อาหารเสริมสายตาสั้น วิตามินบำรุงสายตาที่ดีที่สุด

         หลายคนอาจคิดว่าการที่สายตาสั้นนั้นแสดงว่ามีการเสื่อมของจอประสาทตา ซึ่งจริงๆแล้วอาการสายตาสั้นเกิดจากลูกตามีขนาดความยาวเกินกว่าขนาดโฟกัสของเลนส์แก้วตาและกระจกตา ภาพจากวัตถุในระยะไกลจะตกก่อนถึงจอประสาทตา ทำให้เห็นภาพพร่า มัว มองเห็นไม่ชัดถ้าไม่ใส่แว่นนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตาม คนสายตาสั้นก็ควรได้รับการบำรุงอยู่เสมอ ไม่ต่างจากคนทั่วไป เช่น การรับประทานอาหารเสริมสายตาสั้น หรือวิตามินบำรุงสายตา

 

ผักผลไม้ ที่ช่วยบำรุงสายตา
         1.แครอท เป็นหนึ่งในอาหารบำรุงสายตาที่ดี เพราะมีสารเบต้าแคโรทีนมากที่สุดในบรรดาผักสีส้ม นอกจากนี้มันก็ยังมีวิตามินและแร่ธาตุอื่นอีกหลายชนิด มีผลปฏิกิริยาเคมีของดวงตาต่อแสง นอกจากจากนี้ยังช่วยให้มีผิวพรรณดี สร้างภูมิคุ้มกันโรคต่างๆอีกด้วย
         2.ฟักทอง เป็นอาหารที่มีประโยชน์หลายอย่าง เช่น ช่วยบำรุงสายตา ผิวพรรณ ระบบย่อยอาหาร บำรุงตับไต สร้างเซลล์ใหม่แทนเซลล์เก่าที่ตายไปแล้ว มีสารลูทีนป้องกันการเสื่อมของจุดหรือแสงสีของเรตินา มีวิตามินเอ บำรุงสายตา มีเบตาแคโรทีนซึ่งมีสาร Antioxidant สูงจึงช่วยต้านมะเร็งอีกด้วย
         3.ผักบุ้ง เหมาะสำหรับคนสายตาสั้นเป็นอย่างยิ่ง เพราะช่วยในการมองเห็นให้ชัดเจนขึ้น ไม่ทำให้ปวดตา แสบตา เนื่องจากมีทั้งวิตามินเอและวิตามินซี รวมถึงเบต้าแคโรทีน นอกจากนี้ ผักบุ้งยังมีเกลือแร่ มีธาตุเหล็กที่ช่วยบำรุงเลือดอีกด้วย
         4.ตำลึง เป็นผักที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ มีคุณค่าทางอาหารสูง เป็นอาหารบำรุงสายตาชั้นดี มีเบต้าแคโรทีนเป็นสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ ทำหน้าที่กรองแสงให้กับดวงตา ป้องกันไฟเบอร์ของเลนส์ตาจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการถูกออกซิไดซ์ด้วยแสง ป้องกันการเกิดต้อกระจก

 

“ลูทีน” วิตามินบำรุงสายตาที่ดีที่สุด
         นอกจากผักผลไม้บำรุงสายตาแล้ว วิตามินบำรุงสายตาที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นอาหารเสริมสายตาสั้นที่ดีเยี่ยมนั่นก็คือ “ลูทีน” (Lutein) เป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์สีเหลืองซึ่งมีส่วนอย่างมากในการต่อต้านสารต้านอนุมูลอิสระ โมเลกุลของลูทีนพบในปริมาณสูงในจุดของดวงตา โดยเฉพาะพื้นที่ของเรตินาที่เกี่ยวกับการรับภาพ ซึ่งจะช่วยในการดูดซับแสงสีน้ำเงินในแถบสีการมองเห็นและช่วยปกป้องการทำลายของคลื่นสั้นที่มีต่อเยื่อบุผิวเรตินา จากการศึกษา พบว่า ระดับลูทีน 2.0 – 6.9 มิลลิกรัมต่อวัน จะช่วยป้องกันความเสื่อมของจุดด่างในดวงตาได้ สารลูทีนจะช่วยสร้างสารต้านอนุมูลอิสระในการป้องกันเยื่อแก้วตา (retina)

         ฉะนั้น ลูทีน (Lutein) จึงเป็นอาหารเสริมสายตาสั้นที่ช่วยให้ดวงตาแข็งแรง ป้องกันประสาทตาเสื่อม เสริมสร้างการมองเห็นโดยช่วยป้องกันการเสื่อมของ Macular ที่จุดเล็กๆตรงกลางของที่รับแสงในตา (Retina) อันเป็นส่วนสาคัญของ Main pigment (สี) ในฉากรับแสงของตา ป้องกันไม่ให้แสงอาทิตย์ทำลายเรตินา ป้องกันโรคจุดรับภาพเสื่อม หรือจอประสาทตาเสื่อม AMD (Age – Related Macular Degeneration) ช่วยป้องกันและลดอาการของโรคต้อกระจก (Cataracts) ต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่ทำลายเซลล์ตา ทำให้เซลล์แข็งแรง ช่วยชะลอความเสื่อมของตา และเพิ่มสมรรถภาพในการมองเห็นได้ดีในที่มืดได้ดีขึ้น
         อย่างไรก็ตาม แหล่งอาหารตามธรรมชาติที่พบลูทีนมาก ได้แก่ ดอกดาวเรือง โกจิเบอร์รี่ (เก๋ากี้) และยังพบในกะหล่ำ ผักโขม ถั่วลันเตา ผักกาด ต้นอ่อนกะหล่ำดาว ถั่วพิสตาชิโอ บรอกโคลี ข้าวโพด ไข่ และแครอท แต่นิยมนำมาทำเป็นอาหารเสริมสายตาสั้นมากกว่า เพราะใช้แทนกันได้ ไม่ต้องไปหารับประทานจากแหล่งธรรมชาติซึ่งมีความ

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

นอนดึกตื่นเช้า ต้องกิน วิตามินบีรวม

         การนอนดึกตื่นเช้า เป็นเรื่องธรรมดาที่บรรดาวัยรุ่น วัยเรียน และวัยทำงานต่างก็ประสบพบเจอ เพราะไหนจะเรียน ไหนจะงาน ไหนจะโปรเจ็ค ทำให้ชีวิตในแต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว เวลาในการพักผ่อนจึงถูกลดหย่อนไป แต่คุณเคยสงสัยไหมว่า ทำไมบางคนที่นอนดึกตื่นเช้า แต่หน้าตายังดูสดใส ไม่มีอาการง่วงเหงาหาวนอน ปราศจากขอบตาดำเป็นหมีแพนด้า เพราะอะไรน่ะหรือ? คำตอบคือเพราะเขากินวิตามินบีรวมยังไงล่ะ

 

