาในการใช้เลเซอร์สลายไขมันนั้น จะแพงมากน้อยเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับว่าทำการรักษาในบริเวณใด ซึ่งสถาบัน และโรงพยาบาลที่เปิดให้บริการเลเซอร์สลายไขเอง ก็มีราคาคอร์สที่แตกต่างกันออกไป ดังตัวอย่างอัตราค่าบริการที่ได้ทำการเก็บรวบรวมมาเป็นตัวอย่าง ดังต่อไปนี้
 1.ราชเทวีคลินิก มีการใช้เทคโนโลยี Laser Lipolysis เลเซอร์สลายไขมันเฉพาะส่วน ค่าใช้จ่ายในการสลายไขมันครั้งละ 30,000 – 40,000 บาท ขึ้นอยู่กับพื้นที่ และปริมาณที่ทำ
2.นิติพลคลินิก ครั้งละ 2,400 บาท ซึ่งจำเป็นจะต้องเข้ารับการบริการต่อเนื่องประมาณ 3-4 ครั้ง ขึ้นอยู่กับขนาด หรือซื้อเป็นคอร์ส SuperSlim รารา 19,200 บาท
 สำหรับเลเซอร์สลายไขมัน ราคาตามโรงพยาบาลใหญ่ๆทั่วไปจะอยู่ที่ปะมาณ 40,000 บาท ในการสลายไขมันหน้าท้อง และบริเวณอื่นๆ ประมาณ 30,000 บาท
 อย่างไรก็ตาม การสลายไขมันด้วยเลเซอร์สลายไขมันนั้น การรักษาของแต่ละคนจะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ จึงควรที่จะเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง เพื่อให้ผลลัพธ์ในการทำเลเซอร์สลายไขมันนั้นมีประสิทธิภาพที่ดี และเหมาะสมกับตัวคุณมากที่สุด

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

หุ่นดีทําไง รวมสุดยอดเคล็ดลับหุ่นดีแบบดารา

         สมัยนี้ใครๆก็อยากหุ่นดีแบบดารา เพราะมันคือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าคุณเป็นคนรักและเอาใจใส่สุขภาพ ที่สำคัญเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งในการใช้ดึงดูดเพศตรงข้ามได้อย่างอยู่หมัด แล้ววิธีการทำให้ตัวเองหุ่นดีทำไง คำตอบของคำถามนี้มีมากมายสารพัด ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมอาหาร ใช้ยาลดความอ้วน เข้าคลินิคดูดไขมัน ออกกำลังกายเผาผลาญแคลอรี่ บริหารลดไขมันเฉพาะจุด ฯลฯ ซึ่งแต่ละวิธีก็ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป อยู่ที่ว่าคุณพอใจจะใช้วิธีการไหน

         อย่างไรก็ตาม หากพูดถึงคนรักสุขภาพโดยแท้ การลดความอ้วนให้ได้หุ่นดีแบบดารานั้น จะไม่ใช่การทรมานด้วยวิธีลดหุ่นที่เจ็บตัว หรือทำร้ายตัวเอง แต่ต้องเป็นวิธีที่ทำให้รูปร่างเพรียวดูดีแบบไม่เจ็บตัวพร้อมๆกับการดูแลสุขภาพ ดังนั้น หุ่นดีทำไง ตัวเลือกที่ว่าใช้ยาลดความอ้วน ดูดไขมัน จึงถูกตัดออก

เคล็ดลับลดหุ่นแบบดารา
         สำหรับคนที่รักสุขภาพ และอยากได้หุ่นดีแบบดารา วันนี้เราขอนำเสนอสุดยอดเคล็ดลับกระชับหุ่นให้ฟิตแอนด์เฟิร์ม โดยเป็นวิธีการแบบธรรมชาติ ได้ผลดีและไม่มีผลข้างเคียงใดๆ
         1.กินปลาลดหุ่น หุ่นดีทำไง วิธีนี้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่แสนง่ายและได้ผลลัพธ์ที่ดี โดยปลาเป็นแหล่งอาหารของโปรตีนที่ดีกว่าเนื้อสัตว์อื่นๆอย่างเนื้อไก่ เนื้อหมู และเนื้อวัว เนื่องจากปลามีโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นไขมันชนิดดีที่จำเป็นต่อร่างกาย ทั้งยังมีน้ำมันที่จะช่วยในการป้องกันโรค ได้แก่ โรคมะเร็ง โรคหัวใจ และลดไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ที่สำคัญการรับประทานปลาจะช่วยให้การลดน้ำหนักของเราสัมฤทธิ์ผลมากขึ้น เพราะมีไขมันไม่ดีที่ไปสะสมในร่างกายน้อยกว่าเนื้อสัตว์อื่นๆ โดยปลาที่แนะนำให้บริโภคคือ ปลาทูน่า ปลาแซลมอน และปลาซาร์ดีน จากการศึกษาพบว่าปลาเหล่านี้ช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี เนื่องด้วยจำนวนแคลอรี่ที่มีอยู่น้อยนั่นเอง