วิตามินบีรวม คืออะไร
         วิตามินบีรวม เป็นวิตามินที่มีความสำคัญสูงสุด โดยเฉพาะในการช่วยรักษาโรคต่างๆ ตั้งแต่โรคเหน็บชาจนถึงโรคเกี่ยวกับสมอง แต่เป็นหนึ่งในวิตามินชนิดที่ละลายในน้ำได้ จึงไม่สามารถเก็บไว้ในร่างกายของเราได้ โดยมันจะถูกขับออกทางปัสสาวะ แต่ก่อนมันจะถูกขับออกมันได้สร้างประโยชน์ให้เราอย่างมหาศาล เช่น ทำหน้าที่เปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตในร่างกายให้เป็นน้ำตาลกลูโคส ซึ่งร่างกายสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานไปใช้ได้ วิตามินที่เป็นพื้นฐานสำหรับวิตามินบีรวม ได้แก่ วิตามิน บี 1 บี 2 บี 3 บี 6 บี 12 และเสริมด้วยวิตามินบี 5, Biotin, Choline, Inositol, Folic acid และ PABA

 

ประโยชน์จาก วิตามินบีรวม
         วิตามินบี 1 มีหน้าที่ในการเผาผลาญน้ำตาลที่เรารับประทานเข้าไปให้เกิดเป็นพลังงาน จะช่วยป้องการการเกิดโรคโลหิตจาง และโรคเหน็บชา ถ้าร่างการขาดวิตามินบี 1 จะทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ชาตามนิ้วมือนิ้วเท้าและเกิดผลเสียต่อกล้ามเนื้อหัวใจจากการคั่งค้างของเสีย
         วิตามินบี 2 มีประโยชน์มากในเด็กที่กำลังเจริญเติบโต ป้องกันการเกิดแผลในปากและโรคปากนกกระจอก ป้องกันการเกิดโรคไมเกรน ช่วยทำให้ ผิวหนัง เล็บ เส้นผมมีสุขภาพ และลดการเกิดมะเร็งหลอดอาหารอีกด้วย
         วิตามินบี 3 มีหน้าที่ในการเผาผลาญอาหาร ทำให้เกิดพลังและการสร้างไขมันในร่างกาย ช่วยทำลายสารพิษจากมลพิษ ควันบุหรี่ รักษาอาการเครียดและช่วยในการไหลเวียนของเลือด
         วิตามินบี 5 มีความจำเป็นต่อการทำงานของสมอง บรรเทาอาการข้ออักเสบ ช่วยในการนอนหลับให้ดีขึ้น และควบคุมสมดุลเกลือแร่ในร่างกาย
         วิตามินบี 6 จำเป็นต่อการทำงานของสมองและระบบประสาท และมีหน้าที่สำคัญในการเผาผลาญโปรตีนในรายกาย ช่วยปรับสภาพผิวหนังให้เป็นปกติ
         วิตามินบี 12 มีความจำเป็นในการสร้างเม็ดเลือด การทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง และระบบทางเดินอาหาร ป้องกันอาการอ่อนเพลียจากโรคโลหิตจาง

         ไบโอติน (Biotin) มีส่วนสำคัญต่อการเผาผลาญไขมันและโปรตีน วิตามินนี้ดีต่อต่อร่างกายคือ ช่วยป้องกันผมหงอก บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการผื่นผิวหนังอักเสบ ผื่นคัน ช่วยปัองกันและรักษาเล็บแห้งเปราะ
         โคลีน (Choline) เป็นหนึ่งในสารช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญไขมันในร่างกาย ช่วยในการกระจายตัวของคอเลสเตอรอล ไม่ให้คอเลสเตอรอลเกาะที่ผนังเส้นเลือดแดงหรือผนังของถุงน้ำดี
         อิโนซิทอล (Inositol) เป็นสารที่ช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญไขมันและคอเลสเตอรอล ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ป้องกันการหลุดร่วงของเส้นผม ช่วยป้องกันผื่นผิวหนังอักเสบ ทำให้รู้สึกสงบ
         กรดโพลิก (Folic acid) มีความสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง ช่วยในกระบวนการเผาผลาญของโปรตีน มีความจำเป็นต่อการการแบ่งตัวของเซลล์ วิตามินนี้ดีต่อต่อร่างกายคือ ช่วยในการสร้างน้ำนมของมารดาหลังคลอด ป้องกันการพิการแต่กำเนิดในทารก ช่วยให้ผิวพรรณแลดูสุขภาพดี ช่วยให้เจริญอาหาร หากกำลังอ่อนเพลีย ช่วยรักษาภาวะซีดหรือโหลิตจาง

         พาบา (PABA) หรือ กรดพารา-อะมิโนเบนโซอิก (Para-Aminobenoic acid) ช่วยในการสร้างกรดโฟลิก และมีส่วนสำคัญในการใช้โปรตีนของร่างกาย ช่วยในการดูด ช่วยให้ผิวแลดูมีสุขภาพดีและเนียนนุ่ม ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย ช่วยฟื้นคืนสีผมตามธรรมชาติให้กับเส้นผม และช่วยลดความเจ็บปวดจากแผลไหม้
         ด้วยคุณประโยชน์จากวิตามินบีรวมที่มีส่วนช่วยในเรื่องระบบประสาท ช่วยลดอาการอ่อนเพลีย ช่วยให้สมองผ่อนคลาย และทำให้ประสาทตื่นตัว แถมยังช่วยให้การดูดซึมอาหารดีขึ้น ช่วงไหนที่มีอาการง่วงๆ มึนๆ ร่างกายจึงมีการตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมบางคนที่นอนดึกตื่นเช้าจึงไม่มีอาการอ่อนเพลียให้เห็นนั่นเอง ซึ่งจะเห็นว่าวิตามินบีรวมมีประโยชน์มากมาย รู้แบบนี้อย่าลืมไปหามารับประทานโดยด่วน โดยเฉพาะบรรดามนุษย์ค้างคาว ชอบนอนดึกตื่นเช้า

 

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ครีมทาฝ้ายี่ห้อไหนดี ที่ใช้แล้วเห็นผลรวดเร็ว

         “ฝ้า” เป็นปัญหาผิวอย่างหนึ่งที่มักเจอกันมาก โดยเฉพาะคนที่โดนแสงแดดบ่อยๆ ซึ่งมักจะเป็นฝ้าที่บริเวณโหนกแก้ม สันจมูก และหน้าผาก ทำให้บดบังผิวที่ดี แลเป็นคนมีผิวหน้าแห้งกร้าน ไม่มีชีวิตชีวา บั่นทอนความมั่นอกมั่นใจของเราไปได้มาก แต่อย่าได้กังวลไป เพราะวันนี้เราจะมาบอกคุณว่าครีมทาฝ้ายี่ห้อไหนดี ใช้แล้วเห็นผลรวดเร็ว แต่ก่อนอื่นมาดูกันว่า ฝ้าเกิดจากอะไร