         ดังนั้น หากในชีวิตประจำวัน เราเปลี่ยนจากเนื้อสัตว์อื่นๆมาเป็นเมนูอาหารจานปลาแทน จะช่วยลดความอ้วนได้ ซึ่งเรายังได้ประโยชน์จากเนื้อปลาที่มีไขมันไม่อิ่มตัว ส่งผลดีต่อหัวใจ และโปรตีนในปลาจะช่วยให้เรารับประทานอาหารได้น้อยลง เนื่องจากโปรตีนช่วยควบคุมความอยากอาหาร
         2.กินกล้วยน้ำว้าสุก เนื่องจากผลไม้ชนิดนี้มีเส้นใยเป็นจำนวนมาก หลังจากรับประทานกล้วยน้ำว้าสุก (แต่ไม่ใช้งอมจนเละ) แล้วจะรู้สึกอิ่มท้อง รับประทานได้ที่น้อยลง กล้วยน้ำว้าที่สุกกำลังดีจะมีน้ำตาลน้อย หากรับประทานทุกมื้อตามด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำส้มคั้น เมื่อผ่านไปปประมาณ 2-3 วัน รับรองว่าน้ำหนักของเราจะเริ่มลดลงมาอย่างต่อเนื่อง
         สำหรับคนรักสุขภาพที่สงสัยว่าหุ่นดีทำไง กล้วยน้ำว้าถือว่าตอบโจทย์มาก เพราะให้พลังงาน 100 แคลลอรี่ มีน้ำตาลธรรมชาติ อยู่ 3 ชนิด คือ ซูโครส ฟรุคโทส และกลูโครส รวมถึงมีเส้นใยและกากอาหาร นอกจากนั้นยังอุดมไปด้วยวิตามินบี 6 ช่วยกระตุ้นระบบภูมิต้านทาน วิตามินบี1 บี2 และไนอะซีน ทั้งยังมีแร่ธาตุอย่างแมกนีเซียมและโพแทสเซียม มีประโยชน์ต่อร่างกาย
         3.บริหารลดไขมัน ถ้าอยากได้หุ่นดีแบบดารา จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฝึกท่าบริหารลดไขมัน เพราะจะช่วยให้สัดส่วนต่างๆแลดูกระชับขึ้น ทำให้รูปร่างของเราดูเป๊ะเว่อร์แบบที่ใครเห็นเป็นต้องเหลียวมอง ซึ่งท่าบริหารลดไขมัน ส่วนใหญ่จะเป็นการลดเฉพาะจุด ได้แก่ ท่ายืนเตะขาออกด้านข้าง ให้แยกเท้าให้กว้างออกจากกันเล็กน้อย และนำมือทั้งสองข้างมาจับไว้ที่สะโพก จากนั้นค่อยๆเตะขาขวาไปด้านข้าง ให้สูงระดับสะโพกให้ขนานกับพื้น แล้วค้างไว้ นับ 3 ในใจแล้วค่อยเอาลงท่าเดิม ทำสัก 15 ครั้ง แล้วค่อยสลับมาทำเช่นเดิมกับขาข้างซ้าย เป้าหมายของท่านี้คือ ลดต้นขาด้านใน และสะโพกด้านนอก