 

ฝ้า เกิดจาก
         1.แสงแดด เป็นปัจจัยอันดับแรกที่ทำให้เกิดฝ้า โดยแสงอัลตราไวโอเลตทั้งเอและบี รวมทั้งแสง visible light เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดฝ้า หรือทำให้เป็นฝ้าได้มากขึ้น แสงอัลตราไวโอเลต จะมีมากในช่วงเวลา 10.00-14.00 น. แสงแดดในช่วงนี้มีผลทำให้ผิวหนังเกิดการไหม้เกรียมและเกิดฝ้าได้ จึงควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดในช่วงเวลาดังกล่าว
         2.ฮอร์โมน ด้วยอิทธิพลของฮอร์โมน จะทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย เช่น การตั้งครรภ์ วัยหมดประจำเดือน หรือได้รับฮอร์โมนจากภายนอกร่างกาย เช่น รับประทานยาคุมกำเนิด การใช้เครื่องสำอางบางชนิดที่มีฮอร์โมนผสมอยู่ จึงมักพบผู้ที่เป็นฝ้าขณะตั้งครรภ์ หรือรับประทานยาคุมกำเนิดได้บ่อย
         3.ยา พบว่าผู้ที่รับประทานยากันชักบางชนิด มักเกิดผื่นดำคล้ายรอยฝ้าที่บริเวณใบหน้า จึงเชื่อว่ายานี้น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับการเกิดฝ้า
         4.เครื่องสำอาง การแพ้ส่วนผสมในเครื่องสำอางอาจทำให้เกิดรอยดำแบบฝ้าได้ ส่วนผสมเหล่านี้อาจเป็นพวกสารให้กลิ่นหอมหรือสีก็ได้
         5.พันธุกรรม เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากมีรายงานว่าเป็นในครอบครัวได้ถึง ร้อยละ30-50
         6.ภาวะทุพโภชนาการ อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากพบผื่นแบบฝ้าในผู้ที่มีหน้าที่การทำงานของตับผิดปกติ และผู้ที่ขาดวิตามินบี12

 

ครีมทาฝ้ายี่ห้อไหนดี
         มากันที่ครีมทาฝ้ายี่ห้อไหนดี ที่ใช้แล้วเห็นผลรวดเร็วทันใจ สามารถจัดการฝ้าให้จางลงจนหายไปในระยะเวลาอันสั้น วันนี้เราขอแนะนำ ตัวที่หากได้ใช้คุณจะไม่ผิดหวัง เนื่องจากมีส่วนผสมที่ดี มีคุณภาพ เข้าฟื้นฟูผิวเพื่อรักษาฝ้าได้อย่างล้ำลึก แถมยังแก้ปัญหาอื่นๆไปพร้อมๆกันด้วย เช่น แก้รอยตีนกา กระชับรูขุมขน ได้หน้าสวยเนียนใสอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นต้น         
       
         ฉะนั้นแล้ว หากคุณกำลังสงสยว่าครีมทาฝ้ายี่ห้อไหนดี ที่ใช้แล้วเห็นผลรวดเร็ว แก้ปัญหาผิวต่างๆได้อย่างล้ำลึก ฟื้นฟูสภาพผิวให้กลับมาสุขภาพดีขึ้นอีกครั้ง คำตอบที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน

ที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เลิกบุหรี่ได้ด้วยยาโควเมม

         เชื่อเหลือเกินว่าเราทุกคนต่างก็รับรู้ถึงพิษภัยของบุหรี่ ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวผู้สูบบุหรี่เอง แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใด จะเพราะความเท่ห์หรือเพราะอาการติดสารนิโคตินอย่างงอมแงม ก็พึงทราบเถิดว่าไม่ใช่แค่ตัวคุณเองเท่านั้นที่ได้รับผลเสียจากการสูบบุหรี่ แต่ยังหมายรวมถึงบุคคลรอบข้างที่ได้รับควันบุหรี่ด้วย
         ที่เกริ่นมาแบบนี้ บางคนอาจคิดว่าเป็นการตอกย้ำซ้ำเติมผู้สูบบุหรี่ แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ วัตถุประสงค์ของบทความนี้ก็เพื่อให้คนที่อยากเลิกบุหรี่ได้เตือนสติตัวเอง และกำลังใจให้ผู้ที่กำลังเลิกบุหรี่ ซึ่งทราบกันดีว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่มันก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถ อย่างไรก็ตาม บทความนี้ได้นำข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการเลิกบุหรี่มาฝาก โดยหวังเพียงว่าวิธีนี้จะเป็นตัวช่วยให้การเลิกบุหรี่ของคุณเป็นสิ่งที่ง่ายดายมากขึ้น

 

การเลิกบุหรี่ ด้วยยาเลิกบุหรี่ โควเมม
         โควเมม (Quomem) เป็นยาเลิกบุหรี่ ที่ประกอบด้วยตัวยา  Bupropion HCl 150 มิลลิกรัมต่อเม็ด ยานี้เป็นยาที่ออกฤทธิ์เนิ่น หรือตัวยาจะค่อยๆปลดปล่อยออกมาอย่างช้าๆ โดยตัวยา Bupropion HCl จะออกฤทธิ์ ในการดึงกลับของสารสื่อประสาท ซึ่งได้แก่ สารโดปามีน สารเซอราโทมีน และนอร์เอปิเนฟรินได้ สำหรับผู้ติดบุหรี่จะเกิดจากนิโคติน ที่จะไปกระตุ้นให้ร่างกายให้สร้างสารโดปามีน ซึ่งสารดังกล่าวทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และมีความสุข ที่เรียกกันว่า “ฟิน” นั่นเอง
         ด้วยหลักการทำงานของยาเลิกบุหรี่ โควเมม จึงทำให้คุณรู้สึกอยากสูบบุหรี่ได้น้อยลง มีส่วนช่วยเป็นอย่างมากในการเลิกบุหรี่ให้สัมฤทธิ์ผล เนื่องจากเหตุผลส่วนใหญ่ที่ทำให้การเลิกบุหรี่ไปไม่ถึงฝั่ง ก็เพราะเจ้านิโคตินที่เป็นสารชนิดหนึ่งที่ทำให้คุณเสพติด