         หรือท่าเตะขาสูง ที่จะช่วยกระชับสะโพกและขาด้านใน ซึ่งจะทำให้คุณดูเป็นคนมีขาเรียวสวยน่ามอง โดยยืนให้มั่นคงด้วยขาทั้งสองข้าง มือให้ยกสองไว้บริเวณหน้าอก จากนั้นก้าวเท้าซ้ายออกมาหนึ่งก้าว เกร็งสะโพกและท่อนขาไว้ แล้วเตะขาขวาขึ้นด้านหน้า และค่อยๆปล่อยลงกับพื้นเช่นเดิม ทำ 15 ครั้งจึงสลับข้าง นอกจากนี้ยังท่าบริหารลดไขมันเฉพาะจุดอีกมากมายที่ทำให้หุ่นของคุณเป๊ะแบบดารา เช่น การฝึกโยคะ เป็นต้น
         กระนั้นก็ดี ถ้าอยากให้ผลลัพธ์ในการฟิตหุ่นของตัวเองออกมาดีที่สุด ควรใช้หลายๆวิธีผนวกกัน โดยการควบคุมอาหาร รับประทานให้ครบ 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสม การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดิน วิ่ง ว่ายน้ำ เล่นกีฬา เป็นต้น รวมทั้งการดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ วันละ 8-10 แก้ว ก็ยิ่งทำให้เราได้รูปร่างดีไปพร้อมๆกับการดูแลสุขภาพ ซึ่งถือเป็นวิธีการที่ดีที่สุด

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เจาะลึก ผงบุกลดน้ำหนัก กับความลับที่คุณไม่เคยรู้

         สำหรับคนที่กำลังมองหาวิธีการลดน้ำหนัก เชื่อว่าคงจะเคยได้ยินวิธีการใช้ผงบุกลดน้ำหนักผ่านหูกันมาอย่างแน่นอน แต่เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมเจ้าผงบุกลดน้ำหนัก จึงได้รับความนิยมนำมาใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักกันอย่างมากมายหลายยี่ห้อเลยทีเดียว ซึ่งหากคุณกำลังมีความสงสัยที่ตรงกันในข้อนี้ สามารถติดตามอ่านข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผงบุกลดน้ำหนักอย่างเจาะลึก ที่บทความชิ้นนี้ได้ทำการรวบรวมเอามาไว้อย่างเจาะลึกในบทความชิ้นนี้กันเลย

ผงบุกลดน้ำหนัก ช่วยลดน้ำหนักได้อย่างไร
 ก๋วยเตี๋ยวเต็มชามที่อุดมไปด้วยเส้น หลายคนเข้าใจผิดว่าการทานเพียงเท่านั้นก็เพียงพอแล้วที่จะช่วยลดน้ำหนัก แต่ในความเป็นจริงแล้วเส้นก๋วยเตี๋ยวล้วนอุดมไปด้วยแป้งจำนวนมหาศาล ซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจที่ช่วยเพิ่มน้ำหนักของคุณให้มากขึ้นไม่น้อยหน้าการทานข้าวเลยทีเดียว ทำให้มีบริษัททางด้านผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักหลายวงการ ไม่ว่าจะเป็นด้านอาหาร หรือด้านอาหารเสริม ต่างพยายามหาสิ่งที่เข้ามาทดแทนปริมาณแป้งในเมนูอาหารประจำวัน อย่าง “หัวบุก” เอเชีย ที่อ้างกันว่า ช่วยลดน้ำหนักด้วยคุณสมบัติที่ช่วยทำให้อิ่มนาน ช่วยควบคุมคอเลสเตอรอล ช่วยเพิ่มการย่อย และสามารถช่วยทำให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งนักวิจัยที่ทำการศึกษาผงบุกลดน้ำหนัก พบว่าเส้นใยอาหารในบุกนั้นมีประโยชน์อย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันก็มีขนาดเส้นใยขนาดใหญ่
 เส้นใยบุก ถูกเรียกว่า glucomannan เป็นสารสกัดจากรากของพืชบุกเอเชีย นิยมนำมาใช้ทำเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยว หรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในรูปแบบของแคปซูล ผสมในเครื่องดื่มอาหาร หรือโรยหน้าอาหารก่อนทำการรับประทาน เส้นใยของบุกสามารถละลายในน้ำได้ ทำให้อาหาร หรือเครื่องดื่มที่บุกเข้าไปผสมนั้นมีลักษณะหนืด และคงค้างอยู่ในลำไส้ ส่งผลให้การย่อยสลายช้าลง ส่งผลให้รู้สึกอิ่มได้อย่างยาวนานมากยิ่งขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้บุกยังมีปริมาณของแคลอลี่ที่ต่ำมากๆอีกด้วย
มหาวิทยาลัยคอเนตที ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับเส้นใยของบุกแล้วพบว่า สามารถช่วยทำให้คอเลสเตอรอลที่ไม่ดีลดน้อยลง ลดระดับน้ำตาลในเลือดให้น้อยลงเหลือในระดับควบคุม และส่งผลอ่อนๆต่อน้ำหนักตัว ผลการศึกษานี้กระตุ้นให้เหล่านักวิจัยต้องการที่จะศึกษาผงบุกลดน้ำหนักในระยะยาว อย่างเช่นที่ Joyce K. Keithley อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยพยาบาลในชิคาโก้ ได้ทำการศึกษาโดยให้ผู้ป่วยทานผงบุก 2 แคปซูล 1 ชั่วโมง ก่อนอาหารแต่ละมื้อ ในระยะเวลา 2 เดือน แล้วพบว่า ผงบุกลดน้ำหนัก มีความสัมพันธ์กับการสูญเสียน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่ได้รับการศึกษาผลที่เกิดขึ้นในระยะยาว

ผงบุกกับประโยชน์อื่นๆต่อร่างกาย
 สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน การรับประทานเส้นใยอาหารโดยทั่วไป แสดงให้เห็นว่าช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ภายใต้การควบคุม แต่มีหลักฐานทางวิชาการที่มากเพียงพอว่า เส้นใยของเส้นบุกดีกว่าเส้นใยอาหารอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากได้ทำการรับประทานจากอาหารตามธรรมชาติ
กล่าวโดยสรุป ผงบุกลดน้ำหนัก มีคุณสมบัติที่ช่วยยืดความรู้สึกอิ่มให้ยาวนานมากขึ้น ด้วยไฟเบอร์ที่ถูกน้ำจนกระทั่งเกิดการขยายตัวขึ้นเป็นอย่างในกระเพาะอาหาร นอกจากนี้บุกยังมีปริมาณแคลอลลี่ที่ต่ำมาก ในขณะเดียวกันผงบุกก็ยังถูกนำมาใช้ช่วยในการปรับปรุงระบบย่อยอาหาร แก้ไขอาการท้องผูก แต่อย่างไรก็ตาม ผงบุกเองก็ใช่ว่าจะมีแต่เพียงข้อดีเสมอไป ในบางครั้งการบริโภคผงบุกสามารถก่อให้เกิดกาซในกระเพาะอาหาร ทำให้รู้สึกไม่สบายท้อง และอาจทำให้เกิดท้องเสียขึ้นได้เป็นบางครั้ง 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ส้มแขก ลดน้ำหนัก ได้ผลจริงหรือ?

         เป็นความจริงที่ยากจะปฏิเสธว่า ยามเมื่อเวลาผู้หญิงบางคนเกิดความเศร้า ความเครียดเครียด ก็มักที่จะมีแนวโน้มนำไปสู่ “ความอยาก” และ “ความหิว” การทานอาหารอย่างขาดสติ ก็มักที่จะจบลงด้วยปริมาณน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น ด้วยเหตุผลดั่งกล่าวทำให้วิธีการลดน้ำหนักแบบเดิมๆที่เรารู้จักกันดีมีอัตราความสำเร็จที่ลดลง มีน้อยคนมากที่สามารถประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักในระยะยาว ด้วยความต้องการลดน้ำหนักอย่างได้ผลที่มากขึ้นกว่าเดิม ทำให้ในปัจจุบันเหล่าอาหารเสริมลดน้ำหนักที่มักมีการโฆษณาว่า สามารถตอบสนองความต้องการดังกล่าวออกมาวางจำหน่ายให้ผู้บริโภคเลือกสรรกันอย่างมากมายหลายสูตร หลายส่วนผสมกันเลยทีเดียว ซึ่งหนึ่งในส่วนผสมที่ได้รับความนิยม และได้รับการกล่าวถึงมากที่สุดในปัจจุบัน ก็คือ สารสกัดจาก ส้มแขก ลดน้ำหนัก ที่จะเป็นหัวข้อวิเคราะห์กันอย่างเจาะลึก ของบทความชิ้นนี้กัน
ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารหลายคนแนะนำตรงกันว่า ส้มแขก ลดน้ำหนักได้ด้วยการลดความอยากอาหาร ซึ่งจะเป็นการช่วยให้คุณสามารถลดน้ำหนักให้น้อยลงได้ โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องใช้ความพยายามมากนัก แต่เพียงแค่คำพูด และคำโฆษณาต่างๆนานา เกี่ยวกับส้มแขก ลดน้ำหนัก ก็คงจะทำให้คนช่างสงสัยหลายๆคนไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินมากนัก ดังนั้นเราไปดูผลวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ที่รองรับเกี่ยวกับผลส้มแขก ลดน้ำหนักไปพร้อมๆกันเลยดีกว่าว่ามีหลักฐานที่น่าเชื่อถืออะไรกันบ้าง?