หลักการใช้ยาเลิกบุหรี่ โควเมม

         การเริ่มยาตั้งแต่วันที่ 1-3 ให้รับประทานวันละ 1 เม็ด ตอนเช้า ถ้าตื่นนอนแล้วรับประทานเลยก็จะยิ่งดี โดยในวันแรกๆนี้ ยังอนุญาตให้สูบบุหรี่ได้ตามต้องการ ยังไม่ควรหยุดแบบหักดิบ เพราะจะทำให้ร่างกายปรับไม่ทัน อาจเกิดความอยากสูบบุหรี่จนทนไม่ไหว พอย่างเข้าวันที่ 4-7 ของการรับประทานยาเลิกบุหรี่ ให้รับประทานวันละ 2 เม็ด คือ 1 เม็ด ตอนตื่นนอน และตอนเย็น ระหว่างนี้ยังอนุญาตให้สูบบุหรี่ได้ (แต่ส่วนใหญ่ความต้องการสูบบุหรี่จะเริ่มลดน้อยลง)
         หลังจากวันที่ 8 เป็นต้นไป ให้รับประทานยาวันละ 2 เม็ดเช่นเดิม คือ 1 เม็ด ตอนตื่นนอน และเย็น แต่พอถึงวันนี้ ต้องงดการสูบบุหรี่อีกต่อไป ซึ่งร่างกายจะเริ่มปรับตัวได้แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนที่อยากเลิกสูบบุหรี่ กระนั้นก็ตาม ปกติการใช้ยาเลิกสูบบุหรี่ โควเมม ควรใช้ต่อเนื่องไปในเวลา 7-10 สัปดาห์ จนกว่าเจ้าตัว จะรู้สึกว่าสามารถหยุดบุหรี่ได้โดยสิ้นเชิง หรือไม่รู้สึกอยากกลับมาสูบอีก

 

ข้อห้ามใช้ของยาเลิกบุหรี่ โควเมม
         ห้ามใช้ในคนที่มีประวัติโรคที่เกี่ยวกับการชัก (Seizure) และห้ามใช้ในคนที่ใช้ยาตัวนี้อยู่ก่อน เพราะยาที่มีขนาดเกินกำหนดจะทำให้เกิดการชักได้ (ไม่ควรกินเกิน 150 mg หรือ 1 เม็ดเช้า เย็น (คือ 300 mg) โดยแต่ละครั้งต้องห่างกันอย่างน้อย 8 ชั่วโมง) นอกจากนี้ คนไข้ Bulimia และ Anorexia nervosa (มีโอกาสชักได้ง่ายกว่าคนทั่วไป) รวมถึงคนไข้ที่ได้รับยา กลุ่ม MAOI ก็ควรงดเว้นยาเลิกบุหรี่ โควเมม
         สำหรับอาการข้างเคียงของยานี้ที่พบบ่อย หลังจากใช้ยาเลิกบุหรี่ โควเมม อาจมีอาการวิงเวียนศีรษะบ้าง จนทำให้นอนไม่หลับ หลับไม่สนิท และมีอากรปากแห้งในบางราย แต่ไม่ว่าจะอย่างไร หากคุณมีความตั้งใจจริง ผนวกกับความอดทนที่มากพอ รับรองว่าการเลิกสูบบุหรี่จะสำเร็จลุล่วงไปอย่างง่ายดาย

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

อาหารเสริม บำรุงสายตา ดีจนต้องบอกต่อ กินแล้ว สายตาดี

         ดวงตาคงไม่ใช่เพียงแค่หน้าต่างของหัวใจเท่านั้น แต่มันคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ลองคิดเล่นๆว่าวันใดวันหนึ่งเราตื่นขึ้นมาพร้อมกับการสูญเสียดวงตาไป ต่อให้โลกสวยงามสักแค่ไหน ก็คงไม่ต่างอะไรจากการตกนรกทั้งเป็น ดังนั้น ดวงตาทั้งสองข้างจึงมีความสำคัญกับเรามาก และแน่นอนว่าคุณไม่ควรปล่อยปละละเลยในการบำรุงสายตา เพราะเมื่อแก่ตัว ดวงตาคู่สวยก็ถึงคราวต้องฝ้าฟาง หรือสุขภาพตาจะค่อยๆเสื่อมลงเป็นอนิจจัง
         วิธีการบำรุงสายตาให้อยู่กับเราไปนานๆ มีหลากหลายวิธี เช่น การไม่จ้องคอมนานๆ การกลอกตาไปมาเพื่อบริหารดวงตา การนอนพักผ่อนอย่างเพียงพอ และอีกวิธีที่มีประสิทธิภาพอย่างมากในการบำรุงสายตานั่นก็คือ การรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อดวงตา โดยวันนี้เราได้นำข้อมูลเกี่ยวกับอาหารเสริมบำรุงสายตา มาให้ท่านผู้อ่านได้ทราบกัน


อาหารเสริม บำรุงสายตา กินแล้วสายตาดี

         อาหารเสริมบำรุงสุขภาพต่างๆที่จำหน่ายกันตามท้องตลาด จะมีให้คุณเลือกตามต้องการ เช่น หากอยากผิวสวยสุขภาพดีก็ต้องรับประทานวิตามินซีเสริม อยากบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรงก็ต้องเสริมแคลเซียมและวิตามินดี แต่สำหรับเรื่องของการบำรุงสายตา ควรรับประทานเสริมด้วยสารอาหารดังนี้
         1.แอสต้าแทนซิน ช่วยป้องกันและฟื้นฟูจอประสาทตาที่เสื่อม ซึ่งพบมากในผู้สูงอายุและผู้ป่วยเบาหวาน ซึ่งจอประสาทตาจะเป็นจุดรับภาพของลูกตา โดยสารตัวนี้มีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยม ช่วยยับยั้งการสะสมของกรดในดวงตาอันเป็นสาเหตุให้ดวงตาอ่อนล้า และช่วยป้องกันดวงตาจากรังสีอัลตร้าไวโอเลต นอกจากนี้ยังบำรุงสุขภาพให้แข็งแร้ง ห่างไกลโรคมะเร็งอีกด้วย
         2.ลูทีน เป็นวิตามินบำรุงสายตาที่ทำหน้าที่ช่วยในการป้องกันรังสีจากแสงแดด ช่วยกรองแสงสีน้ำเงินที่เป็นอันตรายต่อดวงตา ปกป้องเซลล์ชองกระจกตา ด้วยการต่อต้านอนุมูลอิสระที่เข้ามาทำร้ายดวงตา ซึ่งลูทีนเป็นวิตามินบำรุงสายตาที่จำเป็นต้องได้รับผ่านทางการทานอาหาร เช่น คะน้า ผักกาด ปวยเล้ง เป็นต้น แต่ทั้งนี้ สามารถรับประทานในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแทนได้
         3.วิตามินเอ คือวิตามินบำรุงสายตาที่ช่วยในการมองเห็นในที่มืด ป้องกันโรคตาบอดกลางคืน และยังช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ บำรุงดวงตา ป้องกันโรคทางดวงตาหลายชนิด เช่น ต้อกระจก รวมไปถึงการสร้างความชุ่มชื้นให้กับผิวเยื่อเมือกในตาอีกด้วย

         4.สังกะสี หรือ sinc เป็นวิตามินบำรุงสายตาที่ช่วยรักษาปริมาณของวิตามินเอในกระแสเลือดเอาไว้ให้ปกติ พร้อมส่งวิตามินเอไปยังดวงตาในปริมาณที่พอเหมาะ ลดอาการตาบอดกลางคืน และเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ดีอีกตัวหนึ่ง
         5.โอเมก้า 3 ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับเซลล์รับภาพ และการส่งข้อมูลไปยังระบบประสาทการมองเห็นให้เป็นไปได้อย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น และยังช่วยในการพัฒนาการมองเห็นให้ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีประโยชน์อื่นๆต่อสุขภาพมากมาย โอเมก้า 3 จึงเป็นสารอาหารอีกชนิดหนึ่งที่นิยมรับประทานกันเป็นอาหารเสริมบำรุงร่ายกาย บำรุงสายตา

 

     

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

astaxanthin คืออะไร ทำไมถึงโด่งดังในเรื่องผิวสวย

         สมัยนี้หันไปทางไหนก็มีแต่คนรักสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องผิวพรรณที่เป็นตัวบ่งบอกได้ว่าคุณดูแลสุขภาพดีแค่ไหน หากคุณผิวสวยก็จะกลายเป็นคนบุคลิกดี เอาใจใส่ดูแลตัวเอง ในทางตรงกันข้ามหากผิวคุณหมองคล้ำ แห้งกร้าน ตกกระ เต็มไปด้วยจุดด่างดำ ในสายตาชาวบ้าน คงไม่มีใครอยากมอง
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับหัวข้อในบทความนี้ แน่นอนวันนี้เราจะมีพูดถึงสารตัวหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งในวงการสุขภาพไม่มีใครไม่รู้จักสารตัวนี้ มันคือ “astaxanthin” หรือที่เรียกกันติดปากว่า “สาหร่ายแดง” นั่นเอง astaxanthin คืออะไร ทำไมถึงเป็นที่นิยมในวงการสุขภาพ โดยเฉพาะเรื่องการบำรุงผิวสวย เรามาหาคำตอบกัน


astaxanthin คืออะไร

 astaxanthin คือสารในกลุ่มแซนโทรฟิลล์ ตระกูลแคโรทีนอยด์ (Xanthophyll group / Carotenoid family) พบได้ทั่วไปในธรรมชาติ เป็นสารสีแดงที่พบในปลาแซลมอน ไข่ปลาคาเวียร์ เปลือกกุ้งปู และ Microalgae Haematococcus Pluvialis ทั้งนี้ ร่างกายไม่สามารถสร้างสารชนิดนี้ขึ้นเองได้ เราจะได้รับสารชนิดนี้จากอาหารที่รับประทานเข้าไป ในปริมาณที่น้อยมาก เช่น ปลาแซลมอน 200 กรัม จะมี astaxanthin เพียง 1 มิลลิกรัม
อย่างไรก็ตาม astaxanthin คือสารอาหารที่โด่งดังด้วยผลวิจัยทางการแพทย์มากมาย เนื่องด้วยสูตรโครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์ของ astaxanthin ในการปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์ในอวัยวะต่างๆของร่างกาย ซึ่งแตกต่างกับเบต้าแคโรทีน วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่น ที่แค่ช่วยปกป้องแค่ภายในหรือภายนอกของเยื่อหุ้มเซลล์ โดยพบว่า astaxanthin มีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์ได้ทั้งภายในและภายนอก ดังนั้น จึงเหมือนกับว่า astaxanthin สามารถปกป้องเซลล์ได้ครอบคลุมมากกว่า

และที่น่าสนใจคือสาร astaxanthin สามารถสกัดได้จากสาหร่ายที่ชื่อว่า “Haematococcus Pluvialis” หรือสาหร่ายแดง ได้อย่างมหาศาล และมีผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ได้ทำการศึกษาประสิทธิภาพของสารต้านอนุมูลอิสระชนิดต่างๆ พบว่าสาหร่ายแดง astaxanthin มีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระได้มากกว่าวิตามินซี 6,000 เท่า CoQ10 800 เท่า วิตามินอี 550 เท่า Green tea catechins 550 เท่า Alpha lipoic acid 75 เท่า เบต้าแคโรทีน 40 เท่า และสารสกัดจากเมล็ดองุ่นถึง 17 เท่า

 

astaxanthin กับการบำรุงผิวสวย
เนื่องจากประสิทธิภาพในการต่อต้านอนุมูลอิสระของ astaxanthin นั่นเอง ที่ทำให้มีการนำสารตัวนี้มาใส่ในอาหารเสริม เพราะประโยชน์จาก astaxanthin คือช่วยในเรื่องของการป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิวอันเนื่องมาจากการถูกทำร้ายของอนุมูลอิสระ บำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก ช่วยลดเลือนริ้วรอย คงความยืดหยุ่นและความตึงกระชับของผิว ลดฝ้า จุดด่างดำ ทั้งยังช่วยปกป้องโครงสร้างผิวจากการถูกทำลายโดยแสงแดดและรังสีอัลตราไวโอเลตได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงที่มาของการสาร astaxanthin ขึ้นชื่อเรื่องการฟื้นบำรุงผิวนั่นเอง
ทั้งนี้ทั้งนั้น astaxanthin มิได้มีดีแค่เรื่องผิวพรรณเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยป้องกันการอักเสบเรื้อรังภายในร่างกาย ลดอาการแทรกซ้อนของโรคต่างๆ เพราะมันยังช่วยบำรุงสายตา ทำให้การมองเห็นดีขึ้น บำรุงสมองและระบบประสาท ช่วยผ่อนคลายความเครียด ทำให้มีสมาธิ ความจำดีขึ้น เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ร่างกายแข็งแรง ทนทานต่อการเป็นโรคมากขึ้น ลดอัตราเสี่ยงจากการเกิดมะเร็ง ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่เข้มข้น และเอนไซม์ธรรมชาติ

    
   สำหรับใครที่กำลังมองหาครีม หรือผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง…… เราขอแนะนำผลิตภัณฑ์ชิ้นหนึ่ง ที่มีประสิทธิภาพน่าสนใจ และมีส่วนผสมของ astaxanthin นั่นก็คือ BEST Sea Cream มีคุณสมบัติในการช่วยแก้ไขปัญาหาสารพัดปัญหาด้านผิวพรรณบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นสิว กระ ฝ้า หน้าหลุม อย่างได้ผล โดยมีส่วนผสมจากวัตถุดิบธรรมชาติ ที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมในการบำรุง ฟื้นฟูผิวพรรณ สาหร่ายแดง เมือกปลาดาว แมงกระพรุนและแพลงตอน ซึ่งที่สุดในการบำรุงฟื้นฟูผิวพรรณอย่างอ่อนโยน พร้อมเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนอย่างน่าอัศจรรย์ใน้วลาเพียง 3-14 วัน 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