ส้มแขก คืออะไร?
 ส้มแขก หรือ Garcinia cambogia เป็นผลของพืช มีลักษณะคล้ายกับฟักทองสีเขียวขนาดเล็ก มักถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารของเอเชียแบบดั้งเดิมหลายชนิด เนื่องจากมีรสเปรี้ยว นอกจากในเรื่องของอาหารแล้ว ส้มแขก ยังถุกนำมาใช้ในการบำรุงผิวพรรณ เนื่องจากมีสารธรรมชาติที่เรียกว่ากรดไฮดรอกซี (HCA) และเจ้าสารตัวนี้ยังส่งผลต่อการสูญเสียน้ำหนักได้อีกด้วย

สารสกัดจากผลส้มแขก ลดน้ำหนักได้จริงหรือ?
 จากการศึกษาทั้งในสัตว์ และมนุษย์พบว่า สารสกัดจากผลส้มแขก สามารถช่วยยับยั้งเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ผลิตไขมัน ที่เรียกว่าซิเดรตไอเลส ทำให้ร่างกายเกิดการเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตให้กลายเป็นไขมันได้ยากมากยิ่งขึ้น ซึ่งในการทดลองในหนูเองก็พบว่า การทานส้มแขก ลดน้ำหนักอย่างต่อเนื่องนั้น มีความสัมพันธ์ในการสูญเสียน้ำหนักอย่างมีนัยยะสำคัญ
นอกจากผลการทดสอบส้มแขก ลดน้ำหนักในสัตว์ทดลองแล้ว ยังมีการทดสอบกับมนุษย์เช่นกัน ด้วยการทดลองแบบ randomized controlled ซึ่งเป็นมาตรฐานทองคำของการทดลองทางวิทยาศาสตร์ในมนุษย์ ซึ่งการศึกษาครั้งใหญ่ที่สุดของส้มแขก ลดน้ำหนัก ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารของสมาคมแพทย์อเมริกัน คือ การรวบรวมอาสาสมัครกว่า 135 คน ที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตราฐาน แล้วแบ่งอาสาสมัครเหล่านี้ออกเป็น 2 กลุ่ม
 กลุ่มที่ 1 : กลุ่มที่ได้ทานสารสกัดจากผลส้มแขกจริง โดยทานสารสกัดจากผลส้มแขก จำนวน 1 กรัม 3 ครั้ง ต่อวัน 30 นาที ก่อนอาหาร
 กลุ่มที่ 2 : กลุ่มยาหลอก ให้ทานยาหลอก โดยไม่ได้ทานสารสกัดจากผลส้มแขกจริงๆ

         สำหรับอาสาสมัครทั้ง 2 กลุ่มนี้ จะได้รับอาหารที่มีแคลอลี่ต่ำ และมีเส้นใยอาหารสูงเหมือนๆกัน เป็นเวลานาน 12 สัปดาห์ ผลที่ได้รับปรากฏว่า กลุ่มที่ทานสารสกัดจากผลส้มแขก นำหนักตัวลดลงไปเพียง 3.2 – 7 ปอนด์ ในขณะที่กลุ่มยาหลอกลดลงไปกว่า 4.1 – 9 ปอนด์ เลยทีเดียว จากการทดลอง ทำให้เป็นที่น่าเสียดายว่า สารสกัดจากผลส้มแขกนั้น ส่งผลน้อยต่อปริมาณน้ำหนักตัวที่ลดลงไป อย่างไรก็ตามในวารสารเกี่ยกวับโรคอ้วนปี 2011 จากการทดลองทางคลินิกพบว่า สารสกัดจากผลส้มแขกสามารถเพิ่มอัตราการสูญเสียน้ำหนักได้ประมาณ 0.88 กิโลกรัม หรือประมาณ 2 ปอนด์ โดยเฉลี่ย ในช่วงระยะเวลาหลายสัปดาห์ ซึ่งจากข้อสรุปดังกล่าวทำให้พบว่า สาร HCA สามารถทำให้เกิดการสูญเสียน้ำหนักในระสั้น และมีผลกระทบข้างเคียงต่อร่างกายเพียวเล็กน้อยเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องการที่จะลดน้ำหนักอย่างจริงจัง การออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจที่สุด ส่วนอาหารเสริมลดน้ำหนักอย่างผลส้มแขก ก็อาจจะนำมาใช้เป็นเพียงสิ่งที่ช่วยเสริมให้การลดน้ำหนักของคุณรวดเร็วมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