อาหารเสริม vistra กินแล้ว ขาว ใส สวย ด้วย vistra

         หลายคนคงคุ้นเคยกับอาหารเสริม vistra กันเป็นอย่างดี เพราะไม่ว่าจะเดินไปในร้านค้า ร้านขายยาห้างสรรพสินค้า หรือแม้แต่ร้านสะดวกซื้อ คุณก็จะพบกับอาหารเสริม vistra ได้ไม่ยาก ซึ่งขอบอกเลยว่าอาหารเสริมที่เรากำลังพูดถึงนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่คนรักสวยรักงามทั้งหญิงและชาย เพราะกินแล้ว ทำให้ผิวขาวใส อมชมพระเรื่อ สวยอย่างเป็นธรรมชาติ แถมอาหารเสริม vistra ยังมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลากหลายผลิตภัณฑ์ ที่กำลังฮอตฮิตในตอนนี้ก็อย่างเช่น Marine Collagen Tripeptide และ Vistra Astaxanthin


อาหารเสริม vistra มีดีอะไร ทำไมกินแล้ว ขาว ใส

         ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า อาหารเสริม vitra เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไว้ใจได้ มีการควบคุมคุณภาพภายใต้หลักเกณฑ์การผลิตมาตรฐานสากล (GMP) เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ พร้อมความปลอดภัย ตรงตามมาตรฐานที่กำหนดไว้และมีความสม่ำเสมอในทุก lot ของการผลิต ตามเกณฑ์และเงื่อนไขของการตรวจสอบคุณภาพ สำหรับการเลือกสรรวัตถุดิบก็เป็นไปอย่างมีคุณภาพ มีการสรรหาวัตถุดิบที่ตรงตามมาตรฐานจากทั่วทุกมุมของโลกอาทิ เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เยอรมัน ฝรั่งเศส สวีเดน นอร์เวย์ และอื่นๆ
         นอกจากเรื่องคุณภาพมาตรฐานแล้ว ทีนี้ก็มาดูกันว่า ทำไมกินอาหารเสริม vistra แล้วจึงขาวอย่างเห็นผล โดยบทความนี้ขอยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ นั่นก็คือ “มารีน คอลลาเจน ไตรเปปไทด์ 1300 แอนด์ โคเอ็นไซม์ คิวเท็น”
         มารีนคอลลาเจน (Marine Collagen) ที่อาหารเสริม vistra เลือกมาเป็นส่วนผสมหลัก เป็นคอลลาเจนที่สกัดจากปลาทะเลน้ำลึกและมีโครงสร้างคล้ายกับคอลลาเจนในร่างกายมนุษย์ มีคุณสมบัติเป็นโปรตีนจึงสามารถเข้าไปเพิ่ม หรือเสริมในส่วนต่างๆของร่างกายที่ต้องการได้ เช่น คอลลาเจนที่ผิว เอ็น กล้ามเนื้อ คอลลาเจนที่ใช้ในมารีนคอลลาเจนเป็นชนิด Collagen hydrolysate (คอลลาเจน ไฮโดรไลเสท) ซึ่งจะมีขนาดโมเลกุลเล็กกว่าคอลลาเจนปกติทั่วไป จึงสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย จะช่วยดูแลผิวพรรณให้สวยกระชับและเต่งตึงอยู่เสมอ ชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว พร้อมให้ความชุ่มชื้น ผิวจึงดูมีน้ำมีนวลและสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

         โดยถ้าหากผิวมีคอลลาเจนที่แข็งแรง จะส่งผลให้ผิวเปล่งปลั่ง เนียนใสได้ คอลลาเจนจึงเป็นหัวใจสำคัญที่คงความยืดหยุ่น และช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นไว้ ไม่ให้สูญเสียไปกับสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด ลม ฝน และมลภาวะต่างๆ
         กระนั้นก็ตาม นอกเหนื่อจากมารีนคอลลาเจนแล้ว ในอาหารเสริม Vistra จะมีสารอาหารที่ประสานกับส่วนผสมต่างๆ ที่ให้คุณค่าต่อสุขภาพผิว ส่งเสริมให้ผิวขาว กระจ่างใสเป็นธรรมชาติ โดยมีการทำงานร่วมกันของสารอาหาร เช่น วิตามินซี มีคุณสมบัติในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ได้ผิวดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์อยู่เสมอ, โคเอ็นไซม์คิวเท็น สำคัญต่อการทำงานขั้นพื้นฐานของทุกระบบในร่างกาย ช่วยให้ผิวมีสุขภาพที่ดี แลดูเปล่งประกาย และเซราไมด์ สารสกัดจากเมล็ดองุ่น ตัวช่วยที่จำเป็นในการเพิ่มความกระจ่างใส และลดรอยดำ รวมถึงฝ้ากระ

 

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

บำรุงกระดูก ข้อเสื่อม ด้วยสารอาหาร

         ถึงแม้ว่าโรคข้อเสื่อมจะมีความสัมพันธ์กับอายุ โดยจากสถิติจะพบมากในช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป และพบสูงถึงร้อยละ 60 ในกลุ่มที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป แต่กระนั้นก็ดี โรคข้อเสื่อมไม่ได้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงตามวัยหรือจากการสึกหรอตามธรรมชาติเสมอไป เพราะกิจกรรมบางอย่างก็อาจทำให้ข้อเสื่อมก่อนวัยอันควรได้ เช่น การขาดสารอาหารโดยเฉพาะอย่างยิ่งแคลเซียม การออกกำลังกายที่ลงน้ำหนักมากเกินไปเป็นประจำ เป็นต้น

         ทั้งนี้ เนื่องจากโรคข้อเสื่อมเป็นการเปลี่ยนแปลงในเซลล์ และเนื้อกระดูกอ่อนข้อต่ออย่างเป็นขั้นเป็นตอน จนทำให้โครงสร้างและการทำงานของกระดูกอ่อนเสียไป แต่ร่างกายก็มีกระบวนการซ่อมแซมกระดูกอ่อนและปรับแต่งกระดูก การลุกลามของอาการข้อเสื่อมของแต่ละคนจึงแตกต่างกันไป บางรายเกิดการลุกลามอย่างรวดเร็วที่ข้อหนึ่ง แต่ข้ออื่นๆกลับเป็นไปอย่างช้าๆ บางครั้งก็อาจจะดีขึ้นเอง นั่นคือมีการซ่อมแซมให้คืนสภาพเดิมทำให้อาการปวดลดลง
         คำถามคือเราจะทำอย่างไรให้ข้อกระดูกแข็งแรง ไม่ตกอยู่ในภาวะข้อเสื่อมเอาง่ายๆ หรือหากมีเปลี่ยนแปลงของเซลล์และเนื้อกระดูกอ่อนข้อต่อ ก็สามารถซ่อมแซมให้คืนสภาพได้อย่างรวดเร็ว คำตอบของคำถามนี้ก็คือ การเสริมบำรุงจากภายในด้วยสารอาหารนั่นเอง ทีนี้มาดูกันว่าสารอาหารอะไรบ้างที่ช่วยบำรุงกระดูก แก้ข้อเสื่อม