พริกไทยดํา ลดน้ำหนักได้จริง หรือแค่อิงกระแส ?

         พริกไทยดำ เป็นหนึ่งในเครื่องเทศที่นิยมใช้ในการประกอบอาหารทั้งไทยและเทศ ด้วยรสชาติเผ็ดร้อน จัดจ้านแบบขึ้นจมูก จึงเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวที่ทำให้อาหารที่ใส่พริกไทยดำน่าลิ้มลองมากขึ้น และนอกจากประโยชน์ในการปรุงอาหารแล้ว คุณทราบหรือไม่ว่า มีการพริกไทยดำ ลดน้ำหนักมาตั้งแต่โบร่ำโบราณ โดยเชื่อกันว่าพริกไทยดำจะช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินของร่างกายออกมาได้ และเพื่อความกระจ่างชัดในข้อนี้เรามาดูกันว่าเครื่องเทศอย่างพริกไทยดำ ลดน้ำหนักได้จริงหรือเป็นแค่ความเชื่อ

 

พริกไทยดำ กับการลดน้ำหนัก
         มีงานวิจัยจากต่างประเทศระบุว่า พริกไทยมีสารที่สามารถช่วยในเรื่องการลดน้ำหนักอยู่ด้วย โดยระบุว่าสารสกัดจากพริกไทยดำจะเข้าไปช่วยดักจับไขมันที่รับประทานเข้าไป และช่วยยับยั้งการสร้างไขมันในร่างกาย
         และมีงานวิจัยจากประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า ในพริกไทยดำนั้นมีสารที่ชื่อว่า ไพเพอรีน (piperine) ซึ่งจะมีจุดเด่นในเรื่องของความฉุนและรสชาติที่เผ็ดร้อน และเจ้าสารนี้เองที่จะส่งผลต่อยีนส์ที่ควบคุมการก่อตัวของเซลล์ไขมันให้ทำงานน้อยลง ทั้งยังทำลายเซลล์ไขมันเก่าที่อยู่ในร่างกายได้อีกด้วย ดังนั้น ผลลัพธ์ที่ได้คือไขมันที่น้อยลงไปพร้อมๆกับผิวหนังส่วนที่หย่อยคล้อยจะกลับมากระชับมากยิ่งขึ้น ซึ่งประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักของพริกไทยสามารถแยกเป็นข้อให้ชัดเจนได้ดังนี้
         1.พริกไทยดำสามารถควบคุมการเกิดใหม่ของเซลล์ไขมัน ไปพร้อมๆกับการทำลายเซลล์ไขมันเก่า ทำให้ผอมลงและมีโอกาสกลับมาอ้วนยากขึ้น
         2.พริกไทยดำจะช่วยให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ระบบการย่อยอาหารนั้นทำงานได้ดี ย่อยอาหารได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถเผาผลาญพลังงานที่ได้จากการรับประทานอาหาร เมื่อพลังงานถูกเผาผลาญจนหมด จึงไม่เกิดการสะสมของไขมันในร่างกาย ทำให้พริกไทยดำ ลดน้ำหนักได้นั่นเอง
         โดยสรุปแล้วคำถามที่ว่า พริกไทยดำ ลดน้ำหนักได้จริงหรือไม่นั้น คำตอบก็คือลดได้จริง หากแต่การใช้พริกไทยดำมากเกินไป อาจทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกัน มาดูกันว่าผลเสียที่ว่านี้มันคืออะไร

 