 

สารอาหารบำรุงกระดูก แก้ข้อเสื่อม
         1.แคลเซียม เป็นเกลือแร่ที่มีมากที่สุดในร่างกาย โดยแคลเซียมทั้งหมดในร่างกายร้อยละ 99 อยู่ที่กระดูกและฟัน ซึ่งทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง แคลเซียมอีก 1 เปอร์เซ็นต์ อยู่ในเนื้อเยื่อต่างๆ และของเหลวในร่างกาย ซึ่งมีความจำเป็นต่อกระบวนการเมตาบอลิซึมของเซลล์ การหดตัวของกล้ามเนื้อ และกระตุ้นการส่งผ่านของระบบประสาท
         ในแต่ละวัยร่างกายต้องการแคลเซียมในปริมาณมากน้อยต่างกัน ในวัยผู้ใหญ่ขึ้นไปต้องการแคลเซียมประมาณ 1,000-1,500 มิลลิกรัมต่อวัน แหล่งของแคลเซียมได้จากอาหารหลายประเภท เช่น นม โยเกิร์ต ชีส ปลาตัวเล็กทอด กุ้งแห้ง กะปิ ผักคะน้า ใบยอ ดอกแค เต้าหู้ ถั่วแดง และงาดำ เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้รับจากผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียม แต่ควรได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญก่อน

         2.แมกนีเซียม เป็นเกลือแร่ที่จำเป็นสำหรับทุกๆเซลล์ในร่างกาย รองลงมาจากโพแทสเซียม นักวิทยาศาสตร์พบว่า แมกนีเซียมในร่างกายของมนุษย์ที่มีน้ำหนักตัว 50 กิโลกรัม จะมีแมกนีเซียมประมาณ 14 กรัม หรือคิดเป็นร้อยละ 28 โดยในจำนวนนี้ร้อยละ 60 จะรวมกับแคลเซียมเป็นกระดูก ร้อยละ 39 อยู่ภายในเซลล์ของกล้ามเนื้อและอวัยวะต่างๆ และมีเพียงร้อยละ 1 ที่อยู่ในส่วนที่เป็นน้ำของเลือดหรือซีรัม
         แมกนีเซียมยังช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ จึงกล่าวได้ว่าแมกนีเซียมและแคลเซียมทำงานร่วมกัน แหล่งของแมกนีเซียมพบมากในผักที่มีใบสีเขียวเข้ม และพืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วลันเตา ถั่วฝักยาว พบในข้าวกล้อง หรือข้าวซ้อมมือ
         3.วิตามินดี จัดอยู่ในกลุ่มวิตามินจำพวกละลายในไขมัน ร่างกายได้รับวิตามินดี 2 ทาง คือ จากอาหาร ส่วนใหญ่จะพบในเนื้อสัตว์ ไข่ เห็ด และธัญพืช เป็นต้น โดยการดูดซึมวิตามินดีผ่านทางลำไส้เล็ก อีกทางที่จะได้รับวิตามินดีคือ จากการที่ผิวหนังได้รับแสงแดดอ่อนๆ วิตามินดีเป็นวิตามินที่ร่างกายต้องการเพื่อรักษาภาวะสมดุลของระดับแคลเซียมในเลือดและในกระดูก โดยมีส่วนช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส

 

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

อาการโรคกระดูกคอเสื่อม และแนวทางการรักษา

         เมื่อตัวเลขของอายุเริ่มสูงขึ้น อะไรๆก็เสื่อมลง ไม่เว้นแม้แต่กระดูกที่เคยแข็งแรงมากในช่วงวัยเจริญเติบโต และเมื่อย่างเข้าวัยกลางคนตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป หมอนรองกระดูกซึ่งเป็นกระดูกอ่อนจะเริ่มมีอาการเปลี่ยนแปลงไปในทางเสื่อมตัว กล่าวคือองค์ประกอบที่เป็นน้ำที่ทำให้เกิดการยืดหยุ่นในตัวของหมอนรองกระดูกคอจะลดลง ทำให้กระดูกคอปล้องที่หมอนรองกระดูกมีการเคลื่อนไหวไปในลักษณะที่ไม่ราบเรียบเป็นปกติ ถ้าเราไม่ระมัดระวังปล่อยให้กระดูกคอเคลื่อนไหวมากเกินขอบเขตก็จะทำให้เกิดการชำรุดของหมอนรองกระดูกคอเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น อายุจึงมีผลอย่างมากที่ทำให้กระดูกคอเสื่อม

 

อาการของโรคกระดูกคอเสื่อม
         อาการแรกเริ่มของกระดูกคอเสื่อมคือ อาการปวดซึ่งเกิดจากกระดูกที่เสื่อมไปกดเบียดระคายเคืองต่อเส้นประสาทเส้นนั้น อาการปวดมักจะปวดร้าวจากบริเวณคอลงไปที่แขน มือ อาจมีอาการชาและอ่อนแรงลงของกล้ามเนื้อในบริเวณแขนด้วย อาการปวดที่เกิดขึ้นมักจะเป็นมากเวลามีการเคลื่อนไหว หันคอ หรือเอี้ยวคอ
         ในรายที่เป็นมากขึ้นอาจพบการกดเบียดไขสันหลังร่วมด้วย อาการที่เกิดขึ้น ได้แก่ อาการเกร็งของกล้ามเนื้อขา การเดินผิดปกติ การควบคุมอุจจาระ ปัสสาวะผิดปกติ และท้องผูกมากขึ้น สำหรับในผู้ป่วยที่เป็นโรคกระดูกคอเสื่อมมานาน จะมีการฝ่อลีบของกล้ามเนื้อแขนได้มาก การเดินจะค่อยๆแย่ลงจนกระทั่งเดินไม่ได้  ซึ่งจะกลายเป็นคนพิการไปในที่สุด


แนวทางการรักษา กระดูกคอเสื่อม

         หากกระดูกเสื่อมในระยะเริ่มต้น จะรักษาด้วยยาและกายภาพบำบัด คือหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวของกระดูกคอมากเกินไป อาจจะต้องให้นอนพักหรือมีการถ่วงดึงคอ ให้ยาลดการอักเสบและแก้ปวด บริหารกล้ามเนื้อคอให้แข็งแรงเพื่อช่วยแบกรับน้ำหนักศีรษะไม่ให้ผ่านกระดูกคอมากเกินไป อาจจะให้ใส่เครื่องพยุงคอ (Cervical collar) เพื่อช่วยเตือนให้คออยู่ในลักษณะปกติ ทั้งนี้ ถ้ากระดูกคอเสื่อมตัวมากแล้ว และมีการกดทับเส้นประสาทหรือประสาทไขสันหลังแล้ว การรักษาทางยาและกายภาพบำบัดจะไม่ได้ผล จะต้องให้การรักษาโดยวิธีผ่าตัด