ผลข้างเคียงของพริกไทยดำ
         การรับประทานพริกไทยดำในปริมาณมากๆต่อเนื่องกัน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด อาจทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง โดย ศ.ดร.วรนันท์ ศุภพิพัฒน์ จากสำนักวิจัยคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า สารก่อมะเร็งในกลุ่มของเอนไนโตรโซไพเพอร์ริดีน (N nitroso piperidine) เกิดจากสาร “อัลคาลอยด์ ไพเพอร์ริน” ในพริกไทยดำทำปฏิกิริยากับกลุ่มไนโตรเจน ควรลดหรืองดการบริโภคพริกไทยดำ อย่างไรก็ตาม การบริโภคตามปกติในแต่ละวันจะได้รับสารนี้น้อยมาก เพราะพริกไทยดำเป็นเพียงตัวชูรส เพิ่มรสชาติ แต่สำหรับผู้ที่ใช้พริกไทยดำเพื่อเสริมความงาม บริโภคครั้งละมาก ๆ เป็นเวลานานติดต่อกัน เป็นการสะสมสารเป็นพิษ มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งสูง
         ดังนั้น ใครที่รับประทานพริกไทยดำ ลดน้ำหนักชนิดแคปซูล โดยรับประทานปริมาณมากๆต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะได้รับสารอัลคาลอยด์ ไพเพอร์รินเข้าสู่ร่างกายจำนวนมาก และเสี่ยงต่อโรคมะเร็งสูง รู้แบบนี้แล้วท่านผู้อ่านก็ควรหลีกเลี่ยง

ควรรับประทานพริกไทยดำอย่างไรให้ได้ประโยชน์
         สำหรับคนที่จะใช้พริกไทยดำ ลดน้ำหนัก ควรรับประทานด้วยวิธีการปรุงอาหารตามปกติในทุกๆมื้อ อาจปรุงพริกไทยดำลงไปมากๆหน่อย เพื่อประโยชน์ในการเผาผลาญพลังงาน และลดไขมันส่วนเกินในร่างกาย สำหรับคนที่ยังรับประทานพริกไทยเป็นอาหารเสริมประเภทแคปซูล ก็ยังสามารถรับประทานได้ แต่แนะนำให้ใช้ก่อนมื้ออาหารประมาณ 10 นาที และเมื่อพบว่าตัวเองเริ่มผอมลงแล้วให้หยุดรับประทานชนิดแคปซูลทันที เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับสารอัลคาลอยด์ ไพเพอร์รินมากเกินไป จนเสี่ยงต่อโรคมะเร็งอย่างที่คุณหมอจากโรงพยาบาลรามาธิบดีได้บอกไว้

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

กินแก้วมังกร ลดน้ำหนัก สวย สุขภาพดีได้ง่ายๆ

         แก้วมังกร หรือ Dragon fruit เป็นผลไม้ที่หาซื้อง่ายตามท้องตลาด มาพร้อมกับรสชาติแสนอร่อย ทั้งยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ มีทั้งวิตามินซี ฟอสฟอรัส โปรตีน และแคลเซียม ซึ่งในปัจจุบันมีผลงานวิจัยมากมายที่ชี้ให้เห็นว่าแก้วมังคกรมีประโยชน์สารพัดต่อมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยให้ระบบการทำงานต่างๆของร่างกายเป็นปกติ ป้องกันโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด เป็นต้น และอีกเหตุผลที่แก้วมังกรกลายเป็นผลไม้ยอดฮิตของสาวๆก็คือ แก้วมังกร ลดน้ำหนักได้


แก้วมังกร ลดน้ำหนักได้อย่างไร

         แก้วมังกรเป็นผลไม้ที่มีกากใยสูง ช่วยบำรุงการทำงานของระบบขับถ่าย และให้พลังงานต่ำ โดยเนื้อแก้วมังกร 100 กรัม จะให้พลังงานเพียง 66 แคลลอรี่เท่านั้น สำหรับเมล็ดสีดำเล็กๆที่เราเห็นในเนื้อแก้วมังกร มีกรดไขมันซึ่งทำหน้าที่ในการขจัดคอเลสเตอรอล หรือไขมันชนิดไม่ดีออกจากร่างกาย และมีส่วนช่วยในการเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดีอีกด้วย จึงถือว่าเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือกำลังควบคุมอาหารเป็นอย่างยิ่ง
         แก้วมังกรที่นิยมจำหน่ายกันทั่วไป มี 2 ชนิดใหญ่ๆคือ ชนิดสีขาวและสีแดง แก้วมังกรชนิดสีแดงจะมีรสออกหวานกว่า ส่วนแก้วมังกรสีขาวจะมีรสหวานอ่อนๆ สำหรับคนที่ชอบรับประทานหวานอาจจะไม่ชอบผลไม้ชนิดนี้เพราะรสชาติจะออกไปทางจืดชืดเสียมากกว่า ทว่าผลไม้ธรรมดาอย่างแก้วมังกร ลดน้ำหนักได้ผลชะงัด เนื่องจากมีกากใย บำรุงการทำงานของระบบขับถ่าย และให้พลังงานต่ำอย่างที่ได้บอกไป ทั้งนี้ การบริโภคแก้วมังกรต้องคำนึงว่าอาหารทุกอย่างสามารถทำให้อ้วนได้หากรับประทานมากเกินพอดี จึงควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ ควบคู่กับการรับประทานอาหารให้หลากหลายครบ 5 หมู่


กินแก้วมังกรมากๆ แล้วจะเป็นมะเร็งหรือไม่

         มีความเชื่อที่ว่าเมล็ดสีดำเล็กๆที่อยู่ในเนื้อของแก้วมังกรนั้นเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง หากใครรับประทานเข้าไปมากๆ จะทำให้สะสมจนเป็นโรคมะเร็ง ผู้คนส่วนหนึ่งที่คิดเช่นนี้จึงไม่กล้ารับประทานแก้วมังกร ทั้งนี้ ความเชื่อดังกล่าวเป็นความเข้าใจที่ผิดถนัด เพราะยังไม่มีการศึกษาใดทั้งสิ้นที่สนับสนุนแนวคิดนี้
         ในทางตรงกันข้ามมีผลการศึกษาพบว่าเจ้าเมล็ดสีดำเล็กๆ ในเนื้อแก้วมังกรนี้แหละที่มีสารกลุ่ม FOS ในปริมาณสูง ให้คุณสมบัติเป็นสาร Prebiotic ซึ่งช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ และมีฤทธิ์ในการดูดซับสารเคมีและสารพิษในร่างกาย นอกจากนี้ เมล็ดสีดำเล็กๆเหล่านี้ยังมีกรดไขมันซึ่งทำหน้าที่ในการขจัดคอเลสเตอรอล หรือไขมันชนิดไม่ดีออกจากร่างกาย
         ยิ่งกว่านั้น ในแก้วมังกรมีวิตามินบี1 บี2 คลอโรฟิลล์ รวมถึงวิตามินซีจำนวนมาก และในเมล็ดของแก้วมังกรอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัว สามารถต่อต้านปฏิกริยาอ๊อกซิเดชั่น นอกจากจะรับประทานแก้วมังกร ลดน้ำหนัก รู้สึกดับร้อน ผ่อนกระหายแล้ว ยังสามารถบำรุงสุขภาพผิวพรรณให้ชุ่มชื่น ดูมีน้ำมีนวลเปล่งปลั่งมากขึ้น แถมยังช่วยกระตุ้นต่อมน้ำนม เรียกได้ว่าใช้เป็นผลไม้ที่เกิดมาเพื่อสุขภาพและความสวยความงามอย่างแท้จริง
         สำหรับผู้ที่ไม่ปลื้มในรสชาติของแก้วมังกร รู้อย่างนี้แล้วก็ควรเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เพราะคุณประโยชน์ที่มีอย่างมากมายในผลไม้นี้ จะช่วยรักษาสุขภาพให้แก่ผู้บริโภคแบบรอบด้าน ทั้งแก้วมังกร ลดน้ำหนัก รักษาหุ่นให้ฟิตแอนด์เฟิร์มอยู่เสมอ เพราะให้แคลลอรี่ต่ำ ขจัดของเสียออกจากร่างกาย ต่อต้านโรคภัยต่างๆ ทั้งยังช่วยให้สุขภาพผิวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ที่สำคัญเป็นผลไม้ที่หารับประทานได้ไม่ยาก ฉะนั้น การรับประทานแก้วมังกรจึงเป็นอีกวิธีในการดูแลสุขภาพ ที่ทำได้แสนง่าย ใครๆก็ทำได้ ไม่จำกัดเพศและวัย หวังว่าทุกคนจะมีรูปร่างที่เพรียวดูดี ผิวเปล่งปลั่ง สุขภาพแข็งแรงกันถ้วนหน้า

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.