ชะลอความเสื่อมของหมอนรองกระดูกคอ อย่างไร

         1.ขยับเปลี่ยนอิริยาบถทุกๆชั่วโมง ไม่นั่งก้มทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นานๆ เกินกว่า 1 ชั่วโมง
         2.พยายามออกกำลังเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ บริเวณรอบๆคอ ทั้งท่าก้ม เงย เอียงคอซ้าย – ขวา หมุนคอ โดยใช้วิธีการออกแรงต้าน ซึ่งเรียกการออกกำลังกายแบบนี้ว่า “แบบเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อ” (Isometric exercise)
         3.หากมีอาการปวดคอมากๆ สามารถใส่อุปกรณ์พยุงคอ (Soft collar) บ้างเป็นครั้งคราว โดยทั่วไปไม่แนะนำให้ใส่นานเกิน 1 สัปดาห์ เพราะหากใส่นานเกินกว่าไปจะเกิดภาวะกล้ามเนื้อขี้เกียจได้ เนื่องมาจากกล้ามเนื้อคอไม่มีการขยับ

         4.การทำกายภาพบำบัด เช่น การประคบร้อนบริเวณที่มีกล้ามเนื้อหดเกร็ง การเหยียดกล้ามเนื้อโดยการดึงคออย่างนุ่มนวลโดยนักกายภาพบำบัดที่เชี่ยวชาญ
         5.การออกกำลังกาย เช่น การว่ายน้ำ การทำโยคะ เป็นการช่วยยืดกล้ามเนื้อ และช่วยสร้างสมดุลของคอ การทำงานของกล้ามเนื้อรอบๆ คอและไหล่ และสามารถเพิ่มระดับความทนทานต่อความปวดได้ดีขึ้น
         6.การนอน ควรใช้หมอนนิ่มๆ มีส่วนรองรับกระดูกคอให้อยู่ในลักษณะปกติ ที่สำคัญหมอนจะต้องไม่สูงเกินไป

 

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

กระดูกทับเส้น รักษาอย่างไร จะหายได้จริง

         เราคงเคยได้ยินคำว่า “กระดูกทับเส้น” กันมาพอสมควร เพราะเป็นโรคอย่างหนึ่งที่หลายคนมักเผชิญ ซึ่งเป็นแต่ก่อนกระดูกทับเส้นจะเกิดขึ้นกับคนที่อายุมากๆเสียเป็นส่วนใหญ่ ทว่าในปัจจุบันหนุ่มสาววัยทำงานกลับเป็นมากขึ้นอย่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากมีความเครียดในการทำงาน นั่งหลังขดหลังแข็งอยู่หน้าคอมเป็นเวลานานๆโดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถ ทำให้ร่างกายอ่อนล้า เกิดการเสื่อมสภาพของโครงสร้างกระดูกสันหลัง จนทำให้กระดูกทับเส้นได้ในที่สุด

         กระดูกทับเส้น เรียกเต็มๆว่า “โรคกระดูกทับเส้นประสาท” (Herniated disc) เป็นภาวะที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของโครงสร้างกระดูกสันหลัง โดยขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น รวมถึงการเสื่อมสภาพของร่างกาย การยกของหนัก การสูบบุหรี่ ตลอดจนอุบัติเหตุกระแทกบริเวณกระดูกสันหลังบ่อยๆ ทำให้กระดูกสันหลังเสื่อมเร็วขึ้น ทำให้เกิดการทรุดตัวของโครงสร้างกระดูกตามไปด้วย ร่างกายจะมีการตอบสนองโดยการสร้างกระดูกงอก หรือหินปูนขึ้นมาเพื่อต้านการทรุดตัว เกิดกระดูกสันหลังทับเส้นประสาทและทำให้เกิดอาการปวดร้าวไปตามเส้นประสาทของร่างกาย


กระดูกทับเส้น รักษาอย่างไร

         การรักษาโรคกระดูกทับเส้นประสาท จะรักษาตามอาการและความรุนแรงที่เกิดขึ้น ตั้งแต่การรับประทานยาแก้อักเสบหรือยาคลายกล้ามเนื้อเพื่อบรรเทาอาการปวด การกายภาพบำบัด การฉีดยาสเตียรอยด์เข้าโพรงประสาท การผ่าตัดหมอนรองกระดูกผ่านกล้องเอ็นโดสโคป และการผ่าตัดหมอนรองกระดูกด้วยกล้องจุลทรรศน์ตามลำดับ
         ทั้งนี้ ผู้ป่วยแต่ละรายจะได้รับการวินิจฉัยที่แตกต่างกันออกไป ตามดุลพินิจของแพทย์ บางรายอาจมีอาการแสดงออกได้ทั้งบริเวณหลังและขา คนทั่วไปมักเข้าใจว่ามีเพียงอาการปวดหลังอย่างเดียว แต่ที่จริงแล้วอาการที่ขานั้นสำคัญและจำเพาะเจาะจงกับโรคนี้มากกว่า นั่นแสดงถึงว่าเกิดการรบกวนเส้นประสาทสันหลังที่วิ่งไปเลี้ยงที่ขาแล้ว หมอนรองกระดูกที่เคลื่อนออกมามักทำให้เกิดอาการแบบฉับพลัน เพราะมีการอักเสบที่รุนแรงจนอาจต้องใช้วิธีการผ่าตัดในการรักษา


การเช็คอาการเบื้องต้น ด้วยตัวเอง

         หากเริ่มมีอาการปวดหลัง แต่ยังไม่แน่ใจว่ากำลังเป็นอะไร แค่อาการปวดเมื่อยทั่วไปหรือเป็นกระดูกทับเส้นประสาทกันแน่ ให้ลองเช็คอาการเบื้องต้น ด้วยตัวเองดังนี้
         1.นอนหงาย ราบไปกับพื้นหรือที่นอน ในท่าที่ผ่อนคลาย
         2.ยกขาข้างหนึ่งขึ้น โดยให้หัวเข่าเหยียดตรง ทำมุมตั้งฉากกับพื้น ถ้ามีอาการกระดูกทับเส้นประสาทจะรู้สึกปวดตึงที่ขา
         3.กระดกปลายเท้ามาด้านหน้า หากรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น ยิ่งชัดเจนว่ากำลังมีอาการกระดูกทับเส้น ให้ไปพบแพทย์ทันที
นอกจากนี้ อาจมีอาการปวดชาตามขาข้างใดข้างหนึ่ง และมีอาการขาอ่อนแรงร่วมด้วย ถ้าสังเกตพบความผิดปกติเบื้องต้น ต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยด่วน

 

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.